ฉบับที่ 219 ปักษ์หลัง 16-30 พฤศจิกายน 2546

[01] บทนำข่าวอโศก บุญนิยมจริงหรือ
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๘)"
[03]โรงบุญมังสวิรัติ ๕ ธันวาฯ
[04] ผวจ.นครสวรรค์ไปศาลีอโศก มอบใบประกาศฯ คนดีศรีสังคม
[05] กสิกรรมธรรมชาติ ปลูกผักอนามัย ผลิตเอง ขายเอง
[06] สกู๊ปพิเศษ: ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมเพราะงานเยอะ... มาก เป็นความจริงหรือ
[07] เวิร์คชอปสุขภาพบุญนิยม จัดระเบียบความสมดุลของชีวิต
[08] ศูนย์สุขภาพ: อาการที่บ่งบอกว่าคุณเป็นโรคไต?
[09] เปิดค่ายพุทธเวช ที่ จ.เชียงราย
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] นร.สัมมาสิกขาสันติอโศก รับทุนการศึกษา
[12] น้ำมันพืชใช้แล้วมีประโยชน์ เป็นพลังงานทดแทน-สร้างรายได้
[13 ]รวมพลคนเสื้อขาวแสดงพลัง เดินรณรงค์ต่อต้านการทุจริต
[14] ข่าวสั้นทันอโศก:เ
[15] :นางงามรายปักษ์ นางหวน นุวรรณ
[16] ข่าว:เ



บุญนิยมจริงหรือ?

เหตุใดเพียงแค่ความเชื่อถือหรือมีทิฏฐิ (ความเห็น) ที่แตกต่างกัน

ก็ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท บาดหมาง และสงครามขึ้นในโลก

สงครามที่ว่านี้ แม้ในวงการศาสนาก็ไม่ต่างจากทางโลก

หากผู้นับถือศาสนาใดๆก็ตาม ยึดถือศาสนาแบบผิด ๆ ก็จะเกิดการทะเลาะวิวาทบาดหมางจนกลาย เป็นศัตรูคู่สงคราม ในที่สุด

ก็ขอฝากเรื่องนี้ให้ชุมชนต่าง ๆ ที่อ้างว่าเป็นชุมชนคนบุญนิยมนั้นมีชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างจากสังคมชาวโลกหรือไม่ ?

เหตุใดคนเราจึงกลัวความเชื่อหรือทิฏฐิที่ต่างกัน

เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะใช้อำนาจใด ๆ ก็ตามที่มีอยู่บังคับให้ผู้อื่นรวมทั้งตัวเองต้องกระทำตาม

หรือยึดว่าตัวเองถูกต้องจนเกินไป ก็จะเกิดอาการต้องถูกอย่างอำมหิตน่ากลัว

ดังนั้นเราขึ้นชื่อว่าชาวพุทธ จึงมิพึงบังคับให้ใครเชื่อและไม่ต้องไปทะเลาะวิวาทบาดหมางกับคนที่มีความเห็นต่าง

แต่พึงเคารพมติที่ประชุมในสังคมที่เราอยู่ ถ้าไม่เห็นด้วยก็วางตัวแค่นานาสังวาสก็พอ อย่าให้ถึงขั้นสังฆเภทเลย มิฉะนั้นท่านก็จะเป็นพุทธแค่ในทะเบียนเท่านั้น.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


จับประเด็นจากหนังสือคนคืออะไร ?
คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๘)

การก่อเกิด โดยกรรม เป็นกำเนิด จิตผู้สร้าง ทำให้เกิด ความสูงต่ำ
สะสมไว้ ในวิญญาณ ผู้กระทำ โอปปาติกะ เกิดเปลี่ยนกรรม ไม่เปลี่ยนกาย
อุทธัจจ สังโยชน์ โทษฟุ้งซ่าน ต้องวิจารณ์ วิจัย ให้ถ้วนถี่
ธุลีเริง ธุลีหมอง มองให้ดี อย่าให้มี กระเพื่อมไหว ในวิญญาณ
พ้นสังโยชน์ ทั้งเก้า ถึงคราวพร้อม ในวงล้อม ไตรสิกขา มาประสาน
พ้นอวิชชา สังโยชน์ โชติชัชวาลย์ พ้นบ่วงมาร เป็นพุทธแท้ ไม่แปรปรวน
วิปัสสนา ภาวนา ตามหลักพุทธ อ่านจิตตน แล้วหยุด โดยเร่งด่วน
โพธิปัก ขิยธรรม นำขบวน หมั่นทบทวน ตรวจทาน วิญญาณตน
สุดยอด ปรารถนา ของชีวิต ที่เกิดมา แล้วหลายหน
คือนิพพาน เพื่อหยุด ความหมุนวน สิ่งสุดยอด ที่คน ควรได้รับ
ลักษณะ ของนิพพาน พิสดาร เกินบรรยาย ได้พร้อมสรรพ
ซับซ้อน นักหนา คณานับ
ยิ่งกว่าทรัพย์ ล้ำเลิศค่า รีบมาเอา
คนร่ำรวย แม้คิดช่วย พุทธศาสน์ ยังไม่อาจ ช่วยได้ ดังใจเขา
หากภูมิธรรม ยังต่ำ ต้องขัดเกลา หวังบรรเทา อาจพลิกผัน เป็นบั่นทอน
หากผู้ใด ตั้งใจ จะกอบกู้ เร่งเรียนรู้ พระธรรม คำสั่งสอน
ปฏิบัติ พยายาม ตามขั้นตอน ลดนิวรณ์ ล้างบาป บำเพ็ญบุญ
ยิ่งมีจิต สะอาด บริสุทธิ์ ยิ่งมี วิมุติ ยิ่งเกื้อหนุน
ยิ่งเกื้อกูล ศาสนา สืบค่าคุณ ยิ่งต่อทุน ให้พุทธแท้ แผ่กว้างไกล
พระอรหันต์ ดับกิเลส เหตุแห่งทุกข์ ศึกภายใน ไม่รานรุก จึงแจ่มใส
ปรารถนา ทำดียิ่ง ยิ่งขึ้นไป เพราะมีใจ เมตตา มหาชน
พ่อท่านบอก ส่วนใหญ่ ท่านไม่ทิ้ง เพราะพุทธจริง ฝึกขวนขวาย ซ้ำหลายหน
อรหันต์ มีเมตตา มาช่วยคน มากกว่าวาง ตัวตน ปรินิพพาน
พระไตรปิฎก เล่มสิบเจ็ด ยมกสูตร
พระพุทธองค์ ทรงกล่าวไว้ เป็นหลักฐาน

ใครกล่าวหา ขีณาสพ ผู้จบงาน ตายขาดสูญ วิญญาณ ผิดบาปกรรม
เรื่องสุดท้าย ของคน แสวงหา ดับสัญญา เวทยิต ระลึกล้ำ
เดินตามหลัก โพธิปัก-ขิยธรรม ทุกทุกกรรม ต้องแจ้งใจ ในเวทนา
เวทนา ร้อยแปด แผดเผาใจ ทุกข์หรือสุข อย่างไร ต้องค้นหา
โสมนัส โทมนัส สัมผัสมา ดับเวทนา ที่ควรดับ ระงับลง
เมื่อเหลือจิต บริสุทธิ์ ของพุทธแท้ ไม่ผันแปร ญาณกำหนด หมดความหลง
เป็นวิญญาณ ชาญฉลาด และซื่อตรง จิตมั่นคง อุดมการณ์ งานช่วยคน

- ธาตุดี -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


โรงบุญมังสวิรัติ ๕ ธันวาฯ
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธ.ค.นี้ ชาวอโศกทั่วประเทศที่ได้ร่วมจัดโรงบุญมังสวิรัติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

กรุณาส่งเรื่องและภาพเกี่ยวกับโรงบุญฯที่ได้จัดส่งกลับมาที่

พุทธสถานสันติอโศก (แผนกธรรมโสต) ๖๕/๑ ซอยเทียมพร ถ.นวมินทร์ คลองกุ่ม บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐

(ภายในวันที่ ๑๐ ธ.ค.๔๖ -ขอบพระคุณอย่างสูง)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ผวจ.นครสวรรค์ไปศาลีอโศก
มอบใบประกาศฯ คนดีศรีสังคม

พร้อมเป็นประธานเปิดป้ายฯ ศูนย์การเรียนรู้

ชุมชนศาลีอโศกเต็มปลื้ม ต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัด เดินทางมาเป็นประธาน มอบใบประกาศเกียรติคุณคนดีศรีสังคม พร้อมกับเปิดป้าย ศูนย์การเรียนรู้วิทยุชุมชนสัมพันธ์ไพศาลี

จันทร์ที่ ๒๔ พ.ย.๒๕๔๖ เวลา ๐๘.๐๐ น. กลุ่มสมัชชาสุขภาพเริ่มเดินทางทยอยมาลงทะเบียนเสื้อเหลือง ที่สมาชิกสวมใส่ มาร่วมงานสะดุดตา พร้อมกับสร้างสีสัน แก่งานเป็นอย่างมาก

เวลา ๐๙.๐๐ น. หลังจากกลุ่มสมัชชามาพร้อมหน้ากัน ทางชมรมผู้สูงอายุได้แสดงรำกระบอง

เวลา ๐๙.๓๐ น. ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เดินทางมาสู่บริเวณงาน โดยมีรถมาจอดทางเข้าพุทธสถานด้านทิศเหนือ ระหว่างที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด เดินทางเข้าสู่ สถานที่จัดงาน ชาวชุมชนและนักเรียนสัมมาสิกขา ได้ยืนเรียงแถวต้อนรับ หลังจากท่านผู้ว่าฯ นั่งพักบริเวณที่รับรอง ตัวแทนนักเรียน สัมมาสิกขา นายศักดิ์สิทธิ์ เจรจา ได้กล่าวต้อนรับผู้ว่าฯ พร้อมกับจบลงด้วยบทเพลง คนสร้างชาติ ที่ชาวชุมชน และนักเรียนสัมมาสิกขา ร่วมกันร้อง ช่วงเสียงเพลง คนสร้างชาติดังขึ้น ผู้คนจำนวนไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ คน นิ่งเงียบราวต้องมนต์

เวลา ๐๙.๔๐ - ๑๐.๔๐ น. พิธีเปิดสมัชชา สุขภาพเริ่มขึ้น โดยนายอำเภอไพศาลีกล่าวรายงาน หลังจากนั้น ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กล่าวเปิดงาน พร้อมกับมอบใบประกาศ เกียรติคุณคนดีศรีสังคม (เขตอำเภอไพศาลี) และเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้ วิทยุชุมชนสัมพันธ์ไพศาลี

เวลา ๑๐.๔๐ - ๑๒.๐๐ น. เริ่มเปิด เวทีเสวนา ในหัวข้อเรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียง ทำอย่างไรให้เป็นจริง" โดยมี ดร.พีรพล ไตรทศาวิทย์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ) นายจำนงค์ สังวร (ตัวแทนชุมชนศาลีอโศก) สส.เมธี ฉัตรจินดารัตน์ นายถนอม ช่วยงาน โดยมีนายไพศาล เจียนศิริจินดา ดำเนินรายการเสวนา

เวลา ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น. กลุ่ม ผู้เข้าร่วมงานหยุดพักรับประทานอาหารมังสวิรัติ

เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. แบ่งกลุ่มย่อยกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาอำเภอไพศาลี

กลุ่มที่ ๑ เกษตรอินทรีย์ อาหารปลอดภัย โดยมีนายจำนงค์ สังวร และนางสัมฤทธิ์ ร่วมเป็นประธานกลุ่ม

กลุ่มที่ ๒ สมุนไพรและอาหารพื้นบ้าน มี น.ส.ริ้ว คำเขียว และนางสิริวรรณ เป็นประธานกลุ่ม

กลุ่มที่ ๓ ทุนของชุมชนมีอยู่ที่ไหน วิสาหกิจชุมชนคืออะไร โดยมีนายสุดมาดมั่น มานะดี เป็นประธานกลุ่ม

กิจกรรมของวันที่ ๒๔ พ.ย.๔๖ ในครั้งนี้ โดยภาพรวมแล้วเกิดผลดี ทำให้เกิดชนวนแห่งความคิดสร้างสรร ของกลุ่มสมัชชาสุขภาพ และ กลุ่มประชาชน ที่รวมตัวกันจัดตั้ง ศูนย์การเรียนรู้สื่อวิทยุชุมชนสัมพันธ์ไพศาลี แม้กระทั่ง ผู้ดำเนินการวิทยุชุมชน ทางปฐมอโศก ยังให้เกียรติเดินทางมาร่วมงาน เพื่อศึกษาวิธีการบริหารสื่อของวิทยุชุมชนในครั้งนี้ด้วย

"ขอชื่นชมทีมงานวิทยุชุมชนสัมพันธ์ ที่รวมตัวแข็งแกร่งดี "

นี้เป็นคำกล่าวของกรรมการวิทยุ ชุมชนทางปฐมอโศกที่ได้กล่าวเอาไว้ในระหว่างมาดูงานครั้งนี้.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ปลูกผักอนามัย ผลิตเอง ขายเอง
พ่อค้าคนกลางไม่เกี่ยว

รู้สึกทึ่งกับความสามารถปลูกผักแบบมืออาชีพอย่าง นายวิชัย สุขสำราญ เกษตรกรผู้ปลูกผักอนามัยแห่ง ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็จะไม่ให้ทึ่งได้อย่างไร ในเมื่อนายวิชัยเป็นเกษตรกรตัวอย่าง ที่ทำการเกษตรที่ยืนหยัด อยู่บนลำแข้ง ของตนเอง โดยไม่สนใจ พ่อค้าคนกลาง เรียกได้ว่าทำการเกษตรแบบผลิตเอง ขายเอง ที่สำคัญยังสามารถกำหนดราคา ได้เองอีกด้วย ซึ่งในบรรดาเกษตรกรไทยทั้งหลาย หาได้ยากที่จะทำได้เช่นนี้

นายวิชัยกับภรรยาคู่ชีวิตมีประสบการณ์ในการปลูกพืชผักมานานถึง ๒๐ ปี แต่ ๘ ปีให้หลัง หันมาผลิตผักอนามัย อย่างเต็มตัว บนพื้นที่ ๒ ไร่ ภายใต้การส่งเสริม ของสำนักงานเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นการปลูกผักแบบในมุ้งและนอกมุ้ง ผลิตพืชผักต่างๆ กว่า ๑๐ ชนิด เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว ผักกาดแก้ว กวางตุ้ง คะน้า กะหล่ำดอก ผักชี ขึ้นฉ่าย กะเพรา โหระพาและแมงลัก

หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวฟาร์มผักของนายวิชัยจะรู้สึกชื่นชอบ เพราะที่นั่นปลูกผักนานาชนิดบนพื้นที่กว้างขวาง แถมยังมีการผลิต ปุ๋ยหมักชีวภาพ กองโตมหึมาขนาด ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ ตัน เพื่อเก็บไว้ใช้เองอีกด้วย.

(อ่านต่อฉบับหน้า)

(จากคอลัมน์ "เหลือกิน เหลือใช้" โดยไตรรัตน์ สุนทรประภัสสร์ นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ ๓๐ มิ.ย.๔๖)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สัมภาษณ์ สมณะเดินดิน ติกขวีโร

ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมเพราะงานเยอะ... มาก เป็นความจริงหรือ? พ่อท่านเตือนอะไรลูกๆ ในงานมหาปวารณาที่ผ่านมา กับโศลกธรรม "ไม่รอ ไม่หวัง แต่เราทำ - เจ็บคือกาย เจ็บใจคืออัตตาบ้า" ให้ข้อคิดอะไร หาคำตอบได้จากสมณะ เดินดิน ติกขวีโร ค่ะ

*** ทุกวันนี้มีงานมากมาย จนหลายคนรู้สึกว่าไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม ในเรื่องนี้ท่านมีมุมมองอย่างไรคะ

เรื่องนี้เป็นประเด็นที่พ่อท่านยกขึ้นมาในงานมหาปวารณา ท่านบอกว่าเป็นคำพูดที่ผิดหรือจะเป็นภาษาวิบัติของชาวอโศกก็ได้ ที่ใครบอกว่า ทำงานแล้ว ทำงานมาก จนไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม จริงๆนั้นคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การปฏิบัติ "ธรรมะ" ของพระพุทธเจ้า คืออะไร ธรรมะของพระพุทธเจ้า คือสัจธรรม-ความจริง สัลเลขธรรม-ความขัดเกลา นิยยานิกธรรม-ความพ้นทุกข์ และ สันติธรรม-ความสันติ เรียบร้อย ง่าย งาม

บางคนเข้าใจว่าเพียงแค่ได้ฟังเทปธรรมะมากๆ ได้อ่านหนังสือธรรมะมากๆ ได้รู้ธรรมะมากๆ ก็ได้ถึงธรรมะของ พระพุทธเจ้า แต่อาจจะเป็นเพียง แค่รู้ธรรมะ ยังไม่เข้าถึงธรรมะ แล้วคนที่รู้ธรรมะชอบเอาชนะคนอื่น ชอบเอาไปเถียงกับคนอื่น คนมีธรรมะชอบเอาชนะตัวเอง

บางคนเข้าใจว่าตัวเองได้จิต มีสมาธิ จะเป็นรูปฌานก็ดี อรูปฌานก็ดี ได้เข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า สิ่งนี้เป็นแค่ความเป็นอยู่อันผาสุก เรียกว่าทิฏฐธรรมสุขวิหาร ยังไม่เข้าถึงสัลเลขธรรม-การขัดเกลา จะเกิดขึ้นต่อเมื่อ มีการกระทบผัสสะ ที่จะล้างอุปกิเลส ๑๖ ออกจากจิตใจ จึงจะเป็นสัลเลขธรรม เกิดจากการปฏิบัติมรรค มีองค์ ๘ อาศัยผัสสะเป็นปัจจัย เพื่อให้เข้าถึง สัลเลขธรรม นิยยานิกธรรม และสันติธรรม ไม่ใช่เพียงแค่ได้รู้ได้ฟังธรรมะ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เข้าถึงรูปฌาน อรูปฌาน แล้วคิดว่า ได้เข้าถึงธรรมะ ของพระพุทธเจ้า

เมื่อเข้าเป้าหมายทิศทางของการปฏิบัติธรรมแล้ว ในขณะที่เรามีการงาน มีการประกอบอาชีพ มีการพูดการคิด ก็ล้วนเป็นการปฏิบัติ มรรคมีองค์ ๘ ที่เป็นสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ ถ้าเราอยู่ในองค์ของมรรคเหล่านี้ ในขณะที่เราทำงาน เราก็มีการปฏิบัติมรรค มีองค์ ๘ ไปด้วย มีการปฏิบัติธรรมไปด้วย

พ่อท่านได้สรุปปัญหาว่า ที่งานมากจนทำให้พวกเราไม่ได้ปฏิบัติธรรม มีสาเหตุมาจาก

๑. ขยายผล-ขยายงานจนเกินไป โดยไปมุ่งเน้นงานที่ขยายปริมาณออกไปมาก ขยายเปลือกกระพี้ออกไปมาก ไปเน้นเรื่อง งานสร้างศรัทธา ออกไปมาก ไม่ได้เน้นเข้าหาแก่นแกนภายใน ขณะที่งานมากขึ้นเรื่อยๆ คนทำงานก็น้อยลงๆ คนขยายก็ขยายไม่หยุดยั้ง ตรงนี้จะเกิดความไม่พอดี เกิดความสุกเอาเผากิน

๒. ทำงานมากแล้วขยายศัตรูมากตามไปด้วย ถ้าเราทำงานก็ต้องดูด้วยว่า ความเป็นพี่เป็นน้อง ภราดรภาพของเรา มากขึ้นหรือไม่ หรือกลายเป็น หัวเดียวกระเทียมลีบ มีศัตรูรอบข้างไปหมด วิญญาณสัมพันธ์ก็น้อยลง เหลือแต่วิญญาณพยาบาทเต็มไปหมด ถ้าเป็นอย่างนี้ ทำงานมาก ก็คงไม่ได้ปฏิบัติธรรมแน่นอน เพราะว่าการปฏิบัติธรรมจะต้องเกิดสันติภาพ ภราดรภาพ สมรรถภาพ บูรณาภาพ ถ้าทำงานไปแล้วสันติภาพไม่มี มีแต่ระเบิดเวลา ที่จะกลับมาใส่เรา แสดงว่าทิศทางการทำงานของเราอาจจะมุ่งเอางานให้ได้ดั่งใจ (อัตตา)มากเกินไป จนเห็นค่าของคน เห็นค่าของพี่ๆ น้องๆลดน้อยลงไป

๓. ทำงานมากจนเป็นกัมมรามตา หลงงาน ติดงาน จนลืมเรื่องมรรคผลนิพพาน คือ พอทำงานไปแล้ว ก็เหมือนหายใจเข้า หายใจออก เป็นสิ่งที่ เราทำไปเลย จนลืมเรื่องจิตใจ ลืมเรื่องอารมณ์ สุดท้าย จะกลายเป็นเหมือนกับคนเลี้ยงลิงที่หน้าก็เหมือนลิง คนเลี้ยงหมู ก็หน้าเหมือนหมู เพราะว่าวันคืน คิดแต่เรื่องหมู คิดแต่เรื่องลิง แต่ไม่ได้คิดเรื่อง ๔ ๕ ๗ ๘ ไม่ได้คิดเรื่องของการปฏิบัติธรรม

สาเหตุสำคัญ ๓ ประการนี้ ถือว่าทำงานมากแล้วไม่ได้ปฏิบัติธรรม ต้องจัดสรรชีวิตให้สมดุล มีการศึกษา มีการฟังธรรมให้มากขึ้น มรรคผล อยู่บนศาลาก็สำคัญ ถ้าเราไม่คิดเพิ่มภูมิหรือเลื่อนฐาน ก็มีโอกาสตกฐานส้วม หรือสังสารวัฏได้

*** ท่านได้ข้อคิดอะไรบ้างคะจากงานมหาปวารณาที่ผ่านมา

พ่อท่านบอกว่าอายุของท่านอาจจะเหลือไม่มาก อยากจะเห็นพระอรหันต์เกิดขึ้น ก็ไม่แน่ใจว่าฆราวาสจะเป็นอรหันต์ ก่อนนักบวช หรือเปล่า ตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่า ใครทำแบบฝึกหัด ทำโจทย์ ทำผัสสะได้มากกว่ากัน ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าฆราวาสเดินมรรคมีองค์ ๘ ทำโจทย์ ทำผัสสะ ค่อนข้างจะมากกว่า ฐานนักบวช

ขออนุโมทนากับฆราวาสบางคนที่เปิดใจว่า ชาตินี้ไม่เคยคิดหวังจะเอาอรหันต์เลย แต่ฟังพ่อท่านพูดในงาน ก็ตั้งความหวัง เหมือนกัน แม้ชาตินี้ ไม่ได้ก็ไม่เสียใจ แต่ตั้งใจทำให้เต็มที่ เรามาจับทิศทางของพระอรหันต์ก่อนว่าเป็นฉันใด

ในอุโบสถศีล พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า พระอรหันต์จะไม่ฆ่าสัตว์ตลอดชีวิต แม้เราทำได้เพียงแค่วันหนึ่งคืนหนึ่ง ก็เดินรอยตามพระอรหันต์ หรือเป็นพระอรหันต์ ในข้อนี้ได้แล้ว พระอรหันต์ย่อมฉันอาหาร หรือบริโภคอาหาร ๑ มื้อตลอดชีวิต แม้เราทำได้เพียง วันหนึ่งคืนหนึ่ง ก็เดินรอย ตามพระอรหันต์ได้ ๑ วันแล้ว หรือพระอรหันต์ถือศีล ๘ ตลอดชีวิต แม้เราทำได้เพียงแค่วันหนึ่งคืนหนึ่ง ก็เดินรอยตามพระอรหันต์ได้ ๑ วันแล้ว

ดังนั้น ใครอยากเป็นพระอรหันต์ก็ต้องฝึกสิ่งเหล่านี้ให้ได้ก่อน ในอริยวสสูตร (เครื่องอยู่อาศัยของพระอาริยะ) บอกว่า พระอาริยะ ย่อมมีทิศทาง เป็นผู้ไม่แสวงหากาม ไม่แสวงหาภพ อยู่จบพรหมจรรย์ เป็นผู้อยู่กับพรหมจรรย์ที่สะอาดบริสุทธิ์บริบูรณ์ ทุกวันนี้เราแสวงหากาม แสวงหาภพมั้ย เรื่องภพ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ลึกที่ยาก ของนักปฏิบัติธรรม

ทุกวันนี้ ชาวพุทธทั่วๆไปไม่สามารถ แยกได้ว่าบุหรี่ น้ำชา-กาแฟ หรือเนื้อสัตว์เป็นกาม ยิ่งเรื่องของภพที่จะเอา ให้ได้อย่างใจตัวเอง สมใจตัวเอง ตามความคิดนึก ของตัวเอง ยิ่งเป็นเรื่องลึกไปอีก เราคงจะต้องมาศึกษารายละเอียดว่า ทุกวันนี้เราเป็นคนที่ทำอะไร เอาแต่ใจตัวเองมั้ย

ถ้าขึ้นไปอยู่ทำคอร์สบนภูผาฟ้าน้ำ สิ่งแรกต้องฝึกปฏิบัติคือ เก็บความคิดของเรา ทำตนเป็นผู้ฟังที่ดี เป็นผู้ตามที่ดี เพื่อไม่แสวงหากาม ไม่แสวงหาภพ เพื่ออยู่จบพรหมจรรย์ ตรงนี้น่าจะเป็นทิศทางที่จะปรับชีวิตของเรา ให้ไปสู่ความเป็นพระอรหันต์ เราจะฝึก เก็บความคิด ของเราได้มั้ย? แล้วแต่หมู่ได้มั้ย? หรือต้องเอาแต่ใจของกูอย่างเดียว ก็คงจะไม่ใช่อรหันต์ คงจะหันซ้ายหันขวา สุดท้าย เราก็ต้องย้ำเตือน ตัวเราอยู่เสมอๆว่า ระหว่างวัตถุขี้กะโล้โท้ทั้งหลายทั้งปวง กับใจที่วิเศษยอดเยี่ยมคือสภาวะอรหันต์ เราจะเลือกเอาอันไหน บางคนแค่วัตถุสิ่ง ของไม่ได้สมใจ ของตัวเอง หน้างอหน้าเสีย ไปหลายวัน แสดงว่าเราไม่ได้ตั้งใจเอาอรหันต์แล้ว เรากำลังเอาวัตถุขี้กะโล้โท้

เราคงต้องปรับวิถีชีวิต-ความคิดของเรา ให้เป็นไปในทิศทางที่พ่อท่านต้องการให้ได้อยู่เสมอๆ พ่อท่านอยากได้อรหันต์ มาเป็นแกนกลาง มาเป็นตัวหลัก ของศาสนา เพราะว่าศาสนาจะอยู่ได้ยืนยาวก็ต้องมีแกนกลาง เป็นไม้ที่มีแก่น ถ้าเป็นต้นกล้วย หรือเป็นต้นงิ้ว ก็คงจะอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าเป็น ต้นมะค่าโมง ต้นมะค่าแด้ ต้นไม้เนื้อแข็งที่มีแกนกลาง แน่น ศาสนาก็จะอยู่ได้นาน พ่อท่านต้องการคนที่ตั้งใจ จะเป็นพระอรหันต์ แล้วพ่อท่านก็บอกว่า ทั้งฆราวาส ทั้งสมณะก็ไม่แน่ว่า ใครจะเป็นก่อนกันก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าฆราวาสสามารถปรับจิต ปรับทิศทาง ทำแบบฝึกหัดบ่อยๆ ก็สามารถเป็นอรหันต์ก่อนสมณะก็ได้

*** โศลกธรรมปีนี้ มีข้อที่น่าเตือนใจอย่างไรบ้างคะ

โศลก ไม่รอ ไม่หวัง แต่เราทำ น่าจะเป็นโศลกที่ให้กับผู้ที่ต้องการจะเป็นพระอรหันต์ทุกคน เพราะว่าพระอรหันต์คือ คนที่กิเลสตายแล้ว เหลือแต่จิตวิญญาณ ที่มีความรู้ (ญาณ) รู้ความจริงตามความเป็นจริงเท่านั้นเอง พระอรหันต์ จะไม่ไปเกี่ยงใคร ไม่ไปหวังอะไร จากใคร ท่านจะเอาเหตุการณ์ ทุกเหตุการณ์มาเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านรู้ความจริงตามความเป็นจริง มากยิ่งขึ้นไปเท่านั้นเอง ท่านสามารถ เอาประโยชน์ จากทุกเหตุการณ์ เหมือนคนตายแล้วมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ไปเสียใจอะไร แต่ตัวรู้ยังมีอยู่ สามารถ รู้ได้ว่า เหตุการณ์ตรงนี้ บอกความจริงอะไร ทำให้เกิดประโยชน์อะไร ดังนั้นพระอรหันต์จะได้ประโยชน์จากทุกๆเหตุการณ์ อยู่เสมอๆ

ปัญหาของชาวอโศก ส่วนใหญ่จะเกิดจากเราทำมาก คนอื่นทำน้อย เราเสียสละมาก คนอื่นเสียสละน้อย เรารักษากฎระเบียบ คนอื่นไม่ยอมรักษา กฎระเบียบเลย ก็คงจะเอาโศลกบทนี้มาพิจารณาให้มาก ไม่ต้องรอให้ใครทำ ไม่ต้องไปหวังว่าคนนั้นคนนี้น่าจะทำ แต่เราทำ เมื่อเห็นดี เราก็ทำทันที ก็เป็นประโยชน์กับตัวเราเอง เหมือนเราออกกำลังกาย สุขภาพก็แข็งแรง ร่างกายก็สดชื่น จิตใจก็แจ่มใส ไม่ใช่ไปนั่งรอว่า เอ๊ะ!...ออกกำลังกายมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมีใครออกสักที เราก็ขุ่นมัวหรือขุ่นเคือง หวังว่าจะให้คนนั้นทำอย่างนี้ คนนี้ทำอย่างนั้น เมื่อเราออกกำลังกาย เราได้ประโยชน์ ตัวเราแข็งแรง ทุกอย่างจบแล้ว เราสามารถอยู่กับพี่กับน้อง ที่อาจจะบกพร่อง หรือยังทำไม่ได้ ก็อยู่กันด้วยความผาสุก เราสามารถที่จะเดินก้าวหน้าได้ ไม่ต้องไปเศร้าโศกเสียใจแต่อย่างใด

ส่วนโศลก เจ็บคือกาย เจ็บใจคืออัตตาบ้า เป็นโศลกที่สำคัญของนักปฏิบัติธรรม เพราะจะบรรลุธรรม หรือ ทะลุธรรม ต้องอาศัยผัสสะ การกระทบผัสสะเป็นปัจจัย ที่จะทำให้เราเป็นอาริยะ หรือเป็นคนที่มีอริเยอะ

พ่อท่านวิเคราะห์ให้ชัดเจนว่า สมมุติว่ามีคนมาด่าเรา อะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้น คนที่ด่าเขาได้บาปไปแล้ว แล้วเราจะไปร่วมบาป กับเขามั้ย จะไปลงนรกกับเขามั้ย ตรงนี้ต้องแยกให้ชัด ส่วนตัวเราจะได้ประโยชน์หลายอย่างทีเดียว อย่างน้อยได้ทำแบบฝึกหัด กระทบผัสสะ อย่างนี้ เราสอบผ่านหรือไม่

ซึ่งเป็นเรื่องที่คิดเอาไม่ได้ เหมือนคนจะขี่จักรยานเป็น ไปนั่งคิดเฉยๆก็ไม่ได้ ต้องขี่จักรยานจริงๆ ผัสสะตรงนี้ ต้องมีของจริงให้ทำ จึงจะรู้ว่า จิตใจเราเข้มแข็ง แข็งแรง อดทนหรือไม่ พ่อท่านยังพูดว่า ถ้าคุณกราบเขาได้ ควรกราบเขาเลย เขามีประโยชน์ต่อเรามาก ให้เราได้มีแบบฝึกหัด ให้เราได้ทำโจทย์ ไปจ้างใครมาทำก็ไม่ได้ และถ้าเขาด่าถูก ยิ่งต้องขอบคุณเขา เพราะจะได้รีบแก้ไขเปลี่ยนแปลง เขาเปรียบเสมือน เป็นผู้ที่ให้ชีวิตใหม่กับเรา พระพุทธเจ้าบอกว่า เหมือนกับให้ขุมทรัพย์ อันล้ำค่ากว่าขุมทรัพย์ใดๆในโลกนี้ ต้องถือว่า มีประโยชน์อย่างมาก ที่สำคัญเราจะได้เรียนรู้ จิตวิญญาณของเราว่ามี อนุสัยอาสวะ ปฏิฆะ พยาบาท อัตตามานะ เหลือมากน้อยแค่ไหน ถ้าเขาว่าปั๊บ รู้สึกเจ็บปวด ขึ้นมาเมื่อไร ก็ให้นึกถึงโศลกที่พ่อท่านให้ไว้ว่า อัตตามันเจ็บ ไม่ใช่ตัวเราเจ็บ เจ็บนั้นมีแค่เจ็บกาย แต่เจ็บใจเมื่อไร คือ ปฏิกิริยาของอัตตาบ้า ต้องขอบคุณเขา ที่ทำให้รู้ว่า เรายังมีเชื้ออัตตาบ้า เหลือมากน้อยแค่ไหน

นักปฏิบัติธรรมที่สามารถเอาประโยชน์จากผัสสะได้อยู่เสมอๆ ให้คนอื่นบอกกล่าว ติเตือนได้ ก็ย่อมช่วยป้องกันอาสวะ ที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบัน และในอนาคตได้ ถ้ากลุ่มไหน หมู่ไหน บอกกล่าวกันได้ บอกข้อบกพร่องกันได้อย่างนี้ๆ หมู่กลุ่มนั้น จะพบกับความเจริญรุ่งเรืองได้อย่างแน่นอน

ต่อไปนี้แม้งานมากแค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะได้ลดกิเลสตามไปด้วย เจ็บใจเมื่อไร ถือว่าโชคดี ที่จะได้ล้างอัตตาบ้า กิเลสไม่หมดให้รู้ไป ลูกพระโพธิสัตว์เสียอย่าง สู้(จนกิเลส)ตายนะคะ!.
- ทีมข่าวพิเศษ -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เวิร์คชอปสุขภาพบุญนิยม
จัดระเบียบความสมดุลของชีวิต

รุ่นแรกของโรงเรียนผู้นำฯพ่อท่านบรรยายธรรมะเพื่อสุขภาพเมื่อวันที่ ๑๒ - ๒๑ พ.ย. ๔๖ ทีมสุขภาพบุญนิยม ได้จัดอบรม เชิงปฏิบัติการ ค่าย ๗ อ. ครั้งที่ ๒ ณ สถาบันฝึกอบรมผู้นำ มูลนิธิพลตรีจำลอง ศรีเมือง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจมาเข้าค่ายฯ ในครั้งนี้เกือบ ๒๐๐ ชีวิต ส่วนใหญ่เป็นญาติธรรม ที่อยู่ตามเครือข่าย ชุมชนชาวอโศก ทั่วประเทศ

บ่ายโมงวันที่ ๑๒ พ.ย. ผู้เข้ารับการอบรมทยอยมาลงทะเบียนและเข้าที่พัก

พลตรีจำลอง ศรีเมือง กล่าวเปิดงานแนะนำโครงการ โรงเรียนผู้นำฯเน้น ในเรื่องของสุขภาพมาตลอด ๑๗ ปี เพราะผู้นำที่ดี จะต้องเป็นคน ที่แข็งแรงไม่ขี้โรค

สำหรับรุ่นนี้ เป็นรุ่นทดลอง การกินอยู่ในค่ายแบบนี้ จะได้ผลอย่างไรต่อสุขภาพ มีการตรวจวัดผล ตามกรรมวิธี ทางการแพทย์ ถ้าได้ผลดีในอนาคต จะจัดให้มีขึ้นอีก

นพ.ดร.อารีย์ วชิรมโน บรรยายสุขภาพทางเลือกแบบองค์รวม การรักษาจิตใจให้ดีงามเป็นการสร้างภูมิต้านทาน อย่างดีเยี่ยม กินอาหารเป็นยา โดยเลือกกินอาหาร ที่ไร้สารพิษ ทำดีท็อกซ์ เพื่อเอาสารพิษออกจากลำไส้ใหญ่ และฝึกหายใจเข้าออก ให้ลึกยาว ปอดจะได้แข็งแรง

เช้าวันที่ ๑๓ พ.ย. ตื่นนอนประมาณ ๐๔.๐๐ น. วันนี้พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ทำวัตรเช้าบรรยายธรรมะ เพื่อสุขภาพจิต เน้นย้ำเรื่อง การมีสุขภาพดี และแข็งแรงต้องมี ๗ อ. คือ
อ. - อิทธิบาท มีความยินดีพากเพียร เอาใจใส่ไตร่ตรอง เลือกเฟ้นสิ่งที่ดีให้ชีวิต
อ. - อารมณ์ ฝึกหัดอ่าน เรียนรู้อารมณ์ อย่าปล่อยให้อารมณ์ร้ายครอบงำเพราะเป็นพิษกัดกร่อนสุขภาพให้เสื่อมโทรม
อ. - อาหาร ควรพิจารณาว่า อาหารแบบไหน เหมาะกับสุขภาพ ไม่ใช่กินเพราะติดรสอร่อย ส่วนอีก ๔ อ.ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปจัดสมดุล ให้พอเหมาะ ของแต่ละคน

หลังทำวัตรเสร็จ หมอประดิษฐ์ ธงยศ พานำออกกำลังกายเอาพิษออก ต่อจากนั้นผู้เข้าค่ายที่อยู่ครบ ๑๐ วัน ได้รับการตรวจชีพจร วัดความดันโลหิต ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เจาะเลือด และกินอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ

หมออารีย์บรรยายสุขภาพทางเลือกแบบองค์รวมต่ออีก ๒ ชั่วโมงจนถึงเวลาเที่ยง พักกินอาหาร ต่อด้วยกิจกรรม เอนกาย

นพ.วีรพงศ์ ชัยภัค ประธานจัดงานสรุปความรู้ประจำวัน "การมาจัดค่ายที่นี่ก็เพื่อให้ญาติธรรมได้ตัดรอบตัวเอง จากงานที่ทำอยู่ จะได้ไม่มี เรื่องกังวล รู้สึกว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่พวกเราให้ความ สนใจในการรักษาสุขภาพแบบพึ่งตนเอง"

เวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. ให้ผู้เข้าค่ายไปทำดีท็อกซ์เอาพิษออกจากลำไส้ เมื่อเสร็จกิจแล้วก็พักผ่อนตามสบาย สูดอากาศ อันสะอาด สดชื่น เข้าให้เต็มปอด เดินชมนกชมไม้ ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสงบร่มรื่นของป่าเขา ไม่รีบเร่ง ไม่กังวลเรื่องหน้าที่การงาน ราว ๑๘.๐๐ น. กินอาหาร เพื่อสุขภาพ อิ่มแล้วมาฟังหมออารีย์ บรรยายสุขภาพทางเลือก แบบองค์รวมต่อ ราว ๒๐.๑๕ น. สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน แยกย้ายเข้าที่พัก

เพราะเป็นการจัดค่าย ๗ อ.แบบบุญนิยม ผู้ที่มาเข้าค่ายจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ในช่วงเช้าและเย็น หลังจากทำ ดีท็อกซ์แล้ว ก็มีน้ำอาร์ซี และผลไม้ไร้สารพิษไว้บริการ นอกเหนือไปจากอาหารมื้อใหญ่ ตอนกลางวัน ที่เน้น รสอ่อนๆ ปรุงจากพืชผักผลไม้ ไร้สารพิษ

อ.ขวัญดิน สิงห์คำ ผู้จัดการประสานงานกล่าวว่า "บุคลากรที่ทำงาน ศาสนาจำเป็นจะต้องมีสุขภาพที่ดี ซึ่งพ่อท่านได้ให้เป็น บุญญาวุธ หมายเลข ๔ ปัจจุบัน ชาวอโศกทำงานมาก จึงน่าจะมีองค์ความรู้ในการดูแลตนเองแบบองค์รวม ทำให้เป็นผู้มีอารมณ์ดี มีไฟทำงาน และ มีอิทธิบาท อย่างต่อเนื่องยาวนาน"

นพ.ดร.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการบำบัด แนะนำว่า คนเราไม่ควรกินอาหารรสหวาน เนยเทียม นมวัว น้ำมันทอดซ้ำ อาหาร ๔ อย่างนี้ เป็นบ่อเกิดของโรคร้ายหลายอย่าง เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ ธรรมชาติบำบัด เป็นการแก้ไขต้นเหตุ ที่ง่ายมาก แต่จะยากที่สุดก็คือ จะต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเองในเรื่องของการกิน เพราะปกติคนเราชอบกินของอร่อย"

ในช่วงเช้าแต่ละวัน พระไชยยศ ชัยยโส และ พระถนอม ซึ่งเป็นพระฝ่ายมหายาน และเป็นผู้มีประสบการณ์ ในการดูแล รักษาผู้ป่วย ให้หายจาก โรคมะเร็ง ได้นำพาฝึกออกกำลังกาย เช่น การกราบพระแบบมหายาน ๑๐๘ ครั้ง การฝึกลมปราณ เพื่อให้เลือดลมหมุนเวียนดี

นอกจากนี้ยังมีคณะเจ้าหน้าที่สุขภาพ นำโดยคุณน้อมบูชา นาวาบุญนิยม เปิด บริการบำบัดรักษาแบบผสมผสาน ที่ศาลาสุขภาพ มีทั้งนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า รมสะดือด้วยยาสมุนไพรจีน ขูดมือ อบสมุนไพร นวดจัดกระดูก ฯลฯ ซึ่งสร้างความประทับใจ ให้กับผู้ไปใช้บริการ อย่างล้นหลาม

สำหรับผู้มาเข้าค่ายได้ให้สัมภาษณ์ความรู้สึก ดังนี้

พระไชยยศ ชัยยโส จากไต้หวัน รู้สึกปีติใจ เบิกบานใจกว่าทุกครั้งที่มีการจัดคอร์สสุขภาพ เพราะได้มีโอกาสช่วยเหลือคนดีๆ ถ้ามีการจัด ขอให้บอก ยินดีที่จะมาร่วมงานอีก

สมณะลือคม ธัมมกิตติโก จากปฐมอโศก "ได้เรียนรู้ในด้านดูแลสุขภาพ ให้แข็งแรงขึ้น จะพยายามออกกำลังให้ได้สม่ำเสมอ และ รักษาอารมณ์ ให้เบิกบาน ถ้าชุมชนชาวอโศกทุกแห่ง จัดเวลามาออกกำลังกายร่วมกันประจำก็จะดี"

นิสิตพลาภิบาลแพรทิพย์ บุญมูล จากราชธานีอโศก "ดีใจที่ปีนี้ญาติธรรมตื่นตัวในเรื่องสุขภาพ มางานนี้รู้สึกว่าคุ้มค่า เพราะได้ฝึกตัวเอง อีกครั้ง ประทับใจ ลุงจำลองและป้าลักษณ์ ที่มาช่วยอำนวย ความสะดวกให้กับพวกเราทุกอย่าง"

คุณบัวแก้ว คำชนะ จากเชียงรายอโศก "ประทับใจองค์ความรู้ที่ได้รับจากค่าย ๗ อ.จะนำความรู้ไปแก้ไขข้อบกพร่อง ของตัวเอง บรรยากาศที่นี่ ดีมาก ทำให้อารมณ์ดีตลอด"

คุณรัญจวน แจกเกาะ จากวังน้ำเขียว "เป็นโรคเบาหวาน มาที่นี่ได้กินอาหารรสจืดดี อากาศดี พบกับคนดีๆ อารมณ์เบิกบานดี ผลก็คือ น้ำตาลในเลือด ลดลง จนไม่ต้องกินยาควบคุมแล้ว"

คุณบุญสาธุ นาวาบุญนิยม จากหินผาฟ้าน้ำ "เป็นโรคลมจุกแน่น ได้รับการรักษานวดจัดกระดูก ทำให้ทุเลา จากความทรมาน ลงไปเยอะ ประทับใจ เจ้าหน้าที่ทุกคน ที่เอาใจใส่ผู้ป่วยดีมาก"

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

- โดย หญ้าม้า -

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


อาการที่บ่งบอกว่าคุณเป็นโรคไต?

ไต เป็นอวัยวะที่สำคัญในร่างกาย ที่ทำหน้าที่ในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทำหน้าที่กระตุ้นให้ไขกระดูก สร้างเม็ดเลือดแดง และไต ยังมีหน้าที่ และสร้างประโยชน์ให้กับร่างกาย อีกมากมาย ถ้าเกิดมีอาการผิดปกติ ขึ้นกับไต ก็จะมีผลกระทบกับอวัยวะ หลายๆส่วน เพราะฉะนั้น ต้องให้ความสำคัญกับไต มากเป็นพิเศษ และสิ่งที่จะสังเกตว่ามีอาการผิดปกติของไตนั้น วิธีง่ายๆลองสังเกตจากปัสสาวะ

โดยปกติปัสสาวะของคนปกติ จะมีสีขาวจนถึงสีเหลืองเข้ม ถ้าน้ำปัสสาวะมีเลือดปนออกมาด้วยนั้น เป็นจุดสังเกต ที่สำคัญ แต่ถ้าเป็นผู้หญิง คงต้องดูอาการ หลายๆอย่าง เพราะการถ่ายเป็นเลือดอาจจะปนออกมากับประจำเดือนก็เป็นไปได้ แต่บางครั้ง อาจเป็นโรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือโรคเลือด หรือต่อมลูกหมากโตก็เป็นได้ แต่ถือเป็นจุดสงสัยได้ในระยะแรก

ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือการที่ ปัสสาวะมีฟองออกมามาก หรือมี "ไข่ขาว" หรือมีโปรตีนออกมามากกว่าปกติ ควรเก็บตัวอย่าง ปัสสาวะ ไว้ภายใน ๒๔ ชั่วโมง เพื่อทำการตรวจ และการถ่ายปัสสาวะที่มีไข่ขาวออกมาด้วยนั้น บางทีอาจจะเป็นโรคหัวใจวาย หรือความดันโลหิตสูงก็ได้ แต่ในกรณีที่ถ่าย ปัสสาวะเป็นเลือด และเป็นลิ่มมีไข่ขาวออกมา พร้อมกันนั้น ให้สันนิษฐานได้ว่า เป็นความผิดปกติ ที่เกิดจากไต อาจเป็นโรค ที่เกี่ยวกับไต

และถ้ามีก้อนเนื้อที่บริเวณไตทั้งสองข้าง สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคไตเป็นถุงน้ำ การอุดตันของไตหรือเนื้องอก ของไต และถ้ามีอาการ ปวดหลัง ซึ่งคนทั่วไป มักจะเข้าใจว่า เป็นโรคไต แต่บางทีอาจจะเป็นโรคกระดูก โรคข้อหรือกล้ามเนื้อ แต่ในกรณีที่กรวยไตอักเสบนั้น จะมีไข้หนาวสั่น และปวดหลัง บริเวณใต้ซี่โครงซี่สุดท้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งของไต
(อ่านต่อฉบับหน้า)
(จาก น.ส.พ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ ๓๑ ต.ค.๔๖)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เปิดค่ายพุทธเวช ที่ จ.เชียงราย
ให้เรียนรู้ อาหาร กับ ธาตุ

เมื่อวันอังคารที่ ๑๘-๒๒ พ.ย.๒๕๔๖ ณ ดอยปุยคำ จ.เชียงราย มีการสัมมนาการแพทย์แผนไทย เรียกค่ายพุทธเวช (แพทย์แผนไทย)

ผู้ที่มาร่วมเข้าค่ายสัมมนาในครั้งนี้มีจำนวนประมาณ ๔๐ กว่าคน โดยมีคุณเหมือนพร ซึ่งเรียนจบทุกศาสตร์ ของแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข มาเป็นผู้ให้ความรู้

โดยเฉพาะในเรื่องการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับธาตุของตัวเอง โดยคนเรามี ๔ ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

ตัวอย่างอาหาร ประจำธาตุลม คือ รสเผ็ด-ร้อน เป็นต้น

คุณเหมือนพรได้ให้ความรู้ว่า ผู้ที่มีอายุ ๓๕ ปี ถึงสิ้นชีพจะเป็นโรคลมและโรคเลือด เรียกโรคโบราณกรรม ต้องระวังเรื่องอาหาร

ส่วนวัย ๓๕ ปีขึ้นไปซึ่งเรียกว่า ปัจฉิมวัย นั้นไม่ควรทานถั่วต่างๆ โดยเฉพาะถั่วลิสง(จะแสลงมาก)

รสมัน รสหวานก็ไม่ควรทานเช่นกัน เพราะทำให้เกิดลม และถ้ามีลมอยู่แล้ว อาหารเย็นจะแสลงมาก เช่น ชมพู่ ฝรั่ง น้ำข้าวโพด ไม่ควรทาน

ส่วนใคร ไม่มีโรคลม ก็สามารถทานถั่วต่างๆได้

สำหรับการทำอาหารเลี้ยงกันในงานนี้ ใช้เตาถ่านหุงข้าว ทำกับข้าว ใช้แต่ถ่านและฟืน ไม่ใช้แก๊สในการปรุงอาหารเลย

ที่สำคัญ ที่ลืมไม่ได้ คือ การใช้หม้อดินหุงข้าวและทำกับข้าวด้วย

ชาวภูผาฟ้าน้ำที่ไปร่วมงานกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และได้ความรู้ในเรื่องการกินอาหาร ตามธาตุ ซึ่งจะได้ นำความรู้เหล่านี้ ไปใช้ในชุมชนหลังกลับจากงานอบรมนี้ต่อไป

น.ส.ดาวตะวัน จากปฐมอโศก ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการสัมมนาได้แสดงความรู้สึกต่อการสัมมนาครั้งนี้ว่า

"รู้สึกประทับใจที่พวกเราสนใจการรักษาสุขภาพตามวิถีแพทย์แผนไทย ซึ่งจะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๑๙ (๒๔๑) ปักษ์หลัง ๑๖-๓๐ พ.ย.๔๖

ใช้หนี้... ฉบับที่แล้วเล่าสู่กันฟังว่า เมื่อวันที่ ๕ พ.ย.ที่ผ่านมา สม.กล้าข้ามฝัน มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนต้องส่ง โรงพยาบาล และปรากฏว่า เป็นไส้ติ่งอักเสบ จนต้องรีบทำการผ่าตัดรักษานั้น หลังจาก กลับมาพักฟื้นที่สันติอโศกระยะหนึ่ง ตอนนี้ สิกขมาตุ ได้กลับไปพัก รักษาตัว ที่บ้านราชฯ เรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทองที่ญาติโยมที่นั่นจะได้ทำบุญกุศลพยาบาล ดูแลท่านบ้าง เพราะที่ผ่านๆมา หลังจากมีมติ ให้มีสิกขมาตุไปประจำที่ พุทธสถานราชธานีอโศกได้ ก็มีท่านนี่แหละ เป็นรุ่นแรก รุ่นบุกเบิก ซึ่งไปแล้วก็มีการงาน ที่ถาโถม มาให้ทำเป็นกุศล ไม่ได้หยุดหย่อน

แม้แต่ทางท่านเดินดิน ติกขวีโร เองก็เช่นกันยามนี้ท่านก็ต้องใช้หนี้อีกหน ทำให้ต้องเลื่อนเดินทางจากสันติอโศก กลับบ้านราชฯ เพื่อไปหาหมอ รักษาอาการ ปัสสาวะมีเลือดเสียก่อน

ร้อนถึงเทวดาที่สันติฯต้องติดต่อไปถึงภูผาฟ้าน้ำ ขอให้ส่งสมณะนวกะไปช่วยเตรียมงานปีใหม่ตลาดอาริยะž๔๗ เพื่อจะได้ แบ่งเบาภาระ ของท่านเดินดิน จะได้พักรักษาตัวได้อย่างเต็มที่ มีข่าวคราวคืบหน้าอย่างไรจะเล่าสู่กันฟังต่อไป

แต่ช่วงนี้ที่ภูผาฟ้าน้ำ เป็นช่วงปิดเทอม ของสมณะนวกะ (ถึงวันที่ ๓ ธ.ค.) จึงต้องรอถึงกลางเดือน ธ.ค.นี้ ก่อน จึงจะจัดสรร แบ่งหน้าที่ ไปช่วยงานกันต่อไป

นี่สมณะท่านก็นัดกันไว้ว่า พอวันที่ ๔ ธ.ค. เวลาประมาณ ๔ โมงเย็น สมณะภูผาฯก็จะไปประชุมที่ลานนาอโศก เพื่อวางกำลังพล เตรียมไปช่วย งานส่วนกลางต่อไป สาธุ...จี๊ดๆๆๆ

โครงการ ๓๐ บาทฯ...ของรัฐบาลนั้น จิ้งหรีดอ่านเจอว่า จากการสำรวจความพอใจของประชาชนเกี่ยวกับโครงการนี้ เมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า คนใช้บริการพอใจ ถึงร้อยละ ๙๗.๒

สำหรับชาวเรานั้น พ่อท่านก็ประกาศให้การรักษาสุขภาพบุญนิยมเป็นบุญญาวุธ หมายเลข ๔ เพื่อให้พวกเรามีสุขภาพที่ดี ก็อย่าลืมดูแล กายขันธ์ ของเราด้วยนะฮะ... จี๊ดๆๆๆ

ถูกเล่นงาน...หลังงานมหาปวารณาที่ผ่านมา ท่านถักบุญ อาจิตปุญโญ ถูกโรคไทฟัสเล่นงานจนงอมพระราม ต้องเข้า ร.พ.เวชศาสตร์เขตร้อน โดยมี ท่านเห็นทุกข์ ยตินทริโย มาเป็นดาบคู่ช่วยดูแล

สำหรับอาการของโรคก่อนหน้าที่จะไปหาหมอนั่น ท่านบอกว่า จะมีอาการไข้ตอนค่ำๆ แม้จะเดินลงบันได ก็ยังแทบไม่ไหว แต่พอกลางวัน กลับมีเรี่ยวมีแรง เหมือนปกติ พอรู้ว่าเป็นโรคนี้แน่ชัดแล้ว คุณหมอก็รักษาได้ถูกตรง ฝ่ายคุณหมอก้อง ซึ่งเป็นญาติธรรมชาวเรารู้ข่าว ก็ได้นิมนต์ ท่านถักบุญ ไปรักษาตัวต่อที่เมืองกาญจน์ ซึ่งขณะนั้น กำลังจัดคอร์สสุขภาพอยู่

หลังจากนั้นจิ้งหรีดก็ได้ข่าวว่าอาการท่านทุเลา และได้กลับขึ้นไปที่ภูผาฟ้าน้ำแล้ว ก็หวังว่าสุขภาพของท่าน จะแข็งแรง มีพลังเช่นเดิม งานเปลี่ยนพลังน้ำ ให้กลายเป็นพลังไฟฟ้าที่ภูผาฯ ก็มีหวังได้เห็นไม่ช้า ไม่นานแน่ๆ สาธุ...จี๊ดๆๆๆ

สีมาอโศก...อนุโมทนากับฝ่ายการศึกษาของสีมาอโศก ที่กำลังปรับเรื่องการศึกษาบุญนิยมกันยกใหญ่ ด้วยเจตนา ให้ออกมา ดีที่สุด ก็หวังว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ทางสีมาฯ คงจะไม่ไปเพิ่มงานเช่นบางที่บางแห่ง จนผู้ใหญ่ไม่มีเวลาใส่ใจกับเด็กๆ ซึ่งจะส่งผลให้เด็กๆ เกิดปัญหา ทำผิดกฎระเบียบ เพิ่มขึ้นได้

ว่าก็ว่าเถอะ การปรับเรื่องการศึกษาบุญนิยมของชาวเรานั้น ควรเน้นให้หันมาใส่ใจให้เวลากับเด็กๆมากๆ แม้เวลาเด็กๆ ทำงาน ก็ควรมีผู้ใหญ่ ที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ คอยดูแลอยู่ด้วย ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆของชุมชนลงได้ทั้งในระยะสั้น และ ระยะยาว ได้อีกต่อหนึ่งด้วย แม้การปรับปรุงด้านนี้ จะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ขอเอากำลังใจช่วยและขอชื่นชมที่ชาวสีมาฯกำลังพยายามอยู่ สาธุ...จี๊ดๆๆๆ

ทันสมัย...อบรมหลักสูตรสัจธรรมชีวิต ที่ปฐมอโศกยามนี้ ใช้วีซีดีเป็นสื่อในการอบรมด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งก็ได้นำมาฉาย ให้ได้ดู ในงานมหาปวารณาที่ผ่านมา จิ้งหรีดเห็นแล้วก็น่าอนุโมทนา และเห็นว่ามีประโยชน์มาก และหากชุมชนอื่นๆได้ดูแล้ว และสนใจ จะยืมไปให้เกษตรกรได้ดู เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ก็สามารถติดต่อสอบถาม ได้ที่ปฐมอโศกนะฮะ

แถมตอนนี้ทางปฐมอโศกเองก็รุดหน้าไปอีกขั้น กำลังผลิตภาพยนตร์เรื่องแรกของ ชาวอโศก ด้วยฝีมือระดับรองผู้กำกับ ภาพยนตร์ เชียว ก็ตั้งใจว่า จะพยายามให้เสร็จทันฉายในงานปีใหม่ ตลาดอาริยะ'๔๗ ที่บ้านราชฯ และถ้าไม่มีอะไรขลุกขลัก ภาพยนตร์เรื่องแรก ในประวัติศาสตร์ ของชาวอโศก คงจะได้ปรากฏสู่สายตาพี่น้องชาวเรา ในงานปีใหม่ฯ จะคอย จะคอย จะคอยชมฮะ...จี๊ดๆๆๆ

เบื่อๆ...จิ้งหรีดแว่วๆมาว่า นายวุ่น(อดีต นร.สสฐ.) ซึ่งกำลังฝึกงานถ่ายทำภาพยนตร์อยู่กับโลกเขา ตอนนี้ชักบ่นๆว่า รู้สึกเบื่อมายา ทางโลกซะแล้ว ช่วงนี้ก็มาช่วยเป็นตัวหลัก ในการผลิตภาพยนตร์ของชาวเรา แถมยังได้ประสานงาน ให้เพื่อนๆ ร่วมรุ่น สสฐ. ของตัวเอง มาร่วมแสดง ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ส่วนน้องทราย (ลูกของคุณแม่ป่าพื้น) เพื่อนร่วมรุ่นอีกคน ก็เกือบจะได้ร่วมแสดงด้วย แต่พอดี ต้องช่วยงาน คุณป้าที่เชียงใหม่ ก็เลยต้องผ่านไปก่อน

ไม่เป็นไรนะฮะ ไม่ได้แสดงภาพยนตร์ แต่ได้เป็นดารา(ตัวจริง)ในชีวิตจริงของตัวเอง ไปพลางๆก่อนก็แล้วกัน จิ้งหรีดขอยก ให้เป็นนางเอก ของเรื่องเลยนะฮะ เราให้ความสำคัญกับชีวิตจริงๆ แม้ไม่ได้ผ่านจอใดๆก็ตาม มากที่สุดไง

ที่สำคัญต้องขอชม เพราะล่าสุดเธอเพิ่งตัดรัก(มิติที่ ๑) มาหมาดๆ ก็ขอให้เป็นโสดไปนานๆ และหากนานขนาดเข้า สมาคมคนโสด ไปจนตายได้ ก็ไม่ต้อง เกรงใจนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ

ปรับสถานที่...ญาติธรรมมาที่สันติอโศกยามนี้อาจงงๆอยู่บ้าง เพราะมีงานปรับปรุงพื้นที่อยู่หลายแห่ง อย่างที่ ชมร. หน้าสันติอโศก ตอนนี้ก็อยู่ในช่วง ปรับปรุงตึก ที่มีการทรุดตัว จนอาจเกิดอันตรายได้ เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม จึงต้องปิดกิจการ และซ่อมแซมด่วน ตอนนี้ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว

ห้องเผยแพร่เทปและห้องการเงิน ด้วยปัญหาพื้นห้องทรุดตัวจนแตกร้าว ก็ต้องย้ายกิจการออกจากห้องกันไปก่อน

โดยห้อง เผยแพร่เทปนั้น ได้รับความอนุเคราะห์จากท่านเพาะพุทธ ให้ย้ายไปใช้ห้องของมูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน ใกล้ตึก ฟ้าอภัยใหม่ ไปพลางๆ สาธุ

ส่วนห้องการเงิน ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านดอกไม้ ใกล้ศาลาสุขภาพ ใครมีธุระจะไปติดต่อเชิญได้ตามสถานที่ดังกล่าว

ฝ่ายตึกขาว ซึ่งเป็นที่พักของคนวัดก็กำลังซ่อมแซมขนานใหญ่เช่นกัน หากมีข่าว เพิ่มเติมจะนำมาเสนออีก...จี๊ดๆๆๆ

ชื่นชม...ต้องขอเชียร์กับชาวพลังบุญและแด่ชีวิต ที่ติดป้ายรับบริจาคถุงใช้แล้ว เพื่อนำกลับมาใช้ในกิจการ ของบริษัท ทั้งสอง เพราะเป็นไอเดีย ที่นอกจาก จะช่วยกันประหยัดต้นทุนต่างๆแล้ว ยังได้ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศด้วย

โดยเฉพาะ บจ.พลังบุญ ที่ออกมาเชิญชวนรับบริจาคถุงนานแล้ว ตอนนี้ขยับอีกก้าว ติดประกาศเชิญชวนลูกค้าพกถุง มาใส่สินค้าเอง ให้บรรยากาศ เป็นกันเองกับลูกค้าได้ดีจริงๆ

วันก่อนมีโอกาสได้เห็นลูกค้าบางคนนำถุงมาใส่สินค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ดูเขามีความสุข ที่จะได้มีส่วน ร่วมบุญ กับชาวเราด้วย จิ้งหรีดเห็นภาพนั้นแล้ว ก็เกิดปีติกับเขาด้วย แถมคิด ต่อไปว่า นี่ถ้าญาติธรรมชาวเราส่วนใหญ่ร่วม ด้วยช่วยกัน จนมีหมู่มีมวล จะมีพลัง ทั้งรูปธรรมและนามธรรมมากมายสักเพียงใด เฮ้อ! อย่าปล่อยให้มีแต่เพียงลูกค้าวงนอกๆ ที่ทำอยู่ฝ่ายเดียว เขาอาจว้าเหว่ ได้นะฮะ...จี๊ดๆๆๆ

มรณัสสติ
นายวรกิจ วิริยะพาณ อายุ ๖๖ ปี พ่อของคุณพรพิมล(หลอด) ป่วยเป็น อัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือดในสมองตีบ มาประมาณ ๒ ปีกว่า เสียชีวิต เมื่อวันที่ ๒๖ พ.ย. ๒๕๔๖

คุณป้าวิเชียร แต่งประณีต อายุ ๘๐ ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ ๒๓ พย.๔๖ และสวดอภิธรรมที่วัดสุวรรณาราม เขตบางกอกน้อย กทม.

นางพิกุล สิทธินาวิน (คุณแม่ของคุณเพชรเพลิงธรรม) อายุ ๗๙ ปี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ฌาปนกิจศพวันที่ ๒๙ พ.ย.๔๖ ที่วัดบึงทองหลาง กทม.

ก่อนจากขอฝากคติธรรม-คำสอนของพ่อท่าน ที่ว่า
ศรัทธาไม่ดี เพราะรากศาสนาไม่มี
อโศกยังไม่ดี เพราะมีศรัทธาไม่มากพอ
(งานมหาปวารณา ครั้งที่ ๑๕/๒๕๓๙ )
(จากหนังสือ โศลกธรรมพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ หน้า ๙๗)

พบกันใหม่ฉบับหน้า

- จิ้งหรีด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


นร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ได้รับทุน

นร.สัมมาสิกขาสันติอโศก รับทุนการศึกษา ๒๐,๐๐๐ บาท จากโครงการเขียนเรียงความ สำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อขอรับ ทุนการศึกษา ตามนโยบายของรัฐบาล

เมื่อวันที่ ๑ พ.ย.๔๖ น.ส.รัชนี (ไพรน้ำฟ้า) พรหมราช นร.ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ร.ร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ได้รับทุนการศึกษา ๒๐,๐๐๐ บาท จากโครงการ เขียนเรียงความสำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อขอรับทุนการศึกษา ตามนโยบายของรัฐบาล มีนักเรียนจาก ร.ร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ส่งเรียงความฯ เพื่อขอรับทุนฯครั้งนี้ ๑๑ คน โดยมีเด็กและเยาวชนเขียนเรียงความ จากทั่วประเทศ ๖๐,๐๐๐ คน

น.ส.ไพรน้ำฟ้า ได้ให้สัมภาษณ์กับข่าวอโศกว่า "ดีใจค่ะที่ได้รับทุน หวังไว้เหมือนกัน ได้ทุนก็คงดี เพราะแม่จะไม่ต้องลำบาก เพราะแม่แก่แล้ว จะเอาเงิน ไว้เรียนต่อมหาวิทยาลัย จะเรียนจนจบ ม.๖ ที่นี ก่อน อยู่ที่นี่ได้รู้ชีวิตจริง รู้จักความลำบาก ได้รู้ว่ากว่าเราจะโตมาขนาดนี้ คนที่เลี้ยงเรา ต้องลำบากขนาดไหน ได้ฝึกถือศีล ฝึกทำขนม มีสมาธิในการ ตั้งใจทำงาน หนูอยู่ฐานแปรรูป ตอนนี้ทำห่อหมกส่งขายที่ชมร. หน้าสันติอโศก และ หน้าร้าน กู้ดินฟ้า อยากให้เพื่อนที่เรียนอยู่ที่นี่ เรียนให้จบ ม.๖ เพราะเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดแล้ว ที่เคยเห็นมา"

น.ส.รัชนี (ไพรน้ำฟ้า) พรหมราช ชื่อเล่นว่านิ่ม เกิดเมื่อ ๒๕ ก.ย. ๒๕๓๑ อายุ ๑๕ ปี มีพี่น้อง ๓ คน เป็นคนจังหวัดนครราชสีมา

*** เรียงความเรื่อง...ชีวิตของฉัน
ของ น.ส.รัชนี พรหมราช

บ้านของข้าพเจ้าอยู่ในเขตชนบท เกือบกันดารก็ว่าได้ บ้านก็สร้างได้แค่โครง เพราะไม่มีเงินพอที่จะสร้างต่อให้เสร็จ เวลาฝนตก ก็สาดจนเปียกทั้งบ้าน ข้าพเจ้ามีพี่ชาย ๒ คน (ขณะนี้มีครอบครัวแล้ว) มีแม่และพ่อเลี้ยง พ่อแท้ๆของข้าพเจ้านั้น ทิ้งข้าพเจ้าไป ตั้งแต่ที่แม่คลอดได้ไม่กี่เดือน ข้าพเจ้าเห็นหน้าพ่อไม่ถึง ๓ ครั้ง หากไม่มีแม่และพ่อเลี้ยง ข้าพเจ้าก็คงเรียนไม่จบ ป.๖ เป็นแน่ ข้าพเจ้าฝึกงาน ตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นงานในบ้าน หรืองานรับจ้างทั่วไป แดดจะร้อนหรือฝนจะตก ก็ต้องช่วยแม่ทำงาน หาเลี้ยงชีวิตไปวันๆ ยิ่งแม่เป็นชาวนา ข้าพเจ้าก็ต้อง ฝึกเกี่ยวข้าว ดำนาให้เป็น แม่ของข้าพเจ้า ต้องเช่าที่นาของคน เพื่อทำนา บางครั้งข้าพเจ้าก็รู้สึกอิจฉา ที่เห็นเพื่อนๆ วิ่งเล่นกัน เวลาหิว ก็วิ่งไปขอเงินพ่อ-แม่มาซื้อขนม ผิดกับข้าพเจ้าที่นานๆครั้ง จะได้มีโอกาสได้กินขนมอร่อยๆ ข้าพเจ้าเบื่อที่จะต้องทำงานหนัก อยู่ทุกวัน แต่ข้าพเจ้าก็ต้องทน พี่ชายทั้ง ๒ คน ก็ไม่ได้เรียนต่อมัธยมศึกษา เพราะต้องทำงานหาเงินช่วยแม่ใช้หนี้ ที่พ่อสร้างเอาไว้ ข้าพเจ้าเรียนจบ ป.๖ ที่โรงเรียนบ้านกลาง แม่ก็ไม่มีเงินจะส่งให้เรียนต่อ ข้าพเจ้าจึงต้องเรียนในโรงเรียนเอกสงเคราะห์ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในบ้าน ขณะนี้ข้าพเจ้าอยู่ ม.๓ ข้าพเจ้ายังไม่รู้ว่า ต่อไปถ้าข้าพเจ้าเรียนจบ ม.๖ จะมีโอกาสได้เรียนต่อหรือไม่ เพราะแม่ก็เป็นหนี้ คงจะไม่มีเงิน ส่งข้าพเจ้าเรียนต่อแน่นอน

แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่ท้อแท้สิ้นหวัง ข้าพเจ้าตั้งใจเรียนและอยากเป็นคุณครู อยากมีโรงเรียนเป็นของตนเอง ข้าพเจ้าจะสอนเด็ก ที่ยากจน ให้ได้มีโอกาส เรียนหนังสือ ไม่ต้องทนความลำบากที่สุดจะทน เหมือนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องนอนร้องไห้ทุกคืน และต้องหลับไป ด้วยความเหนื่อยอ่อนล้า ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะเรียนให้จบปริญญา ไม่ว่าจะต้องลำบากสักแค่ไหน ข้าพเจ้าก็จะหาความรู้ มาสอนให้เด็กที่ยากจน.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


น้ำมันพืชใช้แล้วมีประโยชน์
เป็นพลังงานทดแทน-สร้างรายได้

อาหารที่เรารับประทาน อยู่ทุกวันนี้ วิธีการปรุงก็คงหนีไม่พ้นการ อบ ทอด นึ่ง ย่าง สำหรับอาหารที่ทอดจะต้องใช้น้ำมันพืช หรือ น้ำมันจากสัตว์ มาใช้ทอดทั้งสิ้น การใช้น้ำมันพืชมาทอดอาหาร หรือขนมนั้นน้ำมันควรใช้ครั้งเดียว เพราะการนำน้ำมันที่ใช้แล้ว ไปประกอบอาหารซ้ำ จะมีสาร "ไดอ็อกซิน" ที่เป็นสารก่อมะเร็ง แต่น้ำมันที่ใช้แล้วควรเก็บรวบรวมไว้ให้ได้ปริมาณที่มากพอสมควร และนำไปส่งโรงงาน ผลิตพลังงานทดแทน โดยผ่าน ขบวนการผลิตเป็น "น้ำมัน ไบโอ-ดีเซล" นำมาใช้ทดแทนน้ำมันดีเซล หรือผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสม ลดการนำเข้าน้ำมัน จากต่างประเทศ ในภาวะที่กำลังเกิดสงครามขึ้นในอิรัก ราคา น้ำมันอาจสูงขึ้นจึงเพิ่มทางเลือก ในการพึ่งพาพลังงานในประเทศ แบบยั่งยืน ช่วยลดปัญหา การทำลาย สิ่งแวดล้อม และช่วยตัดวงจรของการนำน้ำมันที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่ขบวนการบริโภคอีกครั้ง

นายวราวุธ ดำรงค์รัตน์ ประธานที่ปรึกษา บริษัท ราชา ไบโอ-ดีเซล จำกัด อ.ดอนสัก จ.สุราษฎ์ธานี กล่าวถึงโครงการ ที่นำน้ำมัน ที่ใช้แล้ว จากการทำอาหาร ของแม่บ้าน จากภัตตาคาร ร้านอาหาร โรงงาน รวม ทั้งน้ำมันจากพืช เช่น มะพร้าว ปาล์ม ว่าเป็นโครงการ อันสืบเนื่องมาจาก แนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงริเริ่มให้ศึกษาแนวทางการใช้น้ำมันพืช ทดแทนน้ำมันดีเซล ในช่วงภาวะที่ น้ำมันดีเซล มีราคาสูง จึงเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจ อย่างกว้างขวาง และได้ทรงยื่นจดสิทธิบัตร และได้รับการถวายรางวัล ในระดับนานาชาติ

รัฐบาลโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมได้มีการดำเนินการศึกษาโครงการ "ไบโอ-ดีเซล" ตามพระราชกระแสรับสั่ง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๓ และได้รับอนุมัติหลักการ ในการพัฒนาโครงการ ตามมติคณะรัฐมนตรี ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๔ ในปัจจุบัน น้ำมันไบโอ-ดีเซล ได้ใช้กับเรือเฟอร์รี่ของบริษัทราชาเฟอรี่ มาเป็นเวลากว่า ๑๒ เดือน หรือคิดเป็นระยะ ทางเดินเรือกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ไมล์ทะเล นอกจากนี้ ยังใช้กับรถบรรทุก และรถปิกอัพเป็นจำนวนกว่า ๑ ล้านลิตร ถือเป็นโครงการ ที่ใหญ่ที่สุด ในทวีปเอเชีย ในอนาคตคาด ว่าจะขยายการผลิตได้ถึง ๑ แสนลิตรต่อวัน

ดร.สมัย ใจอินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่น้ำมันมีราคาแพง และสงครามที่เกิดขึ้น ระหว่างสหรัฐอเมริกา และอิรัก จะมีผลทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น การหันมาใช้พลังงานทดแทน ภายในประเทศ จะทำให้เป็นการพึ่งพา พลังงานแบบยั่งยืน ช่วยรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม ผลการทดสอบของกรมวิทยาศาสตร์ ทหารเรือ สามารถยืนยันได้ว่า การผสมน้ำมันไบโอ-ดีเซล ในอัตรา ๒๐, ๒๕ และ ๓๐% ประสิทธิภาพการเผาไหม้ดีขึ้น ทดสอบกับ เครื่องยนต์ดีเซลขนาด ๑๔๕ แรงม้า ปรากฏว่า สามารถลดเขม่า และ ควันดำ ได้กว่า ๔๐% นอกจากนี้ ยังสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เพราะผลิตจากพืช การผสมน้ำมันไบโอ-ดีเซล ในระดับ ๑-๒% สามารถ ช่วยเพิ่มดัชนี การหล่อลื่น ให้กับน้ำมันดีเซลได้ถึง ๒ เท่า แต่ทั้งนี้จะไม่มีผลต่อกำลังเครื่องยนต์ และการเปลี่ยนแปลง

ประชาชนไม่ควรนำน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารแล้วมาบริโภคซ้ำ เพราะจะมีสาร "ไดอ็อกซิน" ที่เป็นสารก่อมะเร็ง คือปนมาในน้ำมัน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่น้ำมันที่ใช้แล้ว สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้ โดยการเก็บน้ำมันที่ใช้แล้วมาขาย เพื่อนำไปผลิต เป็นพลังงานทดแทน ที่มีค่าต่อไป สนใจ ติดต่อที่ บ.ราชาไบโอ-ดีเซล จก. โทร.๐-๒๒๙๐-๐๑๒๕ ต่อ ๗๙๐๖, ๗๙๐๗

(จาก นสพ.คมชัดลึก ๑ เม.ย.๔๖)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


รวมพลคนเสื้อขาวแสดงพลัง เดินรณรงค์ต่อต้านการทุจริต

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖ พรรคเพื่อฟ้าได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมเดินรณรงค์ต่อต้านการทุจริต เนื่องในโอกาส วันก่อตั้ง สำนักงานป.ป.ช. ครบรอบ ๔ ปี วัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเตือนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชนทั่วไป ให้ความสำคัญ ต่อการป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริต ด้วยการรวมพลัง ให้เห็นถึงเจตนารมณ์ ที่จะมีส่วนร่วมในการปกป้องผลประโยชน์ ของตนเอง ประเทศชาติ สิทธิความเสมอภาคของบุคคล และพร้อมกับกล่าว คำปฏิญาณ ถวายเป็นราชพลี ในวโรกาสวันมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๖.๐๐ น. สมาชิกพรรคเพื่อฟ้าดิน สาขานครปฐม (ลำดับที่ ๑) และสาขาบึงกุ่ม (ลำดับที่ ๑๐) ประมาณ ๒๕๐ คน มารวมร่วมกับ องค์กร สถาบันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือประชาชนทั่วไป ประมาณสี่พันกว่าคน พร้อมกันบริเวณ ลานพระบรมรูปทรงม้า เจ้าหน้าที่ของป.ป.ช.นำหมวกและพัดอันน้อยๆ มาแจกให้ไว้โบกคลายร้อน จัดเรียงลำดับแถวต่างๆ ของริ้วขบวน ทางพรรคเพื่อฟ้าดิน ถูกจัดให้อยู่เกือบท้ายๆ จากนั้นเวลาประมาณ ๐๗.๓๐ น. ต้นริ้วขบวน เริ่มเคลื่อนออกจากพื้นที่ เดินไปตาม ถนนราชดำเนินนอก ผ่านกระทรวงศึกษาธิการ องค์การสหประชาชาติ เลี้ยวเข้าสู่ถนน ราชดำเนินกลาง ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนถึงท้องสนามหลวง มีขบวนพาเหรด ของมหาวิทยาลัย เกษมบัณฑิต มีการจัดแต่ง ผู้แสดงคล้ายกับมัจจุราช การแต่งกายแบบไทยๆ รวมไปถึง วงดุริยางค์ เป็นที่ดึงดูดความสนใจ ได้มากพอสมควร นอกจากนั้น มีการชูป้ายรณรงค์คำขวัญต่างๆ เช่น ชาติต้องการคนเสียสละ คนที่ได้เงินมา จากการทุจริต คือคนทรยศต่อแผ่นดิน คนโกงกินคือคนขายชาติ มือสะอาดชาติไม่ล่ม ฯลฯ ระหว่างทางที่เดินผ่าน จุดต่างๆนั้น มีการแจกน้ำดื่ม บรรจุแก้วพลาสติก ให้กับผู้ที่เดินขบวน เอาไว้ดื่มแก้กระหาย

เวลา ๐๘.๓๐ น. เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.กล่าวรายงายวัตถุประสงค์การเดินรณรงค์ต่อประธานฯในพิธี ประธานในพิธีเชิญชวน กล่าวคำปฏิญาณ ถวายเป็นราชพลี ในวโรกาสวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว โดยมีคณะรัฐมนตรี สมาชิก วุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมในพิธีนี้ด้วย เวลาประมาณ ๐๘.๕๐ น. ผู้ร่วมเดินรณรงค์ร้องเพลง สดุดีมหาราชา และ เพลงสรรเสริญพระบารมี

สังเกตได้ว่าผู้ที่มาร่วมเดินรณรงค์ ครั้งนี้ใส่เสื้อสีขาว เปรียบเสมือนแทนค่าของความดี ประชาชนต้องการคนดี มีคุณธรรม ใจซื่อ มือสะอาด หากทุกท่าน ตระหนักถึงภัยร้าย ในการทุจริตคอร์รัปชั่น การมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตามเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญ และ มีความรู้สึกที่ดี ในการร่วมมือกับสำนักงานป.ป.ช. อันจะส่งผลให้การทุจริต มีแนวโน้มลดลง จงมาช่วยกันเถิด รวมกลุ่มแสดงพลัง ในการต่อต้าน การทุจริตทุกรูปแบบ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองมั่นคง ของชาติสืบต่อๆไป.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


พฤ. ๑๓ พ.ย. - คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเยี่ยมชม โครงการส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของกลุ่มส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษวังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

อา. ๑๖ พ.ย. - พรรคเพื่อฟ้าดิน ร่วมเดินรณรงค์ต่อต้านการทุจริต เนื่องในโอกาสวันก่อตั้งสำนักงาน ป.ป.ช.ครบรอบ ๔ ปี จากบริเวณ ลานพระบรมรูปทรงม้าถึงสนามหลวง โดยมีบุคคลจากองค์กรและสถาบันต่างๆเข้าร่วมประมาณสี่พันกว่าคน

- งานทำบุญครบรอบ ๑๐๐ วัน นางสมใจ พรหมสีดา โยมแม่ของสมณะเดินดิน ติกขวีโร พุทธสถานศาลีอโศก จ.นครสวรรค์

อ. ๑๘ - ๒๒ พ.ย. - อบรมเชิงปฏิบัติการการแพทย์แผนไทย "ค่ายพุทธเวช" มีตัวแทนจากชุมชนต่างๆรวม ๔๑ คน วิเคราะห์สุขภาพ การป้องกันรักษา กินอาหารตามธาตุ อาบน้ำแร่ เดินป่าศึกษาสมุนไพร ออกกำลังกาย ณ ดอยปุยคำ จ.เชียงราย

อา. ๒๓ พ.ย. - กลุ่มรามบูชาธรรมจัดงาน "รับขวัญบัณฑิตคุณธรรม" ม.รามคำแหง รุ่นที่ ๒๘ จำนวน ๑๐ คน และรุ่นที่ ๒๙ จำนวน ๑๐ คน รวม ๒๐ คน มีบัณฑิตมาร่วมงาน ๑๓ คน โดยช่วงเช้า ๐๓.๓๐ น. ทำวัตรเช้าร่วมกับชาวชุมชน ใส่บาตร กตัญญูต่อสถานที่ ฟังธรรมะก่อนฉันโดยสมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ ร่วมรับประทานอาหาร พร้อมฟังเพลง จากมวลมิตร ผองเพื่อน เจาะใจบัณฑิต รับพรจากสมณะ สิกขมาตุ รับของที่ระลึก ถ่ายรูปร่วมกัน ณ ชุมชนสันติอโศก กรุงเทพฯ

จ. ๒๔ พ.ย. - พ่อท่าน สมณะ สิกขมาตุ ญาติธรรมไปร่วมงานศพคุณป้าวิเชียร แต่งประณีต อายุ ๘๐ ปี ที่วัดสุวรรณาราม บางขุนนนท์ กรุงเทพฯ

- เจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ๔๖ สำนักงานพัฒนาพิเศษ มาศึกษาดูงานด้านเกษตรอินทรีย์ ณ ชุมชนราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี

อ. ๒๕-๒๖ พ.ย. - คณะเทศมนตรีอำเภอเมือง จ.ขอนแก่น มาศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน ณ ชุมชนศีรษะอโศก จ.ศรีสะเกษ

พ. ๒๖ พ.ย. - เจ้าหน้าที่กรมวิทยาศาสตร์มาตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์แชมพูและสมุนไพร อีกคณะหนึ่ง เป็นเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลน้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ มาศึกษาดูงานด้านสมุนไพร ณ ชุมชนราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี

พฤ. ๒๗ พ.ย. - เจ้าหน้าที่จากที่ว่าการอำเภอวารินทร์ชำราบ จ.อุบลราชธานี มาเยี่ยมชมงาน ณ ชุมชนราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี

คำคมคอร์สมหัศจรรย์ "การฝึกฝนคน ให้เริ่มจากคนที่มีศรัทธาใกล้ตัวก่อน"

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชื่อเดิม นางหวน นุวรรณ
ชื่อใหม่ พึ่งพุทธ
เกิด ๒๔๖๓ อายุ ๘๓ ปี
การศึกษา ป.๓
ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
น้ำหนัก ๖๓ กก.
ส่วนสูง ๑๕๓ ซ.ม.

คุณยายพึ่งพุทธ อยู่ที่ปฐมอโศกตั้งแต่รุ่นแรก แม้จะมีทักษิณอโศก ยายก็บอกว่าจะอยู่และตายที่ปฐมฯนี่แหละ เป็นคนอารมณ์ดี หน้าจึงอ่อนกว่าวัยมาก ไปคุยกับคุณยายกันค่ะ

*** เขาให้ออก
มีพี่น้อง ๘ คน ยายเป็นคนที่ ๔ เสียชีวิตไป ๕ คนแล้ว พ่อแม่ทำนาทำสวน ที่เรียนแค่ชั้น ป.๓ เพราะในสมัยนั้น
ผู้ชายเขาไปเรียนที่วัด กว่ายายจะได้เข้าโรงเรียนก็อายุ ๑๒ ปีแล้ว เพราะ ร.ร. เพิ่งมี อายุ ๑๔ ปีก็เริ่มเป็นสาว ทาง ร.ร. เขาก็คัดออก ซึ่งเริ่มคัดเด็กออกในปีของยายเป็นปีแรก

ออกจาก ร.ร.ก็ไปทำนา ทิ้งหนังสือไปเลย ไม่ได้อ่าน แต่งงานตอนอายุ ๒๓ ปี พ่อบ้านอายุ ๓๖ ปี เป็นพ่อม่าย มีลูกติด ๑ คน ก็ช่วยกันทำนาทำสวน

*** รู้จักอโศก
ญาติธรรม(นายกลั่น สาระอาภรณ์) นิมนต์พระมนาโปไปเทศน์งานทำบุญบ้าน ที่บ้าน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ลูกชาย (ครูเจือน) ชวนยายไปฟังธรรมด้วย เขารู้จักอโศกสมัยกองทัพธรรม ตั้งแต่ปี ๒๕๒๔

ตอนเด็กๆ พี่ชายเคยเล่าเรื่องพระพุทธเจ้า, เรื่องนรก-สวรรค์ให้ฟัง แต่ต้องไปพบตอนตาย ยายก็อยากไปเจอเหมือนกัน ทีนี้ยาย ได้มาเจอพระดี ตอนเป็นๆ ก็ดีใจ ประทับใจประโยคที่ว่า "รถด่วนขบวนสุดท้าย"

ฟังธรรมแล้วมีไฟ กินมังฯมื้อเดียวเลย เป็นเวลา ๓ ปี ปฏิบัติได้ง่าย แม้ตอนเย็นต้องต่อสู้มาก แต่ก็ผ่าน ปฏิบัติอยู่กับลูกชาย ๒ คน

*** ลูกพาเข้าวัด
ปี ๒๕๒๘ ลูกชายเกิดอุบัติเหตุตกต้นไม้ พ่อท่านเมตตาให้มารักษาที่กทม. เทียวรักษาอยู่หลายแห่งก็ไม่ดีขึ้น สุดท้าย พามาอยู่ปฐมอโศก ยายมาสร้างบ้านอยู่ที่นี่

อยู่ที่นี่ยายช่วยงานทั่วไป ช่วยทำยา ตอนนั้นยังไม่มีศาลาเจาะวิจัยฯ หุงข้าวใส่บาตร และดูแลลูกชาย เพิ่งมาหยุดทำยา ตอนอายุมากขึ้น

*** ทุกวันนี้
บ้านช่องก็ยกให้ลูกหมดแล้ว เรื่องบ้านตัดได้ตั้งแต่มาอยู่วัด จิตใจก็โปร่งสบาย สวนก็ยกให้ลูกสาวหมดแล้ว เรื่องสมบัติ ยายไม่ติดอะไรนะ

ส่วนสุขภาพไม่เจ็บป่วยอะไรเลย แต่หูเริ่มตึง ต้องพูดเสียงดัง ตาก็มัว ส่วนอาหารก็กินน้ำพริก ผักพื้นบ้านเป็นหลัก การรักษา สูตรต่างๆ ที่เขาฮิตกัน ยายไม่สนใจเลย

เรื่องกินจุบจิบ เป็นเรื่องที่ยายต้องต่อสู้ เพราะแพ้อยู่เสมอ มีคนเอามาให้ อาหารเต็มบ้านไปหมด ก็จะพยายามเลิก

แม้มีทักษิณอโศก แต่ยายก็อยู่ที่นี่จนชินแล้ว คงตายที่นี่ เผาที่นี่ ไม่กลัวตาย เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ก็ฝากให้ลูกหลาน อยู่เป็นสุขๆ

ความตายก็ไม่กลัว ทรัพย์สมบัติก็ไม่ติด แพ้แต่เรื่องกินจุบจิบ ขอให้ยายลองทบทวนสมัยไฟแรง กินมื้อเดียวได้สบาย อย่าไปเชื่อกิเลสนะยาย เพราะมันมักพาเราไหลลงต่ำเสมอ ลองเอาสูตรนี้ไปใช้ ฝืนไว้ได้กำไร ตามใจขาดทุน สู้ใหม่นะยาย


- บุญนำพา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ปฏิทินงานอโศก

งานตลาดอาริยะ ปีใหม่'๔๗ ณ ชุมชนราชธานีอโศก วันที่ ๓๑ ธ.ค.๔๖ -๓ ม.ค.๔๗

งานฉลองหนาวครั้งที่ ๒ ณ พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ วันที่ ๒๓ - ๒๕ ม.ค.๔๗

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]