ฉบับที่ 221 ปักษ์หลัง 16-31 ธันวาคม 2546 |
พรปีใหม่'๔๗ จากพ่อท่าน ไม่รอ
ไม่หวัง แต่เราทำด้วยวิชชา ช่วยงานตลาดอาริยะปีใหม่ในช่วงปกติของชุมชนชาวอโศก จะมีการรณรงค์เรื่องการแยกขยะอยู่เป็นประจำ บางแห่งถ้าลืมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ที่ทิ้งขยะก็จะมีขยะปนกันมาก สร้างความลำบากให้กับ ผู้ที่ทำหน้าที่เก็บขยะพอสมควร บางแห่งขนาดรณรงค์อยู่บ่อยๆ ก็ยังมีผู้ทิ้งขยะแบบไม่ยอมแยกตามที่มีป้ายเขียนติดถังหรือถุงขยะไว้เลย ยิ่งงานตลาดอาริยะปีใหม่ จะมีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก หากชาวเราจะช่วยแบ่งเบา งานส่วนกลางได้บ้าง ก็โดยช่วยกัน แยกขยะ ยิ่งช่วยเป็นเจ้าหน้าที่เก็บขยะ แล้วแยกขยะที่ยังไม่ได้แยก ท่าน ก็ยิ่งจะได้บุญกุศล และรอดพ้น จากการถูกแจกหนวดอย่างแน่นอน.
|
กิเลส อัตตา ที่ทำให้เราทุกข์ทำไมเป็นอย่างนี้! ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ! ทำไมคิดอย่างนี้ ! และฯลฯ เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นซ้ำๆซากๆมาหลายครั้ง กับคำถามที่ว่า ทำไม ทำไม และทำไม แล้วเราก็ต้องพบกับความหงุดหงิด เสียใจ ทุกข์ใจ น้อยใจ เมื่อประสบกับความผิดหวัง ความ ไม่สมหวัง สิ่งเราหวังไว้ไม่เป็นไปตามที่เราปรารถนาหรือมุ่งหวังไว้ เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า เราอยากจะทุกข์อย่างนี้ ต่อไปเรื่อยๆ หรืออยากจะพ้นทุกข์จากเรื่องเหล่านี้ ใจของเราจะไม่ทุกข์อย่างนี้อีกแล้ว เรื่องที่เราทุกข์นั้นเป็นกิเลสตัวไหน เกี่ยว กับเรื่องนี้...พ่อท่านได้เทศน์ไว้ว่า... (๘ ต.ค. ๔๖ ราชธานีฯ) "...ถ้าใจเราเป็นตัวมักมาก กำหนดนั่น กำหนดนี่ จะเอาอย่างนั้น จะเอาอย่างนี้ จะเอาสวยอย่างนั้น จะเอามากอย่างนี้ จะเอาเป็นลักษณะโน้น ลักษณะนี้อะไรต่างๆนานา ยึดติดไปหมด มันก็ยึดติด เราต้องมาเรียนรู้ว่า จิตใจเราไปยึด ติดอะไร กันนักกันหนา สิ่งเหล่านั้นมันก็เป็นไปได้บ้าง เป็นไปไม่ได้บ้าง ได้ก็ดี ไม่ได้ก็แล้วไป ใจไม่ต้องได้ไป เที่ยวผูกพัน ยึดถือ ติด จะต้องกำหนด จะต้องได้อย่างนั้นอย่างนี้สมใจ นี่แหละตัวกิเลสอัตตา....." ก่อนจะลงมือล้างกิเลส เรามาดูกันซิว่ากิเลสอัตตาที่ทำให้เราทุกข์นั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งพ่อท่านได้แยกแยะไว้ชัดเจน ต่อไป ดังนี้ "....ตั้งแต่อัตตาที่เป็นอัตตาหยาบ โอฬาริกอัตตา เป็นมโนมยอัตตา เป็นอรูปอัตตา ก็เป็นอัตตาหยาบไปจนถึงอัตตาละเอียด เป็นอัตตาหมด ถ้าเราล้างอัตตานี้ได้หมด ตั้งแต่อัตตาหยาบ บ้านของเรา เรือนของเรา ที่ดินของเรา ทรัพย์สินของเรา เพชรนิลจินดาของเรา อะไรต่ออะไรของเรา เป็นวัตถุหยาบ เป็นเรื่อง นอกตัว เป็นเรื่องที่เห็นชัดๆ ไปยึด แม้แต่ลูกเรา เมียเรา ผัวเรา คนรักของเรา โอ๊ย... ผูกพัน นัวเนีย เป็นอัตตา เป็นตัวเป็นตน เป็นของตัวของตน พราก ไม่ได้ พลัดพรากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ก็ไม่ต้องผุดต้องเกิดกันพอดี (จริงๆถ้าไม่ต้องผุด ต้องเกิด เป็นอรหันต์แล้ว) มันต้องเกิด เกิดมาเป็นวรรคเป็นเวร อีรุงตุงนังเข้าไปอีกตลอดเวลา...." เมื่อรู้จักหน้าตาของกิเลสแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการลงมือล้างกิเลส ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ที่จะล้างให้หมดสิ้นไปได้ แต่...ผู้ที่ มีความตั้งใจ ขยันหมั่นเพียรที่จะล้างมากที่สุด คือผู้ที่จะพ้นทุกข์เร็วที่สุด ทุกคนมีเวลาเท่ากัน ต่างกันที่ ความพากเพียร เท่านั้น...ที่ไม่เท่ากัน "....เราจะต้องเรียนรู้ด้วยทุกอย่าง เกิดเหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ที่เกิดในตัวเรา ได้สัมผัส สัมพันธ์ ได้เกี่ยวข้อง เราจะต้อง มีปัญญารู้เท่าทัน สิ่งเหล่านี้แหละมันเป็นโจทย์ให้เรา บางอันบางอย่างเป็นโจทย์อย่างแรงด้วยนะ โดยเฉพาะ กิเลสของเรา มันมีกิเลสของเรา กิเลสอุปาทานของเรา โอ้โห...เรื่องนี้เราไปผูกไปพัน ไปติดไปยึด เราไปกำหนด โน่นนี่ เราไปเอามาก ใจเรานั่นแหละมีกิเลสเป็นเจ้าเรือน ต้องรู้ตัวให้ดีๆ แล้วก็เลิกละมา...." ฉบับหน้า เรามาดูการชำแรก แยกแยะอัตตา ๓ ที่พ่อท่านได้อธิบายขยายความถึง โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา ว่า หน้าตาของอัตตาแต่ละตัวนั้นเป็นอย่างไร .-
เด็กวัด - |
พรจากสมณะมหาเถระ
คิดดี ใช่ว่าคนอื่นจะยอมรับเสมอไป
แต่การรู้จักประมาณคำพูด พฤติกรรมให้เหมาะสมต่างหาก คือความเจริญที่จักค่อยเป็นค่อยไปตามแนวคิดที่ดีได้
ปีใหม่นี้ขอให้พวกเรามี
"คน" ที่ชอบกินเกิน
ใช้เกิน ฟุ่มเฟือย มีแต่ทำลายโลก เรียก "คนโลกีย์"
"พรปีใหม่"
พรดีปี ๒๕๔๗
๒๐ ธ.ค. ๔๖
พรปีใหม่ ปี ๒๕๔๗ |
* ขอเชิญ! ขอเชิญ!
|
ทาฬิททิยํ
ทุกขํ โลเก = ความจนเป็นทุกข์ในโลก
|
สัมภาษณ์ สมณะเดินดิน ติกขวีโร การอบรมหลักสูตร "สร้างผู้นำกสิกร" ครั้งที่ ๑ ซึ่งบ้านราชฯเป็นต้นแบบมีผลดีผลเสียอย่างไร พัฒนาการตลาดอาริยะปีใหม่'๔๗ มีอะไรบ้าง และรับพรปีใหม่ ๒๕๔๗ จากสมณะเดินดิน ติกขวีโร ** ทางบ้านราชฯเพิ่งจัดการอบรมหลักสูตรสร้างผู้นำเป็นครั้งแรก ไม่ทราบว่ามีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างคะ ข้อดีในการอบรมหลักสูตรสร้างผู้นำหรือหลักสูตรต่อยอดในครั้งนี้ก็คือ ๑. ได้นำเกษตรกรมาตอกย้ำ ทำความชัดเจน มั่นใจในเส้นทางของสัจธรรมชีวิตมากยิ่งขึ้น ผู้เข้ารับการอบรมเขาจะอุทานกันว่าเราจะต้องกลับไปเป็นคนจนพันธุ์ใหม่ เป็นคนจนที่ไม่หลงบูชาเงิน แต่เป็นคนจนที่มีน้ำใจ มีความขยัน มีจิตใจที่สันโดษ มีความร่ำรวยทางจิตใจ ก็จะสามารถกลับไปสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับแผ่นดินได้ ก็เหมือนกับการเอาเพชรมาเจียระไน ให้เขาเห็นความชัดเจนในเส้นทางชีวิตอย่างคมชัดลึกยิ่งขึ้น ๒. เป็นเหตุปัจจัยทำให้ศูนย์อบรมของเรา ต้องเร่งรัดพัฒนาการให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะเราตระหนักว่าการกลับมาครั้งที่ ๒ ของเกษตรกร จะต้องมีอะไรที่แปลกใหม่ให้เขาสัมผัสได้ วันแรกก็พาไปดูสวนที่เพิ่งทำกันมาได้ ๑ ปี ๘ เดือน ซึ่งตอนที่เขามาอบรมแรกๆก็ไม่เห็นมีอะไร แต่กลับมาครั้งนี้ได้เห็นมะละกออยู่หลายร้อยต้นเต็มไปหมด เห็นกล้วยซึ่งกินไม่รู้ว่ากี่รุ่นแล้ว เห็นต้นพืชผักผลไม้ในอนาคตที่กำลังเติบโตสูงท่วมหัว เกษตรกรเขาจะพอมองภาพออกว่า เขาจะกลับไปพัฒนาที่ดินของเขาอย่างไร ส่วนวันที่สอง พาไปดูตลาดพืชผักผลไม้ไร้สารพิษที่อุทยานบุญนิยม ให้เขาได้ไปคุยกับแม่ค้าพ่อค้าซึ่งเป็นเกษตรกรอย่างเดียวกับเขา แล้วก็ผ่านการอบรมสัจธรรมชีวิตมาเหมือนกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เราก็นำเสนอให้รู้ว่าคนมาซื้อที่นี่เขามีความคิดอ่านอย่างไร คนขายมีความคิดอ่านอย่างไร สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจ ทำให้เกษตรกรที่มาต่อ ยอดอยากจะกลับไปปลูกพืชผักไร้สารพิษ เพราะว่ามีทิศทางมีอนาคตที่ชัดเจนถ้าเขาสามารถทำได้ รู้สึกว่าเขาเกิดกำลังใจที่ได้มาเห็นรูปธรรมที่เรานำเสนอ ซึ่งหลักสูตรการ ต่อยอดพยายามเน้นเรื่องลงภาคสนาม มากกว่าที่จะให้เขามานั่งฟังความคิดหรือทฤษฎี เหมือนอย่างรุ่นแรกที่ผ่านๆมา ๓. ได้เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างแม่ข่ายกับลูกข่าย ระหว่างพี่เลี้ยงกับน้องเลี้ยง ได้เอาปัญหาที่แต่ละหมู่บ้านมาเสนอกัน มาแก้ปัญหาร่วมกัน เอาประสบการณ์ของแต่ละคนมาแลกเปลี่ยนกัน เป็นตลาดวิชา บางรายไปปลูกเผือกมาได้ผลผลิตดีกว่าปลูกข้าว ก็เล่าสู่กันฟัง บางรายมีวิธีปลูกผักกระเฉดแบบให้ยอดอวบอ้วนน่ารับประทาน โดยการเอาไปมุดน้ำ ก็เล่าสู่กันฟัง ใครปลูกข้าวได้ผลผลิตดีก็เอามาเล่าสู่กันฟัง ได้ร่วมรับรู้ปัญหา แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์กันที่แนบแน่นยิ่งขึ้น จนหลายๆคน ตั้งใจว่าจะต้องกลับมาช่วยเตรียมงาน ปีใหม่ที่ศูนย์แม่ข่าย ปีนี้ทางโรงสีบ้านราชฯกลัวว่าจะไม่มีข้าวมาสี เพราะถูกทางตลาดเมืองนอกบุกเข้ามาตั้งราคาสูงให้กับเกษตรกร เพราะเขาก็ต้องการข้าวไร้สารพิษเหมือนกัน แต่เอาเข้าจริงๆเกษตรกรกลับนำข้าวไร้สารพิษที่เขาปลูกเก็บเอาไว้ให้กับโรงสีทางบ้านราชฯโดยเฉพาะ โดยไม่ได้เห็นแก่เงินเป็นใหญ่ เป็นความสัมพันธ์ผูกพันที่มีต่อกัน เป็นวิญญาณสัมพันธ์ที่พี่เลี้ยงกับน้องเลี้ยงมีต่อกัน ส่วนข้อเสียก็คือ ๒. มีเกษตรกรมาอบรมประมาณ ๗๐ คน เป็นระดับผู้นำชุมชน ๔๘ คน ที่เป็นเช่นนี้เพราะเราให้เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.คัดคนมาให้ประมาณร้อยเศษ มาจริงก็เหลือเพียง ๖๐ กว่าๆ ฉะนั้นถ้าจะให้ยอดถึงร้อย ต้องให้ ธ.ก.ส.ตั้งเป้าไว้ประมาณ ๑๕๐ เอาเข้าจริงๆยอดก็จะตกมาเหลือร้อยพอดี และเพื่อให้เกิดผลต่อการเปลี่ยนแปลงในชุมชน ถ้าหมู่บ้านไหนอยากมากันมากๆ ก็ให้มาได้เลย เพราะรุ่นนี้ทาง ธ.ก.ส.คัดมาแบบเฉลี่ยหมู่บ้านละ ๓-๕ คน ทางที่ดีถ้ามีคนที่เคยอบรมแล้วอยากจะมา ๓๐- ๔๐ คน ก็ให้มากันทั้งหมดเลย เพราะจะได้กลับไปเปลี่ยนแปลงอย่างมีพลัง ** การเตรียมงานปีใหม่ปีนี้มีความพร้อมแค่ไหนคะ ปีนี้ค่อนข้างมีความพร้อมกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา มีการเตรียมงานกันอย่างเป็นระเบียบระบบ โดยเฉพาะเป็นระบบสาธารณโภคีที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น การจัดซื้อที่ต่างคนต่างไปซื้อของมา แล้วได้แหล่ง จัดซื้อที่ถูกบ้างแพงบ้างต่างกัน เวลามาขายของ ก็ทำให้เกิดปัญหาที่บางอย่างดูจะไม่ถูกเท่าไหร่ ปีนี้เอาเงินมารวมกัน แล้วให้ทางส่วนกลางที่มีความเชี่ยวชาญไปจัดซื้อ ญาติธรรมที่ต้องการขาดทุนหนึ่งแสนสามารถซื้อของได้เป็นล้าน คนที่ขาดทุนสองแสนสามารถซื้อของมาขายให้ประชาชนขนได้ถึงสองล้านบาท เพราะฉะนั้นประสิทธิภาพที่เราจะสามารถลงทุนเพื่อขาดทุนให้กับประชาชน เราสามารถได้ของที่ดีมีคุณภาพและมีปริมาณที่มากเพียงพอที่จะรับมือ กับชาวบ้านได้ นอกจากนี้ตลาดอาหาร ก็จัดทำเป็นระบบสาธารณโภคีด้วย ร้านอาหารแต่ละแห่งมีวัตถุดิบเป็นของส่วนกลาง เป็นแผนกสโตร์รวมสินค้าอยู่จุดเดียว ไม่ต้องต่างคนไปจัดซื้อจัดหามา จะมีศูนย์รวมสิ่งของอยู่จุดเดียว เวลาขายก็ให้อาหารชนิดเดียวกันอยู่ที่เดียวกัน แผนกก๋วยเตี๋ยว ๓ ร้าน ๔ ร้าน ๕ ร้าน ก็อยู่จุดเดียวกันเลย แผนกส้มตำมี ๘ ร้าน ๙ ร้าน ก็อยู่แผนกส้มตำ แผนกข้าวราดแกงก็อยู่ข้าวราดแกง ๖ ร้าน ๗ ร้าน ก็เป็นแผนกข้าวราดแกงเลย ไม่ต้องเดินไปเดินมาให้ฝุ่นฟุ้งตลบ สามารถเลือกได้ตรงจุดใดจุดหนึ่งตามความต้องการ ส่วนคนขายก๋วยเตี๋ยวก็ขายก๋วยเตี๋ยวไปเลย กำลังข้างหลังจะมีคนคอยจัดเครื่องจัดอะไรให้จุดเดียว แต่ให้บริการ ๔-๕ ร้าน สิ่งเหล่านี้ก็เป็นพัฒนาการของพวกเรา ที่จิตวิญญาณสามารถหล่อหลอมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระเบียบ ระบบความเป็นสาธาณโภคี ความร่วมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็มีมากขึ้น การตระเตรียมงานก็ทำเป็นระบบมากขึ้น เด็กที่มาช่วยเตรียมงานก็ไม่ได้มาทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ให้เป็นหลักสูตรว่าด้วยวิชาการตลาดอาริยะ มีองค์ความรู้ให้เด็กได้ศึกษาเรียนรู้ในการสร้างตลาดอาริยะ มีระบบมีระเบียบ มีหลักเกณฑ์ การจัดงานอย่างไร ทำเป็นหลักวิชาการขึ้นมา แล้วถ่ายทอดให้เด็กของเราเรียนรู้ไปด้วยในตัว ซึ่งตลาดอาริยะเป็นบุญญาวุธหมายเลข ๒ ที่ประกาศความเป็นบุญนิยมให้สังคมได้รับรู้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น พ่อท่านเองก็ถือว่า งานปีใหม่ หรืองานตลาดอาริยะเป็นเสมือนงานสอบไล่ใหญ่ และงานทำบุญใหญ่ของชาวอโศก เพราะเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ของชาวอโศกทีเดียว ซึ่งทุกคนก็ควรตั้งใจไว้ว่าเราจะมาสอบไล่ สอบไล่อะไร? คือการที่เราตั้งใจจะมาให้นั่นเอง ถ้าใครออกจากบ้านคิดที่จะมาเอาก่อน คนนั้นก็ถือว่าสอบตกตั้งแต่อยู่ในบ้านแล้ว เพราะว่างานนี้ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ ร่วมแรงร่วมกายของญาติธรรมอย่างมากทีเดียว จึงจะสามารถทำให้งานตลาดอาริยะเกิดความสมบูรณ์ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนจะต้องตั้งใจที่จะมาให้ มาเสียสละร่วมกัน แม้ในการให้การเสียสละก็ยังมีขั้นตอนอีกว่า การให้ของเราเป็นการให้ที่เป็นโลกียะ หรือเป็นการให้ที่เป็นโลกุตระ ซึ่งพ่อท่านเคยย้ำว่า คนที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะจะ ไม่สามารถทำบุญให้ถึงการให้ที่เป็นบุญกุศลโลกุตระได้ เวลาเขาให้ออกไปก็อดไม่ได้ที่จะเอาผลตอบแทนกลับคืนมา มีการทวงบุญทวงคุณ แม้แต่ลึกๆรู้สึกว่าฉันให้ไปเขาจะได้นับถือศรัทธาเราก็ยังดี ส่งเหล่านี้มันก็ยังเป็นโลกียะที่ยังไม่สมบูรณ์ เราต้องมาศึกษาการให้ที่ให้แบบได้ลดละกิเลสในตัวของเราด้วย บางครั้งญาติธรรมของเราบางคนอาจจะตั้งใจมาเสียสละเต็มที่เลย แต่พอมาถูกกรรมการฝ่ายตรวจสอบตลาดพูดจาไม่ดี บางคนรู้สึกเสียใจ อยากจะเลิกขายไปเลย แต่ถ้าเราตั้งสติให้ดีๆ พยายามที่จะอ่านจิตใจของเราที่เป็นความเสียใจ น้อยเนื้อต่ำใจ ให้เห็นว่ายังเป็นความถือตัวถือตนของเรา เราได้ละล้างตัวน้อยใจ ละล้างตัวเสียใจนี้ออกไปได้ อันนี้เราก็ได้กุศลที่เป็นโลกุตระขึ้นมา หรือบางคนได้รับมอบอำนาจจากส่วนกลางไปแล้ว รู้สึกเกิดอหังการ มมังการ เกิดยกหูชูหางกางเงี่ยง อาละวาดฟาดฟันคนอื่นไปหมด อันนี้ทำงานไปเราก็เป็นเพียงได้แค่กุศลโลกียะ ถ้าจะให้ได้ถึงกุศลโลุกตระ เราก็ต้องพยายามลดความ อหังการมมังการลง มีความอ่อนน้อมถ่อมตน อ่านจิตของเราที่มีความถือดี ที่จะไปฟาดฟันคนอื่น พยายามอ่านจิตตัวนี้ให้ได้ ก็จะเป็นการสอบไล่ใหญ่ของเราว่า เราได้ให้ ให้จนไม่เอากลับคืนมา แม้แต่เพื่อให้สมใจตัวเราเอง เพื่อให้สะใจตัวเราเอง เพื่อได้สมอัตตาของเรา ก็เป็นการให้ที่สมบูรณ์ที่สุด สิ่งนี้ถือ่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นวิชาสำคัญของชาวอโศกที่เราจะได้มาร่วมกันสอบไล่ หรือทำบุญครั้งใหญ่ในงานปีใหม่ ** อยากให้ท่านฝากข้อคิดในวาระส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้กับญาติธรรมของเราด้วยค่ะ อยากจะให้พวกเราได้ชัดเจนในเรื่องสัจจะแห่งกรรม ซึ่งพ่อท่านได้ย้ำกับพวกเราตลอดมา คนที่ไม่เข้าใจในสัจจะแห่งกรรม ก็จะพากันยึดสมบัติบ้าทั้งหลายทั้งปวงเอามาเป็นของตน แม้เขาจะเชื่อว่าตายแล้วเอาไป ไม่ได้ แต่กิเลสก็มีจริง มันจะบงการให้ตั้งหน้าสะสมสมบัติบ้าเหล่านั้น เพราะเขายังไม่เชื่อจริง ยังไม่ลึกพอที่จะมองเห็นชัดๆว่า ทุจริต สุจริต เป็นทรัพย์ติดตัวไปมากกว่าสมบัติบ้าเหล่านั้น ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ต่างพากันวิ่งไปสู่เส้นทางสายบาปมากกว่าเส้นทางสายบุญ ยินดีพอใจที่ได้เปรียบมากกว่าเสียเปรียบ ยินดีพอใจที่ได้ทำงานเบาสบายมากกว่าได้ทำงานหนัก ได้เสียสละ คนชั้นสูงก็อยากจะได้ทำงานเบา คนชั้นกลางต้องทำงานหนักกว่า แต่ก็อยากจะได้ทำงานที่เบา ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะเลือกทางสายนี้แหละ ทำงานสายเบา สายที่ได้เปรียบ ซึ่งแม้แต่ในสังคมของพวกเราเองก็มีสองฝ่ายเห็นได้ชัด พวกที่ทำงานหนักสาหัสสากรรจ์ก็จะรับงานเละ แทบจะเละตุ้มเปะเต็มไปหมด ส่วนผู้ที่เบาตัวเบาสบายไม่ต้องรับผิดชอบอะไร อยู่สบายๆไปวันๆหนึ่ง พวกนี้จะเลือกทางสายเบา เหมือนไม่ต้องมีภาระอะไร จริงๆแล้วก็ยังอยู่ในเส้นทางสายบาปอยู่นั่นเอง พ่อท่านเคยกำชับกำชาเอาไว้ว่า หนี้บาปมันไม่หมดสิ้นง่ายๆ ถ้าเราไปเอารัดเอาเปรียบใครๆ เราต้องชดใช้ ไม่มีวันได้ฟรีๆ ยิ่งมาเอารัดเอาเปรียบในสังคมของคนดีๆด้วยกันแล้ว บาปก็ยิ่งหนักหนาสาหัสสากรรจ์มากมาย หลายเท่าตัว ท่านตอกย้ำให้พวกเราได้เห็นได้ระมัดระวังว่า หนี้บาปจงอย่าไปทำเลยแม้นิดแม้น้อย มันพาให้เราทุกข์ร้อนไปอีกหลายต่อหลายชาติ จนกว่าจะปรินิพพาน ดังนั้นอยากจะฝากเป็นข้อคิดให้ญาติธรรม ว่า ทุกวันนี้เรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางสายไหน สายบุญหรือสายบาป สายหนักหรือสายเบา สายเอาภาระรับผิดชอบ หรือสายไม่เอาภาระ รับผิดชอบ หนี้บาปจงอย่าได้ไปทำเลยแม้เล็กแม้น้อย เพราะจะติดตัวเราไปให้ได้ทุกข์ร้อนไปอีกนานนับกัปป์กัลป์ทีเดียว หนึ่งปีที่กำลังจะหมดไปได้สะสมอะไร ให้กับจิตวิญญาณบ้าง อนุโมทนากับผู้ที่ทำดีมาตลอดทั้งปี ส่วนใครที่มัวแต่ยึดสมบัติบ้า เอารัดเอาเปรียบในสังคมของคนดีๆด้วยกัน ก็รีบกลับตัวกลับใจเสียใหม่ แล้วพบกับชีวิตใหม่ในงานตลาดอาริยะปีใหม่'๔๗ ที่บ้านราชฯนะคะ .- ทีมข่าวพิเศษ - |
พตท.
ดร.ทักษิณ ชินวัตร
|
อดมื้อกินมื้อเสริมสุขภาพเรื่องนี้เป็นการทดลองของนักวิจัยที่ทดลองกับหนูและหนอน เนื่องจากคงยากที่จะวิจัยกับคน แต่ผลของการวิจัย อาจเทียบเคียงใช้กับคน จะเป็นไปได้หรือไม่ ลองพิจารณาดูนะคะ นักวิจัยได้ทำการทดลองโดยการแบ่งหนูออกเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มแรกให้กินอาหารตามใจปาก กลุ่ม ที่สองให้กินอาหารที่มีแคลอรี่ลดลงร้อยละ ๔๐ กลุ่มที่สามให้กินอาหาร ตามใจได้ ๑ วัน สลับกับอดอาหารในวันถัดไป ทำอย่างนี้เป็นเวลา ๙ สัปดาห์ พบว่าหนูกลุ่มที่อดวันเว้นวัน มีค่าผลทางห้องปฏิบัติการเหมือนกับหนูกลุ่มที่ลดแคลอรี่ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาลในเลือด หรืออินซูลิน (ฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด) ผลทางห้องปฏิบัติการนี้บ่งชี้ของการมีอายุยืนของหนูที่ให้อดมื้อกินมื้อ และหนูที่ลดแคลอรี่ว่ามีอายุยืนมากกว่าหนูกลุ่มที่ให้กินอาหารตามใจปาก และยังมีการพบต่อไปอีกว่า กลุ่มที่จำกัดแคลอรี่ เซลล์ประสาททนต่อสารพิษ ได้ดีกว่าหนูที่อดวันเว้นวัน ผลการวิจัยนี้นักวิจัยสนับสนุนว่า การจำกัดแคลอรี่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยป้องกันเซลล์ เพราะการกินอาหาร มากทำให้เกิดการเผาผลาญมาก ผลพวงของการเผาผลาญคือ อนุมูลอิสระซึ่งกัดกร่อนเซลล์ นักวิจัยเหล่านี้ตั้งสมมติฐานว่า การอดอาหาร หรือกินบ้างอดบ้าง จะกระตุ้นให้เซลล์ สร้างกลไกบางอย่างขึ้นมา เพื่อป้องกันตนเอง และกลไกอันนี้อาจนำไปสู่การป้องกันความชรา และโรคแห่งความเสื่อมทั้งหลาย ค่ะ นี่เป็นการทดลองในหนูที่บ่งบอกว่า การอดมื้อกินมื้อเป็นผลดี ต่อสุขภาพ หรือมีบางท่านได้กล่าวไว้ ว่า กินน้อยตายยาก กินมากตายไว ท่านผู้อ่านลองเทียบเคียงกับคนเอาเองนะคะ คิดเห็นอย่างไรคงแล้วแต่ใจ เลือกปฏิบัติได้ตามอัธยาศัยค่ะ. - กิ่งธรรม - |
จัดเวิร์คช็อปที่บ้านราชฯ
หลักสูตร "สร้างผู้นำกสิกร"
|
หน้าปัดชาวหินฟ้า เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๒๑ (๒๔๓) ปักษ์หลัง ๑๖-๓๑ ธ.ค.๔๖ พบกับข่าวความเคลื่อนไหวของชาวอโศก ในช่วงท้ายปีเก่า น่าปลื้ม...แม้จะอยู่ใกล้วัด ช่วยงานวัดที่สันติอโศก ครูใหญ่ที่ปฐมอโศกก็ยังเห็นแววดีที่มีอยู่ จึงขอครูใหญ่ของ สส.สอ. ให้ ศศิธร กับ สุพิณทอง ศิษย์เก่า สส.สอ. ๒ คน ไปช่วยอบรมนักเรียน สส.ฐ. สัก ๒ วัน พอครูใหญ่ สส.สอ. อนุมัติ พร้อมหารถไปส่งถึงที่ในฐานะครูพิเศษ อบรมนักเรียนชั้น ม.๒ บางส่วนเมื่อวันที่ ๑๒-๑๓ ธ.ค.ที่ผ่านมา ผลการอบรมน้องๆ ปรากฏว่า ทั้งครูใหญ่และน้องๆ รวมทั้งสมณะที่ปฐมฯ ต่างประทับใจกับครูพิเศษที่ส่งไป จิ้งหรีดเองพอได้ฟังเรื่องดีๆอย่างนี้แล้ว ก็พลอยประทับใจร่วมไปด้วยนะเนี่ย นี่ล่าสุดจิ้งหรีดยังได้ข่าวว่า ทาง สส.ส. (สีมาอโศก) ก็จะขอตัวไปอบรมน้องๆด้วยเช่นกัน ใครเป็นครูบาอาจารย์ได้ฟังความก้าวหน้าของลูกศิษย์เช่นนี้แล้ว คงปลื้มใจไม่น้อย จริงมั๊ยฮะ...จี๊ดๆๆๆ ผิดคาด...หลังงานมหาปวารณา สมณะนวกะ วิเชียร วิชโย ขออาจารย์ไปฝึกเดินจาริก กับรุ่นพี่ที่ไม่ขึ้นรถ (สมณะหม่อน มุทุกันโต) โดยมีท่านแก่นเกล้า สารกโร ร่วมเดินจาริกไปด้วย ฝ่ายเพื่อนๆสมณะนวกะหลายต่อหลายรูปพอทราบข่าว ก็พากันคาดว่า ท่านวิชโย คงลำบากแน่ๆ โดยเฉพาะเท้า คงยางแตกภายในไม่กี่วัน แต่เอาเข้าจริง พอท่านวิชโยโทรมาหาอาจารย์ ๑ เมื่อวันที่ ๗ ธ.ค.ขณะนำทำวัตรเย็น ที่ศาลาบรรพชน ภูผาฯรายงานว่า ได้เดินทางมาถึงทักษิณอโศกเรียบร้อยแล้ว จิ้งหรีดได้ยินอาจารย์ ๑ ถามลูกศิษย์ว่า "เท้าเป็นยังไงบ้าง" ก็ได้ยินท่านวิชโย ตอบมาว่า "ไม่เป็นอะไรมาก แค่บวมนิดหน่อย" พอเพื่อนๆสมณะได้ยินเข้า ก็พากันแสดงความชื่นชม บ้างก็แซวว่า ท่านมุทุกันโตคงพบทายาทแล้วกระมัง เมื่อท่านวิชโย ได้เรียนถามอาจารย์ ๑ ต่อว่า ท่านมุทุกันโตจะเดินทางต่อไป จ.นราธิวาส อาจารย์จะมีนโยบายอย่างไร (เพราะท่านวิชโยลาประชุมวันเปิดเรียนสมณะนวกะ เมื่อวันที่ ๔ ธ.ค.ที่ผ่านมา) ท่านอาจารย์ก็ถามลูกศิษย์ว่า "จะเดินต่อไหม" ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า "จะขอเดินต่อ ถ้าอาจารย์อนุญาต" สรุปว่า ท่านอาจารย์ก็อนุญาตจริงๆ พร้อมแนะนำว่า "ช่วงนี้มีโอกาส ก็ฝึกเดินให้เต็มที่ เพราะไปกับอาจารย์ใหญ่ในด้านการเดินอยู่แล้ว" สาธุ...จี๊ดๆๆๆ ยกทัพ...วันที่ ๘ ธ.ค. สมณะ ๑๐ รูปจากภูผาฯ ได้เดินทางไปบ้านราชฯ เพื่อช่วยงานปีใหม่ของชาวอโศกที่จะมาถึงในปลายเดือนนี้ ตามหน้าที่ของสมณะที่บวชใหม่ ด้วยสโลแกน "สมณะเด่น เน้นธรรมวินัย ร่วมใจขวนขวาย" สาธุ...จี๊ดๆๆๆ สู่บุญนิยม...บจ.แด่ชีวิต มีการขายสินค้าเท่าทุนทุกวันพระ ลูกค้าสนใจวันพระมากขึ้น ตอนนี้ ชมร.ช.ม. เริ่มมีการขายสินค้าเท่าทุนทุกวันพระอีกแห่ง เริ่มเมื่อวันอังคารที่ ๑๖ ธ.ค. นี้เป็นครั้งแรก ลูกค้าสงสัยว่าเหตุใดจึงขายเท่าทุน พอโยมใบจริงบอกว่า จะขายเช่นนี้ทุกวันพระ ลูกค้าก็อุทานด้วยความเข้าใจ และก็ได้รู้ว่า วันนี้เป็นวันพระ โดยไม่ต้องดูหัวพระเป็นปฏิทิน แต่ถ้าเห็น ชมร.ช.ม. ขายเท่าทุนเมื่อไร เมื่อนั้นแหละตรงกับวันพระ เพิ่งขายไปวันแรกก็ได้ข่าวว่า อยากจะขายทุกวัน เพราะคนขายสนุกกับการขายแบบนี้ นี่ถ้าเกิดขายทุกวันจริงๆ จะไหวเหรอฮะ แค่นี้เขาก็ทึ่งแล้ว และก็พอทน แล้วนะฮะสำหรับบางคน เพราะบางคนมองกำไรที่เงินเป็นหลัก ยังไงๆก็เห็นใจกันนิดๆก็ยังดี เพราะขนาดบางคนเห็นลูกค้าตักอาหารในราคา ๘ บาท จนพูนจาน(มาก) คิด ๘ บาทยังทำใจยาก ซึ่งก็ต้องขอชื่นชมแม่ใบจริง ซึ่งบอกว่า "ชนะแล้วๆๆๆตัวขี้จิ๊ รู้สึกสบายใจ" จิ้งหรีดเองก็ขอชื่นชมที่ทำได้ดีระดับนี้แล้วนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ พลังบ้านราชฯ...ช่วงหลังน้ำท่วมบ้านราชฯ ก็มีการปลูกพืชผักสีเขียวกันยกใหญ่ ช่วงกลางเดือนธันวาฯ ก็เขียวพรึ่บไปอย่างน่าอัศจรรย์ ก็ขนาดคุรุใบลาน ซึ่งสวมหมวกหลายใบในบ้านราชฯ ทั้งเป็นคุรุ สอนนักเรียน สส.ธ. เป็น ม.วช. เป็นพยาบาล เป็นฝ่ายการเงิน ซึ่งแค่เป็นคุรุก็แทบจะมีเวลาส่วนตัวน้อยอยู่แล้ว แต่ก็ยังสละเวลามาปลูกพืชผักสีเขียวต้อนรับงานตลาดอาริยะปีใหม่อีก และใครปลูกอะไรก็ต้องดูแลรักษารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองปลูกเอาเอง มิให้เป็นภาระผู้อื่น จะได้ประมาณกำลังตัวเองได้ถูก เพราะการปลูกให้คนอื่นดูแล มันเป็นความเห็นแก่ตัวได้เหมือนกัน ถ้าเป็นแล้วรู้ตนได้ยาก คุรุใบลานจึงต้องดูแลรดน้ำเอาเอง บ้านราชฯจึงเขียวได้ เพราะชาวบ้านราชฯ มีพลังในการปลูกและรู้รับผิดชอบดูแลในสิ่งตัวเองทำ นี่คือ พลังบ้านราชฯที่น่าเอาอย่าง สาธุ... จี๊ดๆๆๆ ชมร.ช.ม....เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๔ ธ.ค.ที่ ผ่านมา กลุ่มภูผาฟ้าน้ำ ได้ประชุมกัน ณ ศาลา ซาวปี๋ ที่ประชุมมีมติอนุมัติตามมติของที่ประชุมชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย สาขา เชียงใหม่ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ ที่ผ่านมา เพื่อพัฒนา ชมร.ช.ม.สู่บุญนิยมยิ่งๆขึ้นในรูปแบบใหม่ๆ ดังนี้ ๑. การขายสินค้าในร้านขายของแห้งของ
ชมร.ช.ม.ทุกวันพระ ให้มีการขายสินค้าเท่าทุน (เริ่มวันที่ ๑๖ ธ.ค.๔๖) จิ้งหรีดฟังแล้วก็ขออนุโมทนากับชาวบุญนิยมด้วยฮะ...จี๊ดๆๆๆ พึ่งเจ็บ...อาอ๋อย(ต้นกล้า) ดูแลคุณแม่ อายุ ๘๐ กว่าปี ที่จังหวัดพะเยา ช่วงนี้ใครไม่เห็นหน้าเห็นตากันก็อย่าสงสัย เพราะนอกจากจะดูแลคุณแม่แล้ว เธอยังปรุงยาสมุนไพรรักษาคุณแม่จนอาการดีขึ้นด้วยมือเธอเอง สาธุ ได้บุญยกกำลัง ๒ เชียวนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ มรณัสสติ จากฝากถึงกันด้วยคติธรรมคำสอนของพ่อท่านที่ว่า สวัสดีปีใหม่ฮะ - จิ้งหรีด - |
ครูฝึกจากมูลนิธิหมอชาวบ้าน
สอนโยคะเสริมสุขภาพบุญนิยม
|
งานตลาดอาริยะปีใหม่'๔๗ วันพุธ๓๑
ธ.ค.๒๕๔๖ วันพฤหัสบดี
๑ ม.ค ๒๕๔๗ วันศุกร์
๒ ม.ค.๒๕๔๗ หมายเหตุ
|
|
๓ ธ.ค.๔๖ - นักเรียนสัมมาสิกขาราชธานีอโศกและสมุนพระรามไปร่วมงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธานในพิธี ณ ทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี ๑๑ ธ.ค.๔๖ - ดร.วุฒิชัย นีรนาถวงศ์ ที่ปรึกษา อาวุโสบริษัท บางจาก จำกัดและคณะรวม ๘ คนเป็นตัวแทนพนักงานมาอวยพรปีใหม่ ๒๕๔๗ แด่พลตรีจำลอง ศรีเมือง ณ ชุมชนสันติอโศก ๑๑-๑๒ ธ.ค.๔๖ - ชุมชนราชธานีอโศกเปิดอบรมผสมผสาน "โยคะค่ายสุขภาพ ๗ อ." โดยครูแก้วและครูกวี จากโครงการเผยแพร่โยคะเพื่อสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน ๑๒ ธ.ค.๔๖ - ตัวแทนเครือข่ายชุมชนชาวอโศกไปดูงานสหกรณ์โคนมซอนต้าจอมบึง จำกัดและโรงงานน้ำอ้อยพลาสเจอร์ไรท์ของไร่ไม่จน ที่อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ๑๓ ธ.ค.๔๖ - ตัวแทนเครือข่ายชุมชนชาวอโศกร่วมประชุมสมัชชาเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ครั้งที่ ๒ เพื่อรณรงค์ช่วงเทศกาลสำคัญให้งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ๑๔-๑๗ ธ.ค.๔๖ - สถาบันฝึกอบรมผู้นำมูลนิธิพลตรีจำลอง ศรีเมือง จ.กาญจนบุรี จัดอบรม "คอร์สมหัศจรรย์" มีครูฝึกมาขอรับการอบรม ๒๔ คน โดยสมณะบินบน ถิรจิตโตและคณะ ๑๔-๒๓ ธ.ค.๔๖ - นักเรียนสัมมาสิกขาชั้นม.๔ ทุกแห่ง ไปร่วมรวมกันเรียนแบบบูรณาการวิถีพุทธเป็นครั้งแรกและช่วยเตรียมงานค่าย ยอส. ที่ราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี ๑๕-๒๐ ธ.ค.๔๖ - มูลนิธิเพื่อนช่วยพื่อนเดินทางไปถ่ายทำรายการ "วิถีธรรม" นำโดยสมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ ที่ประเทศศรีลังกา ติดตามชมรายการทาง ITV วันอังคาร เวลา ๐๕.๓๐ น. ๑๕-๑๘ ธ.ค.๔๖ กลุ่มรามบูชาธรรมอบรม "ค่ายจริยธรรมหนุ่มสาว" ณ วังสวนฟ้า จ.สระแก้ว ๑๖ ธ.ค.๔๖ - นักเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก นักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษา ๕ แห่งและเครือข่าย องค์กรงดเหล้าร่วมกันรณรงค์ "งดเหล้าเบียร์ฉลองปีใหม่" โดยนำเครื่องดื่มทางเลือกใหม่ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ไปจัดเลี้ยงคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ๒๐-๒๔ ธ.ค.๔๖ - พนักงานบจ.ฟ้าอภัย, สำนักพิมพ์กลั่นแก่น, เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ แห่งประเทศไทย, เครือข่ายองค์กรงดเหล้า, บจ.พลังบุญ จำนวน ๓๗ คนไปร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ "ค่ายสุขภาพ๗อ." ที่วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คำคมคอร์สมหัศจรรย์
|
ชื่อ
นายสุนทร หาสุข คุณลุงสุนทร เป็นญาติธรรมกลุ่มสุรินทร์ อโศก หลังจากเกษียณราชการแล้ว ลุงไปอยู่วัดช่วยงาน ทำเกษตร และก่อสร้างต่างๆของชาวอโศกหลายแห่ง *** ประวัติ *** ประสบการณ์ เริ่มทำงานบรรจุครั้งแรกเงินเดือน ๓๐๐ บาท ตอนออกเงินเดือน ๙,๐๐๐ บาท เคยทำตำหนักพระราชชนนีที่ลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา โครงการชลประทานห้วยเสนงา จ.สุรินทร์ แต่งงานตอนอายุ ๓๐ ปี แม่บ้านอายุ ๒๐ ปี เป็นหลานย่าโม เป็นเพื่อนกับพี่ชาย ไปเป็นที่ปรึกษากองทัพเรือ สร้างเขื่อนภูตาหลวง ที่กม.๑๐ สัตหีบ ๑ ปี เมื่อก่อน อบายมุข กินเหล้า สูบบุหรี่ โดยเฉพาะกินเหล้าเถื่อน เหล้าโรง สุรากลั่น *** เจออโศก หลังเกษียณผมได้ไปช่วยงานชาวอโศก หลายแห่ง เช่น ทำสวนซำตาโตงที่ศีรษะฯ ทำนาไร้สารพิษกับท่านนาไท (ตอนนั้นยัง ไม่บวช) ทำกุฏิสิกขมาตุกับท่านสมาหิโต ทำศาลาดอกไม้งามที่ปฐมฯ ทำกุฏิที่สันติฯ *** ทำนาไร้สารฯ *** ตั้งกลุ่ม ๑๖ ปีที่เปลี่ยนมาเป็นอาหารมังสวิรัติ ควบคุมกาย วาจา ใจ ปลาในนาในสระมีเยอะ ตายไม่กลัว กลัวแต่เจ็บ ทรัพย์สมบัติแบ่งให้ลูก เหลือแต่ที่ดิน เป็นห่วงแต่แม่บ้านที่ป่วยเป็นมะเร็งอยู่เท่านั้น *** ฝาก สักกายะคือ อัตตามานะ ถือตัวถือตน เพราะเคยปกครองคน ลดยากเหมือนกัน บางทีก็ขึ้นมา ลดโดยเอาคติมาใช้ทันที ดีขึ้นเยอะ การปฏิบัติธรรมต้องรู้แล้วลดสักกายะของตัวเองลงได้ จึงจะเข้าสู่ภูมิอาริยะ ปฏิบัติธรรมมาหลายปี หากยังไม่รู้สักกายะของตัวเอง ก็เป็นแค่กัลยาณชนเท่านั้นเอง! - บุญนำพา รายงาน - |