ฉบับที่ 224 ปักษ์แรก1-15 กุมภาพันธ์ 2547

[01] บทนำข่าวอโศก : คนจนผู้ยิ่งใหญ่
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "คุณค่าของชีวิต"
[03] บันทึกปัจฉาสมณะ: ทำงานให้สนุก...อย่างมีธรรม
[04] เหตุเกิดใน บจ.พลังบุญ
[05] ปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด รายได้เสริมชาว อบต.หัวเสือ
[06] ชุมชนศาลีอโศกจัดอบรม เยาวชนคนสร้างชาติรุ่นที่ ๑
[07] พ่อท่านร่วมสานวัฒนธรรมไทยเวียดนาม เสวนาหัวข้อ "ศาสนาช่วยคนได้อย่างไร"
[08] ศูนย์สุขภาพ:ศ
[09] รายชื่อสมณะ-สิกขมาตุ เกจิอาจารย์ ปี ๒๕๔๗
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] ข่าวสั้นทันอโศก
[12] นานาสาระ: เอทานอล โครงการสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหาพืชผลเกษตรกรเ
[13] นางงามรายปักษ์ นางละเมียด (ลำน้ำ) สุขัคคานนท์
[14] ปฏิทินงานอโศก



คนจนผู้ยิ่งใหญ่

นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันเสาร์ที่ ๑๐ ม.ค.๒๕๔๗ ที่ผ่านมา ลงข่าวผลสำรวจของมูลนิธิ เกตูลิโอวาร์กัสในบราซิลชี้ว่า ชาวบราซิลใช้จ่ายเงินไปกับอินเทอร์เน็ต และเคเบิลทีวีมากยิ่งกว่าค่าข้าวและถั่วซึ่งเป็นอาหารหลักของคนในประเทศ

ทั้งๆที่เกือบ ๑ ใน ๓ ของ ชาวบราซิลยังยากจนไม่มีเงินพอซื้ออาหารในแต่ละวัน โดยค่าใช้จ่ายในครัวเรือนปีที่ผ่านมา ชาวบราซิลหมดไปกับค่าอินเทอร์เน็ตและทีวีร้อยละ ๑.๗ แต่ค่าอาหารมีเพียง ร้อยละ ๑.๓ เท่านั้น ทั้งที่ปัจจุบันคนบราซิลเกือบ ๕๐ ล้าน มีรายได้ไม่ถึง ๔๐ บาทต่อวัน และรัฐบาลปฏิญาณว่า จะขจัดความยากจนและความอดอยากของประชาชน

ที่นำเรื่องนี้มาให้ญาติธรรมได้รับรู้ เพื่อให้เห็นจริงตามคำกล่าวที่ว่า "เงินทองเป็นของมายา ข้าวถั่วงาเป็นของจริง"

มายาในโลกนี้มีมากมายให้คนเราหลงประเด็นของชีวิต

แต่ถ้าญาติธรรมเข้าใจ ไม่หลงมายาโลกที่หลอกล่อให้แสวงหาเงินไปซื้อมาเสพย์ ก็จะกลายเป็นคนจนที่แม้ไม่มีรายได้เลยสักบาทก็อยู่ได้อย่างสบาย ดั่งเช่นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นตัวอย่างคนจนผู้ยิ่งใหญ่

คือมีความสุขอยู่กับความไม่มี ที่สุขยิ่งกว่าคนมีทรัพย์ในโลก

และที่มหัศจรรย์ก็คือ พ่อท่านสามารถพาให้เกิดชุมชนคนจนผู้ยิ่งใหญ่ตามรอยพระพุทธเจ้าได้ แม้เป็นฆราวาสครองเรือน มิใช่เฉพาะสังคมนักบวชเท่านั้น.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


คุณค่าของชีวิต

วันเวลาของชีวิตคนเราไม่มีวันย้อนกลับได้ เมื่อเราไม่ได้ทำในสิ่งที่เราคิดว่าดีกว่า ก็เท่ากับเราได้สูญเสียเวลาไป อย่างสูญเปล่า เกิดมาชาติหนึ่งควรได้มีชีวิตที่คุ้มค่า และมีคุณค่าสำหรับคนอื่น

คุณค่าของชีวิตอยู่ที่ไหน เราลองมา ค้นหาคำตอบจากโอวาทพ่อท่าน ที่ให้ไว้ในการประชุม พาณิชย์บุญนิยม เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๔๖ ซึ่งมีเนื้อหาสาระพอสรุปได้ ดังนี้

"การประชุมพาณิชย์บุญนิยม มีเรื่องที่เราต้องขบคิด พูดคุย ปรึกษาหารือกันอยู่มากเพื่อให้เกิดความเจริญ และปรับเปลี่ยนการอยู่ร่วมกันกับสังคมมนุษยชาติให้ได้อย่างดี การที่จะให้พวกทุนนิยมหรือชาวโลกีย์ หมดไปจากโลกนี้เป็นไปไม่ได้ และเป็นการยากมากที่จะทำให้เขาเปลี่ยนความคิดความติดยึดเดิมๆ เราต้องปรับกระบวนท่าในการสอดประสาน จำเป็นที่จะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ถ่วงดุลย์อยู่ตลอดเวลา ดึงหรือลดเขาลงมาให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้เขาโลดแล่นไปไม่มีที่จบสิ้น จนสาหัสขึ้นทุกวัน

เพราะฉะนั้นเราจึงต้องมีการระดมความคิด ผนึกกำลังช่วยกันสร้าง ช่วยกันทำ เพราะความเฉลียวฉลาดไม่ได้อยู่คนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว ต้องนำเอาความเฉลียวฉลาดของแต่ละคนมาช่วยกัน เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปได้ด้วยดี ไม่เช่นนั้นจะไปไม่รอด หรือเป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เห็นเขาอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย เราต้องพัฒนาให้เกิดความเจริญ ช่วยเหลือคนอื่นได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นคุณค่าของชีวิตที่เราเกิดมาเป็นมนุษยชาติ

เกิดมาเป็นคน จริงๆแล้วต้องมาเป็นอย่างที่เราเป็นนี่แหละ ไม่ต้องมีอะไรมาก มีชีวิตที่เสียสละ การมีเงินทอง มีลาภ มียศ ไม่ใช่เรื่องจริงสักอย่าง ไม่ใช่เรื่องมีคุณค่าด้วย รูปธรรมและนามธรรมไม่ได้ให้ประโยชน์ คุณค่าอะไรกับใครอยู่แล้ว รูปธรรมมันไม่มีอะไรจริงเลย วัตถุทางโลกซึ่งเป็นรูปธรรมเป็นเรื่องสมมุติอยู่ในโลกง่ายๆเท่านั้นเอง เรื่องจริงอยู่ที่คุณค่าของความเป็นคน เมื่อเกิดมาถ้าไม่เป็นตัวบาปก็ควรจะเป็นตัวบุญ เข้าใจให้ได้ถึงจิตแล้วเราจะสบายใจ

ชีวิตเกิดมาไม่มีอะไรเลย นอกจากจะมีคุณค่าประโยชน์แก่มนุษย์โลกเท่านั้น ความเหนื่อยก็เป็นชีวิต ถ้าจะมาเป็นคนที่มีคุณค่าต้องมาเสียสละ เกิดมาแล้วต้องตายกันทุกคน โลกีย์เป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัว ขี้โลภ เป็นเรื่องไม่มีสาระประโยชน์ ทำลาย ทำบาป เลวทราม แต่เขาไม่เข้าใจ

การขูดรีดเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ไม่ได้ประโยชน์แก่ตัวเราเลย เพราะไม่ได้ให้ประโยชน์คุณค่าแก่คนอื่นเขา

เกิดเป็นมนุษย์ หลักสำคัญคือ ต้องเป็นอรหันต์ให้ได้ ถ้าไม่อยากจะอยู่ต่อก็ปรินิพพานไป ถ้าจะเกิดมาอีกก็เกิดมาเพื่อสร้างบุญ ทำประโยชน์แก่คนอื่นและประเทศชาติ เป็นหลักประกันของสัจจะ เมื่อรู้ชัดรู้เจนแล้วไม่รู้จะเอาเปรียบเอารัด เอาลาภ ยศ สรรเสริญไปทำไม เอามาก็ไม่ได้อะไร โลกจะไม่สรรเสริญ คนเขาไม่ยอมรับ จะด่า จะว่า ไม่มีปัญหาเลย เราได้ทำสิ่งดีจริงๆเท่านั้น ก็จบ วัตถุโลก ยศ ตำแหน่ง เป็นของไม่จริง ได้มาก็ไม่ใช่ของเรา ไม่ให้ ก็ทำงานได้"

เมื่อรู้แล้วว่าคุณค่าของชีวิตอยู่ที่ไหน หากมัวประมาทอยู่ก็อาจพลาดจากการทำตนให้มีคุณค่าได้ เมื่อทำดีแล้ว อย่าหลงตน ทำตนเองให้ดีที่สุดแล้วก็จบ แล้วเราจะพบกับความสุขที่แท้จริง.

- อรส -

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ทำงานให้สนุก...อย่างมีธรรม

ความมุ่งมั่นที่ดี จะทำให้นิ่งและกล้า ไปสู่เป้าหมายได้

ความไม่สงบที่ชายแดนภาคใต้ รัฐกำลังพยายามแก้ปัญหาในหลายๆด้าน ขณะที่งานสืบสานวัฒนธรรม ไทยเวียดนามฯ ที่บ้าน ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ที่เพิ่งผ่านมานี้ ( ๗ ก.พ. ) มีผนวกเพิ่มเติมจากสองปีที่ผ่านมาก็คือ การรวมฝ่ายศาสนา เข้ามาด้วย ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม เป็นจุดเล็กๆที่พยายามทำให้เกิดการรวมกันของคนต่างศาสนา แม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่กระทรวงกลาโหม รวมถึงกระทรวงมหาดไทยสนใจ ส่งทหารให้มาร่วมประสานและจัดกำลังตำรวจส่วนหนึ่งให้มาดูแล ด้วยเกรงจะมีมือที่สามมาสร้างสถานการณ์

"..อยากจะให้คนทุกคนเข้ามาจับมือกัน ผู้ที่ใฝ่ดีอย่างที่กำลังเกิดอยู่นี้แหละ อาตมาว่าอำนาจความรวมกัน พลังที่รวมกันเป็นฤทธิ์แรงอย่างมาก และฤทธิ์แรงอย่างนี้จะแก้ปัญหาวิกฤติแม้ในขณะนี้หรือในขณะไหนๆได้ จึงอยากจะฝากความหวังไว้ที่ทุกคนไม่ว่าจะศาสนาไหนๆ เพราะคนคือสังคม ดังนั้นแต่ละคนๆจงมาจับมือกันเถิด แล้วก็มาร่วมมือกันเพื่อที่จะทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างมันดีขึ้น อาตมาว่าวิกฤติใดๆก็สลายไปได้แน่นอน.." พ่อท่านเน้นและเค้นเสียงในช่วงท้ายของการร่วมอภิปราย "ศาสนาจะช่วยสังคมได้อย่างไร?"

หลังงานเลิกแล้วทราบจากคำบอกเล่าของญาติธรรมว่า ชาวมุสลิมมีท่าทีที่ดีต่อพวกเรามาก เขาเห็นพวกเราทำงานเก็บกวาดบริการต่างๆ เขาบอกว่าที่จะทำได้อย่างนี้มีแต่ชาวอโศกเท่านั้น บางคนก็เข้ามากอดรัดเด็กของเราด้วยความเอ็นดู ป้าจุ๊แม่บ้านช่วยงานบ้านคุณนิติภูมิกล่าวกับ ร.ต.อ.สิทธิเมธว่า มีเด็กสันติอโศกมาร่วมงานอย่างนี้ดี เขามาช่วยทำความสะอาดให้หมด หนุ่มชาวเวียดนามคนหนึ่งได้ทราบ เรื่องราวของพ่อท่านจากญาติธรรม จึงได้มาขอกราบพ่อท่านหลังจากงานเลิกแล้ว พร้อมกับบอกว่าเขาไม่เคยได้กราบใครอย่างนี้นานแล้ว

เมื่อครั้งที่หลวงปู่พุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ มีพระอโศกรูปหนึ่งได้ไปกราบและถามหลวงปู่ว่า ทำอย่างไรจึงจะบวชได้นานๆอย่างหลวงปู่ครับ หลวงปู่พุทธทาสตอบว่าก็ทำงานให้สนุก

ในงานฉลองหนาว (๒๓-๒๖ ม.ค. ) ที่ผ่านมา ระหว่างพ่อท่านแสดงธรรม มีเสียงสมณะวิจารณ์ว่าพ่อท่านพูดเรื่องซ้ำๆอย่างไรก็ดูมีชีวิตชีวาทุกทีไป ทั้งๆที่การพูดอะไรๆซ้ำๆ หรือการทำอะไรซ้ำๆ คนส่วนใหญ่จะรู้สึกเบื่อ แต่ทำไมพ่อท่านจึงไม่เบื่อ ตรงกันข้าม กับดูเหมือนพ่อท่านสนุกกับการได้ทำงาน

งานที่บ้านคุณนิติภูมิ ร.ต.อ.สิทธิเมธได้รับมอบหมายจากคุณนิติภูมิให้คอยดูแล บริการพ่อท่าน ขณะที่คุณนิติภูมิต้องคอยต้อนรับรองนายกฯวิษณุ เครืองาม ในอีกที่หนึ่ง คุณนิติภูมิได้โทรมาสอบถาม ร.ต.อ.สิทธิเมธว่าพ่อท่านเป็นอย่างไร ดู Enjoy ไหม ? ร.ต.อ.สิทธิเมธบอกเล่าให้ผู้เขียนฟังกึ่งถามความเห็น ขณะนั้น ผู้เขียนเอาใจของตนตอบแทนพ่อท่านว่า พ่อท่านเข้าใจดีว่าการจัดงานที่มีคนหลายฝ่ายมาร่วมกัน ย่อมมีหลายสิ่งหลายอย่างไม่ลงตัวเรียบร้อยเป็นเรื่องธรรมดา ขอให้วางใจเถอะเราเข้าใจเหตุปัจจัยเหล่านี้ดี พวกเราเองผ่านงานใหญ่ๆที่มีคนจำนวนมาก มาร่วมหลายต่อหลายงานแล้ว เข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลง ย่อมมีได้เสมอ พ่อท่าน ทำงานตามเหตุปัจจัย ไม่ได้ทำงานเพราะ Enjoy หรือไม่ Enjoy

ก่อนงานบ้านนิติภูมิ (๖ ก.พ.) ที่ ศรีโคตรบูรณ์อโศก นครพนม พ่อท่านรับนิมนต์ให้มาแสดงธรรมกับเกษตรกร ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรสัจธรรมชีวิตแล้ว ครั้งนี้มาต่อยอดความรู้ ในชื่องานมหกรรม กู้ดินฟ้า เมื่อเดินทางไปถึงสมณะผิว พาลสุริโย ได้มากราบและสนทนาเรื่องที่ญาติโยมไม่เข้าใจ เกี่ยวกับการอุทิศส่วนกุศล พ่อท่านก็พูดเหมือนกับ อยู่ต่อหน้าคน เป็นร้อยๆ ท่าทีเนื้อหาก็เต็มที่ ดูพ่อท่านมีอิทธิบาทเสมอ ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่พูดมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว อีกทั้งตอนนี้พ่อท่าน เพิ่งฟื้นจากอาการไอ แม้จะยังมีเสมหะและไออยู่บ้างเล็กน้อย แต่เหมือนกับ พ่อท่านไม่เกี่ยงเลยว่ากำลังฟื้นตัวจากหวัด

เกี่ยวกับงานมหกรรมกู้ดินฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายๆศูนย์ฝึกอบรม ขอบอกในที่นี้เลยว่า อย่าได้พยายาม สร้างเงื่อนไข ให้พ่อท่านต้องไปร่วม ถ้าจะแจ้งให้ทราบว่ามีการจัดงานก็แจ้งได้ แล้วปล่อยให้ พ่อท่านพิจารณาจะไปร่วมได้หรือไม่ตามเหตุ ปัจจัยของพ่อท่านเองเถิด เงื่อนไขที่ว่านั้น เช่นได้เชิญผู้ว่าฯ ได้เชิญส.ส. ได้แจ้งเกษตรกรแล้วว่าพ่อท่านจะมาร่วม ฯลฯ ที่สำคัญควรดูความพร้อม และสุขภาพของพ่อท่าน เป็นหลักว่าในช่วงนั้นเป็นอย่างไร? แม้จะนัดหมายแล้ว ถ้ารู้ว่าสุขภาพพ่อท่าน ไม่ควรเดินทาง ไม่ควรใช้เสียง เจ้าภาพก็ควรขวนขวายแจ้งมานิมนต์ให้พ่อท่านงดที่จะไป จะดูดีกว่ารอให้พ่อท่านปฏิเสธ หรือทำให้พ่อท่าน ต้องฝืนสังขารไปร่วม เพราะพ่อท่านนั้นมีอัชฌาสัย ที่ทนไม่ได้ต่อความกรุณา เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจริงๆ พ่อท่านไม่ปฏิเสธใครง่ายๆหรอก เวลาที่พ่อท่านทำงานดูเหมือนสนุก จนลืมเรื่องสังขาร ของพ่อท่านเองไปเลย

ถ้าแต่ละชุมชนคิดแต่จะเอาประโยชน์ของกลุ่มตนเป็นสำคัญ ไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพพ่อท่าน หรือกิจกรรมองค์รวม ของชาวอโศกในขณะนั้นๆเป็นอย่างไร ก็จะมีเสียงพ้อๆๆ..อ้อนๆๆว่า พ่อท่านไม่ได้มาที่นี่เลยบ้าง พ่อท่านไม่ได้มานานแล้วบ้าง หรือล่าสุดทราบว่ามีการพูดข่มกันว่าที่นี่แน่กว่าที่นั้น จึงสามารถนิมนต์พ่อท่านมาร่วมงานได้ สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้เป็นเหตุ ปัจจัยที่อาจทำให้พ่อท่าน ต้องจ่ายพลังเอื้อ มากกว่าที่ควรจะเป็นก็เป็นได้ ดังนั้นชุมชนไหนที่ไม่มีท่าทีเหล่านี้เลย พ่อท่านเอง ก็ไม่ได้ไปนานแล้วด้วย แต่ก็ยังแข็งแรง ทำงานกันไปได้อย่างสนุกสำราญในธรรม ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง

ปฏิกิริยาของสังคมกำลังตอบรับชาวอโศกอย่างดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดนี้พระผู้ใหญ่ ที่ได้รับการยอมรับ อย่างยิ่งทั้งใน และนอกประเทศ ได้ส่งจดหมายตอบพร้อม แนบหนังสือของท่านเล่มใหม่มาให้ หลังจากที่ พ่อท่านได้เขียนจดหมาย ไปนมัสการเยี่ยมไข้ เนื่องจากทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ ว่าท่านอาพาธ (ขออภัย ที่ต้องขออุบนามของท่านไว้ก่อน จนกว่าจะแน่ใจว่าการเปิดเผยชื่อท่านจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ)

สิ่งนี้นับเป็นนิมิตที่ดีของปี'๔๗ นับจากนี้เป็นต้นไป การทำงานกับสังคมนับวันจะง่ายขึ้น ไม่ติดขัดเช่นก่อนๆแล้วกระมัง

ผู้เขียนเองตอนนี้รู้สึกทำงานสนุก แต่ก่อนเขียนอย่างเดียวรู้สึกอ่อนล้าไปเลยเวลาเขียนจบแต่ละที ตั้งแต่มีเครื่องช่วยนี่สะดวก และเบากว่ากันมาก จะแทรก จะตัด จะคัดลอกอย่างไรก็ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องตัดกระดาษทากาวปิดดังแต่ก่อน ยิ่งสามารถแทรกเสียงพูดเรื่องราวต่างๆได้ด้วย รวมถึงภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวในเหตุการณ์นั้นๆก็ได้ ทำให้งานเขียนบันทึก ดูมีสีสันขึ้น คุณแก่นฟ้าช่วยให้คำแนะนำ และจัดหาโปรแกรม Word XP ที่ใช้งานอย่างที่กล่าวมานี้ให้

กล้องถ่ายภาพขนาดเล็กกะทัดรัด เหมือนของเด็กเล่น มีการใช้งานอย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไร ทำให้ภาพลักษณ์ ของผู้เขียนเปลี่ยนไป งานฉลองหนาว ขณะผู้เขียนกำลังง่วนอยู่กับการโอนภาพ ลงเครื่องคอมฯ ท่านถักบุญมาเห็นเข้า ถึงกับขำ และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อผู้เขียนหันไปดู ท่านถักบุญ ยังคงจ้องมองมาพร้อมด้วยฉีกรอยยิ้มกว้างๆและกล่าวว่า " ตอนผม เป็นเด็กๆ เห็นภันเตสีลฯ ไปพิษณุโลกกับภันเต มนาโป ตอนนั้นใจผมยังคิดว่าภันเตสีลฯ ต่อไปคงเป็นฤาษีใหญ่แน่ มาถึงวันนี้ ภันเตสีลฯหิ้วเครื่องคอมฯ มือถือกล้อง มันเป็นไปได้ยังไงครับ.." อย่าว่าแต่ท่านถักบุญจะคาดไม่ถึงเลย แม้ผู้เขียนเองก็ ไม่เคยคิดว่าจะทำอย่างนี้ นึกย้อนไปหลาย เรื่องที่ไม่เคยคิดจะทำ จะเป็น แต่วันนี้ทำ และเป็นไปแล้ว เช่นไม่เคยคิดบวช.. บวชแล้วไม่คิดจะเป็นปัจฉาฯ.. เป็นปัจฉาฯ แล้วไม่คิดจะเป็นหลายปี.. ไม่เคยคิดจะใช้คอมฯ.. ไม่เคยคิดจะใช้กล้อง..ฯลฯ

ที่งานบ้านนิติภูมิ ขณะผู้เขียนกำลังโอนย้ายภาพและเสียงลงเครื่องคอมฯ ร.ต.อ.สิทธิเมธ ทักถามผู้เขียน ในหลายๆเรื่อง เกี่ยวกับชาวอโศกจนเป็นที่พอใจแล้ว ร.ต.อ.สิทธิเมธถามเกี่ยวกับส่วนตัว ของผู้เขียนว่า.. ท่านคงจบมา ทางอิเล็คทรอนิกส์ จึงมาทำเรื่องพวกนี้ ผู้เขียนต้องรีบปฏิเสธ ไปว่าเปล่าเลย อาตมาเพิ่งจะใช้เครื่องได้ ปีเดียวเอง แต่ก็อดขำในใจไม่ได้ว่า ท่าทีเราให้ปานนั้นเลยหรือนี่

ช่วงแรกของการใช้กล้อง นิ้วโผล่มาบังหน้ากล้องก็มี สั่นไหวก็หลายภาพ อีกหลายภาพก็มืด ไม่เห็นอย่างที่ตาเราเห็นเลย การลากเรือประวัติศาสตร์ (๒๔ ธ.ค.) มือใหม่อย่างผู้เขียนกอปรกับ กล้องเล็กอย่างนี้ คงหาภาพที่ดีได้ยาก เขินไม่น้อยเลย เมื่อฝ่ายจัดทำ VCD ประวัติศาสตร์ภาพการลากเรือ ได้ให้เกียรติ จัดผู้เขียนเข้าอยู่ในกลุ่มช่างภาพนิ่ง ขนาดผู้เขียนยังขำตัวเอง ประสาอะไรกับผู้อื่น จะไม่ขำได้อย่างไร

เนื่องด้วยตามหลังพ่อท่าน จึงพยายาม ถ่ายเหมือนผู้เขียนกำลังตามพ่อท่านอยู่ คุณถึงดิน (มด) ให้ความรู้ แนะนำผู้เขียนว่า การถ่ายภาพด้านหลัง โดยมารยาทจะไม่ถ่าย ให้เห็นแค่หัว ควรให้เห็นไหล่ด้วย ต่อมาคุณทองไท (ปุ๊ก) ได้ให้คำแนะนำ ผู้เขียนมากที่สุด ทั้งเทคนิคต่างๆ รวมถึงการจัดเก็บภาพเป็นระบบ ให้สะดวก และง่าย ต่อการค้นหา

ระยะนี้พระต่างๆก็ดูญาติดีไปหมด แทบไม่เหลือเค้ารังเกียจ เช่นสิบกว่าปีก่อน ขณะกำลังจะขึ้นเครื่อง เดินทางไปเชียงใหม่ (๒๑ ม.ค.) พระรูปหนึ่งก็มานั่งสนทนาด้วย พร้อมกับถ้อยคำชื่นชม วันไปนครพนม (๖ ก.พ.) กำลังจะขึ้นเครื่องบินเช่นกัน พระจาก วัดเทพศิรินทร์รูปหนึ่ง เข้ามาทักทาย ว่าเคยเห็นพ่อท่าน ตั้งแต่พ่อท่าน ไปพบเจ้าคุณนรรัตน์ ทราบภายหลังจากลูกศิษย์ ที่ติดตามท่านว่า ท่านมีตำแหน่ง เป็นเลขาอะไรสักอย่างหนึ่ง เข้าใจว่าคงเป็นเลขาของเจ้าอาวาสกระมัง? มีชื่อว่าพระอาจารย์ลา อะไรทำนองนี้ ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ผู้เขียน ได้ถ่ายภาพเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ด้วย ทั้งภาพนิ่งและภาพวิดีโอ ดูท่านทั้งสอง ก็ไม่ได้แสดง ท่าทีตกใจ หรือปฏิเสธที่จะให้ถ่ายภาพใดๆ

ที่ปฐมอโศก (๒ ก.พ.) พระพยอม กัลยาโณ จากวัดสวนแก้ว ได้รับนิมนต์จากญาติผู้ตาย ให้มาเทศน์หน้าศพ ก่อนเผาคุณกราบดิน หรือกานดา สายงาม หลังเทศน์เสร็จ พ่อท่านเดินทางมาถึงพอดี จึงเดินไปต้อนรับ ทักทายพระพยอม ซึ่งกำลังสนทนา กับญาติโยมที่ศาลาวิหาร ผู้เขียนรีบวางสิ่งของ เดินไปดักรอเหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้นเพื่อบันทึกภาพ พระพยอม เหลียวมาเห็นพ่อท่านกำลังเดินมา จึงลงจากที่นั่งอยู่ ประนมมือนมัสการ พ่อท่านเอง ก็ประนมมือ นมัสการตอบ เราบันทึกภาพ ได้พอดี แต่เป็นภาพวิดีโอ ด้วยคิดว่าเสร็จจากนี้แล้ว จะถ่ายภาพนิ่งต่อ เพราะภาพวิดีโอทำให้เห็น การเคลื่อนไหว ขณะพบได้ ประสิทธิภาพของกล้องถ่ายภาพวิดีโอ ครั้งหนึ่งได้ ๓๐ วินาที เสียดายจังพระพยอมนมัสการลากลับ ก่อนจะหมด ๓๐ วินาที ทำให้ไม่ทัน ได้ถ่ายภาพนิ่ง ผู้ใช้กล้องคนอื่นก็ ไม่มีใครได้ถ่ายไว้ ถามผู้รู้หลายคนว่าดึงเอาภาพจากวิดีโอ มาทำเป็นภาพนิ่ง ได้ไหม? ท่านธัมมาฯและคุณแก่นฟ้าก็ตอบว่าได้ แต่ภาพมันจะแตก

ที่วัดเสมียนนารี (๒๐ ม.ค.) พ่อท่าน ได้ไปร่วมงานเผาศพโยมไพบูลย์ มีเหตุการณ์ ที่พ่อท่านและพวกเราไม่คาด มีเสียง จากพิธีกร ประกาศนิมนต์พ่อท่านไปชักผ้าบังสุกุล ตามปกติพ่อท่านจะพาพวกเราปฏิเสธ ที่จะทำพิธีกรรมนี้ แต่สถานการณ์ อย่างนั้น ยากที่จะอธิบายให้คนในงานนั้นเข้าใจ พ่อท่านตัดสินใจอนุโลม เดินขึ้นไปที่เมรุ ผู้เขียนตัดสินใจ รีบเดินตาม เปิดกล้องกดไปที่การถ่ายภาพวิดีโอ พ่อท่านชักผ้าเสร็จไม่ถึง ๑๐ วินาที หันกลับเดินลงไปที่นั่งตามเดิม เหลือเวลาอีก ๒๐ วินาที ผู้เขียนไม่กล้าเดินตาม แล้วยกกล้องถ่าย ตัดสินใจ ยืนอยู่บนเมรุนั้น หันหน้ากล้องถ่ายตามหลังพ่อท่าน ที่กำลังเดินลงบันได ซึ่งมีมุมกว้าง ของแขก ที่นั่งอยู่ประกอบ แล้วยกกล้องค้าง ไว้อย่างนั้น จนหมดเวลา ๓๐ วินาที

ในหลายต่อหลายเหตุการณ์ผู้เขียนยังรู้สึกเกร็ง และเกรงความรู้สึกของผู้คน ในขณะถ่ายภาพ เหตุการณ์ต่างๆนั้น หวั่นไปว่าอาจมีคนไม่เข้าใจว่า กำลังทำอะไร ถ่ายไป ทำไม และอาจคิดไปได้ว่า ฆราวาสก็มีถ่าย อยู่หลายกล้องแล้ว เหมือนเด็กๆเห่อของ อวดโชว์ของหรือเปล่า ด้วยกล้องเล็กๆ เหมือนของเล่นเด็ก มากกว่าการใช้งานที่เป็นกิจจะลักษณะ ขณะที่ความตั้งใจ ของผู้เขียนนั้น ทำจริงๆไม่ได้เล่น และไม่คิดอวดโชว์ใครเลย คงมีไม่กี่คนหรอกที่เข้าใจ ดังนั้น ในหลายๆเหตุการณ์ ผู้เขียนจึงยังไม่กล้า ไปยืนถ่าย ในที่ที่น่าจะได้ภาพที่ดี แต่ก็มีหลายเหตุการณ์ ก็เกิดความกล้าขึ้นมา อย่างไม่เกรงใครจะคิดอย่างไร ก็เพราะความมุ่งมั่นตั้งใจว่า ทำเพื่อคนยุคหน้า ในอีก ๑๐๐-๒๐๐ ปีขึ้นไปโน่น จะได้เห็นได้ดู ในขณะที่คนยุคนี้ ได้เห็นอยู่อย่างชินตาแล้ว สิ่งที่ผู้เขียนคิดและตั้งใจทำก็คือ ในงานเขียน บันทึกเหตุการณ์ต่างๆนั้น ลงเครื่องคอมฯ มันพิเศษกว่าการเขียนธรรมดาๆ ตรงที่ เมื่ออยากจะฟังเสียงในเหตุการณ์นั้น ก็กดฟังได้ทันที เมื่ออยากจะดู ภาพประกอบ ก็กดดูได้ทันที ที่พิเศษกว่านั้นก็คือมีภาพวิดีโอเคลื่อนไหวครั้งละ ๓๐ วินาที เพิ่มเข้ามา เกินกว่าที่ผู้เขียนคิด และตั้งใจไว้เดิม ทำให้การบันทึกภาพครั้งหลังๆ ผู้เขียนใช้ภาพวิดีโอ เป็นส่วนสำคัญ

บางสถานการณ์ยังไม่กล้าถ่ายภาพเกรงผู้อยู่ในเหตุการณ์ไม่เข้าใจถือสา เช่น เหตุการณ์ผ่านช่องตรวจอาวุธ ก่อนขึ้นเครื่องบิน พ่อท่านจะมีโลหะ ซึ่งเป็นพวงกุญแจบ้าง ติดที่ตัวประจำ ทำให้การเดินผ่าน ช่องตรวจอาวุธ จะมีเสียงดัง เมื่อมีเสียง เจ้าหน้าที่ ก็ต้องทำหน้าที่ เขาก็ขอตรวจค้น ล่าสุด (๖ก.พ.) ที่สนามบินสกลนคร ก่อนขึ้นเครื่อง เดินทางกลับกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่หญิง ได้ทำหน้าที่ตรวจ พ่อท่าน ควักเอาสิ่งของในกระเป๋าอังสะ มาใส่มือแบให้ดู ผู้เขียน อยากจะบันทึกภาพวิดีโอไว้ ให้เห็นความเป็นธรรมดาสามัญของชีวิตพ่อท่าน เป็นเหตุการณ์ ที่ยังไม่เคยมีใครบันทึกเอาไว้ แต่ก็เกรงเจ้าหน้าที่เขาไม่เข้าใจ ขณะกำลังยืนลังเลอยู่ เจ้าหน้าที่หญิงนั้น มองผ่านไปด้านหลังผู้เขียน แล้วเธอก็ถอยออก ไม่ทันไร มีชายคนหนึ่ง มาช่วยหิ้วสิ่งของ บาตร และกระเป๋าของพ่อท่าน นำพ่อท่านไปนั่งในที่นั่ง และสนทนากันเล็กน้อย ท่าทีและสถานการณ์ อย่างนั้น ทำให้เข้าใจว่า ชายคนนั้นคงเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ของสนามบินสกลนครกระมัง เขาคงส่งสัญญาณ บอกเจ้าหน้าที่หญิง ให้ระงับการตรวจค้นพ่อท่าน

ภาพเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ในหลายๆ ภาพจะเขียนอธิบายอย่างไร ก็สู้ได้ดูจากภาพไม่ได้ ยิ่งเป็นภาพเคลื่อนไหว ที่มีเหตุการณ์จริงขณะนั้นๆด้วยแล้ว ทั้งสีหน้ารอยยิ้ม การแสดงออก จะเขียนยังไง ก็ไม่สู้ดูจากภาพจริงเลย เมื่อได้ภาพถ่ายแล้ว ผู้เขียน จะเขียนเหตุการณ์แวดล้อม ที่ไม่มีในภาพประกอบ หรือความคิดความเห็น ในเหตุการณ์ นั้นๆเข้าไปในเครื่องคอมฯ งานนี้จึงยิ่งกว่าการเขียนบันทึก ยิ่งกว่าการถ่ายภาพ ยิ่งกว่าการบันทึกเสียงจากเหตุการณ์จริง เพราะเป็นการรวมเอาทั้งหมด มาไว้ในที่เดียวกัน ที่แถมเพิ่มก็คือ ภาพวิดีโอเล็กๆ

แต่ปัญหาของผู้เขียนตอนนี้ก็คือ ยังใช้กล้องไม่เป็น ไม่ได้อย่างที่ใจอยากจะให้เป็น หลายภาพ ถ่ายระยะไกล ใช้ซูมเข้ามา ภาพก็แตก บางทีตาเราเห็นสว่างๆ ถ่ายออกมามืด ยังต้องเรียนรู้อีกมาก เกี่ยวกับเทคนิค การปรับค่าต่างๆ ที่ดูได้ภาพดีที่สุด ก็คือการถ่ายใกล้ๆ ทั้งภาพนิ่งและภาพ วิดีโอ สิ่งเหล่านี้แหละ ที่เหมือนยากใจ ทุกทีที่จะเข้าไปถ่าย ซึ่งดูเหมือนอวดโชว์ แม้แต่พ่อท่านเอง ก็ยังไม่รู้ว่า เป็นการถ่ายภาพวิดีโอ จึงทักติงผู้เขียนว่า ทำไมคุณกว่าจะถ่ายภาพได้แต่ละที ใช้เวลานานจังเลย อย่างนี้ไม่ทันการณ์

กล้องดิจิตอลไม่เปลืองฟิล์ม ทำให้ ผู้เขียนกดถ่ายไปได้เรื่อยๆ แล้วค่อยมาคัดภาพไม่ดีทิ้ง แต่ความจุภาพ หรือ Memory มันเต็มเร็วเท่านั้น ซึ่งก็ต้องรีบมาถ่ายโอนเข้าเครื่อง หากต้องใช้งานต่อ ช่วงงาน ฉลองหนาว มีภาพดีๆเยอะ ทำให้ผู้เขียน ต้องเดินไปมาระหว่างศาลาซาวปี๋ และเฮือนเสียงธรรม ที่สามารถใช้ไฟฟ้า กับเครื่องคอมฯ ได้ ด้วยอยู่ห่างไกลกัน เสียงเหตุการณ์ ที่ศาลาซาวปี๋ ก็ไม่ได้ยิน ทำให้ขาดการบันทึกเสียงไปบ้าง

ไม่ว่าเสียงหรือภาพ เมื่อนำลงเครื่องคอมฯ ก็ไม่ได้เปลืองเนื้อที่อะไรมาก ทำให้ผู้เขียนพยายามที่จะเก็บ ให้ได้หมดทุกเหตุการณ์ ทั้งภาพและเสียง ไม่เว้นแม้เสียงทางโทรศัพท์ ด้วยตั้งใจว่า จะเก็บข้อมูล ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ แม้จะเป็นการเพิ่มงาน เพิ่มภาระที่ต้องดูแลรักษา จะเข้าห้องน้ำ จะไปประชุม หรือไปไหนที ก็ห่วงกังวลเกรงของจะหาย ต้องคอยปิดบังให้มิดชิด แต่ก่อนมีแต่สมุดกับปากกา ไม่มีภาระ ที่ต้องดูแลอย่างนี้ การมีวัตถุมากขึ้น แม้จะเป็นภาระมากขึ้น แต่วัตถุก็ช่วยให้ทำงาน ได้ง่ายสะดวกรวดเร็วขึ้น ทำงานได้มากขึ้น ช่วยให้งานเป็นระบบระเบียบมากขึ้น แม้จะดูเหมือนขาดอิสระไป ทุกต้นเดือน และปลายเดือน เหมือนเป็นกังวล กับการส่งงาน แต่ก็สนุกกับการทำงานอย่างนี้

งานเผาศพน้าเสมอใจ (๘ ม.ค.) ทั้งพี่สาวและน้องสาวทักว่าดูท่านแก่ไปเยอะ คิ้วย่นเป็นร่องเห็นชัด งานฉลองหนาว ทิดคู่ฟ้า (อดีตสมณะวิริยพาโณ) ก็ทักเช่นนี้เหมือนกัน

ขณะประชุมชุมชนปฐมอโศก (๘ ก.พ.) ที่ผ่านมา ท่านร่มเมือง ยุทธวโร ผู้มีปกติมาเล่าและถามเรื่องต่างๆ อยู่เสมอๆ ครั้งนี้ ก็ถามผู้เขียนว่า ภันเตสีลฯทำงานอย่างนี้แล้วกามมันหมดไปไหม? ผู้เขียนได้ตอบ ท่านร่มเมืองว่า ยังไม่หมดหรอก ผมเข้าใจว่า กามจะหมดหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ทำงานหรือไม่ทำงานเท่านั้น แต่การทำงาน ช่วยให้เรามีกสิณ มีสมถะจิต ทำให้เราสงบ และนิ่งได้ ไม่มีเวลาไปคิดนึกเรื่องอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น

เฮ้อ...!!! บวชมานาน นิทานเยอะ ยาวอีกตามเคย พบกันใหม่งานพุทธาฯ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


จับกระแส ต.อ.

เหตุเกิดใน บจ.พลังบุญ

*** ปัญหาแก้ไม่ตก ใครคิดออกช่วยบอกที

ลูกค้า : เดินหน้ามุ่ยเข้ามาในห้องบัญชี
พนักงานคนที่ ๑ : "มีปัญหาอะไรหรือคะ"
ลูกค้า :
"พี่ฝากสินค้าไว้ตรงช่องรับฝากของ พี่ซื้อขนมปังมาจากร้านเซเว่นฯกับถุงยาใบนี้ พอซื้อสินค้าเสร็จถุงขนมปังหายไปแล้ว"
พนักงานคนที่ ๑ :
"ส่วนใหญ่มีแต่ลูกค้าลืมของไว้ วันหนึ่งๆหลายราย ไม่ค่อยมีของฝาก แต่ไม่เป็นไร จะหาดูให้อีกทีนะคะ"
ลูกค้า : (บ่น) "ให้ฝากของ ก็ควรมีเจ้าหน้าที่เฝ้าให้ด้วย" (เดินออกไป)
พนักงานคนที่ ๒ :
"มีนะ เรื่องลูกค้าบ่นฝากของแล้วหาย วันก่อนก็มี จนบางเจ้าไม่ยอมฝากของที่ช่องฝาก นำมาฝากกับพวกเราที่แผนกบรรจุถุง"
พนักงานคนที่ ๑ : (หน้าแตก)... "อ้าว! เหรอมี
ด้วยหรือทำไมไม่แจ้งผู้ใหญ่รับรู้ อย่างนี้ก็แย่ซิ ไม่ได้เรื่อง นี่เราต้องรับผิดชอบ ชดเชยคืนของที่หายให้ลูกค้า"
พนักงานคนที่ ๓ :
"แต่เราเขียนป้ายไว้แล้วนะ ตรงช่องฝาก"...ของหายไม่รับผิดชอบ"
พนักงานคนที่ ๑ :
"ก็แสดงว่าลูกค้ามีสิทธิไม่ฝากของเราก็ได้ เพราะของหายแล้วเราไม่รับผิดชอบ จริงไหม"
พนักงานคนที่ ๒ : (รายงาน) "ลูกค้าไปแล้ว หาของเขาไม่เจอ เราได้ชดเชยค่าขนมปังที่หาย แต่ลูกค้าไม่รับ บอกว่า เรื่องเงินไม่สำคัญหรอก แต่เขาเป็นลูกค้าประจำที่นี่ ไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ เมื่อให้ลูกค้าฝากของก็ควรดูแลของที่เขาฝากไว้ด้วย ทำอย่างนี้ใครจะกล้าฝาก"
เออ...ทำอย่างนี้แล้วใครจะกล้าฝาก(วะ)


*** เรื่องดีๆอย่างนี้ก็มีด้วย
บ่ายแก่ๆวันหนึ่ง บริเวณแคชเชียร์
ลูกค้า : "วันก่อนมาซื้อหนังสือ 'สอนลูกให้คิดเป็น' เล่มละ ๑๘๐ บาท แต่พอกลับถึงบ้าน ตรวจใบเสร็จดู ปรากฏว่าทางร้านไม่ได้คิดค่าหนังสือรวมไปด้วย ก็ยังสงสัยเหมือนกันตอนจ่ายเงินซื้อของหลายอย่างทำไมแค่ ๒๐๐ กว่าบาทเท่านั้น"
พนักงาน : (หูฝาด)"จะขอคืนเงินที่คิดเกินหรือคะ"
ลูกค้า : "ไม่ใช่ค่ะ..." (อธิบายซ้ำ)
พนักงาน : "ซื้อไปตั้งแต่เมื่อไรคะ"
ลูกค้า : "ซื้อไปตั้งหลายอาทิตย์แล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสมาวันนี้"
พนักงาน : "ขอบพระคุณมากๆนะคะ อุตส่าห์นำเงินมาคืนให้"


*** อย่าเข้าใจผิดนะคร๊าบ
เช้าวันหนึ่ง ข้างๆ บจ.พลังบุญ แท๊กซี่มาจอด คนขับรถเดินลงมาทีท่างงๆ มองซ้าย มองขวา หน้าตาเลิกลั่ก ดูแปลกๆแฮะ ฮั่นแน่ในมือถือถุงอะไรหว่า ต้องเข้าไปถามให้รู้เรื่อง
พนักงาน : "ขอโทษ มีอะไรให้ช่วย หรือมาหาใครคะ"
แท๊กซี่ : "ที่นี่ บจ.พลังบุญ หรือเปล่าครับ"
พนักงาน : "ใช่ค่ะ"
แท๊กซี่ : (ดีใจหาเจอจนได้) "คือ คุณยายผมซื้อสินค้าที่นี่ประจำ แกบอกผมว่า ที่นี่กำลังขาดแคลนถุงพลาสติคใบใหญ่ใส่สินค้า คุณยายฝากผมแวะมาให้ครับ ผมจะขนลงเดี๋ยวนี้"
เปิดหลังรถ โอ้โฮ ! ตั้งหลายถุงใช้ได้อีกหลายวัน
พนักงาน : "ขอบคุณมากค่ะ"
ลูกค้าคนนี้ให้หลานชายส่งถุงพลาสติครีไซเคิลมาให้ คงคิดว่า ให้แค่ถุง แต่ไม่รู้ว่าได้มอบน้ำใจ ซึ่งมีคุณค่ายิ่งกว่าถุงแก่เรา แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรามีความสุขได้อย่างไร จริงไหม

- ต.อ.กลาง รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด
รายได้เสริมชาว อบต.หัวเสือ

เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๔๕ นายสมุย จันครา ประธานบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หัวเสือ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอขุขันธ์ จัดตั้งศูนย์ประสานงานองค์กร ชุมชนตำบล(ศอช.ต.) ซึ่งคณะกรรมการ ศอ.ช.ต. ได้จัดทำโครงการผลิต ปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด และได้รับการสนับสนุนงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ๑ ล้านบาทเศษ ก่อสร้างโรงงานเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๔๕

สอดรับกับที่ชาวบ้านรวมตัวกันตั้งกลุ่ม เกษตรกรพักชำระหนี้ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ มี นายปรีชา พงษ์สุวรรณ เป็นผู้นำกลุ่ม นำสมาชิกรับการอบรมที่ศีรษะอโศก ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ เรื่องสัจธรรมชีวิตและการผลิตปุ๋ยใช้เอง และกลับมาตั้งกลุ่มภายใต้ชื่อกลุ่มผลิตปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ดบ้านหัวเสือ สมาชิก ๘๒ คน มีนายปรีชา เป็นประธาน คณะกรรมการกลุ่ม และเข้าดำเนินกิจการในโรงงานผลิตปุ๋ย

นายปรีชากล่าวว่า ทางกลุ่มผลิตปุ๋ย ๒ ชนิดคือ ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพอัดแท่ง และปุ๋ยชีวภาพปั้นเม็ด ซึ่งปุ๋ยชีวภาพอัดแท่ง มีวัตถุดิบประกอบด้วย ปุ๋ยหมักหรือซากพืช ๔๐ กิโลกรัม แกลบดำ ๒๐ กิโลกรัม แกลบดิบ ๒๐ กิโลกรัม รำอ่อน ๑๐ กิโลกรัม และน้ำหมักจุลินทรีย์ นำมาผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน จากนั้นนำเข้าเครื่องอัดแท่ง แล้วนำเอาไปตากในร่มให้แห้ง ก่อนที่จะบรรจุถุง ถุงละ ๔๐ กิโลกรัม หว่านลงแปลงนา ๕๐-๘๐ กิโลกรัมต่อไร่ แล้วไถกลบก่อนปักดำจะได้ผลดีมาก

ส่วนปุ๋ยชีวภาพปั้นเม็ดมีวัตถุดิบประกอบด้วย แกลบดำ ๒๐ กิโลกรัม รำอ่อน ๑๐ กิโลกรัม ดินก้นหนอง ๒๐ กิโลกรัม เฟอร์ไรต์ ๑๐ กิโลกรัม ฟอสเฟต ๑๐ กิโลกรัม ปูนมาร์ล ๑๐ กิโลกรัม แคลเซียม ๑๐ กิโลกรัม โคลาไมท์ ๑๐ กิโลกรัม และน้ำหมัก จุลินทรีย์ นำมาผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน แล้วนำขึ้นจานเครื่องปั้นเม็ด จากนั้นตากให้แห้งแล้วบรรจุถุง หว่านลงนา ๘๐ กิโลกรัมต่อไร่ แล้วไถกลบจะได้ผลดี

ราคาส่งขายจะแยกเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพอัดแท่งกระสอบละ ๒๐๐ บาท ปุ๋ยชีวภาพปั้นเม็ดกระสอบละ ๒๗๕ บาท ขายปลีกกิโลกรัมละ ๕ บาท

"ขนาดไม่เคยขนปุ๋ยไปส่งลูกค้า ก็ยังผลิตขายไม่ทัน เพราะมีการสั่งจองเข้ามาจำนวนมาก ส่วนสมาชิกของกลุ่ม ไม่มีส่วนลด ให้เป็นพิเศษ เพราะจะได้รับเงินปันผลปลายปีอยู่แล้ว ตอนนี้เงินจากการขายปุ๋ย ๑๐๙,๐๒๔ บาท ฝากไว้ที่ธนาคาร มีคณะกรรมการฝ่ายการเงินควบคุมการเบิกจ่ายอย่างเคร่งครัด" นายปรีชากล่าว

นายสมุยกล่าวว่า อบต.หัวเสือกำลังหาทาง สนับสนุนเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอกับยอดสั่งจอง โดยหารือกับสมาชิก อบต. เพื่อจัดสรร งบประมาณให้ เนื่องจาก สร้างรายได้ให้ชาวบ้านที่กำลังทยอยกันสมัครเข้าเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น

แนวคิดแบบนี้หากขยายไปยังท้องถิ่นอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว "ดิน" อันเป็นทรัพยากรที่สำคัญของอาชีพเกษตรกรรม ก็ไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมีอีกต่อไป!!!
(จาก นสพ.มติชน ฉบับวันที่ ๑๙ มิ.ย.๔๖)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชุมชนศาลีอโศกจัดอบรม เยาวชนคนสร้างชาติรุ่นที่ ๑
พัฒนาจิตวิญญาณ เรียนรู้การพึ่งตนเอง ฝึกใช้ชีวิตในชุมชน

ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๘ มกราคม ๒๕๔๗ การเข้าค่ายครั้งนี้มีเด็กๆจากโรงเรียนต่างๆ ๗ โรงเรียนของอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ รวมทั้งหมด ๑๒๓ คน ล้วนแต่เป็นชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ทั้งหมด

วันที่ ๑๔ ม.ค. นักเรียนสัมมาสิกขาศาลีอโศกได้จัดกิจกรรมโดยมีด่านต่างๆ เพื่อ ทดสอบสมาธิและปัญญา จากนั้น ก็ได้เชิญตัวแทนชาวชุมชนกล่าวเปิดการต้อนรับเด็กๆ ที่มาเข้าค่ายครั้งนี้ รับประทานอาหารเช้า และปฐมนิเทศโดย สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร กล่าวถึงการเป็นเด็กดีของพ่อแม่ และปฏิญาณตนรักษาศีล ๕ จากนั้นได้ให้เรียนรู้สถานที่ตามจุดต่างๆ ของชุมชนและร่วมกิจกรรมต่างๆจนกระทั่งค่ำ

สำหรับกิจกรรมแต่ละวัน เริ่มต้นด้วยการทำวัตรเช้าโดยมีสมณะ-สิกขมาตุ แสดงธรรม จากนั้นมีการตอบปัญหาธรรมะ ที่ได้ฟังในแต่ละวัน ร่วมกันออกกำลังกายแบบตามธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ และร่วมแรงร่วมใจ(ลงงาน) กิจกรรม ๕ ส. สาระบันเทิง และร่วมแรงร่วมใจกันอีกครั้งในช่วงบ่าย รับประทานอาหารเย็น สำหรับกิจกรรมภาคค่ำ มีการพบสมณะ สัมภาษณ์คุณตา ลำพัน และสัมภาษณ์เด็กสัมมาสิกขาชั้น ป.๖ โดยมีเด็กที่มาเป็นผู้สัมภาษณ์ จากนั้นก็สวดมนต์แยกย้ายกันไปพักผ่อน

วันที่ ๑๘ ม.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเข้าค่าย มีการทำวัตรเช้าสมณะ-สิกขมาตุ ให้พรก่อนกลับ กตัญญูต่อสถานที่ ทำความสะอาดที่พัก เปิดใจน้องเลี้ยง ความรู้สึกของเด็กที่มาเข้าค่าย ต่างก็มีความรู้สึก อยากนำสิ่งดีๆ ที่ได้รับไปพัฒนาโรงเรียน และครอบครัวของตน ฝึกทำน้ำยาล้างจานและน้ำยาซักผ้าใช้ในครอบครัว ฝึกไม่ใส่รองเท้า กินอาหารไม่ให้เหลือ จากนั้นก็รับประทานอาหารร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย และเข้าพิธีอำลาเดินทางกลับบ้าน.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


พ่อท่านร่วมสานวัฒนธรรมไทยเวียดนาม
เสวนาหัวข้อ "ศาสนาช่วยคนได้อย่างไร"
เปิดตลาดอาริยะ ขายสินค้าต่ำกว่าทุน

สัมพันธ์ พุทธ คริสต์ อิสลาม ศาสนาเป็นที่รวมของสังคม ซุ้มอาหารมังสวิรัติ แจกฟรีในงาน

แม้ทางภาคใต้ของไทยเกิดเหตุการณ์ร้อนระอุทำร้ายทำลายเข่นฆ่ากันไม่เว้นวัน แต่ก็มีชาวพุทธ คริสต์ อิสลามกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งร่วมรวมใจกันจัดงาน "สืบสานวัฒนธรรมไทย เวียดนาม พุทธ คริสต์ อิสลาม" ในวันเสาร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ณ บ้านแด่แผ่นดินของ ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ หมู่บ้านเลคการ์เด้น ถนนขุมทอง-ลำต้อยติ่ง แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ

โดยมีประธานฝ่ายพุทธ - พ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ พุทธสถานสันติอโศก, ประธานฝ่ายคริสต์ - ภราดาบัญชา แสงหิรัญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ภราดาประทีป ม.โกมลมาศ อธิการบดีกิตติคุณ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, ประธานฝ่ายอิสลาม - รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (NIDA) เลขาธิการมูลนิธิ เพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย, ประธานในพิธี - ฯพณฯปองพล อดิเรกสาร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, ประธานอำนวยการ -ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียและแอฟริกาศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, ประธานจัดงาน - ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ร.น. รองประธานชุมชนสันติอโศก คุณดุสิต ศาสนอนันต์ - ประธานชมรม วิสัยธรรมปริทัศน์, เลขานุการ/ประสานงาน- คุณสุบงกช นิตยะ คุณสมเดช มัสแหละ, ด้านอาหารมังสวิรัติ ของที่ระลึก การแสดง พิธีกร ป้าย ต้อนรับ ค่าเช่ารถบริการรับส่งชาวเวียดนาม-ชาวอโศก, ด้านแสงสีเสียง- ชมรมวิสัยธรรมปริทัศน์, ด้านบันทึกภาพ-ทีมงานบาลาสต์, ด้านรักษาความปลอดภัย และการจราจร-เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่าร้อยนาย

ช่วงเช้าฝนเทลงมาอย่างหนักทำเอาพื้นสนามหญ้าบริเวญงานเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ทำให้บรรยากาศที่ร้อนระอุค่อยเย็นลง พอบ่ายแดดออกช่วยไล่ความชื้นแฉะออกไป

พวกนักเรียนช่วยกันเช็ดโต๊ะเก้าอี้ที่ เปียกน้ำ รถหกล้อและรถกระบะช่วยกันลำเลียง อาหารมังสวิรัติมา โดยทางซุ้มชาวอโศก มีทั้งข้าว ข้าวหลาม ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีนแกงเขียวหวาน กระเพาะเจ ส้มตำ เต้าหู้ห่อเกี้ยวทอด เห็ดปิ้ง แพนเค็ก สลัดผัก ผลไม้ น้ำสมุนไพร ทางซุ้มอิสลามมีข้าว ขนมต่างๆ ไก่ย่างและยังมีตลาดอาริยะจำหน่ายสินค้าต่ำกว่า ทุน มีหนังสือ - เทปธรรมะ ผักไร้สารพิษ ข้าวสาร อาหารแห้ง ยาสมุนไพร ฯลฯ ผู้ร่วมงานเริ่มทยอยมา รถยนต์จอดกันเต็มทั้งสองข้างทาง ยาวเป็นร้อยเมตร หน้าทางเข้าหมู่บ้าน มีป้ายผ้าติดบริเวณทางเข้า "ยินดีต้อนรับคนของแผ่นดิน" Welcome TuBan Daepandin (ภาษาเวียดนาม)

ราว ๑๔.๓๐ น. พ่อท่านเดินทางมาถึง พักนั่งสักครู่จึงเดินออกมาชมบริเวณรอบงาน ตลาดอาริยะให้กำลังใจลูกๆ สมณะ-สิกขมาตุ มาราว ๒๐ รูป เริ่มงานประมาณบ่ายสามโมงเศษพิธีกรกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน แจ้งรายการแสดงต่างๆ และแนะนำ บรรยากาศในบริเวณ งาน การแสดงชุดแรกเป็นการรำรีวิวประกอบเพลงของเยาวชนกลุ่มวิสัยธรรม ปริทัศน์ ตามด้วยการร้องเพลง ประสานเสียง ต่อด้วยการรำรีวิวประกอบเพลงขวัญของนักเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก

๑๖.๔๐ น. รายการสำคัญเป็นการเสวนา ที่เชิญตัวแทนจาก ๓ ศาสนามาแสดงความคิดเห็นในหัวข้อเรื่อง "ศาสนาช่วยคน ได้อย่างไร" โดยมีตัวแทนฝ่ายพุทธ พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์, ตัวแทนฝ่ายคริสต์ บาทหลวงวิทยา แก้วแหวน, ตัวแทนฝ่าย อิสลาม รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร พิธีกรเชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิมอบของที่ระลึก

๑๗.๐๐ น. คณะนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยวิงห์ (Vinh University) ประเทศเวียดนามเดินทางมาถึง ชาวพุทธ คริสต์ อิสลามให้การต้อนรับด้วยการยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มและสวมพวงมาลัยให้ บรรยากาศอบอุ่น ราว ๑๗.๒๐ น. คณะอาจารย์ จากมหาวิทยาลัยวิงห์เดินทางมาถึง

การแสดงรำเชิญขวัญของนักเรียน สัมมาสิกขาปฐมอโศก การรำชัดชาตรีและโขนชุดจับนาง ของนักศึกษา มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ และอะเมซิ่งไทยแลนด์ของ นักเรียนสัมมาสิกขาปฐมอโศก

ราว ๑๘.๕๕ น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิกล่าวรายงานถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยเวียดนามที่มีมาจนถึงปัจจุบันนี้นับเป็นปีที่ ๓ เมื่อวันที่ ๖ ก.พ.นี้ ฯพณฯร.ต.อ.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยและนายกรัฐมนตรีเวียดนามร่วมกันเปิดบ้านอาจอม ที่จังหวัดนครพนม ในวันที่ ๗ ก.พ.นี้มีการเปิดหลักสูตรเวียดนามศึกษาเป็นครั้งแรก ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จากนั้นกล่าวเรียนเชิญ ฯพณฯปองพล อดิเรกสาร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน เสร็จแล้ว แวะเข้าไป กราบนมัสการ พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ ขั้นด้วยการรำประยุกต์และเซิ้งกระติ๊บ ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ต่อด้วยตัวแทน จากประเทศเวียดนาม กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมเวียดนามไทยและมอบของที่ระลึก

ตามด้วยการแสดงของนักศึกษาเวียดนาม เต้นรำประกอบการตีกลอง เต้นรำประกอบการตีกะลา การแต่งกายชุด ประจำชาติ ในสมัยต่างๆ การแสดงจำต้องหยุดชั่วครู่เนื่องจากฝนเทลงมาซู่ใหญ่ ต่างคนรีบเข้าไปหลบฝนตามซุ้มหรือบ้านพัก พอฝนซาเม็ดลง การแสดงของนักศึกษาเวียดนามเริ่มต่อ ผู้ร่วมงานก็กลับเข้ามารวมกัน บริเวณหน้าเวที ชมการแสดง ด้วยความสนใจ และประทับใจเป็นอย่างมากถึงขนาดมอบเงินให้นักแสดงชาวเวียดนามและพิธีกร แม้พิธีกรบอกว่า มาช่วยงานฟรียืนยันถึง ๓ ครั้ง แต่ผู้ชมก็ยังยืนยันจะมอบ เงินให้ จึงน้อมรับไว้แล้วบอกว่า จะนำเงินไปมอบให้ส่วนกลาง ในการจัดงานครั้งนี้

 

รายการสุดท้ายเป็นการแสดงโปงลางของนักเรียนสัมมาสิกขาศีรษะอโศก นำธงชาติของไทยและเวียดนาม มาโบกสะบัด ประกอบเพลง และรำวงสามัคคีน้องพี่ โดยได้รับเกียรติจากฯพณฯปองพล, ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ, คุณทูน หิรัญทรัพย์, อาจารย์ - นักศึกษา ชาวเวียดนาม, ชาวคริสต์ และชาวมุสลิมขึ้นไปร่วมรำวงสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งๆขึ้น บรรยากาศ สนุกสนาน และอบอุ่นดี

๒๑.๓๕ น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ กล่าวขอบคุณและปิดงาน ชาวอโศกรวมพลังช่วยกันเก็บโต๊ะเก้าอี้ขยะเสร็จภายใน ๒๕ นาที

๒๑.๕๐ น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิเดินมาส่งพ่อท่านถึงที่รถและกราบขอบพระคุณ สักครู่ฝนได้เทลงมาอย่างหนัก แต่นักเรียนสัมมาสิกขา ก็ได้ร่วมร้องเพลง "คนสร้างชาติ" ให้แก่ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิจนจบเพลง

สันติภาพควรเป็นที่ใฝ่หาของทุกคนซึ่งเป็นเอกภาพบนความเชื่อที่แตกต่าง โดยมีศาสนาคือพลังรวมสังคม.

- ฅนเดินทาง -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ออกกำลังกายไม่ถูกวิธี...มีโทษ

ใครๆก็คงได้ยินการกล่าวขวัญถึงเรื่องการออกกำลังกาย ว่ามีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้ร่างกายแข็งแรง เกิดความคล่องตัว และยังทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสด้วย

ค่ะ นั่นหมายถึงการออกกำลังกายที่ถูกต้องและเหมาะสม

แต่อีกมุมหนึ่งของการออกกำลังกายก็สามารถเป็นโทษต่อร่างกายได้เช่นกัน ถ้าออกกำลังกายเป็นไปแบบ ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เป็นโทษ เหตุที่ทำให้การออกกำลังกายแล้วเป็นโทษ คือการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสมกับอายุ คนสูงอายุใช้วิธีเดินเร็วดีที่สุด ไม่เหมาะหรอกค่ะที่จะไปเล่นเทนนิส เล่นแบดมินตันหรือฟุตบอล ในเวลาที่อากาศร้อนจัด หรือรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ก็ไม่ควรออกกำลังกาย

การออกกำลังกายต้องมีการอุ่นเครื่องยืดเส้นยืดสาย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อน เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และอาการเมื่อยล้าหายเร็วขึ้น อุปกรณ์สำหรับ เล่นกีฬาก็ต้องเหมาะสมด้วยนะคะ ไม่ใช่ว่าอยากวิ่งเหยาะๆ หรือเดินเร็วๆ ใส่รองเท้าแตะไปมีหวังได้วัดสนาม หรือตะครุบหนูเป็นแน่ และที่สำคัญ อีกประการคือ ไม่ควรออกกำลังกายมากเกินไป ต้องดูความพอดีกับแรงและสภาพร่างกายของตน

ค่ะ จะเห็นว่าแม้แต่เรื่องการออกกำลังกายก็ไม่เว้นที่จะต้องเดิน สายกลาง ดูให้เหมาะสมถูกต้องกับ ตนเอง เรื่องนี้คงไม่ยาก เหมือนกับการปฏิบัติธรรมเกี่ยวกับการประมาณความพอเหมาะพอดีในแต่ละเรื่อง ซึ่งอาจจะมีความแตกต่างกันไป แล้วแต่บุคคล ใครจะประมาณได้พอเหมาะพอดีกว่ากัน คงขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการเรียนรู้ กว่าจะถึงจุดพอดีที่สุด ก็คงจะมีความผิดพลาดกันมาแล้วทั้งนั้น ข้อสำคัญเรามักจะเอาเป็นเอาตายถือสามากกับความผิดพลาดของคนอื่น แต่ให้อภัยตัวเองเสมอ

ถ้าเรารู้จักให้อภัยคนอื่นเหมือน ให้อภัยตัวเอง คงจะทำให้เรามีความสุขขึ้นมากนะคะ ผู้เขียนเองก็กำลังพยายามทำอยู่ค่ะ เรามาทำไปพร้อมๆกัน ดีไหมคะ.

- กิ่งธรรม -

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


รายชื่อสมณะ-สิกขมาตุ เกจิอาจารย์ ปี ๒๕๔๗

สมณะเกจิอาจารย์
งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ ๒๘
(อาทิตย์ที่ ๒๙ ก.พ. - เสาร์ที่ ๖ มี.ค.๔๗)

๑. สมณะดินดี สันตจิตโต
๒. สมณะเดินดิน ติกขวีโร
๓. สมณะทำดี อโสโก
๔. สมณะบินบน ถิรจิตโต
๕. สมณะผืนฟ้า อนุตตโร
๖. สมณะเสียงศีล ชาตวโร
๗. สมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ
๘. สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว
๙. สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต
๑๐. สมณะถ่องแท้ วินยธโร
๑๑. สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร
๑๒. สมณะพอแล้ว สมาหิโต
๑๓. สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ
๑๔. สมณะกลางดิน โสรัจโจ
๑๕. สมณะเมืองแก้ว ติสสวโร
๑๖. สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ
๑๗. สมณะเก้าก้าว สรณีโย
๑๘. สมณะก้อนดิน เสฏฐพโล
๑๙. สมณะฝุ่นฟ้า อัคคชโย
๒๐. สมณะกำแพงพุทธ สุพโล
๒๑. สมณะชนะผี ชิตมาโร
๒๒. สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ
๒๓. สมณะร่มเมือง ยุทธวโร
๒๔. สมณะหม่อน มุทุกันโต
๒๕. สมณะฟ้าไท สมชาติโก
๒๖. สมณะแก่นเมือง เกตุมาลโก
๒๗. สมณะสู้ซื่อ หสิโต
๒๘. สมณะมองตน เมตตจิตโต
๒๙. สมณะผองไท รตนปุญโญ
๓๐. สมณะนึกนบ ฉันทโส
๓๑. สมณะกล้าจริง ตถภาโว
๓๒. สมณะเทินธรรม จิรัสโส
๓๓. สมณะร้อยดาว ปัญญาวุฑโฒ
๓๔. สมณะดวงดี ฐีติปุญโญ
๓๕. สมณะกล้าตาย ปพโล
๓๖. สมณะก้อนหิน โชติปาสาโณ
๓๗. สมณะคำจริง วจีคุตโต
๓๘. สมณะลานบุญ วชิโร
๓๙. สมณะแก่นผา สารุปโป
๔๐. สมณะถนอมคูณ คุณกิตตโณ
๔๑. สมณะดินไท ธานิโย
๔๒. สมณะดินทอง นครวโร
๔๓. สมณะตรงมั่น อุชุจาโร
๔๔. สมณะลั่นผา สุชาติโก
๔๕. สมณะใจเด็ด จิตตคุโณ
๔๖. สมณะข้าฟ้า ฐานรโต

สิกขมาตุเกจิอาจารย์
งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ ๒๘

๑. สม.ผุสดี สะอาดวงษ์
๒. สม.มาบรรจบ เถระวงศ์
๓. สม.อ่านตน อโศกตระกูล
๔. สม.จินดา ตั้งเผ่า
๕. สม.บุญแท้ ปลาทอง
๖. สม.รินฟ้า นาวาบุญนิยม
๗. สม.กล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล
๘. สม.หยาดพลี อโศกตระกูล
๙. สม.บุญจริง พุทธพงษ์อโศก
๑๐. สม.ต้นข้าว อโศกตระกูล
๑๑. สม.สร้างฝัน อโศกตระกูล
๑๒. สม.พูนเพียร ชาวหินฟ้า
๑๓. สม.นวลนิ่ม ชาวหินฟ้า
๑๔. สม.มาลินี โภคาพันธ์
๑๕. สม.ผาแก้ว ชาวหินฟ้า
๑๖. สม.เป็นหญิง อโศกตระกูล
๑๗. สม.เทียนคำเพชร อโศกตระกูล


สมณะเกจิอาจารย์
งานปลุกเสกฯ ครั้งที่ ๒๘
(อาทิตย์ที่ ๔ - เสาร์ที่ ๑๐ เม.ย.๔๗)


๑. สมณะดินดี สันตจิตโต
๒. สมณะเดินดี ติกขวีโร
๓. สมณะทำดี อโสโก
๔. สมณะบินบน ถิรจิตโต
๕. สมณะผืนฟ้า อนุตตโร
๖. สมณะเสียงศีล ชาตวโร
๗. สมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ
๘. สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต
๙. สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต
๑๐. สมณะถ่องแท้ วินยธโร
๑๑. สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร
๑๒. สมณะพอแล้ว สมาหิโต
๑๓. สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ
๑๔. สมณะกลางดิน โสรัจโจ
๑๕. สมณะแดนเดิม พรหมจริโย
๑๖. สมณะกล้าดี เตชพหุชโน
๑๗. สมณะสร้างไท ปณีโต
๑๘. สมณะคิดถูก ทิฏฐุชุกัมโม
๑๙. สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ
๒๐. สมณะเก้าก้าว สรณีโย
๒๑. สมณะกำแพงพุทธ สุพโล
๒๒. สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ
๒๓. สมณะร่มเมือง ยุทธวโร
๒๔. สมณะหม่อน มุทุกันโต
๒๕. สมณะฟ้าไท สมชาติโก
๒๖. สมณะลือคม ธัมมกิตติโก
๒๗. สมณะเน้นแก่น พลานีโก
๒๘. สมณะกล้าจริง ตถภาโว
๒๙. สมณะเด่นตะวัน นรวีโร
๓๐. สมณะดวงดี ฐีติปุญโญ
๓๑. สมณะเลื่อนฟ้า สัจจเปโม
๓๒. สมณะกล้าตาย ปพโล
๓๓. สมณะคมคิด ทันตภาโว
๓๔. สมณะแก่นกล้า สารกโร
๓๕. สมณะดงดิน สุนทโร
๓๖. สมณะดงเย็น สีติภูโต
๓๗. สมณะดาวดิน ปฐวัตโต
๓๘. สมณะนาไท อิสสรชโน
๓๙. สมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ
๔๐. สมณะร่มบุญ ฉัตตปุญโญ
๔๑. สมณะฝนธรรม พุทธกุโล
๔๒. สมณะหินกลั่น ปาสาณเลโข
๔๓. สมณะมือมั่น ปูรณกโร
๔๔. สมณะบินก้าว อิทธิภาโว
๔๕. สมณะหนักแน่น ขันติพโล
๔๖. สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ

สิกขมาตุเกจิอาจารย์
งานปลุกเสกฯ ครั้งที่ ๒๘

๑. สม.ผุสดี สะอาดวงษ์
๒. สม.มาบรรจบ เถระวงศ์
๓. สม.จินดา ตั้งเผ่า
๔. สม.บุญแท้ ปลาทอง
๕. สม.รินฟ้า นาวาบุญนิยม
๖. สม.กล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล
๗. สม.พึงพร้อม นาวาบุญนิยม
๘. สม.หยาดพลี อโศกตระกูล
๙. สม.บุญจริง พุทธพงษ์อโศก
๑๐. สม.ฝนเย็น อโศกตระกูล
๑๑. สม.ต้นข้าว อโศกตระกูล
๑๒. สม.สร้างฝัน อโศกตระกูล
๑๓. สม.พูนเพียร ชาวหินฟ้า
๑๔. สม.นวลนิ่ม ชาวหินฟ้า
๑๕. สม.มาลินี โภคาพันธ์
๑๖. สม.ผาแก้ว ชาวหินฟ้า
๑๗. สม.ทองพราย ชาวหินฟ้า

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

หน้าปัดชาวหินฟ้า

เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๒๔ (๒๔๖) ปักษ์แรก ๑-๑๕ ก.พ.๔๗

พบกับข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวอโศกในช่วงปักษ์ที่ผ่านมา ดังนี้

ไข้หวัดนก!...ช่วงนี้ประเทศไทยกำลังเจอไข้ แม้ว่าไก่และนกจะเป็นไข้หวัดนก ก็มีผลกระทบต่อประเทศอย่างรุนแรง จิ้งหรีดจึงกราบเรียนท่านสมณะว่า อย่าได้เป็นไข้หวัดนะฮะ เพราะขนาดไก่และนกเป็นไข้หวัด ยังทำให้ประเทศชาติเสียหาย รวมถึงตัวมันเองก็ต้องถูกฆ่าตายทั้งเป็นๆ แล้วถ้าสมณะเป็นไข้หวัดจะเกิดปัญหารุนแรงขนาดไหน

ช่วงนี้ญาติโยมภายใน ก็จับตาดูอาการสมณะซาบซึ้ง สิริเตโช ซึ่งท่านเป็นไข้ตัวสั่นจนต้องนำส่งรักษาตัว ที่สถาบันเวชศาสตร์เขตร้อน เพื่อหาสาเหตุของโรคและรักษา ซึ่งขณะนี้ก็ทราบสาเหตุแล้วว่าเกิดจากลิ้นหัวใจติดเชื้อ ท่านก็เลยต้องพักรักษาตัวอยู่ระยะหนึ่งก่อน เมื่อหายดีแล้วก็คงจะได้กลับมาพักที่สันติอโศก อีกไม่นานเกินรอฮะ...

ส่วนสมณะเดินดิน ติกขวีโร ก็มีอาการปัสสาวะเป็นเลือดหากยกของหนัก ช่วงงานปอยฯที่ภูผาฯ ท่านก็ไปช่วยสร้างบ้านดิน ต้องย่ำดินและยกของหนัก อาการเก่าก็กลับมาเยี่ยมอยู่ ๒-๓ วัน ช่วงนี้ก็คงจะต้อง ขอให้ชาวบ้านราชฯสมัครสมานสามัคคี มีสาธารณโภคีเป็นที่พึ่ง จะได้ช่วยให้ท่านได้พักผ่อนเต็มที่ นี่ก็ขอรวมไปถึงชาวสันติอโศก หลายๆหน่วยงาน ที่ท่านซาบซึ้งช่วยดูแลอยู่ด้วย ก็ต้องเอาใจช่วยสมณะรูปอื่นๆที่มาช่วยดูแลแทนแบบมือใหม่หัดขับ แต่ถ้าเป็นสมณะ มือเก่าหรือมือใหม่ที่ขับแบบ ไม่ฟังใคร เอ๊ะ!ไม่รู้จะมีหรือเปล่า แต่ถ้ามีแบบนี้หลงมาล่ะก้อ โอกาสนี้ก็ตัวใคร ตัวมันนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ

ช่วยชาติ...ถ้าใครเห็นรถของมูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน ดูเผินๆหรือดูภายนอก คงไม่รู้หรอกว่า แตกต่างจากรถยนต์ ที่วิ่งตามท้องถนนทั่วไปอย่างไร ก็ขอขยายให้ฟังว่า รถของมูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อนนั้นไม่ธรรมดา ก็เพราะเป็นรถ ที่ใช้น้ำมันไบโอดีเซลที่คุณไพบูลย์ เหล่าลดา ช่วยผสมให้เป็นการกุศลนะฮะ

นอกจากนี้จิ้งหรีดยังแอบรู้มาว่า นักข่าวอโศกของเราก็จ๊าบไม่เบา เติมน้ำมันที่แตกต่างจากน้ำมันเบนซินทั่วไป เพราะใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ ที่ได้ยินมาว่า ถูก ประหยัด แรงดี เงินก็ไม่รั่วไหล ออกนอกประเทศ ช่วยกสิกรไทย ที่ปลูกอ้อยปลูกมันสำปะหลัง เพราะสามารถนำมาทำเป็นส่วนผสมของ น้ำมันชนิดนี้โดยการแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ได้

จิ้งหรีดก็ขอยกมือเชียร์สนับสนุนการใช้น้ำมันช่วยชาติแบบนี้ ถ้า หน่วยงานของชาวอโศกและญาติธรรม ชาวเราท่านอื่นๆ จะหันมาสนับสนุนกันหลายๆแรง ก็ขออนุโมทนาล่วงหน้านะฮะ...จี๊ดๆๆๆ

เกือบสูญพันธุ์... จิ้งหรีดได้ฟังวิทยุชุมชนอยู่ที่ตึกฟ้าอภัย ได้ยินคุณลูกดินอ่านข่าวเรื่องอีแร้งเอเชียว่า ใกล้จะสูญพันธุ์ เพราะจำนวนลดลงไปถึง ๙๕ % เพราะไปกินซากสัตว์ ที่มีพิษ ไม่ว่าจะเป็นวัว ควาย แพะ เป็นต้น ที่ถูกเบื่อตาย นี่ก็เป็นข่าวเตือนลูกอีแร้งของชาวเรา ให้ระวังพิษในโลกนะฮะ เพราะขืนกินไป อาจสูญพันธุ์นะฮะ...จี๊ดๆๆๆ

สลายภพ...จิ้งหรีดทางศีรษะฯ รายงานมาว่า ตอนนี้อาสุ(อุ่นเอื้อ) ดูเปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะฮะ ไม่งั้นศิษย์เก่าสัมมาสิกขาคงไม่เลือกให้เป็น ผรช.หรือประธานชมรมศิษย์เก่าฯหรอกฮะ

ที่จิ้งหรีดเห็นว่า เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ก็คือไม่พยายามทำงานคนเดียว ยอมสละเวลาส่วนตัวเอาภาระน้องๆมากขึ้น ก็คงมีบทเรียนในชีวิตมากมาย จึงต้อง "ไม่รอ ไม่หวัง แต่เราทำ" ก่อนไงฮะ ก็พลอยให้น้องๆมีที่พึ่งยามทุกข์ใจได้บ้าง จิ้งหรีดคิดว่า อาสุคงกลัวคำของปราชญ์ที่ว่า "ถ้าสบายเมื่อหนุ่ม ก็จะกลุ้มเมื่อแก่" จริง ไหมฮะ...จี๊ดๆๆๆ

ร่วมด้วยช่วยกัน...หลังกิจการงาตัดที่ปฐมอโศกโยกให้ฆราวาสเต็มขั้นดูแล เต็มตัว ปะน้ำใจ ก็มีโอกาสไปช่วยงาน ฐานซีอิ๊วที่กรักแสงฝนดูแลอยู่ ที่คิดว่าตัวเองจะได้ฝึกทำงานกับเพื่อน ไม่อยู่ในภพตัวเอง ตอนนี้โอกาสก็มาถึงแล้ว จิ้งหรีดแว่วว่า มีแนวโน้มที่จะได้ฝึกทำงานเป็นทีม ยิ่งได้คุณแรงรุ่งมาร่วมด้วยช่วยกันอีก คงได้ปฏิบัติธรรม กันสนุกแน่ จริงไหมฮะคุณปะน้ำใจ... จี๊ดๆๆๆ

ไฟดี... จิ้งหรีดที่ตึกสัมมาสิกขาสันติอโศกรีบกรีดปีกดีใจที่รุ่นพี่อยาก เอาภาระรุ่นน้อง โดยเฉพาะช่วงนี้ พี่กระแต จะขยันเอาใจใส่รุ่นน้องมากกว่าแต่ก่อน และยังมีข่าวดีอีกว่ารุ่นพี่ ม.๔ สส.สอ. ช่วงนี้ก็ไฟกำลังแรงแบบไฟดีนะฮะ มิใช่ไฟเผาผลาญทำลายบ้านช่องเรือนชาน แต่เป็นไฟชีวิตที่อยากช่วยคุรุดูแลน้องๆ

สมณะ สิกขมาตุและอาๆทั้งหลายได้ข่าวจากจิ้งหรีดนี้แล้ว คงยิ้มออกนะฮะ (ถ้าเป็นจริงก็เหมือนฝันเลยละฮะ)...จี๊ดๆๆๆ

คิดซะว่าเป็นแฟน... ทุกๆเช้าที่ โต๊ะอาหารหน้าร้าน ชมร.สันติอโศกตัวหน้าสุด ด้านติดหัวมุมซอยเทียมพร จะมีญาติธรรมทั้งรุ่นเก่า รุ่นกลางและรุ่นใหม่ นั่งสนทนาปฏิสันถารกันอย่างอบอุ่นด้วยไมตรีจิต วันก่อนจิ้งหรีด นั่งเกาะอยู่แถวนั้น ได้ยินเสียง คุณลุงสื่อศีล แสงจันทร์ นั่งคุยอยู่กับสาวน้อยผู้มาใหม่ เธอตั้งใจจะรับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นครั้งคราวสะดวก คุณลุงก็อนุโมทนาสาธุว่าดีแล้ว เริ่มแรกๆสัปดาห์ละวันสองวันก็ยังดี ได้ละการเบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก คุยไปคุยมา คุณลุงถามว่า "แล้วนี่ยังตบยุงอยู่หรือเปล่า?" สาวน้อยหัวเราะร่วน ตอบอย่างอารมณ์ดี เสียงดังฟังชัดว่า "ตบค่ะ! แต่หนูให้โอกาสเค้าก่อนสามครั้งนะคะ ทีแรกหนูเป่าๆก่อน ถ้าเป่าไล่ไปแล้วสองที ยังบินมากัดหนูอีกเป็นครั้งที่สามหนูถึงจะตบ" คุณลุงได้ยินก็อึ้งไปหน่อย แล้วกล่าวเปรียบเทียบ ให้สาวน้อยได้ฟัง เผื่อจะฉุกคิดเห็นธรรมว่า "ยุงมันหาอาหาร มันหิว มันถึงมากัดเรา ลองคิดดูสิ ว่าถ้าเรากำลังกินข้าวอยู่อย่างหิวๆ แล้วมีใครมาไล่ เราจะกินต่อหรือเปล่า หรือเราจะลุกไป?" สาวน้อยช่างเจรจา คิดนิดหนึ่งก่อนตอบว่า "ยังไงก็ต้องตบค่ะ เดี๋ยวมันเป็นยุงลาย กัดเราไม่สบาย เป็นไข้เลือดออกตายเลย" คุณลุงนิ่งคิดอีกหน่อยก่อนจะใช้กลยุทธ์ใหม่ กะให้สาวน้อยฉุกคิดถึงการเวียนว่ายตายเกิด สรรพสัตว์ทั้งหลายอาจเคยเป็นคนใกล้ตัวของเรา "บางทีนะ ยุงที่มากัดหนูน่ะ มันอาจจะเคยเป็นคนรักของหนูมาก่อน" ได้ยินคุณลุงมาไม้นี้ สาวน้อยหัวเราะคิก รีบลุกเอาจานไปเก็บใน กะละมังหน้าร้าน แล้วหันมาบอกคุณลุง ว่า "ไม่เอาแล้ว หนูไปดีกว่า โห... คุณลุงมามุขนี้ หนูตบยุงไม่ลงเลย"

จิ้งหรีดว่า ใครยังห้ามใจเรื่องตบยุงไม่ได้ น่าจะลองเอามุขของคุณลุงสื่อศีลไปใช้นะฮะ คิดซะว่ามันอาจจะเคยเป็นแฟนเราจะได้ตบไม่ลงไงฮะ...จี๊ดๆๆๆ

ควันหลง...จากการเข้าคอร์สสุขภาพ ๗ อ. หลังจากฉลองหนาว ณ พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ ต้องขอให้กำลังใจกับผู้เสียสละ มาเป็นวิทยากรทุกๆท่าน โดยเฉพาะหมอโก้,หมอหน่อย (หมอเถื่อนหรือเปล่าไม่รู้ฮะ) ขมีขมันเอาภาระและเหน็ดเหนื่อยเอาการ (แต่ไม่เป็นไรฮะยังสาวๆแรงคงยังดีอยู่) ที่ประทับใจเป็นพิเศษเห็นจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ในการต้มน้ำสมุนไพรร้อนๆ ให้ผู้เข้าอบรม ได้แก้หนาวกันทุกๆวัน (มีเสียงกระซิบว่าชื่อ คุณเซี้ยมฮะ) เป็นการทำงานที่ประสาน กันได้ดีทีเดียว สาธุ....จี๊ดๆๆๆ

มรณัสสติ
นางซิม ทรรพวสุ
อายุ ๗๙ ปี ป่วยเป็นมะเร็งที่ลำไส้ เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๓ ก.พ.๔๗ ฌาปนกิจศพวันที่ ๘ ก.พ. ๔๗ ที่วัดบางเตย กทม.

นายสมบุญ บุญพัดส่ง อายุ ๘๑ ปี (โยมพ่อของสมณะเมืองแก้ว ติสสวโร) เสียชีวิตด้วยโรคทางเดินหายใจ เมื่อวันที่ ๓ ก.พ. ๔๗ ฌาปนกิจศพ วันที่ ๑๗ ก.พ.๔๗ ที่วัดบางเตย กทม.

ก่อนจาก ขอฝากคติธรรม-คำสอนของพ่อท่านที่ว่า

งานที่ปราศจากแรงบันดาลใจจะเป็นงานหนักหรือไร้ค่าแต่งานที่พร้อมด้วยแรงบันดาลใจ จะกลายเป็นงานที่น่าปีติยินดี (ปลุกเสกฯ ๔-๑๐ ก.พ.๓๓) (จากหนังสือโศลกธรรม สมณะโพธิรักษ์ หน้า ๙๓)

พบกันใหม่ฉบับหน้า

- จิ้งหรีด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


๑๔-๑๖ ม.ค. ๔๗ - ทักษิณอโศกจัดอบรมค่าย "เคี่ยวเราเพื่อเอามิตร" ให้สมาชิกภายในชุมชนที่จ.ตรัง

๑๗ ม.ค. ๔๗ - นักเรียนวัดจันทรามาส จ.เพชรบุรี จำนวน ๑๘๐ คนมาศึกษาดูงานชุมชนปฐมอโศก จ.นครปฐม

๑๖ - ๑๗ ม.ค. ๔๗ - นักศึกษาคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนจำนวน ๔๑ คนมาศึกษาดูงานชุมชนปฐมอโศก จ.นครปฐม

๑๘-๑๙ ม.ค. ๔๗ - ชุมชนทักษิณอโศกไปออกร้านขายสินค้าบุญนิยมที่เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา

๒๑ ม.ค. ๔๗ - นักศึกษาสถาบันราชภัฏกาญจนบุรี จำนวน ๒๘ คนมาเยี่ยมชมชุมชนปฐมอโศก จ.นครปฐม

๒๗ ม.ค. ๔๗ - บาทหลวงวิทยาลัยแสงธรรม จ.นครปฐม จำนวน ๓๐ คนมาเยี่ยมชมชุมชนปฐมอโศก จ.นครปฐม

๓๑ ม.ค. ๔๗ - นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลา มาศึกษาดูงานที่ชุมชนทักษิณอโศก

๑ ก.พ. ๔๗ - นักศึกษาแพทย์แผนไทยประยุกต์ปี ๓ โรงเรียนอายุรเวท จำนวน ๑๐ คนมาศึกษาดูงาน ชุมชนปฐมอโศก จ.นครปฐม

๒ ก.พ. ๔๗ - บริษัทเจนเนอร์รัลแอพพลิเคชั่นจำกัดมาสาธิตวิธีทำน้ำยาซักผ้าด้วยเครื่อง น้ำยาปรับผ้านุ่ม แชมพูสระผม ให้ตัวแทนเครือข่ายชุมชนชาวอโศกราว ๔๐ คนที่ชุมชนสันติอโศก กรุงเทพฯ

๔ ก.พ. ๔๗ - กลุ่มแม่บ้านมุสลิมอ่าวลึก จ.กระบี่ มาศึกษาดูงานน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมักชีวภาพที่ชุมชน ทักษิณอโศก

๔-๘ ก.พ. ๔๗ - สวนส่างฝันจัดงานอบรมชีวิตสาธารณะอำนาจเจริญเมืองน่าอยู่ ที่ จ.อำนาจเจริญ

๗ ก.พ. ๔๗ - นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนจำนวน ๕๐ คนมาศึกษาดูงาน ชุมชนปฐมอโศก จ.นครปฐม

๘ ก.พ. ๔๗ - นักศึกษาและอาจารย์สถาบันราชภัฏมหาสารคามจำนวน ๑๘ คนมาศึกษาดูงานชุมชนสีมาอโศก จ.นครราชสีมา

๙ ก.พ. ๔๗ - เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทยประชุมสรุปบทเรียนโครงการพลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข งวด ๒ จำนวน ๒๓ ศูนย์ฝึกอบรม ที่ศูนย์ฝึกอบรมสันติอโศก
- นักศึกษาสถาบันราชภัฏนครราชสีมาจำนวน ๗๐ คนมาเยี่ยมชมชุมชนสีมาอโศก จ.นครราชสีมา

๑๑ ก.พ. ๔๗ - นักศึกษาปวช.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี จ.เพชรบุรี จำนวน ๑๘ คนมาศึกษา ดูงานชุมชนปฐมอโศก จ.นครปฐม

๑๒ ก.พ. ๔๗ - นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตนครราชสีมา แผนกเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตรจำนวน ๒๗ คนมาศึกษาดูงานชุมชน สีมาอโศก จ.นครราชสีมา

๑๓ ก.พ. ๔๗ - น.พ.พีรศักดิ์ ผลพฤกษา รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำนาจเจริญและคณะเดินทางมาเยี่ยมชมชุมชนสวนส่างฝัน จ.อำนาจเจริญ
- นักเรียนอนุบาลเมืองอำนาจเจริญราว ๗๐๐ คน, นักเรียนอำนาจเจริญ ๒ ราว ๓๐๐ คนและนักเรียนโคกสะอาดราว ๔๐ คน มาเยี่ยมชมชุมชน สวนส่างฝัน จ.อำนาจเจริญ

๑๔ ก.พ. ๔๗ - สวนส่างฝันจัดงานมหกรรมกู้ดินฟ้า โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญเป็นประธานเปิดงาน มีผู้ร่วมงานประมาณ ๓๐๐ คน ที่ จ.อำนาจเจริญ

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เก็บมาฝาก - โดย เศษเหล็ก -

เอทานอล
โครงการสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหาพืชผลเกษตรกร

คงไม่แปลก หากเดี๋ยวนี้คนไทยจะได้ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมจากพืชธรรมชาติ หรือ แก๊สโซฮอล์ ที่เป็นการผสมระหว่างน้ำมันเบนซินกับเอทานอล (แอลกอฮอล์ที่สกัดมาจากพืชบริสุทธิ์ ๙๙.๕%) ซึ่งช่วยลดการนำเข้าสารเพิ่มค่าออกเทน หรือ เอ็มทีบีอี จากต่างประเทศ โดยราคาของแก๊สโซฮอล์นี้จะมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน ๙๕ ถึง ๕๐ สตางค์ต่อลิตร และพิสูจน์แล้วว่าใช้ได้กับรถยนต์ทั่วไป

โดยขณะนี้ได้มีการร่วมมือกันระหว่าง ๓ กระทรวง ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะเร่งศึกษาโครงการเอทานอลให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น เพราะไม่เพียงแค่เป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้พืชผลทางการเกษตรที่มีราคาตกต่ำมานาน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง สามารถนำมาผลิตเป็นเอทานอลได้ เป็นการแก้ปัญหาให้กับชาวเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง ตลอดจนทำให้เรามีน้ำมันราคาถูกไว้ใช้ และช่วยประเทศชาติในคราวเดียวกันที่จะประหยัดเงินตราการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศได้กว่าปีละ ๓ พันล้านบาท

โดยวันนี้ประชาชนที่สนใจ สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้แล้วจากสถานีบริการในกรุงเทพฯ ประมาณ ๑๐๐ แห่ง ทั้งของ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และคาดว่าในระยะยาวจะมีผู้ค้าน้ำมันรายอื่นให้บริการเพิ่มขึ้นอีก.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน www.eppo.go.th โทร ๐-๒๖๑๒-๑๕๕๕ ต่อ ๕๔๖-๕๔๗

(จาก นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ ๒๕ ธ.ค.๔๖)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชื่อ นางละเมียด (ลำน้ำ) สุขัคคานนท์
เกิด ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗
อายุ ๗๐ ปี ภูมิลำเนา จังหวัดสงขลา
การศึกษา ป.ป. การช่างสตรี
สถานภาพ สมรส (บุตร ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑)
น้ำหนัก ๕๔ กิโลกรัม ส่วนสูง ๑๖๒ เซนติเมตร

คุณยายละเมียดเป็นญาติธรรมชาวอโศกมานานกว่า ๒๐ ปี หลังลาออกจากราชการ ก็มีโอกาสมาช่วยงาน ที่สันติอโศกอยู่เป็นประจำ จนใครๆนึกว่าคุณยายเป็นคนวัดหรือไม่ก็มีบ้านใกล้วัดเป็นแน่ แต่อันที่จริง คุณยายเดินทางข้ามจังหวัด จากบ้านที่สมุทรปราการมาที่สันติฯแทบจะวันเว้นวันอย่างไม่เบื่อเลย เรามาทำความรู้จักคุณยาย กันดีกว่าค่ะ

*** เมื่อพบอโศก
รู้จักชาวอโศกจากหนังสือสารอโศก ฉบับ "วิสาขบูชาโศกาลัย" เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๒๓ และหนังสือ "เจริญชีพด้วยการก้าว" อ่านหนังสือแล้วเกิดความรู้สึกประทับใจมาก โดยเฉพาะเจริญชีพด้วยการก้าว อ่านซ้ำ ไม่รู้เบื่อถึง ๕ จบ เกิดความรู้สึกมั่นใจ ในเส้นทางสายนี้ เลยขออนุญาตสามีมาลองฝึกปฏิบัติที่สันติอโศก สามีก็ไม่ว่าอะไร ปล่อยให้ทำอยู่สองปี พอเห็นเอาจริงก็ไม่ พอใจ เพราะลดละอะไรๆไปมาก (แต่อยู่ในฐานศีลห้า) เขารับไม่ได้ เพราะเมื่อก่อนเคยออกงานสังคมด้วยกัน และตอนนั้นเรามีปีติแรง คงจะประมาณไม่ดี ก็เลยเกิดปัญหาขึ้น เคยถามพ่อบ้านว่า "คุณอายเขาหรือที่ภรรยาของคุณ ปฏิบัติธรรม" คำตอบของเขาน่าคิด เขาตอบว่า "ไม่อายหรอก แต่มันเกินไป" ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจว่า ที่มันเกินไปน่ะ คืออะไร ก็เรายังทำหน้าที่แม่บ้านของเราตามปกติ เราคิดของเราอย่างนั้น

*** ครอบครัว
ครอบครัวเดิมของยายเป็นครอบครัวใหญ่ มีพี่ถึงแปดคนและน้องอีกสองคน คุณแม่เป็นชาวนา ว่างจากนาก็ค้าขาย คุณพ่อเป็นครู ก่อนมีครอบครัว คุณพ่อบวชอยู่ถึงเก้าพรรษา มีตำแหน่งทางพระเป็นพระใบฎีกา ส่วนคุณแม่ก็ปฏิบัติธรรมมา ตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ และรับอุโบสถศีลในวันพระมาตั้งแต่อายุ ๑๑ ขวบ ชีวิตในวัยเด็ก จึงเป็นชีวิตที่อบอุ่น สุขสงบ เพราะพ่อแม่มีแต่สิ่งที่ดีๆให้เห็นเป็นตัวอย่าง พวกเรา พี่ๆน้องๆจะไม่กล้าทำบาป พ่อแม่เปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับเรา

*** ฝ่ามรสุมก่อนพายุสงบ
เพราะฉะนั้นเมื่อพบอโศกได้รับคำสอนจากพ่อท่าน จากสมณะและสิกขมาตุ จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากนัก แต่เนื่องจากชีวิต ไม่ได้มีเพียงด้านเดียว ซึ่งเป็นการผิดธรรมชาติ ก็เลยต้องมาต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆที่เกิดจากการยึดดีของเรา ต้องต่อสู้หนักอยู่ถึง ๑๒ ปี ถึงขนาดสามีไล่ออกจากบ้านและขอ หย่า (ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยทะเลาะกันเลย) แต่เนื่องจากประโยคที่พ่อท่าน เคยสอนว่า "ยอมไม่เป็น เย็นไม่ได้" กับ "ทำดีไม่ได้ดีเพราะทำดียังไม่มากพอ" ทำให้เกิดมุมานะที่จะเอาชนะตัวเอง และอีกประโยคหนึ่ง (ในวันที่เอาจดหมายขอหย่ามาให้พ่อท่านดู) ที่พ่อท่านสั่งว่า "อยู่กับเขา ไปก่อน แต่เอาตัวให้รอดนะ" เป็นเหมือนประกาศิตจากสวรรค์

มาถึงตอนนี้เหมือนนั่งดูละครทีวี ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ภูมิใจที่ผ่านวิกฤติช่วงนั้นมาได้ ไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัวทิ้ง ให้ลูกสามคนและครอบครัวมีปัญหา ซึ้งในประโยคที่ว่า "ปฏิบัติธรรมด้วยน้ำตานองหน้า"

*** ชีวิตในบั้นปลาย
พออายุ ๕๕ ก็ลาออกจากราชการ ไม่อยู่จนเกษียณอายุ เพราะรู้ดีว่า แก่แล้วปฏิบัติธรรมได้ยาก ช่วยงานสอนเด็กนักเรียน ที่สัมมาสิกขาสันติอโศกอยู่สามปีการศึกษา รู้สึกเหนื่อย เลยออกมาช่วยงานชมรมผู้อายุยืนยาว และทำมาตลอด จนเปลี่ยนมาเป็นฐานงานพุทธรักษา ชีวิตทางบ้านลงตัว สามีขับรถมาส่งที่วัดในตอนเช้าและรับกลับในตอนเย็น และลูกสาวคนเดียวก็มาร่วมเดินทางสายนี้ด้วย ชีวิตนี้ได้แค่นี้ พอใจแล้ว

*** ฝากสุดท้าย
ของฝากจากใจคือ ขอให้จริงจังและจริงใจต่อสิ่งที่ทำ แล้วอุปสรรคจะกลายเป็นความสำเร็จ

ทุกๆอุปสรรคมีไว้ให้เราได้ฝึกความอดทนและบำเพ็ญบารมี คุณยายละเมียดได้พิสูจน์แล้วว่า ความอดทนพากเพียร และไม่ทิ้งธรรมะ ให้ดอกผลที่น่าชื่นใจ หากวันนี้ต้องพบเจอกับอุปสรรค ขออย่าได้ท้อใจ.

- เคียวสายรุ้ง รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ปฏิทินงานอโศก

ประชุมสมณะมหาเถระ ณ พุทธสถานศาลีอโศก วันที่ ๒๘ ก.พ.๔๗ เวลา ๐๕.๐๐ น.
งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ ๒๘ ณ พุทธสถานศาลีอโศก วันที่ ๒๙ ก.พ. - ๖ มี.ค. ๔๗

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]