ฉบับที่ 242 ปักษ์แรก 1-15 พฤศจิกายน 2547

[01] ค่านิยมสู่วัฒนธรรม
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "คารโวนิวาโต และอหิงสา อโหสิ"
[03] บันทึกปัจฉาสมณะ: หลงแต่รวย - ก้าวหน้า ไม่มุ่งศึกษากิเลส กู้ประเทศไม่ได้
[04] ชุมชนปฐมอโศกเกิดครบรอบ ๒ ทศวรรษ พุทธสถานตั้งครบรอบ ๒ นักษัตร จัดฉลองใหญ่ในงานมหาปวารณา'๔๗
[05] รายงานความเป็นไป ของกสิกรรมไร้สารพิษ (ตอน ๓)
[06] หนังเรื่องแรกของชาวอโศก "ฝากฟ้าแด่ดิน
[07] คนไทยทิ้งขยะเพิ่มขึ้นปีเดียวพุ่ง ๒๒ ล้านตัน เวิลด์แบงก์ชี้ค่ากำจัดหมื่นล้านแต่สุขภาพแย่
[08] สารต้านอนุมูลอิสระ
[09] เด็กอโศกได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนเยาวชนต้อนรับฯ ในโครงการ "วัยใสส่งใจถึงนายกฯ"
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] กิจกรรมชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน อินทร์บุรี:
[12] โรงบุญมังสวิรัติ ๕ ธันวาฯ
[13] นางงามรายปักษ์ น.ส.ประทุม ฉิมพาลี:
[14] ข่าวสั้นทันอโศก:
[15] ปฏิทินงานอโศก :



ค่านิยมสู่วัฒนธรรม

คุณกฤษณา พันธุ์วานิช จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้เขียนเรื่องรักษ์ 'ค่านิยมไทย' - สร้างเอกลักษณ์ชาติ ลงใน นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันจันทร์
ที่ ๑๘ ต.ค.๒๕๔๗ ไว้น่าสนใจ ก็ขอคัดลอกมาให้ชาวเราได้รับรู้เป็นบางส่วน

คุณกฤษณา ได้เขียนว่า ความหลากหลายของค่านิยมไทยมีอยู่มากมาย แต่ที่เด่นชัดที่สุดในปัจจุบัน คือ ความมีรสนิยมสูง แต่ฐานะ ทางเศรษฐกิจต่ำ ค่านิยมใหม่ จากตะวันตก เช่นคนไทยยกย่อง ผู้มีความรู้ นิยมนับญาติ ชอบ รับประทาน พร่ำเพรื่อ รักสนุก นิยมความเป็น ตะวันตก และรักอิสระ ซึ่งฝังแน่น อยู่ในจิตสำนึก ของเยาวชนไทย จากการรับวัฒนธรรมตะวันตก จากสื่อต่างๆ จากเอกลักษณ์ของคนไทย ที่ชอบเลียนแบบ

คุณกฤษณา มีความเห็นว่า สถาบันครอบครัวเป็นต้นแบบแห่งแรกที่จะเป็นตัวอย่างในการอนุรักษ์ วัฒนธรรมไทย

และให้ข้อคิดอีกว่า อย่าเห็นว่า ค่านิยมไทยเป็นเรื่องเชย ล้าสมัย ยกตัวอย่าง เช่น คนชื่อแบบไทยๆ มักหายากในปัจจุบัน แม้แต่บริษัท ห้างร้าน ก็นิยมใช้ภาษาต่างประเทศ

ชาวอโศกได้ฟังข้อคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติแล้ว ก็คงเกิดความศรัทธา และมีความมั่นใจ ในสิ่งที่พ่อท่าน และหมู่กลุ่ม กำลังพาทำว่า กำลังช่วยงานของรัฐบาลในการสร้างเอกลักษณ์ชาติ ด้วยการรักษ์ 'ค่านิยมไทย' ที่ดี ให้กับสังคมไทย

อย่างน้อยใครบางคนที่ยัง เก้อเขินเวลานุ่งผ้าถุงไปในที่ต่างๆจะได้มีความมั่นใจมากขึ้น

ส่วนวัฒนธรรมที่ดีๆของชาวต่างชาติ เราก็มิพึงปฏิเสธ เช่นการมีระเบียบวินัย รู้จักเข้าคิว หรือการกินเจ ในเทศกาลกินเจ ก็ควรสนับสนุน ส่งเสริมตลอดไป และให้ยิ่งๆขึ้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของวัฒนธรรมไทย.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


คารโวนิวาโต และอหิงสา อโหสิ

ช่วงทำวัตรเช้าวันที่ ๖ พ.ย. ๒๕๔๗ ในงานมหาปวารณาพ่อท่านได้แสดงธรรมถึงเรื่อง คารโว นิวาโต และอหิงสา อโหสิ ซึ่งนับเป็นสิ่ง จำเป็นมากสำหรับชาวอโศกที่ควรน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ...

นิวาโต คือความนอบน้อม ความถ่อมตน ไม่หยิ่งผยอง ไม่แข็งกระด้าง คุณสมบัติอันนี้เราต้องสร้างให้เป็น พฤติภาพ เป็นบุคลิก ของพวกเรา ให้ได้ สร้างให้ติดตัวเลย ฝึกไปเลย เด็กๆเล็กๆสอนไปเลย ให้เขารู้จักคลานเข่า รู้จักค้อมหัว รู้จักอ่อนน้อม รู้จักไหว้ รู้จักกราบ มันจะติดเข้าไป ในจิตวิญญาณ เข้าไปเรื่อยๆ รุ่นต่อๆไปจะมีความเป็นธรรมชาติ จะอ่อนน้อมได้มากขึ้น รุ่นพวกเราค่อนข้างจะแข็งหน่อย เพราะไม้แก่ มันดัดยากหน่อย มันก็โค้งได้บ้างนะ แต่ยังไม่สนิทเนียนหรอก ไม่เป็นไร เราก็ทำเท่าที่เราฝึกฝนได้ ส่วนรุ่นต่อไปเด็กๆเล็กๆเราก็ค่อยๆ สอนเขา มันก็จะเป็นจริง มันจะเป็นไปในอีก ๒-๓ ช่วงอายุ ก็จะเป็นวัฒนธรรมของชาวอโศก

คารโว มีนิวาโต เคารพผู้อื่น มันไม่เสียหายอะไร อย่าไปหยิ่งผยองเลย โลกทุกวันนี้อหังการอวดดี เบ่งมาก เพราะฉะนั้น เราอย่าไปเป็น คนอย่างเขา โลกเขาจะไปยังไงก็ช่างเขา เราก็ไปของเรา อ่อนน้อมถ่อมตน มีการเคารพ ผู้อื่น แทนที่จะเบ่ง พยายามไปตามฐานะ

ฐานะนี้หมายความว่ามีซับซ้อน จะทำให้ดูน่าเกลียด คนสูงก็มาเคารพ คนต่ำ ไม่รู้ว่าใครสูงใครต่ำ ไม่รู้ใครมี ธรรมมาก ใครมีธรรมน้อย ไม่รู้ต่ำรู้สูง ไม่รู้อะไร ปนเปเลอะเทอะไปหมดก็ ไม่ได้ มันก็มีอะไรของมันอยู่ในตัวพอสมควร ซึ่งทำไปแล้วมันจะเข้าใจเอง

อหิงสา คือสภาพที่เราไม่ไปเบียดเบียนใคร ทั้งตนและผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตน อันนี้ลึกซึ้ง ซับซ้อน คนทุกวันนี้ จัดจ้าน ไปติดไปยึด ไปหลง ใหล ยกตัวอย่าง คนที่ไปหลงติดยา เขาเบียดเบียนตนอย่างไม่รู้ตัว อย่าง อวิชชา คนไปหลงสวยหลงงาม หลงใหญ่หลงโต หลงเฟ้ออะไรก็แล้วแต่ หลงติด อบายมุข เขาเบียดเบียนตนด้วย อบายมุข ไปหลงกาม เบียดเบียนตน ด้วยกาม เบียดเบียนตนด้วยโลกธรรม ไปหลงลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เบียดเบียนตน ทรมาน แล้วก็แย่ง ลาภเอาไปได้เหรอ ยศเอาไปได้เหรอ สรรเสริญ เป็นศักดิ์ศรีตรงไหน จริงมันมีความจริง ของการยกย่อง สรรเสริญ มันเป็นสัจจะ แต่ไปหลงติดสรรเสริญ บางครั้งไม่จริงอย่างเขาสรรเสริญ เราก็ชอบ พวกนี้งมงาย

เพราะฉะนั้นโลกธรรมเหล่านี้ เราไปหลงในจิตในใจ อยากได้ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข กาม อัตตทัตถสุข อยากได้มาเสพ ติดเข้าแล้ว เราเบียดเบียนตน ไปติดโลกอัตตา ยึดอัตตา โอ้โห.. เบียดเบียนตน

อย่างเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มี อวิชชา จะเอาให้ได้ดังใจ มันดิ้น เด็กไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เด็กไร้เดียงสา นี่แหละ เบียดเบียนตน หนักเข้า บางทีทรมานตนเอง นั่นแหละคือ อวิชชา เบียดเบียนตน

เราไม่เบียดเบียนคนอื่นนั่นแหละเป็นหลัก คนเราก็ต้องศึกษาว่าไม่ต้องไปติดไปยึด หลักธรรมพระพุทธเจ้าสอน ให้ล้างหิงสาหมด ไม่เบียดเบียนใคร ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนท่าน ทุกอย่างสมบูรณ์ นี่อหิงสา

อโหสิ ไม่มีศัตรู ทุกอย่างอภัย ใครจะทำร้าย จะหวังร้าย จะคิดร้ายอะไรก็แล้วแต่ หรือใครจะทำร้ายเรา เราก็ยกเลิก อภัย ไม่มีการถือสา ไม่มีการติดใจ เราจะไม่มีศัตรูในโลก นี่เป็นอุดมคติใหญ่ของชาวอโศก

ใครที่ยังไม่มีนิวาโต คารโว, อโหสิ อหิงสา ก็ฝึกหัดสร้างให้เกิด กับตนให้เป็นจริงให้ได้ ไม่มีแล้วยัง ไม่ฝึกหัด กระทำให้แก่ตน ก็ได้ชื่อว่า อวิชชา อยู่ตราบ นานเท่านาน ยังไม่ใช่อโศกพันธุ์แท้...

- เด็กวัด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สดจากปัจฉาสมณะ- สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ -

หลงแต่รวย - ก้าวหน้า ไม่มุ่งศึกษากิเลส กู้ประเทศไม่ได้

ข้อความข้างต้นนี้ เป็นโศลกธรรมงานมหาปวารณาที่ผ่านมา และจะใช้เป็นโศลกธรรม ปีใหม่ด้วย ความเป็นมา ของโศลกธรรมนี้ เนื่องมาจาก คุณไฟงานขอให้พ่อท่านช่วยคิด เพื่อใช้ลงในปฏิทินใหม่ ก่อนออกบิณฑบาต (๒๐ ต.ค.) ขณะเข้าห้องน้ำ พ่อท่านคิดประเด็น ที่จะใช้เป็นโศลก ได้ส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่สมบูรณ์ ในการใช้ถ้อยคำ เมื่อไปบิณฑบาต จึงเปรยให้หมู่สมณะช่วยกันคิด กลับจากบิณฑบาต แล้วพ่อท่าน ก็มาปรับแก้ ในการใช้ถ้อยคำอีกที

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นภาวะผู้นำอย่าง พ่อท่านได้สองส่วน หนึ่งคือการให้ผู้น้อย มีส่วนร่วมในกิจสำคัญๆ ที่จะทำกับสังคม สองคือทุกอิริยาบถ ของพ่อท่านนั้น อยู่กับการตรึกนึกถึงงาน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์

หลายคนฟังหรืออ่านข้อความนี้แล้วอาจคิดไปถึงผู้นำรัฐบาล รวมไปถึงบรรดาผู้บริหารชั้นนำทั้งหลาย ซึ่งต่างมีท่าที พยายามนำพาประชาชน และบริวารไปสู่ทิศร่ำรวย-ก้าวหน้านั้น

ในงานมหาปวารณาที่ผ่านมา สมณะ เดินดินได้ให้ข้อคิดว่าโศลกธรรมนี้ ชาวอโศกทุกคนก็น่าจะเอามาใช้เป็น กรรมฐานของเราด้วย จริงทีเดียว เพราะส่วนกลาง หรือสาธารณโภคีของชาวอโศก นับวันจะโตมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ ก็อุดมสมบูรณ์ สื่อเทคโนโลยีต่างๆที่ใช้กัน ค่อนข้าง จะล้ำหน้ากว่า หลายหน่วยงานของรัฐ ป่วยการกล่าวถึง สถานปฏิบัติธรรมหลายแห่ง ยิ่งไม่มีอะไร ที่จะใช้เป็นสื่อเอาเลยด้วยซ้ำ

ถ้าชาวอโศกมุ่งแต่เพิ่มมวล เพิ่มงาน เพิ่มวัตถุสถานที่ เพิ่มเทคโนโลยี โดยไม่ได้เพิ่มการลดละกิเลสของตน ความย่อหย่อน และการละเมิดศีล ก็จะมีมากขึ้น ตามอัตราคนและข้าวของ ที่มากขึ้นด้วย สังคมบุญนิยมจะมีแต่ชื่อ ส่วนพฤติกรรมนั้น ก็ไม่ต่างไปจากสังคม ทุนนิยมทั้งหลาย ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็กู้ประเทศ ไม่ได้แน่ เพราะมุ่งแต่เศรษฐกิจและเทคโนโลยี หรือรวย-ก้าวหน้า แต่จิตใจและสังคม กลับเสื่อมต่ำ ดังประเทศที่เป็นเช่นนั้น สังคมจะเต็มไปด้วย บริโภคนิยม และกามนิยม ความฉลาดที่มีกลายเป็นเล่ห์โกง แสวงหาอำนาจ และผลประโยชน์มาให้ตน และพรรคพวกได้อย่าง ซับซ้อน แอบแฝง อ้างกติกา อ้างกฎระเบียบ อ้างหน้าที่เพื่ออัตตาของตนและพวกพ้อง

แต่การปฏิเสธคน ปฏิเสธงาน ปฏิเสธวัตถุ ปฏิเสธเทคโนโลยี โดยไม่ได้ลดละกิเลสอย่างถูกวิธี ไม่ได้ศึกษา หลักธรรม คำสอนให้ถูกต้อง ก็มีสองทิศ ทิศหนึ่งโต่งช้ายาวนาน จมอยู่กับภพ หรือวัฏสงสาร ไม่สนใจใยดีใครทั้งนั้น สังคมรอบข้าง จะเป็นอย่างไรก็ชั่ง ฉันไม่เกี่ยว เห็นแก่ตัวอย่างเลือดเย็น ส่วนอีกทิศหนึ่งจะเห็นแก่ตัวอย่างเลือดร้อน รุนแรงแค้นทำลายทิฐิ ที่ต่างไปจากตน ทำร้ายฆ่ากันได้โดยที่ไม่ได้รู้จักหน้ากันมาก่อน เพียงแค่ไม่ใช่ พวกตนเท่านั้น ก็ฆ่าได้ ดังนั้นการปฏิเสธวัตถุและเทคโนโลยี ก็อำมหิตได้ทั้ง เลือดเย็นและเลือดร้อน ยังมิใช่การเป็นอยู่สุขสันติ ภราดรอย่างแท้จริง

แม้ชาวอโศกยังไม่ขี้โลภขี้โกรธยึดถือจัดแรงขนาดนั้น แม้จะศึกษาธรรม แต่ถ้าไม่ลดละกิเลสตนจริงๆ สักวันหนึ่ง ชาวอโศก ก็จะมีแต่คนพูด และคิดเก่ง แต่ไม่มีใครทำตน ให้เป็นบุญนิยมจริง

ถ้าชาวอโศกจะไม่ถึงกาลอันเสื่อมปานนี้ หลักธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นธรรมที่ทำให้ไม่เสื่อม เป็นไปเพื่อ ความเจริญ ฝ่ายเดียวมี ๗ ประการ หรือที่เรียกว่า หลักอปริหานิยธรรม เป็นต้นว่าหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันทำกิจ สมาทาน ศึกษาในสิกขาบท หรือ การเคารพผู้ใหญ่ ที่เป็นประธาน อย่างนี้เป็นต้น ชุมชนชาวอโศกที่อยู่ห่างไกล ก็พึงน้อมนำเอาหลัก อปริหานิยธรรม นี้ไปปฏิบัติด้วยเด้อ

การประชุมมหาปวารณาครั้งนี้ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาประกอบการประชุม นอกจากการใช้เครื่อง คอมพิวเตอร์ บันทึกเสียง ยังมีกล้อง บันทึกภาพ เหตุการณ์ตลอด และใช้เครื่องตัดต่อภาพ ทันทีด้วย มีการใช้ Power Point และภาพในเหตุการณ์ต่างๆ นำเสนอประกอบ การรายงานของ พุทธสถานต่างๆ ที่ได้เตรียมมา ภาพเหตุการณ์การประชุมเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับสมณะในยุคหน้า ที่จะได้ศึกษาปัญหา และการวินิจฉัย ของสมณะในยุคนี้ โดยมีพ่อท่าน ร่วมประชุมด้วย

มีประเด็นทักถามถึงการใช้คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วว่าท่านใดที่มีและใช้เพื่อกิจใด ผู้เขียน เองก็ต้องรายงาน ให้หมู่ทราบ และยังมีการเตือน ผู้ที่ใช้กล้อง ถ่ายภาพต่างๆ ให้ดูกาล ดูหมู่บริษัทด้วย เป็นการเอาใจใส่ดูแลกัน ของหมู่สมณะ เพื่อป้องกันความหลงรวย -ก้าวหน้า หลงเพริดไปกับวัตถุ และเทคโนโลยี แต่ไม่ลดกิเลส แม้กระนั้น ก็มีผู้ปรารถนาดี อยากจะให้มีอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้ ในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ โดยส่วนตัว ผู้เขียนแค่นี้ ก็พอใจแล้ว เพราะทำงาน ได้ตามที่ต้องการแล้ว เพียงแต่ยังไม่ชำนาญ ในการใช้เท่านั้น อย่างเครื่องบันทึกเสียง สมณะกรรมกร กุสโล ที่ดูแลเรื่องการทำเท็ป ที่พ่อท่านแสดง ไว้ออกเผยแพร่ บอกคุณภาพเสียงอย่างนี้ใช้ไม่ได้ ทำออกเผยแพร่ไม่ได้ หรือกล้องก็เหมือนกัน ผู้ที่เคยใช้คุณภาพดีกว่านี้ มาใช้เครื่องนี้แล้ว เขาบอกไม่ไหว ใช้ไม่ได้ แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว ถ้าให้ไปแบกอันใหญ่ๆโตๆอย่างนั้น ก็ไม่ไหวเหมือนกัน แค่ของที่มีอยู่นี่ ก็หนักไหล่อยู่แล้ว อีกอย่าง ขืนใช้เทคโนโลยีดีมากๆ เดี๋ยวจะเข้าล็อค หลงรวย-ก้าวหน้า

ทุกวันนี้ใช่ว่าจะวางใจได้สนิท เมื่อเวลาใช้กล้องต่อหน้าสาธารณชน แม้จะเป็นญาติธรรม ก็ตาม เชื่อว่า หลายคน ไม่เข้าใจว่า ผู้เขียนถ่ายเอาไปทำอะไร เพราะฆราวาส ก็มีตั้งหลายกล้องแล้ว ชำนาญและคล่องกว่าด้วย เข้าไปได้ทุกซอกทุกมุมอีกต่างหาก แล้วกล้องตัวน้อยๆนี้ โดยรูปเหมือนวัยรุ่น เห่อแฟชั่น หลายต่อหลายครั้ง ที่นำออกมาใช้ ก็เกรงความรู้สึก ที่เหมือนอวดโชว์เทคโนโลยี ไม่อยากจะให้เด็กๆ คิดว่าเป็นความเก๋อย่างหนึ่ง ที่ต้องมีบ้าง

เมื่อจะต้องนำกล้องออกมาใช้งานก็ต้องตัดใจกับความหวั่นเกรงนี้ คิดเสียว่าเผื่อคนในอนาคตยุคหน้าๆโน้น ซึ่งจะได้ประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเก็บรายละเอียด ของชีวิตประจำวัน ของพ่อท่าน ให้เขาได้ศึกษา ทั้งภาพ ทั้งเสียง ทั้งภาพวิดีโอ แถมด้วยคำบรรยาย ในเหตุการณ์ ของแต่ละภาพ องค์ประกอบ แวดล้อมเป็นอย่างไร ก็มีให้ได้อ่าน แต่ในหลายๆเหตุการณ์ ก็ขี้เกียจบันทึก ปล่อยผ่านไป เพราะมันเมื่อย กดถ่ายภาพมาก ก็ต้องเขียนมาก ทุกวันนี้วันต่อวัน ก็แทบไม่มีเวลา ไปทำอื่นแล้ว นั่งอยู่หน้าจอทั้งวัน เหลือเพียงตอนนอน กินข้าว ออกกำลังกายเท่านั้น ที่ไม่ได้อยู่หน้าจอ บางทีประชุม ยังต้องเอาเครื่อง ไปทำด้วย ไม่เช่นนั้น ดินพอกหางหมูบานเบอะแน่ แม้เทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ถือว่าก้าวหน้า แต่ถ้าเทียบกับ ยุคหน้าๆ ก็คงจะกลายเป็น ล้าสมัยเอามากๆ ถึงอย่างไร ก็เก็บเป็นข้อมูลไว้ให้ก่อน คนยุค ต่อไปก็คงจะนำเอาข้อมูลนี้ไป Update ทำให้ ทันสมัยไปเรื่อยๆเอง

กรณีปัญหาชายแดนภาคใต้ มีการมองปัญหาว่าเหตุหนึ่งมาจากความไม่เจริญ ความยากจน คนว่างงานมาก การแก้ปัญหาก็คือ การพยายามทุ่มเท ทำให้ที่นั่นรวย -ก้าวหน้าขึ้น ผู้ที่คิดเช่นนี้ อาจมองจากตนเองเป็นที่ตั้ง ก็เพราะตนเองรวย-ก้าวหน้า จึงไม่ก่อปัญหา ทำร้ายใคร ความคิด และการแก้ปัญหาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะถูกต้อง แก้ได้หรือไม่ เพราะอเมริกาเอง ที่รวย-ก้าวหน้าก็มีผู้มองว่า เป็นผู้รุกราน เอาเปรียบ ทำร้าย ก่อความแตกแยก ในประเทศต่างๆ สิ่งนี้อาจสรุปได้ว่า การทำให้รวย-ก้าวหน้า แก้ปัญหาภาคใต้ และการก่อการร้าย ของสังคมโลกไม่ได้ รัฐเองก็พยายามแก้ปัญหา ในหลายๆทาง ทั้งมาตรการเข้มในการใช้กำลัง และการลงพื้นที่ จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อผลทางจิตวิทยามวลชน แต่ก็ดูปัญหา ยังคงคุกรุ่น รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่วิธีการ ทางจิตวิญญาณ ทางศาสนา ให้ประสานสัมพันธ์ ชาวอโศกเอง ก็ได้รับการทาบทาม อย่างไม่เป็นทางการ ให้ทำหน้าที่ทางด้าน จิตวิญญาณ เพื่อให้ไปประสาน ทำงานกับชาวบ้านมุสลิม และเป็นกำลังใจ ให้กับชาวพุทธ ที่อยู่ตรงนั้น แต่พ่อท่านเห็นว่า เขามองอโศก ยิ่งใหญ่เกินไป เราไม่ได้มีความสามารถ ปานนั้น และไม่ใช่กาล ไม่ใช่หมู่บริษัทที่ชาวอโศก จะไปทำอะไรได้ ตามที่เขาคาดหวัง

ในงานมหาปวารณานี้ก็มีผู้ถามว่า ชาวอโศกจะเสนอจุดยืนอย่างไรกับการแก้ปัญหานี้ พ่อท่านบอก ถึงจุดยืน ของเราก็คือ วางตัวเป็นกลาง ให้ได้มากที่สุด ถ้าจะต้องเสนอจริงๆ ก็ควรเป็นแนวคิดทางศาสนา ตามอุดมคติอุดมการณ์ ที่ชาวอโศกเป็น ซึ่งเขาก็ทำไม่ได้ ฟังแล้วเขาจะรู้สึก ตลกด้วย มันจะกลายเป็น ความเพ้อฝัน เสนอไป เขาก็ลบหลู่เราเปล่าๆ มันยังไม่เหมาะควรกับกาล ที่เราจะเสนออะไร ที่ควรจะเป็นก็คือ เราจะต้องวางตัว เป็นกลาง อย่างคารโว นิวาโต อหิงสา อโหสิ ให้ได้จริงๆ ซึ่งคุณธรรมอย่างนี้ ใครๆก็รับรู้ได้ว่าดี แต่ถ้าเราจะเสนอเขาไปจริงๆ เขาจะทำกันได้หรือ
ยกตัวอย่างเช่น ให้เขาเคารพ อ่อนน้อม ให้เขายอม เขาจะยอมกันได้หรือ มันจึงเป็นเรื่องตลก ถ้าเราจะเสนออะไรไป จึงไม่อยู่ในกาล องค์ประกอบ ที่จะทำอะไรได้ในตอนนี้

เมื่อมีคำถามเสริมว่า มีญาติธรรมที่เป็นทหาร แล้วได้รับคำสั่งให้ลงไปทำงานที่นั่น ซึ่งทหารเป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่เขาจะทำร้าย แล้วญาติธรรม จะต้องทำตัวอย่างไร พ่อท่านให้ข้อคิดว่า อย่าทำตัวเราให้กลายเป็นศัตรู ต้องทำตัวเราให้เป็นมิตรให้ได้ เราต้องเป็นมิตร กับทุกคนในโลก แม้แต่ผู้ถือตนว่า เป็นศัตรูกับเราก็ตาม เราก็ไม่เป็นศัตรูกับเขา เราต้องเป็นมิตรจริงๆ ถ้าจะไปในฐานะทหารอย่างนี้ ก็ยากแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ ทหารที่ดูแลป้องกัน พระเดินบิณฑบาต ก็ถูกยิง ถ้าเป็นคำสั่งให้ไป ก็ไปทำหน้าที่เท่านั้น อย่าไปออกตัวว่า เป็นอโศก อย่าให้เขาเข้าใจผิด ว่าอโศกเป็นศัตรูกับเขา ต้องเป็นอย่างจริงใจเลย ไม่ใช่เสแสร้ง ไม่ใช่มารยาท

เมื่อทราบว่าญาติธรรมคนสำคัญจะลง ไปใต้ เพื่อไปแสดงน้ำใจห่วงใยในความเดือดร้อนของเขา ถามสารทุกข์ สุกดิบเขา โดยจะมีสิ่งของ ไปแจกด้วย การไปครั้งนี้ ร่วมกับกลุ่มองค์กรเอกชน และองค์กรศาสนาหลายศาสนา พ่อท่านให้ข้อคิดแนะนำว่า ถ้าจะไปแสดงน้ำใจห่วงใย ก็ไม่ควรเอาสิ่งของ ไปแจก เพราะหลายครอบครัว เขาไม่ได้อดอยาก เขา ไม่ได้ต้องการมุ้ง ไม่ได้ต้องการอาหาร ลูกหลาน เขาตายทั้งคน เขาเสียใจ เอามุ้ง เอาข้าวของไปแจก มันแลกกันไม่ได้ มันกลับจะเป็นไปดูถูกเขาอีก การเอาเงินเอาของไปแจกนี่ไม่ได้เลย ในด้านจิตวิทยานี่พัง บางครอบครัวนี่ เขารวยนะ สิ่งของ มันไม่ได้ช่วย ให้เขาหมดเศร้าโศก และไม่ควรไปทำในลักษณะสงสาร ต้องแสดงน้ำใจ-เห็นใจ-จริงใจ แม้จะยากมาก ก็ต้องทำให้เป็นหลัก ทำให้ต่อเนื่อง ให้เป็นชิ้นเป็นอัน ก็ควรไปอยู่กับเขาจริงๆ ไม่ใช่ไปแบบฉาบฉวย ไปช่วยเขาก่อ ช่วยเขาสร้าง สิ่งที่ถูกทำลายไป แสดงถึงน้ำใจให้มาก ที่สำคัญ อย่าได้เอานักข่าว ไปด้วยเด็ดขาด ไปในฐานะชาวบ้านต่อชาวบ้าน ประชาชนต่อประชาชน และอย่าทำตัวว่า เราไปในนามของรัฐบาล เราไม่ได้อยู่ ข้างไหนเลย และอย่าทำตัวเป็นผู้สอบสวน ว่าใครผิดใครถูก ถ้าจะไปจริงๆ ก็ควรติดต่อหัวหน้าผู้นำ ในแต่ละถิ่น แต่ละที่ก่อน อย่าเข้าไป ผลีผลามเด็ดขาด ไปโดยไม่ติดต่อไม่รู้จักใครเลย ไม่ได้เลยนะ ไม่ปลอดภัย

บทสรุปการทำให้คนรวย-ก้าวหน้า ไม่สามารถแก้ปัญหาความรุนแรงและความไม่สงบของสังคมโลกได้ ทางเดียว ที่ปัญหาจะยุติ ก็คือมุ่งศึกษา การลดกิเลส ของทุกคน ของตนนั่นแหละสำคัญ จึงจะกอบกู้สังคมได้

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชุมชนปฐมอโศกเกิดครบรอบ ๒ ทศวรรษ
พุทธสถานตั้งครบรอบ ๒ นักษัตร จัดฉลองใหญ่ในงานมหาปวารณา'๔๗

รร.สส.ฐ. ร่วมฉลองครบรอบ ๑ นักษัตร
มีการแข่งขันแฟนพันธุ์แท้แบบอโศก
ม.๔ สัมมาสิกขามาศึกษาแบบบูรณาการ

งานมหาปวารณาครั้งที่ ๒๓ ระหว่างวันที่ ๔-๗ พ.ย. ๒๕๔๗ ณ พุทธสถานปฐมอโศก และปีนี้มีการฉลอง หมู่บ้าน ชุมชนปฐมอโศก ครบรอบ ๒๐ ปีด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นการบูรณาการการเรียน การสอนของ นร.สัมมาสิกขาชั้น ม.๔ ทั้ง ๖ แห่ง ของชาวอโศก รวมทั้งตัวแทนนิสิตม.วช.จาก วิชชาเขตต่างๆ ที่มาช่วยเตรียมงาน ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ต.ค. - ๒ พ.ย. คือ สันติฯ, ปฐมฯ, สีมาฯ, ศาลีฯ, ศีรษะฯ และราชธานีฯ เนื่องจากระหว่าง การเดินทาง นร.สัมมาสิกขา จากราชธานีฯ เกิดอุบัติเหตุ รถยางแตก จึงไม่ได้มาร่วมเตรียมงาน

สมณะชาวอโศกทั้งหมด ๑๐๕ รูป ได้เดินทางมาร่วมประชุมมหาปวารณา ซึ่งเป็นจารีตประเพณีของสมณะชาวอโศก ที่ปฏิบัติ สืบต่อ กันมานานถึง ๒๓ ปี มีสมณะมาร่วมประชุม มหาปวารณา ๑๐๓ รูป ลา๒ รูป คือสมณะผิว พาลสุริโย เนื่องจากอายุ มากแล้ว เดินทางไม่สะดวก และสมณะ ฟ้าแสง ปภากโร เนื่องจากคุณยายเสียชีวิต กะทันหัน ที่จังหวัดทางภาคเหนือ

พ่อท่านกล่าวว่า การประชุมปีนี้การรายงานพุทธสถานต่างๆ รายงานกันแบบไอ.ที. ใช้เพาเวอร์พอยต์ มีเรื่องที่ ญาติธรรม ควรทราบ คือ พุทธสถานต่างๆ หรือที่ต่างๆใดๆ ถ้า พ่อท่านไปเทศน์ที่ไหนก็ตาม ก็อยากจะให้ถ่ายวิดีโอไว้ แล้วส่งมาให้ ส่วนกลางด้วย

ในงานนี้แจกเทปธรรมะแสดงโดย พ่อท่าน ๓ ตลับ และหนังสือ อโศกที่เห็นและเป็นอยู่ รวม ๓ เล่ม (จากคอลัมน์ ๑๕ นาทีกับพ่อท่าน จากหนังสือ สารอโศก ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๔-๒๕๔๖) แก่ผู้มาร่วมงาน

สมณะเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา ๐๓.๓๐ น. ของวันที่ ๔ พ.ย.และยุติลงเมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. ของวันที่ ๕ พ.ย. สำหรับ รายละเอียดของงาน มีดังนี้

๕ พ.ย. ภาคค่ำเป็นการแสดงต่างๆของชุมชนบุญนิยมชาวอโศก

๖ พ.ย. พ่อท่านแสดงธรรมในช่วง ทำวัตรเช้าและช่วงก่อนฉัน และแจกแบบสอบถามความคิดเห็นของ ญาติธรรม เพื่อใช้ในกิจกรรม วันอโศกรำลึก ๒๕๔๘ เวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. หลังเทศน์ก่อนฉัน เป็นรายการแข่งขันเกมพันธุ์แท้ หนังสือสัจจะชีวิต ของพระโพธิรักษ์ และหนังสือ ชีวิตในผ้าสีหม่น โดยรูปแบบ การแข่งขัน แตกต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ละทีม จะต้องผ่านเกมทั้ง ๖ เกม คือ ๑.เรียงลำดับเหตุการณ์ จากข้อความ ๒.เล่าเหตุการณ์จากวันเดือนปี ๓.อธิบายภาพ ๔.เปิดป้ายใบ้คำคุณลักษณะ ๕.เกมทศกัณฑ์ (ตอบคำถามจากภาพ) ๖.ถาม-ตอบ

แบ่งการแข่งขันออกเป็นระดับประถมศึกษา, มัธยมศึกษา และม.วช.ร่วมกับชาวชุมชน เข้าแข่งขันทั้งหมด ๑๙ ทีม คือ ระดับประถมศึกษา ๒ ทีม, มัธยมต้น และปลายรวม ๑๓ ทีม, ม.วช.รวมกับชาวชุมชน ๖ ทีม แบ่งการแข่งขันออกเป็น ๒ รอบ คือ รอบแรก คัดเลือกทีมชนะเลิศ ระดับชั้นประถมฯ ระหว่างทีมบ้านราชฯ กับทีมภูผาฟ้าน้ำ ผลปรากฏว่า ทีมบ้านราชฯ ชนะเลิศ ระดับมัธยมฯ แบ่งเป็นทีมเอและทีมบี ผลปรากฏว่า ทีมเอสัมมาสิกขาสันติฯ ชนะเลิศ และทีมบีสัมมาสิกขาสีมาฯ ชนะเลิศ และระดับ ม.วช.รวมกับชาวชุมชน ผลปรากฏว่าทีม ม.วช.สันติอโศกชนะเลิศ ซึ่งทั้ง ๔ ทีม จะต้องไปแข่งขัน ร่วมกันอีกครั้ง ในงานอโศกรำลึกปี พ.ศ.๒๕๔๘ ที่พุทธสถานสันติอโศก โดยใช้หนังสือโพธิรักษ์-โพธิกิจ และหนังสือ องค์กรบุญนิยม ในการแข่งขัน

ภาคบ่าย รายการ "๒๐ ปีปฐมอโศก" เป็นการสัมภาษณ์ความรู้สึกของสมาชิกรุ่นบุกเบิกของปฐมอโศก ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๗

ภาคค่ำ เป็นการแสดงของกลุ่ม ชุมชน บุญนิยมต่างๆ ก่อนฉายภาพยนตร์มีการจุดพลุ เล็กๆน้อยๆ และปล่อย โคมไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อเฉลิมฉลอง ๒๐ ปี ปฐมอโศก หลังจากนั้น ฉายภาพยนตร์เรื่องแรก ของชาวอโศก "ฝากฟ้า แด่ดิน" นักแสดงส่วนใหญ่ เป็นชาวปฐมอโศก และนักแสดง จากข้างนอก บางส่วน นับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของโลก ที่นักแสดงและ ทีมงานทุกคน ทำงานฟรี ไม่มีค่าตอบแทน สำหรับผู้สนใจ หาซื้อได้ตามร้าน จำหน่าย สื่อธรรมะต่างๆ ของชาวอโศก รับรองว่า ท่านจะประทับใจไปอีกนาน

๗ พ.ย. สมณะกลางดิน โสรัจโจและสมณะเดินดิน ติกขวีโร เทศน์ทำวัตรเช้าตามลำดับ พ่อท่านแสดงธรรม ก่อนฉัน เสร็จแล้ว รับประทานอาหาร ร่วมกัน แยกย้ายกัน เดินทางกลับ ภาคบ่าย เป็นการประชุมสิกขมาตุประจำปี

วันที่ ๖,๗ สมณะบิณฑบาตในชุมชน และมีการประชุมต่างๆ เช่น การประชุมเตรียมงานปีใหม่ฯ, ประชุมตัวแทน สาขาพรรคเพื่อฟ้าดิน, ประชุมศิษย์เก่า สัมมาสิกขา ชาวอโศก, ประชุมตัวแทนคุรุสัมมาสิกขาทุกพุทธสถาน, ประชุมใหญ่สามัญประจำปี พรรคเพื่อฟ้าดิน เลือกกรรมการพรรคใหม่ เนื่องจาก ครบวาระ ผลปรากฏว่า ที่ประชุมเลือก นางสาวขวัญดิน สิงห์คำ เป็นหัวหน้าพรรค และภาคบ่ายของวันที่ ๗ ประชุมวิทยุชุมชน

มีการขายเสื้อที่ระลึกในวาระครบรอบ ๒๐ ปีปฐมอโศก และเสื้อพญาแร้ง ของญาติธรรม รายได้ทั้งหมด นำสมทบสร้าง โรงพลาภิบาล ปฐมอโศก

โศลกงานมหาปวารณา ครั้งที่ ๒๓ คือ
"หลงแต่รวย-ก้าวหน้า ไม่มุ่งศึกษาการลดกิเลส กู้ประเทศไม่ได้"


*** ปัจฉาสมณะ
ปัจฉาฯพ่อท่านคือ สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ และสมณะหนักแน่น ขันติพโล
ปัจฉาฯสมณะเดินดิน ติกขวีโร คือ สมณะดาวดิน ปฐวัตโต
ปัจฉาฯสมณะบินบน ถิรจิตโต คือ สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
ปัจฉาฯสมณะผืนฟ้า อนุตตโร คือ สมณะกำแพงพุทธ สุพโล
ปัจฉาฯสมณะเสียงศีล ชาตวโร คือ สมณะก้อนดิน เสฏฐพโล
ปัจฉาฯสมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ คือ สมณะแก่นเมือง เกตุมาลโก

*** สมณะป่วยแห่งปี
๑.สมณะกรรมกร กุสโล ๒.สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต
๓.สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน ๔.สมณะเบิกบาน ธัมมนิยโม

สมณะลงอารามตามพุทธสถานและสังฆสถานต่างๆ ทั้ง ๙ แห่งมีดังนี้
*** พุทธสถานสันติอโศก
๑.สมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ ๒.สมณะเมืองแก้ว ติสสวโร
๓.สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ ๔.สมณะฝุ่นฟ้า อัคคชโย
๕.สมณะชนะผี ชิตมาโร ๖.สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ
๗.สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช ๘.สมณะเบิกบาน ธัมมนิยโม
๙.สมณะหม่อน มุทุกันโต ๑๐.สมณะแก่นเมือง เกตุมาลโก
๑๑.สมณะกล้าจริง ตถภาโว ๑๒.สมณะร้อยดาว ปัญญาวุฑโฒ
๑๓.สมณะกล้าตาย ปพโล ๑๔.สมณะดงเย็น สีติภูโต
๑๕.สมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ ๑๖.สมณะใจเด็ด จิตตคุโณ

*** พุทธสถานปฐมอโศก
๑.สมณะกรรมกร กุสโล ๒.สมณะทำดี อโสโก
๓.สมณะเสียงศีล ชาตวโร ๔.สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต
๕. สมณะร่มเมือง ยุทธวโร ๖. สมณะลืมคม ธัมมกิตติโก
๗. สมณะก้อนดิน เสฏฐพโล ๘.สมณะมองตน เมตตจิตโต
๙.สมณะนาไท อิสสรชโน ๑๐.สมณะบินก้าว อิทธิภาโว
๑๑.สมณะข้าฟ้า ฐานรโต

*** พุทธสถานราชธานีอโศก
๑.สมณะเดินดิน ติกขวีโร ๒.สมณะแดนเดิม พรหมจริโย
๓.สมณะฟ้าไท สมชาติโก ๔.สมณะผิว พาลสุริโย
๕.สมณะผองไท รตนปุญโญ ๖.สมณะหินแก่น นมวังโส
๗.สมณะเด่นตะวัน นรวีโร ๘.สมณะเทินธรรม จิรัสโส
๙.สมณะคมคิด ทันตภาโว ๑๐.สมณะแก่นเกล้า สารกโร
๑๑.สมณะถนอมคูณ คุณกิตติโณ ๑๒.สมณะหินกลั่น ปาสาณเลโข
๑๓.สมณะดาวดิน ปฐวัตโต ๑๔.สมณะฝนธรรม พุทธกุโล
๑๕.สมณะพันเมือง ภทันโต

*** พุทธสถานศีรษะอโศก
๑.สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ๒.สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต
๓.สมณะถ่องแท้ วินยธโร ๔.สมณะกำแพงพุทธ สุพโล
๕.สมณะชาติดิน ชัญโญ ๖.สมณะดวงดี ฐิตปุญโญ
๗.สมณะชุ่มบุญ กิตตปาโล

*** พุทธสถานศาลีอโศก
๑.สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร ๒.สมณะเลื่อนลั่น ปาตุภูโต
๓.สมณะเน้นแก่น พลานีโก ๔.สมณะสมชาย ตันติปาโล
๕.สมณะก้อนหิน โชติปาสาโณ ๖.สมณะมือมั่น ปูรณกโร

*** พุทธสถานสีมาอโศก
๑.สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน ๒.สมณะสร้างไท ปณีโต
๓.สมณะแจ้งจริง อมโร ๔.สมณะคำจริง วจีคุตโต
๕.สมณะนานุ่ม กัสสโก ๖.สมณะดินไท ธานิโย
๗.สมณะร่มบุญ ฉัตตปุญโญ ๘.สมณะกล้าดี เตชพหุชโน

*** สังฆสถานทักษิณอโศก
๑.สมณะดินดี สันตจิตโต ๒.สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว
๓.สมณะพอแล้ว สมาหิโต ๔.สมณะดงดิน สุนทโร
๕.สมณะดินทอง นครวโร ๖.สมณะลั่นผา สุชาติโก

*** สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ
๑.สมณะกลางดิน โสรัจโจ ๒.สมณะนึกนบ ฉันทโส
๓.สมณะแก่นผา สารุปโป ๔.สมณะนาทอง สิงคีวัณโณ
๕.สมณะตรงมั่น อุชุจาโร

*** พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ
๑.สมณะบินบน ถิรจิตโต ๒.สมณะเก้าก้าว สรณีโย
๓.สมณะคิดถูก ทิฏฐุชุกัมโม ๔.สมณะสู้ซื่อ หสิโต
๕.สมณะเลื่อนฟ้า สัจจเปโม ๖.สมณะลานบุญ วชิโร
๗.สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทธิโธ ๘.สมณะหินมั่น สีลาปากาโร
๙.สมณะหินเพชร ธัมมธีโร ๑๐.สมณะธรรมทาบฟ้า รวิวัณโณ
๑๑.สมณะเห็นทุกข์ ยตินทริโย ๑๒.สมณะแก่นหล้า วัฑฒโน
๑๓.สมณะวิเชียร วิชโย ๑๔.สมณะฟ้ารู้ นโภคโต
๑๕.สมณะหนึ่งดี สุยิฏโฐ ๑๖.สมณะเด็ดแท้ วิเสสโก
๑๗.สมณะพอจริง สัจจาสโภ ๑๘.สมณะธาตุดิน ปฐวีรโส
๑๙.สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ ๒๐.สมณะปองสูญ โฆสิตธัมโม
๒๑.สมณะฟ้าแสง ปภากโร ๒๒.สมณะใต้ดาว เหฏฐานักขัตโต
๒๓.สมณะลึกเล็ก จุลลคัมภีโร ๒๔.สมณะเมฆฟ้า นภมังคโล
๒๕.สมณะชุบดิน วิชชานันโต ๒๖.สมณะสยาม สัจจญาโณ
๒๗.สมณะสู่สูญ สุญญคโต ๒๘.สมณะอ้วน อภิมันโต

สำหรับสมณะที่ลงอารามพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำทั้ง ๒๘ รูป อาจารย์จะส่งไปฝึกทำงาน หมุนเวียนไปช่วยตาม พุทธสถาน -สังฆสถานต่างๆ ตามกาละ ตามความเหมาะสม ตามความต้องการ

และแจ้งข่าวถึงญาติธรรมทุกท่านที่จะจัดโรงบุญ ๕ ธันวาฯ ซึ่งมาถึงปีนี้ ๒๒ ปีแล้ว กลุ่มใด หรือผู้ใดจะจัด โรงบุญ ให้แจ้งวัน-สถานที่ ไปยังคุณปะพัดชา ชาวหินฟ้า แผนกธรรมโสต พุทธสถานสันติอโศก ก่อนวันที่ ๒๐ พ.ย. ๒๕๔๗ และหลังจาก จัดโรงบุญแล้ว กรุณาส่งหลักฐานต่างๆที่มี เช่น ภาพถ่าย วิดีโอ รายงานบรรยากาศของงาน ส่งไปให้ด้วย ก่อนวันที่ ๑๐ ธ.ค. ๒๕๔๗ เพื่อเป็นข้อมูลหลักฐาน ลงหนังสือสารอโศก เป็นการปลูกฝัง ให้แก่มนุษยชาติสืบไป

ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ บ้าน วัด โรงเรียน (บวร) คือครบรอบ ๒๐ ปีหมู่บ้านชุมชนปฐมอโศก (ก่อตั้ง พ.ศ.๒๕๒๗) ครบรอบ ๒๔ ปี พุทธสถาน ปฐมอโศก (ก่อตั้ง พ.ศ.๒๕๒๓) และครบรอบ ๑๒ ปีโรงเรียนสัมมาสิกขา ปฐมอโศก (ก่อตั้ง พ.ศ.๒๕๓๕) ปีนี้จึงเป็นการฉลองถึง ๓ อย่างในงานเดียวกัน

สำหรับผู้มาร่วมงาน ได้ให้สัมภาษณ์ ดังนี้

ดร.รินธรรม อโศกตระกูล ผู้จัดรายการแข่งขันเกมพันธุ์แท้ "เป้าหมายของการแข่งขันอโศกพันธุ์แท้ ต้องการ ส่งเสริมให้ญาติธรรม อ่านหนังสือ ที่พ่อท่านเขียน ในการแข่งขันครั้งนี้เป็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์ของชาวอโศก มีคนสมัครแข่งขัน มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สำหรับ ประวัติศาสตร์ ชาวอโศก ตั้งใจให้เด็ก เป็นการแข่งของเด็ก ก็มีเด็กสมัครแข่งขันเยอะ

รูปแบบการแข่งขันครั้งนี้ เอาการแข่งขันในโทรทัศน์รายการต่างๆเอามาผสมรวมกัน คนแข่งรู้สึกสนุก คนดูรู้สึก สนุกมาก ผู้ชนะทั้ง ๔ ทีมจะไปแข่งขัน ร่วมกัน แต่จะมีเกมที่ให้ต่างกัน ขอขอบคุณทีมงานที่ช่วยกันคิด ช่วยวางแผน ช่วยเตรียม อุปกรณ์ ต่างๆ รวมทั้งสปอนเซอร์"

น.ส.สู่เสรี สีประเสริฐ ทีมงานเกมพันธุ์แท้ "รูปแบบครั้งนี้เปลี่ยนไป อยากให้ญาติธรรมมีส่วนร่วม เพราะว่าเกมนี้ จะกระตุ้น ให้ญาติธรรม ได้อ่านหนังสือ มากขึ้น ถ้าเขาสนใจมาดูเกม เหมือนกับเราไปดูไปงานอะไรสักอย่าง พอเราได้ฟังมาเราก็สนใจ อยากจะศึกษาต่อ อย่างเช่น ประวัติศาสตร์ ชาวอโศก ถ้าเขาสนใจขึ้นมา เขาก็จะไปหาหนังสืออ่าน ก็จะได้สิ่งที่ดีเกิดขึ้น

ครั้งนี้ก็อาจจะแปลกขึ้นมาบ้าง ก็พยายามพัฒนา กระตุ้นให้เขาสนใจสิ่งที่เราอยากจะเน้น อย่างเรื่อง ประวัติศาสตร์ ชาวอโศก อย่างอโศกพันธุ์แท้ ตอนเพลง เขาก็จะสนใจเพลงมากขึ้น หันมาฟังเพลงสัจจะชีวิตมากขึ้น ช่วงหนังสือ เขาก็หันมาสนใจหนังสือมากขึ้น ก็รู้สึกว่า เป็นตัวหนึ่ง ที่กระตุ้นได้เหมือนกัน

ในเรื่องของการมีส่วนร่วมของทุกๆคนถือว่าประสบความสำเร็จ อย่างน้อยให้คนมาฟังเกม มาดูเกม เขาได้ ความรู้ไปเลย บางทีเขาจะได้ความรู้ อย่างที่หลายๆ คนไม่รู้ ปีหน้าจะให้ดียิ่งขึ้น ครบ ๗๒ ปีพ่อท่าน ก็เริ่มเตรียมๆกันไว้"

นายชูจิต ฐิรางกูร อาคันตุกะประจำ สันติอโศก "มาร่วมงานนี้เป็นครั้งแรก รู้สึกอบอุ่นเพราะว่า เราได้อยู่ ร่วมกับชาวอโศก ซึ่งเป็นมวลที่มากจริงๆ ซึ่งปกติ จะอ่านจากหนังสือ แต่ครั้งนี้มาสัมผัสได้ด้วยตนเอง ประทับใจในเรื่องของมวล ทำให้เรามีความรู้สึกว่า เราเพิ่งออกมา จากโลกโลกียะ แล้วพยายาม จะเข้ามาในโลก ของโลกุตระ ทำให้มีความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่เราคิดไว้ มันไม่ค่อยแน่ใจ แต่มาครั้งนี้ ทำให้เราแน่ใจมากขึ้น"

อุบาสิกาเย็นฟ้า ประมาณ สมาชิกชุมชนปฐมอโศก อายุ ๘๔ ปี "๒๐ ปีปฐมอโศก รู้สึกยินดีที่ว่า มีความสุข ที่ป้าได้อยู่ทำงาน เพื่อศาสนา ทำงานเพื่อ ช่วยพ่อท่าน บำรุงปฐมอโศกให้เจริญรุ่งเรืองอยู่ทุกวันนี้ ป้าเต็มใจทำ และมีความสุข"

น.ส.บึงบุญ อโศกตระกูล ภูผาฟ้าน้ำ "ได้มาทำกิจวัตรตามปกติ คืนแรกสันติอโศก แสดงได้ดีมากเลย มีรสชาติ มีสาระ ทำให้คนได้หัวเราะ แล้วเกี่ยวกับ ธรรมะด้วย รู้สึกทึ่ง ผู้กำกับ นักแสดง คืนที่ ๒ ได้ดูหนัง ก็อยากจะรู้ว่าเป็นยังไง เพราะเคยได้ดูตัวอย่าง หนังเรื่องนี้ เป็นหนังเรียบๆ ง่ายๆ แต่ก็สื่อเรื่อง ของการปลูกผักไร้สารพิษ ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้อื่น ให้เราเห็นได้ชัด ดูแล้วซาบซึ้งมาก"

พ.ต.หญิงศิริลักษณ์ ศรีเมือง กทม. "ก็รู้สึกดีใจได้มาเจอคนเก่าคนแก่ เช่นป้าอัมพร ไม่ได้เจอกัน ตั้งนานแล้ว อายุ ๘๓ แล้ว บรรยากาศ อบอุ่นดี อาหารเยอะแยะดี ทานไม่หมด ของเราอาหารอุดมสมบูรณ์"

ด.ญ.เครือวัลย์ ศรีเหรา ม.๑ ร.ร.สัมมาสิกขาปฐมอโศก "หนูอยู่ฝ่ายโรงครัว จัดระเบียบสังคม งานไม่หนักค่ะ ทำไปเรื่อยๆ ปีนี้งานโรงครัว ก็พอประมาณ เพราะว่ามี โรงบุญด้วยค่ะ ทำให้โรงครัวไม่หนักเกินไป ประทับใจ ที่หนูได้ตักบาตรพ่อท่าน ปีหน้าหนูจะรักษาศีล ให้ดีที่สุด เพื่อถวายพ่อท่านค่ะ"

สมณะอ้วน อภิมันโต ๒๒ พรรษา พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ "รู้สึกว่าลงตัว ง่ายดี ไม่ซีเรียส เบิกบานแจ่มใส เป็นพี่เป็นน้อง ประทับใจ แบบสุดๆ เกี่ยวกับ การเทศน์ ของพ่อท่าน เรียกว่ารอบเลยทั้งโลกียะและโลกุตระ ถ้าคนไหนมีฐานพอดีๆ รับได้เลย ก็สบายมาก ปีหน้า จะครบรอบ ๗๒ ปี ของพ่อท่าน ก็ตั้งใจจะปฏิบัติ ให้เคร่งครัดกว่าเก่า"

น.ส.ศิรินทร์ กิจกาญจนกุล อายุ ๕๒ ปี "มาร่วมงานครั้งแรก ได้ฟังพ่อท่านแสดงธรรม ที่ไม่เหมือนกับที่อื่น ที่อื่น เขาก็จะเทศน์ อะไรไปเรื่อย บางที ก็จะง่วงนอน แต่พ่อท่านได้พูดถึงความจริง ที่จะทำยังไงกับตัวเรา ดูสังคมภายนอกเป็นยังไง แล้วเราจะไปทำอะไรได้ เพื่อเอาไว้ใช้ ในชีวิตของ ตัวเรา ได้พอสมควรเลย จริงๆแล้วพี่ติดตามทางนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีเวลาเข้ามา อาหารโรงบุญฯก็ดีค่ะ เป็นอาหารพื้นๆ ที่คนเขาทานกัน"

น.ส.ฝากฝัง ชาวหินฟ้า วังน้ำเขียว "ประทับใจ รู้สึกสภาวะของเราเนียนขึ้น พ่อท่านเทศน์อะไรมา รู้สึกว่าซาบซึ้ง ขนลุก เห็นสภาวะ ที่มันได้สะสมมา แต่ละปี ปีนี้จิตวางได้เยอะ เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ได้เข้าใจสภาวะต่างๆ มากขึ้น คือเห็นตัวอภัยของเรา มันเกิดขึ้นชัดเจน มันซาบซ่า"

น.ส.งามงาน นาวาบุญนิยม มว.ช. เขตปฐมอโศก "รับหน้าที่ศาลาวิหาร ทุกปี พี่ๆเขาจะมาช่วยหลายคน ปีนี้พี่ๆ เขาแยกตัวไป จึงเกิดความบกพร่องบ้าง ก็แก้ปัญหา วันต่อวัน ปีนี้มีโรงบุญด้วย ทำให้กะอาหารไม่ถูก ก็ยอมรับข้อบกพร่องทุกอย่าง แต่ไม่เครียดกับมัน ใครจะว่ายังไง ก็ยอมรับทุกเรื่อง ทุกอย่าง หน้าแตก หน้าแหกเลย มีเด็กๆและพี่ๆ จากไพศาลี มาช่วยหลายคน"

ดารานำแสดงใน "ฝากฟ้า แด่ดิน"
นายยุทธนา รักธรรม อายุ ๒๙ ปี ชื่อเล่น บอย เคยได้รับรางวัลคริสตัลอวอร์ดปี ๒๕๔๑ ประกวดร้องเพลงชิงรางวัลถ้วยพระราชทาน ของพระบรมโอรสาธิราช ในเรื่องนี้แสดงเป็นจิว เป็นพี่เขยของวันชาติ ซึ่งไม่ชอบน้องเขย เพราะว่าเขายากจน พอได้พี่สาวเขามา ก็ไม่สนใจ ครอบครัวของเขา เป็นคนขี้เหนียว นิสัยขี้งก

? ทำไมถึงได้มาแสดง
ผมเล่นละครอยู่กับโมเดิลลิ่งข้างนอก บังเอิญเพื่อนที่อยู่โมเดิลลิ่งเขาเข้ามาปฏิบัติธรรมแนวอโศกแล้วเขาก็เล่าให้ฟัง แต่ผมก็ไม่สนใจอะไร แล้วเขาก็รู้ว่าผมเป็นคนชอบ ทำบุญ ชอบไปช่วยเหลือคนโน้น คนนี้บ่อยๆ เขาก็เลยชวนว่าที่นี่ จะสร้างหนังมาเล่นมั้ย แต่ไม่ได้ตังค์นะ แต่ว่าอยาก ชวนมาเล่น ผมบอกว่าถ้าที่นี่จะสร้างหนังผมก็ยินดีจะร่วมบุญ ก็เลยเข้ามาเล่นครับ มาเจอทีมงานทำหนังที่นี่ ก็เกิดความสนิทสนม ได้ร่วมงาน กับทางนี้ครับ

? ความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานที่นี่
ดีครับ ตอนเข้ามาทีแรกผมก็จะคอยถามน้องเขาตลอดเวลา ผมจะทำยังไง กลัวจะทำตัวไม่ถูกกับกฎของที่นี่ คือจริงๆแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ขนาดนั้น เวลาเจอกันเขาก็จะเจริญธรรม เมื่อก่อนผมก็จะพูดเจริญพร แต่เดี๋ยวนี้เจริญธรรมจนชินแล้ว ผมมาคบคุ้น ได้หนึ่งปีแล้วครับ เข้ามาที่นี่ ตอนงานมหาปวารณาปีที่แล้ว

? ความแตกต่างของการแสดง
การแสดงต่างกันบ้างในบางส่วนอย่างเช่นว่า หนังข้างนอกเนื้อหาก็จะเป็นไปตามที่เขากำหนดมาเลย ตลาด ต้องการยังไง ใครจะทำอะไรๆยังไง ความรักเป็นยังไง อิจฉา เป็นยังไง การแก่งแย่งชิงดีกัน การชิงรักหักสวาท การคดโกง

แต่หนังของที่นี่ ซึ่งเป็นเรื่องแรกนะครับ คือที่นี่จะวางวัตถุประสงค์หลักไว้เลย คือจะไม่มีเรื่องของชู้สาว จะไม่มีฉาก เลิฟซีน ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าทุกคน จะทำด้วยความสบายใจ หรืออย่างการดื่มเหล้า ในหนังจะมีการดื่มเหล้าบ้าง แต่ทุกอย่าง เป็นสิ่งสมมุติ ไม่มีเหล้าจริง ไม่มีเนื้อสัตว์ อย่างเหล้า เราก็ใช้น้ำเปล่าแทน แล้วผมเป็นคนสอนแอ๊คติ้ง นักแสดงทั้งหมดด้วย

อย่างแม่ฟื้นบุญ เขาจะเล่นเป็นยายนงค์ ซึ่งปากตลาด ชอบนินทาคนอื่น แต่แม่ฟื้นบุญเล่นไม่ได้เลย เพราะเป็นคน ปฏิบัติธรรม เวลาฉากจะต้องไปนินทาคนโน้นคนนี้ น้ำเสียงจะต้องเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่แม่เขาเหมือน ท่องประโยคที่เราให้ไป น้ำเสียงจะเป็นแบบเรียบๆ เนิบๆ ตีบทไม่แตก แต่แม่เขามีความตั้งใจมาก อันนี้ยกได้เลย คนปฏิบัติธรรม มาซ้อมตลอดจนถึงวันแสดงจริง ก็สามารถทำได้ แต่ว่าหน้าของแม่ ยังซื่ออยู่ แต่แม่เขาพยายาม ทำน้ำเสียงให้เหมือนในบท

คือเราจะห้ามเอาเรื่องไม่ดีต่างๆมาข้องเกี่ยว แต่หนังข้างนอกเอามารวมกันเป่ะปะไปหมด ทั้งด้านดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ซึ่งเกิดผลกับคนดูแล้วทำตามอย่างในหนัง

? หนังที่เล่นมา
ส่วนมากเป็นหนังวีซีดีของแกรมมี่ เช่น ไพ่มรณะ, สุภาพบุรุษ ลูกผู้ชาย, กลับบ้านเรานะรักรออยู่, ช้อปปิ้ง ซื้อรัก, คนส่งกรรม, หลังคาแดง ส่วนมากเล่นละครช่อง ๗

? ทำไมถึงกลับมา
ผมเป็นคนที่ชอบเกี่ยวกับงานบุญ เวลาเห็น ใครลำบากก็เข้าไปช่วยเหลือ เงินของเราแค่ ๓๐๐ บาท อาจจะหมดไป อย่างไร้สาระ ภายในพริบตา แต่ถ้าเราเอาไปให้คนจน จะมีค่ามาก ในชีวิตของเขา ทำให้เรามีความสุขใจ

อย่างผมมาทำที่นี่ เวลาน้องเขาโทรศัพท์ไป เออ...พี่บอยกำลังจะตัดต่อพี่เข้ามาหน่อยได้มั้ย อย่างน้อยๆ น้องเขาก็จะรู้สึกว่า พี่ยังเข้ามา เขาจะรู้สึกว่า มีกำลังใจ ในการทำมันก็หนุนกัน หนังจะได้เสร็จไวๆอย่างนี้ครับ

ผมก็จะบอกน้องเขาตลอดผมยินดีมา แม้หนังเสร็จแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรที่เกี่ยวกับงานบุญ หรือว่าผมสามารถ มาร่วมรับใช้ ก็บอกได้เลย เพราะผมอยู่อยุธยามันก็ไม่ไกล

งานมหาปวารณา ผมมีความสุขทุกวัน ได้ช่วยถ่ายบาตรสมณะ เมื่อวานก็ได้ถ่ายบาตร ของพ่อท่านด้วย ผมรู้สึกภูมิใจ และมีความสุข พอเสร็จแล้วผมก็มาช่วยแต่ละฐาน ไปช่วยปอกมะม่วง ทอดปาท่องโก๋ ทำขนมกุยช่าย ทำข้าวห่อสาหร่าย ไปช่วยผมก็ได้ร่วมบุญ ได้มีความรู้ติดตัวไปด้วย สักวันหนึ่งหากเราไม่มีงานหลัก เราก็เอาเป็นอาชีพได้ แต่ตรงนี้เราทำ ด้วยความเต็มใจ แล้วเราสบายใจ

? ความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานมหาปวารณา
รู้สึกดีครับ รู้สึกว่าคนของอโศกจากทั่วประเทศ เขามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เขาก็มาช่วย ต่างคนต่าง ก็ตั้งใจ มาร่วมงานบุญกัน ผมก็พยายามทำตัว ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับที่นี่

? ฝากสุดท้าย
ฝากฟ้าแด่ดิน ถือว่าเป็นหนังเรื่องแรกของชาวอโศก ทีมงานเรื่องนี้เหนื่อยมากๆ ใช้เวลาในการถ่ายทำ ค่อนข้างนาน นักแสดง ทุกคนก็เหนื่อย แต่เมื่อคืนนี้ที่เห็นผลงานออกมาก็รู้สึกปลื้มใจว่า อย่างน้อยๆพวกเราร่วมมือกัน พอแสดงเสร็จ ฝ่ายตัดต่อ ฝ่ายทำดนตรี ต้องมานั่งทำต่ออีก พอตรงนี้ เสร็จออกมาปุ๊บ เมื่อคืนได้เห็นผลงานแล้ว ภาคภูมิใจ หนังเรื่องนี้ก็อยากจะฝาก ทุกๆท่าน ให้ช่วยกันสนับสนุนด้วย มีอะไรควรปรับปรุง ก็บอกกันด้วย เพราะเป็นเรื่องแรกของเรา

ใครที่ยังไม่ได้ชม อย่าลืมหาซื้อวีซีดีดูให้ได้นะคะ ช่วยกันสนับสนุนหนังเรื่องแรก ของพวกเราชาวอโศก ซึ่งเรื่องนี้ พ่อท่าน เป็นผู้ตั้งชื่อเรื่องให้ด้วยนะ จะบอกให้.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


รายงานความเป็นไป ของกสิกรรมไร้สารพิษ (ตอน ๓)

แต่พอจะเริ่มการทำงานเราก็ติดปัญหาเรื่องสำคัญเพราะการเดินทางต้องใช้งบประมาณ เบื้องต้นก็ใช้เงิน ที่เป็นรายได้ ของร้านกู้ดินฟ้า ๑ เอง แต่เมื่อร้านปิด เราก็ไม่มีงบประมาณ ในส่วนนี้ เพราะร้านไม่มีรายรับ แต่แผนการดำเนินงานมีอยู่ ทางทีมงาน จึงเขียนโครงการ ของบประมาณ ยื่นเสนอทาง คกร. (เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษฯ) เพื่อพิจารณา แต่ไม่ได้รับ การอนุมัติ ในระหว่างนั้น ก็มีแต่ทางชมร. ที่ให้การสนับสนุน เพื่อให้ทางชุมชนเรา ได้มีผักไร้สารพิษกินกัน แต่ก็เป็นแค่ระยะสั้น ต่อจากนั้น ทีมงานเราก็ขอเชิญ ๓ องค์กรบุญนิยม ซึ่งประกอบด้วย บจ.พลังบุญ บจ.แด่ชีวิต และ ชมร.หน้าสันติอโศก เข้าร่วมประชุม ทีมงานได้ชี้แจงสถานการณ์ และแผนงานที่จะดำเนินการ เพื่อของบประมาณ ในการทำงาน โดยมีท่าน สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช เป็นประธาน ก็ได้รับความเห็นชอบ ให้ดำเนินการได้ โดยที่ประชุมร่วมกันช่วยเหลือ และที่ประชุม จะของบอีกองค์กรหนึ่งให้อีก คือ ชมร.จตุจักร ให้ร่วมด้วยรวมเป็น ๔ องค์กร แต่ละองค์กร ให้การสนับสนุนงบประมาณ เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ทำให้ทีมทำงานเรา มีงบประมาณการสนับสนุน ถึงเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาทในการทำงาน และต่อมา บจ.ขอบคุณ ก็สนับสนุน งบประมาณให้ อีกองค์กรหนึ่ง ทำให้งบประมาณของทีมงาน เพิ่มสูงขึ้นถึง ๒๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน (โดย บจ.ขอบคุณให้การสนับสนุน เป็นระยะเวลา ๖ เดือน) ที่ประชุมได้เห็นพ้องกันว่า ให้ผู้จัดการพลังบุญ (อาเจี๊ยบ) ดูแลงบประมาณนี้ โดยทีมงานที่เดินทาง เพื่อวางแผนกำหนด และติดตามผลผลิต ทางกสิกรรมไร้สารพิษ จะต้องมาเบิก และส่งรายละเอียด ในการใช้งบประมาณเป็นงวดๆไป

ต้นเดือนกรกฎาคม แม้ร้านกู้ดินฟ้า ๑ ปิดๆเปิดๆแต่ตลาดนัดไร้สารพิษหลัง บจ.พลังบุญ ยังเปิดอยู่ ช่วงเวลานี้ ก็เกิดความ ไม่ชัดเจนขึ้น ในตลาดนัด ไร้สารพิษ เช่นกัน กล่าวคือโดยเริ่มต้น ตลาดนัดไร้สารพิษของเรา ผู้ที่จะมาขายได้นั้น จะต้องมี คุณสมบัติ ที่เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ตลาดนัดฯ ได้กำหนดไว้ แต่เวลาผ่านไป ผู้ที่มาขายผักไร้สารพิษ เพิ่มจำนวน มากขึ้นโดย ได้รับการแนะนำ จากญาติๆ ที่เป็นญาติธรรมชาวอโศก ซึ่งมาขายกัน ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลาตี ๕ ถึงประมาณ ๘ โมงเช้า เกือบจะไม่มีพ่อค้าแม่ค้าคนใดก็ว่าได้ ที่ต้องนำผลผลิตกลับบ้าน ในวันที่มาขาย ในตลาดนัด ของสันติอโศก จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ใครๆก็อยากเข้ามาร่วมกิจกรรม ในตลาดนัดฯนี้ ในช่วงนี้เอง ที่มีผลผลิตบางตัวที่น่าสงสัย เช่นเผือกที่มีขนาด หัวละประมาณ ๑.๕ กิโลกรัม และผักอีกหลายๆชนิด ที่พ่อค้าแม่ค้าที่ญาติธรรมแนะนำมา ซึ่งอยู่ในจังหวัดนครนายก มาขายกัน เมื่อได้รับข้อมูล จากที่ประชุมกลุ่ม ตลาดไร้สารพิษ ซึ่งทีมงานก็เข้าร่วมประชุมด้วย จึงกำหนดการเยี่ยมชม เพื่อตรวจสอบ รายละเอียด โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ในวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ทีมงานได้ไปเยี่ยมชม สวนคืนฟ้าเพ็ญ ที่บ้านหนองคอก อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นสวนของญาติธรรม และดูแลสวน โดยคุณร้อยไท (ต่อมาคุณพลอยไพร ผู้จัดการร้านกู้ดินฟ้า ได้เสียสละลงไปทำกสิกรรมไร้สารพิษเอง ณ ที่นี่) ทีมงานได้ประเมิน จากสถานที่ ความพร้อม และบุคลากร ในสวนคืนฟ้าเพ็ญ มองเห็นถึงศักยภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ จิตวิญญาณของผู้ที่จะทำกสิกรรม ไร้สารพิษจริงๆ ซึ่งหาได้ยากมาก จนพวกเรา พูดกันว่า การติดตามผลผลิตไร้สารพิษ ไม่ยากเท่ากับการติดตาม หาคนไร้สารพิษ ได้กำหนด โควต้าการผลิต ร่วมกับ ทีมงานของ คุณร้อยไท เพื่อเร่งให้มีการผลิต อย่างรวดเร็ว

บ่ายวันเดียวกันโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า กับเจ้าของสวนที่มาขายในตลาดนัดวันอาทิตย์ เรามุ่งหน้าต่อไป ยังจังหวัดนครนายก ไปลงพื้นที่จริง ปรากฏว่า ผลผลิตที่ป้ามี (นามสมมุติ) นำมาขายในตลาดนัดวันอาทิตย์ ประมาณ ๑๐ ชนิดนั้น มีปลูกเอง อยู่ชนิดเดียวคือ หน่อไม้ นอกจากนั้น ซื้อมาจากที่อื่น รวมทั้งเผือก ที่มีขนาดใหญ่นั้นด้วย โดยไม่สามารถยืนยัน ผลผลิตตัวไหน ได้เลยว่า เป็นผลผลิตที่ไร้สารพิษ แต่โดยหลักการ ของตลาดนัดไร้สารพิษ ซึ่งอนุญาตเฉพาะญาติธรรม ที่เป็นสมาชิก และ ผลผลิต ที่นำมาขาย จะต้องเป็นผลผลิต ที่ปลูกเองเท่านั้น จึงสามารถนำมาขายกันได้ โดยเน้นเรื่อง ผักพื้นบ้าน และผักริมรั้ว ทีมงานได้ชี้แจงและบอกกล่าว ถึงความจำเป็น ที่จะต้องให้ป้ามีหยุดขาย ที่ตลาดนัดฯ ต่อจากนั้น ก็ได้เดินทางไปต่อ ที่บ้าน คุณพัน (นามสมมุติ) ที่อยู่ในละแวกนั้นอีกรายหนึ่ง ซึ่งมาขายพืชผัก ที่ตลาดนัดไร้สารพิษเช่นกัน เมื่อไปถึงบ้านของคุณพัน ก็ทราบว่า คุณพันเอง ไม่ได้ปลูกอะไรสักอย่าง แต่ไปรับของชาวบ้าน ที่ปลูกโน่นนี่มาขาย ในตลาดนัดของเรา โดยที่คุณพัน ก็ได้ดำเนินการตรวจสอบ ระดับหนึ่ง เท่าที่คุณพัน จะทำได้ เมื่อทีมงานพวกเรา ไปตามบ้านต่างๆ ที่เรียกได้ว่า เป็นลูกไล่ ของคุณพัน ประมาณ ๓-๔ บ้าน ปรากฏมีประมาณ ๒ บ้านที่ยังใช้ปุ๋ยเคมีอยู่ เป็นดรรชนีบ่งชี้ว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เป็นกระบวนการของกสิกรรมไร้สารพิษ ตามที่พวกเราหมาย จึงนำข้อมูลที่รับรู้ร่วมกัน ในทีมงาน รายงานต่อที่ประชุม ตลาดนัด ไร้สารพิษ ที่ประชุมมีความเห็น ให้ทั้งป้านิดและคุณพัน หยุดการขาย ในตลาดนัดของเรา.

(อ่านต่อฉบับหน้า)

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


หนังเรื่องแรกของชาวอโศก "ฝากฟ้าแด่ดิน"
ฉายรอบปฐมฤกษ์ในงานมหาปวารณา ที่ปฐมอโศก
ใช้ทุนน้อยที่สุด ทีมงานทุกคนควักทุนช่วย

"ฝากฟ้าแด่ดิน" หนังไทยเรื่องแรกของชาวอโศก ใช้เวลาถ่ายทำหนึ่งเดือน ทั้งผู้กำกับ-นักแสดง-ตากล้อง ทุกอย่างล้วนใหม่หมด งบสร้าง ๐.๑ ล้านบาท ผู้กำกับเผยบริษัทอื่นทำไม่ได้ ทั้งกองถ่ายต้องควักทุนเพิ่ม โดยรีดเลือดจากหัวใจโถมช่วย ทุ่มเทสู้กว่าเดิม มีหลั่งน้ำตาทั้งในบทนอกบท พระเอกและตากล้องโดนติวเข้มมากกว่าใคร


จากกระแสที่หลายคนคอยติดตามความเคลื่อนไหวงานถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกของชาวอโศก คือ "ฝากฟ้าแด่ดิน" นั้น บัดนี้ได้ฉายรอบปฐมฤกษ์ไปแล้ว นับเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ใช้ทุนสร้างน้อยที่สุด เพียงแสนเศษๆ ก็สามารถสร้างจนหนัง สำเร็จบริบูรณ์ได้ เนื่องจากทีมงานกองถ่ายและนักแสดงทั้งหมดไม่มีใครได้ค่าจ้างตอบแทน ล้วนแต่เป็นผู้ขันอาสา มาจาก ชุมชนชาวอโศก ๙๙% นอกนั้นเป็นทีมผู้ช่วยกำกับการแสดง ผู้กำกับศิลปกรรม และ ผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งนอกจากไม่ได้ค่าจ้าง แล้วยังต้องจ่ายค่าน้ำมันเดินทางเองด้วยความเต็มใจ

ผู้สื่อข่าวบันเทิงบุญนิยมรายงานว่า จุดแรกเริ่มเกิดมาจาก คุณเอิบ เงินทอง และคุณกัลยา เปรมปรีดิ์ สองสามีภรรยา อาชีพ นักศิลปะจัดทำฉากถ่ายหนัง (หาอุปกรณ์มาจัดวางให้เกิดเป็นฉากภาพยนตร์) มีโอกาสได้พักชำระหนี้ไปอบรม สัจธรรมชีวิต ที่ชุมชนปฐมอโศก เกิดศรัทธาในวิถีชีวิตชาวอโศก จึงอยากจะสร้างศิลปะเพื่อเสนอสิ่งดีงามออกสู่สังคมคนไทย ให้รับรู้ถึงสาระ ที่ต้องการสื่อ และความคิดนี้ได้ก่อตัวเป็นความจริงขึ้น เมื่อคุณกัลยาเขียนบท ไปเสนอพ่อท่านและอนุมัติจัดสรรงบให้ จากนั้นจึงสร้างทีมงานจากศิษย์เก่าที่มีประสบการณ์ เคยไปฝึกงานในกองถ่าย เช่น นายก๊อฟ (คมธรรม) นายวุ่น (อดทน) และนายโอภาส เริ่มคัดเลือกหาผู้แสดงมาตั้งแต่ช่วงงานมหาปวารณา ๒๕๔๖ จนกระทั่ง ได้ฤกษ์เปิดกล้องถ่ายทำเป็นวันแรก เมื่อวันที่ ๑๓ มี.ค.๒๕๔๗ ที่ ต.ดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม

เรื่องย่อของหนังแผ่นวีซีดี "ฝากฟ้าแด่ดิน" คล้ายดั่งจะเล่าเรื่องชีวิตผ่านการเดินทางของผักคะน้า ซึ่งรวมเอาโชคชะตา ที่แตกต่างกัน ของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดกับผักมาเดินเรื่อง เปรียบเทียบให้เห็นความทุกข์อันแตกต่างของชีวิตสองพี่น้อง คือ วันดี พี่สาวคนโตได้สามีค้าขายส่งผักคะน้าจนร่ำรวย ผิดกับวันชาติผู้น้องผู้ผลิตผักคะน้า ซึ่งต้องผลิตทั้งกำลังใจ ให้แก่ตนเอง ในการสู้ชีวิต หลังจบ ม.๓ แม่ก็ตายไป ทิ้งน้องชายพิการทางสมอง และพ่อขี้เหล้าเอาแต่ใจ ให้วันชาติแบกรับ จนเสียโอกาส เรียนต่อ ชีวิตคนจนแบบวันชาติก็คงจะต้องเสียเปรียบไปอีกหลายชาติ หากไม่คิดค้นหาทางเอาชนะชีวิตให้สำเร็จ แต่วันชาติ ก็ดิ้นรนหาทางออกจนพบ หลังจากขัดเคืองใจและเสียใจที่รู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้ญาติกินผักเปี่ยมสารพิษจนป่วย สำนึกที่จะ ไม่ใช้สารเคมีฉีดผักไปขายก็ถึงวันเป็นจริงจนได้ แค่บังเอิญได้ฟังรายการวิทยุและแอบจดสูตร ผลิตน้ำยา ไล่แมลงเท่านั้น เขาก็แอบทำน้ำยาใช้โดยไม่ให้พ่อรู้ จากนั้นชีวิตก็เปลี่ยนไป.. ฯลฯ

เนื่องจากนักแสดงและทีมงานไม่เคยมีประสบการณ์ ผู้กำกับจึงพยายามลดปัญหา ในกองถ่ายทุกวิถีทาง และต้องพยายาม ทำใจอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าทีมงานซึ่งมาโดยความสมัครใจนั้น แม้จะมาเสียสละแต่ก็ยังมีความบกพร่องในความสามารถ จึงมักโดน ผู้กำกับดุอยู่บ่อยๆ ผู้ที่โดนดุมากที่สุดคือ น้องมาร์กพระเอกของเรื่อง ซึ่งต้องรับบทบาทเด่นและบทหนักกว่าใคร จนถึงกับคิดจะถอดใจลาออกจากกองถ่าย อะไรๆที่เคยกระทำด้วยจิตสำนึกมาตลอด ไม่เคยมีใครมากำกับบงการ ก็ต้องมา ยินยอม รับการกำกับให้เกิดความสมบูรณ์ในหน้าที่ของตน จนบางวันพระเอกถึงกับเป็นลมนอนยาวเกลือกพื้นดิน บางวันถูก ผู้กำกับใช้เทคนิคดุแอบไปร้องไห้ก็มีเพราะตีบทไม่แตก ส่วนช่างภาพและผู้ช่วยกล้องก็โดนติวเข้มให้รู้จักมุมภาพแบบศิลป์ และรู้คิวการเลื่อนกล้อง ถ้าใครผิดคิวย่อมหมายถึงคนอื่นๆ ที่ตั้งใจฝึกมาดีแล้ว ก็ต้องเล่นใหม่อีก ฯลฯ

คุณจุ๋ม กัลยา ผู้กำกับฯ เปิดใจว่า "เคยท้อหลายครั้ง แต่พยายามทำให้งานสำเร็จทีละฉากจนได้ เพราะเชื่อใจพวกเรากันเอง"

คุณเอิบ เงินทอง ผู้กำกับศิลป์ "ก็ภูมิใจที่หนังใช้ทุนสร้างแค่แสนเศษๆ บริษัทผู้สร้างหนังใหญ่ยังตะลึงว่าสร้างกันได้ยังไง ไม่มีใคร ทำได้หรอก"

คุณนริศ สู่แดนธรรม ผู้รับบทพ่อ บอกว่า "ในกองถ่ายไม่มีปัญหาใหญ่ๆ มีเพียงปัญหาเล็กน้อยที่แต่ละคนต่างแก้ไข โดยควัก ทุนเพิ่ม ซึ่งก็คือทุนทางหัวใจ เป็นทุนที่แฝงอยู่ในศักยภาพแห่งการทุ่มเทหัวใจ ให้กับงานและมิตรภาพ"

ฝากฟ้าแด่ดิน ได้ผ่านสายตาผู้ชมไปแล้วเมื่อ ๖ พ.ย. ๒๕๔๗ และคาดว่าหนังคงได้กำไรแบบอัศจรรย์ คือ เป็นกำไรของงานชีวิต และกำไรทางจิตวิญญาณจากการพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขในโจทย์หรือแบบฝึกหัดของแต่ละคนที่ได้รับ กำไร ของนักแสดงเกิดจากการแสดงธาตุแท้แห่งการให้

แล้วอย่าลืมช่วยกันอุดหนุนสนับสนุนหนังชาวอโศก ซื้อหาเก็บเอาไว้เป็นประวัติศาสตร์ให้แก่ลูกหลานในอนาคตนะครับ

- ผู้สื่อข่าวบันเทิงบุญนิยม -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เก็บมาฝาก - โดยเศษเหล็ก -

คนไทยทิ้งขยะเพิ่มขึ้นปีเดียวพุ่ง ๒๒ ล้านตัน
เวิลด์แบงก์ชี้ค่ากำจัดหมื่นล้านแต่สุขภาพแย่

เวิลด์แบงก์รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมไทย ระบุพฤติกรรมคนไทยแนวโน้มทิ้งขยะมากขึ้น หวั่นคุณภาพชีวิตลด เพราะระบบรีไซเคิล ยังล้าหลังเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม นายเอียน พอร์ตเตอร์ ประธานธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยผลการติดตามสถานการณ์ สิ่งแวดล้อมไทย ว่า ปีนี้ประเทศไทยผลิตขยะมากถึง ๒๒ ล้านตัน โดยขยะนี้มาจากครัวเรือน ๑๔.๔ ล้านตัน ของเสีย อันตราย จากชุมชน ๐.๓๘ ล้านตัน ของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรม ๐.๙๖ ล้านตัน ของเสียจากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย ๕.๙ ล้านตัน ของเสียอันตรายและของเสียติดเชื้อที่มีแหล่งกำเนิดจากโรงพยาบาล ๒๑,๓๐๐ ตัน

นายเอียนกล่าวว่า ในจำนวนนี้พบว่า ขยะมูลฝอยติดเชื้อถูกกำจัดได้เพียง ๔๖ % ของเสียอันตรายจากชุมชน ที่มีการกำจัด หรือนำมาใช้ซ้ำเพียง ๕๓ % ของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรมที่นำมาบำบัดที่ศูนย์กำจัดของเสียกลาง คือกรุงเทพมหานคร (กทม.) และ ปริมณฑล เพียง ๒๔ % คิดในภาพรวมเรื่องการนำขยะในชุมชนมาแปรรูปใช้ใหม่ การรีไซเคิล พบว่านอกเขต เทศบาล ๕-๘ % ในเขตเทศบาล ๑๖ % และในระดับประเทศเพียง ๑๑ % เท่านั้น ถือว่าน้อยมาก

"หากแนวโน้มการขยายตัวขยะยังมากเช่นนี้ ประกอบกับอัตราการรีไซเคิลยังต่ำ จะทำให้ปริมาณขยะของเทศบาล เพิ่มขึ้นอีก ประมาณ ๒๕ % และของเสียอันตรายจะเพิ่มขึ้นถึง ๓๕ % ภายในสิ้นศตวรรษนี้" นายพอร์เตอร์กล่าว และว่า จากการศึกษา เก็บข้อมูล ยังพบว่า ปัจจุบันนี้สถานที่กำจัดขยะของอำเภอเมืองในหลายจังหวัดยังไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้เป็นภัยต่อสุขภาพ ของผู้อยู่อาศัยรอบๆ เชื้อโรคอาจจะแพร่กระจายผ่านพาหะนำโรค เช่น แมลง หนู หรือโดยการดื่มและอาบน้ำที่มีมลพิษจากขยะ ความเสี่ยงต่อสุขภาพนี้จะรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงว่า ในแต่ละปีมีขยะจากชุมชนที่เป็นอันตรายถึง ๗๐,๐๐๐ ตัน และมีขยะติดเชื้อถึง ๘,๐๐๐ ตัน ขยะเหล่านี้จะถูกนำไปทิ้งรวมกับขยะประเภทอื่นๆในชุมชน

นายพอร์ตเตอร์กล่าวอีกว่า รายงานการติดตามสถานการณ์สิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ที่เวิลด์แบงก์นำเสนอพยายามชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีความท้าทายในเรื่องการจัดการขยะและของเสียอันตราย ๖ ประการ ที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง คือ

๑.การนำขยะมาแปรรูปใช้ใหม่และลดปริมาณขยะ
๒.การเก็บขยะจากชุมชนอย่างปลอดภัยและคุ้มค่า
๓.ลดช่องว่าง ของกฎระเบียบในการกำจัดขยะของเสียจากอุตสาหกรรม
๔.จัดให้มีการจัดการมูลฝอยติดเชื้อและของเสียอันตรายในชุมชนอย่างปลอดภัย
๕.ใช้ทรัพยากรเพื่อการจัดการขยะอย่างเหมาะสม
๖.ต้องทำให้บทบาทของผู้เกี่ยวข้องของเรื่องการกำจัดขยะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

"คนไทยทิ้งขยะที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ปีละ ๔.๕ ล้านตัน เช่น แก้ว พลาสติก กระดาษ และเหล็ก อย่างไรก็ตาม แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำหนดเป้าที่จะเพิ่มอัตราการรีไซเคิล ๓๐ % หากสามารถทำได้จริง นอกจากทำให้กองขยะ เล็กลงแล้ว ยังสร้างรายได้อีกถึงปีละ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท" นายพอร์เตอร์กล่าว และว่า อัตราการรีไซเคิลของประเทศไทย ยัง ล้าหลังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์มาก นอกจากนี้ รัฐบาลกลางยังมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ และบุคลากร บริหารจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน ก็น่าชื่นชมที่มีความพยายามจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะ สร้างศูนย์กำจัดของเสีย รวมในเขตอุตสาหกรรม เช่น อีสเทิร์นซีบอร์ด นอกจากนี้ ยังประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาคนทิ้งขยะไม่เลือกที่ ซึ่งเป็น ปัญหาใหญ่ใน กทม.เมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน.

(จาก นสพ.มติชน ฉบับวันที่ ๒๓ ธ.ค.๔๖)

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สารต้านอนุมูลอิสระ

หลายท่านคงทราบดีแล้วนะคะว่า อนุมูลอิสระ เป็นปัญหาต่อสุขภาพมาก ทำให้ร่างกายขาดสมดุลของเซลล์ เป็นบ่อเกิดของโรค แห่งความเสื่อม ทำให้ร่างกายทรุดโทรมและแก่เร็ว ส่งผลต่อสุขภาพของหัวใจ หลอดเลือด ตา สมอง และประสาท อนุมูลอิสระ เกิดจากการที่เราต้องเผชิญกับมลภาวะ ความเครียด ควันบุหรี่ อาหารที่เต็มไปด้วยสารพิษ แสงแดดจ้าที่มีรังสีอุลตราไวโลเลต และจากการเผาผลาญอาหารของร่างกาย เองตามธรรมชาติ

เมื่อมีอนุมูลอิสระ ร่างกายของเราก็สามารถสร้างสารขึ้นมาต่อต้านอนุมูลอิสระได้เรียกว่า "สารต้านอนุมูลอิสระ" สารต้าน อนุมูลอิสระ จะมีประสิทธิภาพดีนั้นต้องมาจากสารต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลาย เพื่อช่วยเสริม ฤทธิ์กัน แล้วจะเอามา จากไหนกันล่ะ?...

มีคำตอบจากการค้นคว้าวิจัยมาแล้ว พบว่า ในผัก ผลไม้ที่มีสีแดง ส้ม เหลือง และผักใบเขียว มีสารแคโรตีนอยด์ และ คลอโรฟิลล์ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ซึ่งเราควรรับประทานอย่างต่อเนื่องและครบถ้วน และต้องดำเนินชีวิต อย่างเหมาะสมด้วยคือ อย่าเครียด ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงต่อสิ่งที่ทำให้เกิด อนุมูลอิสระ ดังกล่าว

เนื่องจาก "สารต้านอนุมูลอิสระ" มีความสำคัญต่อร่างกายมาก จึงมีบริษัทที่ผลิตอาหารเสริมทำ "สารต้านอนุมูลอิสระ" อัดเม็ด ขายในราคาเม็ดละหลายสิบบาท ก่อนจะให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ มีบริการวัดสารต้านอนุมูลอิสระในแต่ละคนก่อน ด้วยเครื่องมือ ที่ทันสมัย เพื่อบอกกับลูกค้าว่า คุณควรทานสารต้านอนุมูลอิสระขนาดไหน และคนส่วนใหญ่ก็จะมีสารต้านอนุมูลอิสระต่ำ ตัวผู้เขียนเองก็ได้มีโอกาสไปวัดสารต้านอนุมูลอิสระกับเขาเหมือนกัน แต่...ไม่มีโอกาสได้เป็นลูกค้าของบริษัท เนื่องจากค่าสูงสุด ที่บริษัทตั้งไว้คือ ๔๙,๐๐๐ ซึ่งเป็นค่าที่ไม่ต้องรับประทาน แต่ผู้เขียนวัดแล้วสูงกว่านั้นคือ ๕๓,๐๐๐ บริษัทจึงบอกกับผู้เขียนว่า เคยทานอาหารอย่างไร เคยปฏิบัติตัวอย่างไร ก็ขอให้ไปปฏิบัติเหมือนเดิม ผู้เขียนจึงเขียนมายืนยันให้ทราบว่า ได้ปฏิบัติตาม ที่เขียนมานี้แล้ว ได้ผลจริงๆค่ะ พิสูจน์ยืนยันได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ "ทำจริงได้จริงทุกสิ่งไป"

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจริง อย่างถูกต้องตรงแนว ก็จะได้รับผลจริงคือความพ้นทุกข์ และเราจะล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร.

- กิ่งธรรม รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เด็กอโศกได้รับการคัดเลือก เป็นตัวแทนเยาวชนต้อนรับนายกฯ
ในโครงการ "คนวัยใส ส่งใจถึงนายกฯ"

๓๐ ต.ค. ๒๕๔๗ ตัวแทนนักเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก ชั้น ม.๒, ม.๓ จำนวน ๔ คน เป็นแกนนำเยาวชน เข้าพบนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ในโครงการ "วัยใส ส่งใจถึงนายกฯ" จัดโดย สำนักงานโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข

๒๙ ต.ค. ๒๕๔๗ แกนนำเยาชน ๘๐ คน จากโรงเรียนและกลุ่มการศึกษาต่างๆ ร่วมประชุมที่โรงแรมนนทบุรีพาเลซ ระดม ความคิดเพื่อนำเสนอนายกฯ ๗ ข้อ คือ ๑.ปัญหาโรคเอดส์ ๒.ปัญหามีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ๓.ปัญหาความรุนแรง ๔.ปัญหาการเสนอสื่อต่างๆ ๕.ปัญหาการศึกษา ๖.ปัญหาครอบครัว ๗.ปัญหาขาดคุณธรรรม จริยธรรม

นร.สัมมาสิกขา ๒ คนได้รับคัดเลือก จากเยาวชน ๓๐๐ คน เหลือ ๑๐ เพื่อไปรอรับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ด้านหน้าวัดสวนแก้ว ในวันที่ ๓๐ ต.ค.

ตัวแทนเยาวชนจากสัมมาสิกขาสันติอโศก ได้ให้สัมภาษณ์ดังนี้

น.ส.แพรยอดหญ้า นาเมืองรักษ์ "ประทับใจที่ได้พบกับท่านนายกฯและพบกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆต่างสถาบัน การร่วมกันแสดง ความคิดเห็น ได้รู้ความก้าวหน้าและถอยหลังของสังคมภายนอก"

ด.ญ.นันทนา สุขสวัสดิ์ ม.๒ "พอท่านนายกฯเห็นพวกหนูก็เดินตรงเข้ามาประชิดตัว และพูดว่า "เอ้า..สันติอโศก เป็นอย่างไร บ้างลูก" สิ่งที่หนูประทับใจและซาบซึ้งใจมาก คือท่านจำชื่อโรงเรียนของพวกเราได้ ในขณะที่จำชื่อโรงเรียนอื่นไม่ได้เลย คิดว่า ท่านคงจะสนใจการเรียนการสอนของพวกเราอยู่พอสมควร หนูภาคภูมิใจและดีใจมากค่ะ ที่ได้อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ แม้จะไม่ เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน แต่เป็นความไม่เหมือนที่มีค่ายิ่ง ประกอบด้วยคุณประโยชน์มากมาย"

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

หน้าปัดชาวหินฟ้า

เจริญธรรม สำนึกดี พบกันอีกครั้ง นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๔๒ (๒๖๔) ปักษ์แรก ๑-๑๕ พ.ย.๔๗ ฉบับนี้ขอเริ่มกันที่ ข่าวประชาสัมพันธ์ งานใหญ่ประจำปีของเรา ก่อนนะฮะ

ด่วน! สำหรับญาติธรรมท่านใดที่มีความประสงค์จะไปร่วมออกร้านตลาดอาริยะปีใหม่'๔๘ กรุณาติดต่อขอใบสมัครได้ที่ ฝ่ายรับโทรศัพท์ สันติอโศก และส่งกลับคืน ที่แม่ข่ายฯ ภายในวันที่ ๑๗ พ.ย.๔๗ ขอบพระคุณอย่างสูง

สำหรับความเคลื่อนไหวของชาวเราที่เก็บมาฝากมีดังนี้

มหาปวารณา'๔๗...เป็นโอกาสให้ชาวชุมชนปฐมอโศกได้จัดงานทำบุญฉลองครบรอบของ "บวร" คือ บ้าน (ชุมชน) ที่ครบรอบ ๒๐ ปีหรือ ๒ ทศวรรษ เพราะเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗, พุทธสถานตั้งครบ ๒ นักษัตร หรือ ๒๔ ปี เพราะตั้งเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓ และ ครบรอบ การก่อตั้ง ร.ร.สัมมาสิกขาปฐมอโศก ที่ตั้งมาถึง ๑๒ ปี หรือ ๑ นักษัตร นับว่าเป็นความลงตัวพอดีอย่างไม่มีใครคาดคิด มาก่อน จิ้งหรีดก็ขอใช้ภาษาว่า เป็นไปตามธรรมนะฮะ...

การประชุมมหาปวารณาของสมณะปีนี้เป็นครั้งที่ ๒๓ มีการรายงานของพุทธสถาน และสังฆสถานหลายแห่ง ใช้เทคโนโลยี ทันสมัย กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา คือรายงานเป็นภาพ ทั้งภาพนิ่งและเคลื่อนไหวได้แบบ Power Point...ท่านผิว พาลสุริโย อายุ ๘๖ ปี มาไม่ไหว จึงขอลาประชุม ท่านฟ้าแสง ปภากโร พอดีโยมยายเสียชีวิต ต้องอยู่ช่วยงานศพ จึงมาประชุมไม่ทัน ส่วนท่านแจ้งจริง (อดีต โยมพ่อของท่านมุทุกันโต) แม้จะอายุ ๙๐ ปี แต่ยังพอที่จะพาสังขารมาร่วมประชุมได้ เรื่องนี้จิ้งหรีดก็ได้เห็นความจริง ของกรรมวิบาก บางคนได้ร่างกายแข็งแรง บางคนร่างกายอ่อนแอ จิ้งหรีดก็ไม่รู้ว่า ถ้าตัวเองอายุแค่ ๗๐ ปี จะมีแรงไปไหน หรือเปล่า แต่ก็จะพยายามรักษา ๗ อ.ให้สมดุล เผื่อจะได้ แข็งแรงแม้อายุ ๑๐๐ ปี...

ปีนี้เป็นปีแรกที่การประชุมมหาปวารณา ของสมณะมีการบันทึกภาพตลอดการประชุม คงจะเก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ ในการทำงาน ศาสนาของชาวเรา ก่อนจบการประชุมหลังการให้ขุมทรัพย์ พ่อท่านก็พาทำเตวิชโชเป็นครั้งแรกเช่นกัน...

อั๋น กับ แอ๋ว อยู่ ร.ร.สัมมาสิกขา สีมาอโศก มาถึงชั้น ม.๖ แม้ไม่ได้ร่วมเข้าค่าย ม.๔ ที่งานมหาปวารณา ปฐมอโศก ก็ยังต้อง ฝึกไม่เอาแต่ใจ เหมือนไปฝึกตัวเอง ที่ภูผาฯ เวลามาร่วมงานที่ปฐมฯ จะไปไหน มาไหน หรือทำอะไร ก็ไม่คิดคนเดียว ทำคนเดียว จิ้งหรีดได้รู้มาว่า ตอนนี้พร้อมจะฝึกน้องๆแล้ว แต่ขอน้องตัวน้อยๆ ชั้นน้อยๆก่อน จิ้งหรีดได้รู้ความในใจของเยาวชนทั้ง ๒ คน ที่พร้อมเอาภาระดูแลรุ่นน้องๆ ก็รู้สึกประทับใจฮะ...

ส่วนนักเรียน สส.สอ. ม.๔ มี ปอ จอย นา ฟาง และ นิ่ม จะพยายามพิสูจน์ตัวเองดุจสันติอโศกพิสูจน์ตัวเองว่า มิใช่เสี้ยนหนาม ศาสนา จิ้งหรีดก็ขอให้อดทนและมีกำลังใจในการทำดีมีศีลต่อไป...

จิ้งหรีดเจออาน้ำมิตร จากศีรษะอโศก ที่มาเป็นแม่ไก่ดูแลเด็ก ม.๔ ที่มาเข้าค่าย บอกว่าครั้งนี้น่าประทับใจคุรุที่มาช่วยเป็นแม่ไก่ เพราะแต่ละท่านควบคุมอารมณ์ได้ดี ช่วยให้บรรยากาศการเข้าค่ายครั้งนี้มีความอบอุ่น ก็ถือเป็นบุญของ ม.๔ รุ่นนี้นะฮะ...

คืนวันที่ ๕ พ.ย.๔๗ จิ้งหรีดเห็นหนูกุ๊กไก่ (หลานสาวของย่าสันติยา) นั่งตีขิม ร่วมกับชาวชุมชนปฐมอโศก ก็รู้สึกประทับใจ วงดนตรีไทยคณะนี้ ที่จะช่วยถ่วงดุลกระแสความนิยมดนตรีกีต้าร์แบบตะวันตก ที่พาให้วัยรุ่นใจแตกมากกว่าถ้าไม่ดูแลกันให้ดีๆ การเล่นดนตรีพื้นบ้านพื้นเมืองจะพาให้จิตใจมีความอ่อนโยนง่ายกว่า จิ้งหรีดก็อยากให้ผู้ใหญ่เราสร้างกระแสดนตรีไทย ให้เยาวชน อโศกของเรานิยมกันให้ยิ่งกว่าดนตรีแบบตะวันตก...

คืนวันเสาร์ที่ ๖ พ.ย.๔๗ ชาวเราก็ได้ชมภาพยนตร์เรื่องแรกของชาวอโศก ชื่อ "ฝากฟ้าแด่ดิน" นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ไม่ต้องมีบทโป๊เปลือย หรือบทโหดจนเลือดท่วมจอ จิ้งหรีดดูแล้วน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันหลายตอน และทำให้เห็น ชีวิตที่น่าสงสารของเกษตรกร ไทย และทางออกของชีวิตที่จะพบกับชีวิต ที่ดีขึ้น จิ้งหรีดคิดว่า ศูนย์ฝึกต่างๆของชาวเรา คงจองกันไปใช้ เป็นเครื่องมือในการอบรมเกษตรกร...

มหาเถรสมณะพบกันในงานนี้ ก็ตกลงกันว่า จะไปร่วมประชุมกันที่บ้านราชฯ เมืองเรือในวันที่ ๒๘ ธ.ค.๔๗ ก่อนงานตลาด อาริยะ ปีใหม่ ก็ถือว่า บุญหล่นทับชาวบ้านราชฯ เป็นการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่...จี๊ดๆๆๆ...

ประทับใจ...ข่าวแว่วจากสมาชิกใส่บาตรหน้าสันติอโศก ประทับใจกับภาพที่คุณรส เข็นเปลือกเสาวรส (เหมือนชื่อ) เพื่อไปทำ ปุ๋ยหมักที่สวน ๑๐ ไร่ เช้า-เย็น ทุกวัน ทุกวัน จนชินตา ผู้หญิงแกร่งตัวเล็ก รถเข็นคันโต (แถมยางแบนนิดๆ) ระยะทางก็ไม่ใกล้ ระหว่างทางต้องข้ามสะพานสูงชันอีกด้วย ใครสงสัยใจของเธอทำด้วยอะไร จึงเสียสละได้ขนาดนี้ ติดตามถามไถ่ให้กำลังใจ กันได้ฮะ สาธุ สาธุ....จี๊ดๆๆๆ...

มิติใหม่...มิติใหม่ของบุญญาวุธหมายเลข ๑ มูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อนโดยท่านจันทร์ มีครูเพียรนำกลุ่มไปเปิดร้านขายอาหาร มังสวิรัติ ที่สวนเกษตรบึงกุ่มหน้าวัดนวลจันทร์ ที่สะดุดตา...ใช้ภาชนะดินเผา ใบตอง ที่สะดุดใจ...ผู้ซื้อตักเอง จ่ายเอง ด้วยจิตสำนึก ลูกค้ามักมีผลผลิตจากบ้านติดไม้ติดมือมาสมทบด้วยเสมอ จากการสอบถามทราบว่า ร้านอยู่ได้สบาย แถมยัง ขยายสาขาไปที่หน้าศาลาว่าการเขตบึงกุ่มอีก ๑ ที่ และแน่นอนที่พลาดไม่ได้ ตลาดนัดผักไร้สารพิษวันอาทิตย์ ลูกค้ามารอ อุดหนุนกันอุ่นหนาฝาคั่ง...จี๊ดๆๆๆ...

ครั้งแรก...ท่านโพธิสิทธิ์ รับนิมนต์เทศน์ให้นักโทษชาย จาก จ.ฉะเชิงเทรา ที่มาช่วยลอกท่อระบายน้ำแถวซอยในถนน นวมินทร์ ที่ลานหิน พระวิหารพันปีฯ โดยมี สม.มาลินี ดำเนินรายการ

ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ ท่านโพธิสิทธิ์ ได้เทศน์ลักษณะนี้ ท่านเล่าให้จิ้งหรีดฟังว่า มีนักโทษ ๑๗ คน แต่ละคนก็ใกล้พ้นโทษ ทุกคน ไม่เคยรู้จักสันติอโศก ไม่เคยได้ยินเรื่องราวหรือรู้จักพ่อท่าน แต่ว่าแต่ละคนก็สนใจธรรม ผู้คุมนักโทษ ก็อยากให้นักโทษฟังธรรม ชนิดไม่กำหนดเวลา ใครอยากรู้ว่าบรรยากาศเป็นอย่างไร ถามท่านสู่สูญได้นะฮะ...จี๊ดๆๆๆ...

บูรณาการ การเรียนการสอน ชั้น ม.๔ ... วันที่ ๒๙ ต.ค.-๒ พ.ย. ในส่วนของการ บูรณาการ การเรียนการสอน ในการไปช่วย เตรียมงานมหาปวารณาของ นร.สัมมาสิกขา ชั้น ม.๔ และ นิสิตม.วช.ทุกวิชชาเขต เข้าห้องเรียนร่วมกัน โดยสมมุติให้ ม.วช. ทุกคนมีอายุเพียงแค่ ๑๘ ปีเท่ากับนร.สัมมาสิกขา กิจกรรมในแต่ละวัน ตื่นตี ๔ ออกกำลังกาย ๐๔.๓๐-๐๖.๐๐น. ทำวัตรเช้า เสร็จแล้วลงฐานงานร่วมกันทั้งสัมมาสิกขาและม.วช.จนถึง ๐๙.๐๐ น. ขึ้นศาลาฟังธรรมะเบาๆ รับประทานอาหาร กิจกรรม ๕ ส. ภาคบ่ายกิจกรรมคลายเครียด เกมบูรณาการการศึกษา ภาคค่ำเข้าห้องเรียนบูรณาการจนถึง ๒๐.๓๐ น. โดย คุณหมอ แสนดิน, คุณหมอฟากฟ้าหนึ่ง, คุรุใจกลั่น, คุรุใบพุทธ และดร.ขวัญดี หมุนเวียนไปแต่ละวัน

คุรุแต่ละท่านมีเทคนิคการสอนที่สร้าง ความประทับใจแตกต่างกันไป เช่น คุณหมอ แสนดิน สอนสุขศึกษาและพลศึกษา ก็จะนำ วิดิโอไปถ่าย นร.ขณะที่ลงฐานงาน แล้ว นำมาฉายในตอนเย็น อธิบายให้เห็นว่า การทำงานในลักษณะท่าทางต่างๆ ของ นร. แต่ละคน การก้ม การยก มีผลเสีย ผลดีต่อร่างกายอย่างไร ที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร

คุรุดร.ขวัญดี สอนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม แต่สามารถบูรณาการ ๘ วิชาเข้าไปได้อย่างกลมกลืน โดยสอนเรื่อง ประวัติศาสตร์ของจังหวัดนครปฐม เกี่ยวโยง จนมาถึงปฐมอโศก ทำให้ได้รู้ประวัติศาสตร์ของจังหวัดนครปฐมและปฐมอโศก

ส.ม.รินฟ้า นาวาบุญนิยม สอนภาษาต่างประเทศ นำเอาวิดีโอ คาราโอเกะ เพลง ภาษาอังกฤษ มาเป็นสื่อการสอน ทำให้เด็กๆ สนุกสนาน และรักการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น แล้วยังมีแบบทดสอบ แบบฝึกหัดให้ทำอีกด้วย

คุรุผารุ้ง พาทำในกิจกรรมเกมบูรณาการการศึกษา มีการทดลองวิทยาศาสตร์ เล่นเกมภาษาอังกฤษ ทำให้เด็กๆประทับใจมากๆ

คุรุใจกลั่น นำหลักสูตรของน.ศ.ปริญญาโท มาปรับใช้ในการบูรณาการหลักสูตร ทำให้ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น

ส่วนในวันสุดท้าย อากรักแสงฝน ได้พานร.ไปทัศนศึกษาสถานที่สำคัญต่างๆในจ.นครปฐม ทำให้เด็กตื่นเต้น อยากไปศึกษาต่อ ยิ่งได้ไปดูสถานที่ในประวัติศาสตร์ ก็เกิดการอยากเรียนรู้มากขึ้น หากคุรุแต่ละท่าน พยายามหาเทคนิคใหม่ๆมาใช้ ในการเรียน การสอนอยู่เสมอๆ จิ้งหรีดคิดว่าเด็กๆ จะได้รับประโยชน์และมีความสุขในการเรียน แน่นอนฮะ...จี๊ดๆๆๆ...

พึ่งเจ็บ...น.ส.บุญศิริ เอี่ยมนนท์ อายุ ๕๘ ปี ญาติธรรม จ.ระยอง ทำงานอยู่ใน อบจ.ระยอง ลำไส้เน่าเพราะการผ่าตัดไส้ติ่ง ต้องตัดลำไส้ใหญ่ไป ๑ ฟุต ต่อด้วยลำไส้เล็กอีก ๑ คืบ ญาติธรรมให้มารักษาตัวที่ตึกตะวันงาย ๑ ห้อง ๒๑๐ จิ้งหรีดแอบรู้ ในใจว่า กำลังทำใจกับเรื่องหมาที่เลี้ยงไว้เป็น ฝูง จิ้งหรีดก็ขอให้ทุกฝ่ายได้อิสรภาพโดยถ้วนหน้ากันโดยเฉพาะคุณติ๋มนะฮะ...

ส่วนท่านเด็ดแท้ วิเสสโก บิณฑบาตรอบชุมชนสันติอโศกเกิดอุบัติเหตุสะดุดเท้าพลิก กระดูกเท้าขวาตรงฝ่าเท้าด้านนิ้วก้อยหักไป ๓ ท่อน เหมือนหนังกำลังภายใน แม้จะเจ็บปวดขนาดไหน ก็ไม่มีเสียฟอร์ม สามารถประคองบาตรได้อย่างมั่นคง ดำรงสติมั่น ตอนนี้ท่านพักรักษาตัวอยู่ที่ไพศาลี นะฮะ....จี๊ดๆๆๆ...

มรณัสสติ
นางเสาร์ สมงาม (โยมยายของท่านฟ้าแสง) อายุ ๙๖ ปี ซึ่งกินเจมาตั้งแต่เกิด ทำให้ชีวิตยืนยาวจนเกือบ ๑๐๐ ปี เสียชีวิต เมื่อวันจันทร์ที่ ๑ พ.ย.๒๕๔๗ และฌาปนกิจ ศพในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ ๔ พ.ย.๒๕๔๗ ที่สุสานบ้านดอนแก้ว ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง

คติธรรม-คำสอนของพ่อท่านประจำฉบับ
ตาคมว่าสวย ปากคมว่าเก่ง
ก็ยังไม่ใช่คุณสมบัติ
ที่ประเสริฐเลิศยอดเท่า "ใจคม"
หรือ "ใจที่ตัดใจได้เก่ง".
(๒ ก.พ.๒๑)
(จากหนังสือโศลกธรรม สมณะโพธิรักษ์ หน้า ๔๘)

พบกันใหม่ฉบับหน้า
- จิ้งหรีด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


กิจกรรมชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน อินทร์บุรี

แม้บรรยากาศภาคใต้จะยังร้อนระอุ มีการฆ่ากันตายรายวันจนทุกวันนี้ แต่ในสังคมของพวกเรา เราถือว่าทุกคนคือเพื่อนร่วมโลก แม้จะต่างศาสนา เราก็รักนับถือกันได้ เมื่อไม่นานมานี้ พี่น้องอิสลาม ๔ จังหวัดภาคใต้ได้มาขอศึกษาดูงานที่ชมรม เพื่อนช่วยเพื่อน อินทร์บุรี

สมณะเสียงศีล ชาตวโร ประธานที่ปรึกษาชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนอินทร์บุรี ได้ให้การต้อนรับและให้ความรู้เรื่อง เกษตรชีวภาพ อย่างเป็นกันเอง

พี่น้องชาวอิสลามภาคใต้ไม่ใช่คนดุร้าย พวกเขามีความเคร่งครัดในศาสนา และมีระเบียบวินัยดีมาก เคารพในผู้นำ เขาบอกว่า "ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี แต่คนไม่ดีก็ย่อมมีอยู่ในทุกศาสนา".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

โรงบุญมังสวิรัติ ๕ ธันวาฯ

เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธ.ค.นี้

ชาวอโศกทั่วประเทศที่ประสงค์จะจัดโรงบุญมังสวิรัติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
กรุณาแจ้ง ความประสงค์มาที่แผนกธรรมโสต สันติอโศก ภายในวันที่ ๒๐ พ.ย.๔๗ และกรุณาส่งเรื่องและภาพ ของโรงบุญฯ ส่งกลับมาที่

พุทธสถานสันติอโศก (แผนกธรรมโสต)
๖๕/๑ ซอยเทียมพร ถ.นวมินทร์ คลองกุ่ม บึงกุ่ม กทม.๑๐๒๔๐

(ภายในวันที่ ๑๐ ธ.ค.๔๗ -ขอบพระคุณอย่างสูง)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชื่อ น.ส.ประทุม ฉิมพาลี
เกิด เม.ย. ๒๔๗๗ อายุ ๗๐ ปี
ภูมิลำเนา จ.สุพรรณบุรี
การศึกษา ป.๑
สถานภาพ โสด
ส่วนสูง ๑๕๘ ซ.ม.
น้ำหนัก ๖๐ กก.

ชุมชนปฐมอโศกครบรอบ ๒๐ ปี คุณยายประทุม เป็นสมาชิกรุ่นแรกที่มาร่วมบุกเบิกสร้างบ้านแปลงเมืองที่นี่ บุกเบิกร้าน อาหารมังสวิรัติ (มรฐ.) แล้วยังเป็นโสดอีกด้วย น่าสนใจทั้งนั้นเลย

*** ชีวิตชาวเรือ
มีพี่น้อง ๔ คน ยายเป็นพี่คนโต อยู่เรือประทุนกับพ่อแม่ รับจ้างบรรทุกข้าว บรรทุกฟืน บรรทุกไม้ จากท่าช้าง หันคา จ.สุพรรณบุรี ไปกรุงเทพฯ ไปจอดแถวเทเวศน์ สมัยก่อนไม่มีรถยนต์ต้องขนส่งทางเรือ จึงได้เรียนเพียงชั้น ป.๑ เรียนตรงโน้นมั้ง ตรงนี้มั้ง สมัยก่อน เขาไม่บังคับเท่าไหร่ เรียนๆอยู่เดี๋ยวพ่อแม่ก็เรียกไปแจวเรือ ดูน้องอยู่ในเรือ โชคดีนะยังอ่านได้

อยู่ในเรือ จนอายุ ๑๕ ปี สุดท้ายเรือถูกจับเพราะบรรทุกข้าวข้ามเขต เป็นความกับหลวง แล้วแพ้ความ แม่ก็คลอดน้องคนเล็ก คือคลอดคืนนี้ ตอนเช้าก็ไปศาลที่สุพรรณฯ พ่อถูกจำคุก ๖ เดือน ก็ทำอยู่กับแม่

*** เห็นทุกข์จึงเป็นโสด
มีคนมาชอบเป็นธรรมดา แต่เห็นทุกข์ตอนอยู่กับแม่ เห็นแม่คลอดน้องอยู่ที่หัวเรือ เราก็ทำงานอยู่ในเรือ แม่คลอดทีไรก็เห็นทุกที สมัยก่อน เรือมันโล่ง ก็เห็นอยู่อย่างนี้ มีความรู้สึกเฉยๆ เมื่อมีคนมาชอบ ชอบก็ชอบไป ไม่มีตัวไปชอบเขา แล้วอีกอย่าง เห็นความทุกข์มากกว่าที่เราอยู่กับพ่อกับแม่มามันลำบาก ค้าขายเป็นหนี้เป็นสิน มีแต่ความทุกข์ มันทุกข์นะ

หลังจากนั้นก็ค้าขายผลไม้บ้าง ขายขนมบ้าง แล้วย้ายจากสุพรรณฯไปนครสวรรค์ เป็นลูกจ้างร้านอาหารเดือนละ ๑๕๐ ทำอยู่ อย่างนั้น ๓-๔ พี่น้อง แม่ก็ทำอาหารขายไป เลยได้วิชาทำอาหาร ตอนหลังก็ช่วยกัน ๓-๔ พี่น้องทำขนมเต็มร้านเลย

*** ญาติธรรมรุ่นแรก
พ.ศ.๒๕๑๗ พ่อท่านผ่านไปนครสวรรค์ไปบวชท่านติกขวีโร เพื่อน (คุณจรุง) ไปเห็น พ่อท่านบิณฑบาต เขาก็มาชวนไปเลี้ยงพระ พ่อท่านก็มาเหนื่อยๆ เขาก็กันให้พ่อท่านพัก พ่อท่านก็ไม่พัก ก็มาโปรดยายกับน้องอีก ๓ คน ยายเริ่มรู้แล้วว่าสอนผิดไปจากที่อื่น คือสอนดี ต่อมาพระ-สิกขมาตุไปแวะพักที่บ้านเวลาผ่านไปนครสวรรค์ ก็ให้ธรรมะป้าทีละองค์สององค์ทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่ง ยายเลิกขายขนม ท่านบอกว่าทำไปตายไปก็ไม่ได้ติดตัวไปสักบาท แล้ววันๆก็ทุบไข่เป็นลังๆ ก็เห็นบาป เคยทุกข์มา ก็เห็นว่า กรรมมีจริง

*** รู้จักพอ
เลิกค้าขาย ไม่เสียดายรายได้ เพราะเรารู้สึกว่าเราพอแล้ว มันมีตัวพอ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ พอท่านไปโปรด องค์โน้นก็พูด องค์นี้ก็พูด ก็พิจารณาไปเรื่อยๆ ขนมก็ขายดีมากเลย แต่ก็หยุดขายได้ พอหยุดขายก็มาจองที่ที่ปฐมอโศกรุ่นแรก ปี ๒๕๒๗

*** ปฐมอโศกรุ่นแรก
ตอนนั้นไม่มีอะไรเลย เป็นนา ไม่มีต้นไม้ ก็มาจอง มาปลูกบ้าน ก็อยู่มาตลอด ๒๐ ปีปฐมอโศกเปลี่ยนไปมาก ตอนแรกมาอยู่ ก็ทำอาหารขึ้นศาลา ต่อมามีครัวกลางก็เข้าไปเป็นแม่ครัว พอมีคนเพิ่มขึ้น ก็ไปขายก๋วยเตี๋ยวข้างร้านค้าชามละ ๕ บาท ขายดีมาก ต่อมาร้านก๋วยเตี๋ยวถูกสั่งปิด เพราะมีคนวัดไปกินเยอะ สมัยก่อนเคร่ง ก็ออกไปกางเต็นท์ขายอาหารมังสวิรัติ ช่วยกัน หลายคน แล้วจึงเกิด มรฐ. พอมีคนรับช่วง ป้าก็เข้ามาช่วยทำอาหารในโรงครัว แล้วไปทำยาลูกกลอนฟ้าทะลายโจรที่ศาลายา ตอนนั้น ทำยากมาก มันติด มันเหนียว ทำได้วันหนึ่งไม่ถึงถาด ก็ค่อยๆพัฒนา แล้วย้ายมาที่ศาลาน้อมเอื้อ ทำได้วันหนึ่ง เป็นสิบๆถาด ต่อมาไม่สบาย ก็ไปช่วยห้องแพ็คกิ้งที่ศูนย์เจาะวิจัยฯจนถึงทุกวันนี้

*** มรรคผล
เมื่อก่อนไม่ชอบคน ไม่พอใจ จะไม่พูด เก็บอยู่ข้างใน อึด ตอนหลังก็กลายเป็นพยาบาท พอมาอยู่วัดคิดว่าเขาก็นิสัยแบบนั้นเอง เราไปแก้เขาไม่ได้ เรามาแก้ที่เราเองดีกว่า วันนี้รู้สึกเบาขึ้น ไม่ค่อยถือสาเท่าไหร่ อย่างพระท่านเทศน์ว่า ไม่ไปเอานิสัยที่ไม่ดี ของเขามาใช้ เขาเป็นอย่างนั้นของเขาเอง เราก็ดีขึ้น สบาย เมื่อก่อนหน้าตาเขาก็ไม่อยากเห็น บ้านนี้ก็ต้องเอาผ้ามาปิดไว้เลย ไม่อยากเห็น ไม่อยากฟัง เราก็มาดูว่าเราหรือเขาที่นิสัยไม่ดี เฉยดีกว่า ไม่ไปยุ่งกับเขา ก็สบายขึ้น ตัวชอบไม่ชอบยังมีอยู่ แต่เบาบาง

*** สักกายะใหญ่
ศีลข้อ ๑ ยังไม่บริสุทธิ์ ยุงเยอะจัง ลูบเลย รู้ว่าลูบแล้วตาย เจตนาเลย แล้วเป็นเบาหวานด้วย ตอนขายขนมยังไม่เป็น แต่มาเป็น ที่นี่เพราะกินทุเรียน แล้วน้ำไม่ค่อยดื่ม คือมีนิสัยต้องดื่มน้ำจากบ้าน พอทานทุเรียนเสร็จก็ไปทำยาเลย พออิ่มปุ๊บ ก็ไปเลย จะไม่ทานน้ำ อยู่ๆก็มีอาการ ไปเช็คก็เบาหวานขึ้น ๑๗๐ ความดัน ๑๘๐ ตอนนี้เช็คตัวเองทุกวัน พอขึ้นก็ทานยา ไม่ขึ้นก็งดยา

*** ทุกวันนี้
ไม่ห่วงอะไรหรอก ก็เตรียมตัวอยู่เสมอ บางครั้งก็กลัวตายเหมือนกัน ก็ภาวนาอย่าให้เป็นโรคร้ายถึงขั้นทำงานไม่ได้ ช่วยตัวเอง ไม่ได้ ค่อยๆทำไป มีความสุขอยู่กับการลดละได้ ทำงานไปก็ดูใจไป แต่ว่าจะบกพร่องที่ไม่ขึ้นศาลา ทำวัตรอยู่ที่บ้าน เพราะกลัว ชา แล้วไปล้มเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ตอนนี้ก็ประคองตัวให้อยู่วัดให้ได้ พยายามรักษาสุขภาพไว้ ก็ฟังธรรมที่บ้านทุกเช้า ไม่เคยขาด กลางวันไม่เป็นไร พอมันชาก็มีร่มคันหนึ่งคอยยันเอาไว้

ตอนนี้เป็นหัวใจโต เบาหวาน น้ำในปอด ทำงานหนักๆจะเหนื่อย งานฉลองหมู่บ้าน ๒๐ ปี ครั้งนี้ ๓ วันกวนขนมคนเดียว ๓ อย่างเลย ก็พอทำได้

*** ฝาก
ถือคติประจำใจอยู่ ๒ ตัว เสียสละและความอดทน

ครบรอบ ๒๐ ปีปฐมอโศก ได้มาปฏิบัติธรรมที่นี่ รู้สึกภูมิใจที่มาอยู่ตั้งแต่ไม่มีอะไรเลย กำลังแรงของเราที่ทำลงไปในแต่ละวัน ก็คิดถึงคนเก่าๆ ที่ตายไป วันหนึ่งเราก็ไปอย่างเขา

ยายเห็นทุกข์จากความลำบากของชีวิต จึงอยู่เป็นโสดมาได้ แม้สุขภาพจะมีโรคภัยรุมล้อม ยายก็ไม่หยุดอยู่กับการสะสม ทรัพย์แท้ ให้แก่ตน คนที่แข็งแรงแล้วผัดวันประกันพรุ่งกับการสะสมความดี ต้องคิดใหม่ ทำใหม่แล้วนะ วันนี้เรามีทรัพย์แท้ ติดตัวข้ามชาติแล้วหรือยัง?

- บุญนำพา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


๑๐-๑๒ ต.ค. ๒๕๔๗ นร.สัมมาสิกขาสันติอโศกชั้น ม.๑-๖ เข้าค่ายคารโวนิวาโต ที่พุทธสถาน สันติอโศก

๑๕ ต.ค. ๒๕๔๗ วุฒิสภาเชิญ ร.ร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ร่วมสัมมนาเรื่องหลักประกันการศึกษา ที่อาคารรัฐสภา ๒ ชั้น ๓ ห้องประชุม คณะกรรมาธิการ ๓๑๓-๓๑๘ โดยคุณธำรงค์ แสงสุริยจันทร์ เป็นตัวแทนร่วมสัมมนา

๒๙ ต.ค.-๘ พ.ย. ๒๕๔๗ นร.สัมมาสิกขาชั้น ม.๔ ทุกแห่ง เดินทางไปร่วมเตรียมงานมหาปวารณาแบบบูรณาการ ณ พุทธสถานปฐมอโศก จ.นครปฐม

๓๐ ต.ค. ๒๕๔๗ ตัวแทนนักเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก ชั้น ม.๒, ม.๓ จำนวน ๔ คน เข้าพบนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ในโครงการ "วัยใส ส่งใจถึงนายกฯ"

๘-๑๒ พ.ย. ๒๕๔๗ ตัวแทนชุมชนชาวอโศก อบรม โครงการเติมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการแปรรูปอาหาร ณ คลินิกเทคโนโลยีสถาบันพัฒนาอาชีพวังรี ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก

๙ พ.ย. ๒๕๔๗ สำนักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เชิญ ร.ร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ร่วมเสนอข้อคิดเห็นในมุมมองต่างๆ ในเรื่องการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

ปฏิทินงานอโศก

ตลาดอาริยะ ปีใหม่'๔๘ พุทธสถานราชธานีอโศก พฤหัสฯที่ ๓๐ ธ.ค.๒๕๔๗ - อาทิตย์ที่ ๒ ม.ค.๒๕๔๘

ฉลองหนาวธรรมชาติอโศก ศุกร์ที่ ๒๘ -อาทิตย์ที่ ๓๐ ม.ค.๔๘

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
67/1 ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. 10240 โทร.02-3745230 ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ 1,500 ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]