ฉบับที่ 271 ปักษ์หลัง 16-31 มกราคม 2549 |
ขณะนี้ คนในสังคมบางส่วน เมื่อพูดถึงการทำงานของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเกิดความขัดแย้ง จนถึงขั้น ทะเลาะวิวาทกัน ไม่ชอบใจกัน ขุ่นเคืองกัน เพราะฝ่ายหนึ่ง มีความชอบ อีกฝ่ายหนึ่งมีความชัง ก็หวังว่า ชาวอโศกเรา ที่เป็นนักปฏิบัติธรรม คงไม่เป็นเช่นคนชาวโลก เราจะพยายามเข้าใจ และเห็นใจทุกฝ่าย แต่ความเข้าใจและเห็นใจ มิใช่หมายความว่า เห็นด้วยทุกเรื่อง เรื่องใดไม่เห็นด้วย ก็พร้อม ที่จะคัดค้าน แต่คัดค้านด้วยความรัก ความเข้าใจ ความเห็นใจ ความเคารพ ความสงบจากกิเลส แม้จะเห็นด้วยกับใคร ก็เคารพในความเห็นที่แตกต่าง ไม่รู้สึกดูหมิ่นดูแคลนกัน. |
||||||
ธรรมะพ่อท่านฉบับนี้ ซึ่งก็ผ่านปีใหม่มาไม่นาน ก็อยากฝากแง่คิดในปีใหม่นี้จากหนังสือ "นักรบเท้าเปล่า" หน้า ๑๗๙ ที่พ่อท่าน ได้แสดงไว้ เมื่อวันที่ ๙ มี.ค. ๒๕๒๗ ไว้ดังนี้ "ความสมบูรณ์พูนสุขของชีวิต คือ ความมีสุขภาพกายดี พอดี ความมีสุขภาพใจดี ผ่องใส สดชื่น เบิกบาน ไม่ได้หมายความว่า ความมีสมบัติมาก ความมียศสูง ความมีสรรเสริญ เยินยอมาก ความหลงได้โลกียสุข เสพสม สุขสม อยู่เช่นนั้นไม่ ยิ่งมีลาภมาก ประสงค์จะได้ลาภมาเป็นสุข ได้ยศมาเป็นสุข ได้สรรเสริญ ได้สิ่งที่เราไปหลงสมมุติไว้ และก็ได้มาเสพสมเป็นสุข ยิ่งเป็น ความทรมาน ชีวิต ยิ่งเป็นความหนัก ยิ่งเป็นความไม่มีสุขภาพทั้งกายและใจ แต่เมื่อผู้ที่รู้แจ้ง เข้าใจดี ได้มาปลดปล่อยความหลง ที่ไปหลงเสพโลกียสุข ที่เขาสมมุติหลอก แล้วก็ไปหลงตาม ว่าได้มาเสพ เป็นสุข ตั้งแต่ อบายมุข ก็ดี ลาภ ยศ สรรเสริญ ก็ตาม รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็ตาม แม้แต่ในจิต ในอัตภาพต่างๆ เมื่อปลดปล่อยมาได้เรื่อยๆ เราถึงจะเห็นความเบา ความไม่ต้องเป็นภาระ ความไม่ต้อง เป็นหนักหนา ชีวิตไม่ถูกทรมาน เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า มาบริการตนเอง ที่เป็นทาส เรามีแรงงาน เรามีกำลังวังชา แม้จะเหน็ดเหนื่อย เราก็สร้างสรร เป็นประโยชน์คุณค่าให้แก่มนุษย์โลกอื่น ผู้อื่น สำหรับตนนั้น ก็ทำงานอย่างหมุนเวียน ได้สัดส่วน แข็งแรงดี เป็นคุณค่า เป็นบุญ เป็นกุศล เป็นประโยชน์อย่างชัดแท้ เราก็แข็งแรง ยิ่งจิตใจของเรา ไม่มีความอยาก ไม่มีความติด จิตใจของเราก็ไม่มีโหยหา ไม่มีอาวรณ์ ไม่มีความเดือดร้อน จิตใจ ก็เบิกบาน แจ่มใส ร่าเริง สุขภาพจิตดี และยิ่ง ทำบุญ เข้าใจในบุญ ยิ่งสร้างสรร เราเข้าใจในคุณค่า ที่สร้างสรร ภาคภูมิใน คุณค่า ประโยชน์ของเรา โดยไม่จำเป็น ต้องแย่งชิง ไม่จำเป็นต้องแข่งขันที่จะมีมากมีมายกับคนอื่น เราจึงเป็นผู้มีสุขภาพกายสมบูรณ์ มีสุขภาพใจสมบูรณ์ นี้คือ ความสมบูรณ์ของชีวิต" สรุปว่า ความสมบูรณ์ของชีวิต คือ การลดละอบายมุข กามคุณ โลกธรรม อัตตามานะอนุสัยลงให้ได้ สนิทสิ้นเกลี้ยงจากจิต วิญญาณ. |
||||||
สมณะเกจิอาจารย์' ๔๙ สิกขมาตุเกจิอาจารย์' ๔๙
สมณะเกจิอาจารย์' ๔๙ สิกขมาตุเกจิอาจารย์' ๔๙ |
||||||
วันเด็กแห่งชาติปีนี้ตรง กับวันเสาร์ที่ ๑๔ ม.ค. ๔๙ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้คำขวัญวันเด็กปีนี้ไว้ว่า "เด็กฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด" ในส่วนของชุมชนชาวอโศกซึ่งได้นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์มาศึกษา ปฏิบัติและเผยแผ่ ได้พยายามปลูกฝังคุณธรรม ให้แก่ เด็กๆ ผ่านทางการเรียน การสอน และกิจกรรมต่างๆ งานวันเด็กของชาวชุมชน ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่ชาวเรา ได้ให้ ความสำคัญ มาโดย ตลอด ข่าวอโศกจึงขอรายงานบรรยากาศงานวันเด็กของบางชุมชนมาให้ทราบกัน ดังนี้ # # สันติอโศก กทม. ก้าวเข้ามาในงาน จะเห็นจุดลงทะเบียน ปีนี้พิเศษสุดๆ ไม่เฉพาะแต่เด็กๆเท่านั้นยังเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่มาร่วมสนุกในกิจกรรม ต่างๆ ได้ด้วย รวมถึงจัดให้รางวัลใหญ่พิเศษของงานคือ รางวัล "ขวัญใจวันเด็ก" ซึ่งเป็นรางวัลที่เลือกจากผู้ที่มาร่วมงาน โดยการ ลงคะแนน ในบัตรลงทะเบียน ซึ่งคุณสมบัติของขวัญใจ คือ อ่อนน้อม มีน้ำใจ เบิกบานแจ่มใส รับผิดชอบ ซึ่งน้องหญิง นร.สัมมาสิกขา สันติอโศก ชั้น ม.๔ เป็นผู้ได้รับรางวัล เฉือนสมณะฟ้าไท สมณะกล้าจริง และครูตุ๊ก ซึ่งอยู่ในโผขวัญใจด้วย กิจกรรมความสนุกมาพร้อมกับการเรียนรู้เรื่องคุณธรรม ดังนั้นในบัตรลงทะเบียน จึงมีส่วนหนึ่ง ให้กรอกสัญญา ทำความดี ในวันเด็ก พร้อมทั้ง การรับบัตรสอยดาว ซึ่งเป็นซุ้มที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทุกปี รวมทั้งการรับหนังสือ "พระมหากษัตริย์ ยอดกตัญญู" เป็นเรื่องของในหลวง ที่ทรงเป็นลูกที่กตัญญูต่อสมเด็จย่า สนับสนุนโดยมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ แจกแก่ ผู้สนใจด้วย โดยมีกติกาว่าจะต้องเขียนบอกเล่าถึงเรื่องเกี่ยวกับความกตัญญูของตัวเอง ที่มีต่อ พ่อแม่ โรงบุญฯ เป็นอีก สีสันหนึ่ง ของงานปีนี้ นับได้เกือบ ๒๐ อย่าง บรรยากาศของงานเริ่มคึกคัก ซุ้มเกมต่างๆ มีถึง ๑๒ ซุ้ม และยังมีซุ้มจากสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.)มาร่วม สร้าง สีสัน ให้กับงานด้วย โดยมี เกมโยนบอล และเกมเดินรถ ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์เปรียบเทียบในขณะดื่มและไม่ดื่มเหล้า และเกม ตอบคำถาม เรื่องเกี่ยวกับ แอลกอฮอล์ ช่วยเสริมความรู้และความสนุกสนานให้กับเด็กๆ ตลาดอาริยะ ขายสินค้าต่ำกว่าทุนก็ได้รับความนิยมเช่นเคย มีผักผลไม้ขายกำละ ๓ บาท ของแห้งอีก ๒๙ รายการ ที่ได้รับอนุเคราะห์ จาก บ.พลังบุญ บ.แด่ชีวิต และบ.ขอบคุณ ซึ่งมีกติกาซื้อได้ไม่เกินคนละ ๒ ชิ้น สีสันของงาน คงต้องยกให้กิจกรรมบนเวที รายการที่ครึกครื้นที่สุดต้องยกให้การประกวดแฟนซีสร้างสรรค์ หัวข้อ "คนจน มหัศจรรย์" นอกจากนี้ ยังมีการประมูลของรักของหวง กิจกรรมประกวดบูชาบุพการี และการเล่นเกมต่างๆ จนกระทั่ง ถึงเวลา อันสมควร จึงกล่าว ปิดงาน และมอบใบประกาศนียบัตร โดย สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช คุณวรวุฒิ แจ่มใส อายุ ๑๕ ปี นร.สัมมาสิกขา "รู้สึกประทับใจที่เป็นงานกันเอง และรู้สึกว่า ปีนี้ไม่สนุกเท่าปีก่อนเพราะสถานที่จัด คุณศิริ ดีรัตนา อายุ ๕๓ ปี ผู้ปกครองศิษย์เก่าพุทธธรรม "ประทับใจความเสียสละของกรรมการจัดงาน และผู้เข้าร่วมแรงร่วมใจ มีความเห็นว่า ปีนี้ด้านเวทีซุ้มอาหารโรงบุญฯดีกว่าปีก่อน แต่เวทีขาดช่วงไปตอนพ่อท่านเทศน์ ทำให้งานเลิกช้ากว่าที่ควร" คุณรอยทราย เชื้อจง(ครูตุ๊ก) อายุ ๔๐ ปี ครูพุทธธรรม "ประทับใจความร่วมมือของทุกคน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมารู้สึกว่า เริ่มงานช้า ทำให้ รายการต่างๆ ล่าช้า และต้องลดบางรายการไป มีข้อเสนอแนะว่า ให้เปลี่ยนสถานที่จัดให้เหมาะสม" คุณจิระภา ศิริพงษ์ อายุ ๔๓ ปี ผู้ปกครองพุทธธรรม "รู้สึกว่าปีนี้สนุกกว่าปีที่ผ่านมา แต่ไม่ค่อยเกาะกลุ่มกัน เวทีอยู่ที่หนึ่ง แต่กิจกรรม กระจาย ไปอยู่ที่ห่างออกไปมาก มีข้อเสนอแนะว่า ไม่ควรจัดเวทีให้อยู่ใกล้ที่ฟังธรรม เพราะทำให้เวทีว่างลง ในช่วงเทศน์ ทำให้กิจกรรมต่างๆ ที่น่าจะดี แต่กลับต้องเร่งพูดเร่งทำไปเสียทุกอย่าง และก็เลิกเย็น ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ทำให้ไม่มีพิธีกร บอกกล่าวประชา สัมพันธ์ แก่ผู้มาร่วมงาน ซึ่งอาจจะไม่รู้ว่ามีกิจกรรมอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง หรืออาจจะไม่รู้กติกา คิดว่า ตลาดอาริยะควรหาวิธีไม่ให้คนเวียนซื้อของ อาหารมีขนมหวานมากอย่างเกินไป เพราะเด็กไทยติดหวานกันมาก อยู่แล้ว" ด.ช.ณัฐดนัย ทับทอง อายุ ๕ ปี นร.พุทธธรรม "ประทับใจกิจกรรมสำหรับเด็กมาก จัดได้ดี สนุกมาก รู้สึกว่าจัดได้ดีขึ้นทุกๆ ปีเลย" # # ภูผาฟ้าน้ำ เชียงใหม่ # # หินผาฟ้าน้ำ จ.ชัยภูมิ # # ศาลีอโศก จ.นครสวรรค์ กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เช้ามืด สมณะณรงค์ชินธโร สนทนาธรรมกับนักเรียน แล้วนักเรียนส่วนหนึ่งลงฐานครัวทำอาหารกับผู้ใหญ่ เพื่อเรียนรู้ คุณธรรม แห่งการให้ ช่วงสาย รับพรจากสมณะและสิกขมาตุ ร่วมรับประทานอาหารบริเวณศาลา ชมวิดีโอ ย้อนยุคชีวิต สัมมาสิกขารุ่นพี่ และ กิจกรรมเข้าค่าย สมัยต้นๆ ภาพเก่าๆ ทำให้นักเรียนหลายคนประทับใจ ภาคบ่าย เป็นกิจกรรมในร่มและกลางแจ้ง เช่น เกมวิบาก ขี่จักรยานช้า เป็นต้น เป็นที่น่าสังเกตว่า วันเด็กปีนี้ ผู้นำ/ผู้บริหารของชุมชนศาลีอโศก ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆกับเด็กด้วยความยินดี ภาพผู้ใหญ่ กับเด็ก สร้างความอบอุ่น และความกลมกลืน ซึ่งยากจะเห็นในภาวะปกติ ทำให้เด็กๆเกิดความอบอุ่น ภาคค่ำ เป็นรายการบริเวณศาลา มอบเสียงเพลงให้แก่กันและกัน สลับการละเล่น อื่นๆ สุดท้ายจบลงด้วยการจับสลาก ของขวัญ ซึ่งปีนี้ ของขวัญมีปริมาณมากกว่า ปีก่อนๆ ทำให้ต้องจับกันหลายรอบ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะ เมื่อผู้ใหญ่ บางท่านจับ รางวัล ได้ของที่ขัดกับวัย ของตัวเอง งานจบลงด้วยรอยยิ้ม และหัวใจ เอิบอิ่มของเด็กๆที่ซึ้งในน้ำจิต น้ำใจ ของผู้ใหญ่ในชุมชน # # บ้านราชฯ จ.อุบลราชธานี ช่วงบ่าย ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. ชมภาพยนตร์ที่เฮือนเพิงกัน ในเวลา ๑๗.๐๐ น. เด็กๆ แต่ละคน แต่งตัวแฟนซี แล้วรวมตัว ฟังธรรม เปิดงานวันเด็ก จากสมณะเดินดิน ติกขวีโร ท่านได้ฝากกับเด็กๆ ว่า ทำงานก็ให้สบาย เวลาหยุดก็ให้สนุกให้ได้ทั้ งประโยชน์สูง ประหยัดสุด ได้ทั้งสนุก ทั้งสบาย ชีวิตที่จะประสบผลสำเร็จคือรู้ดี สำนึกดีแล้วต้องทำดีให้ได้ หลังจากนั้น เป็นกิจกรรมสนุกสนานเข้าซุ้มวันเด็กที่ ศาลาฝั่นเซียว แต่ละคนที่จะเข้าซุ้มถูกปิดตาลอดซุ้ม ผ่านด่าน ล้วงไห ชิมอาหาร ปะแป้งแต่งตัว เสร็จแล้วรับประทานอาหาร และชม การแสดง ของเด็ก และผู้ใหญ่ สลับกับการเล่นเกม ในวันนี้ อบอุ่น อิ่มอร่อยแบบครอบครัวใหญ่ กิจกรรมเสร็จสิ้นในเวลา ๒๐.๓๐ น. หลังจากนั้น ฟังอาปะดาวบุญ ชาวหินฟ้า คุรุฝ่ายปกครองกล่าวปิดงาน เด็กๆช่วยกันเก็บงานอย่างสมัครสมานสามัคคี. |
||||||
เมืองหุ่นฟางนกแจกพันธุ์ข้าวเกษตรกร ประเทศไทยในอดีตได้ชื่อว่าอู่ข้าวอู่น้ำ "ในน้ำมีปลาในนามีข้าว" มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ผักพื้นบ้าน มีมากมาย เพียงพอต่อการบริโภค และยังเหลือเผื่อแผ่แลกเปลี่ยนเพื่อนบ้านหรือจำหน่ายเป็นรายได้ ซึ่งทำให้สภาพ การดำรง ชีวิตของ เกษตรกร ในอดีต อยู่อย่างเรียบง่าย เน้นความพอเพียงไม่ฟุ้งเฟ้อ ครอบครัวอบอุ่น แหล่งน้ำลำธาร ห้วยหนอง คลองบึง สะอาดปลอดจาก สารเคมี น่าอยู่อาศัย ใช้บริโภคอย่างปลอดภัย แต่ปัจจุบันเกษตรกร ได้เร่งรัดการผลิตพืช เพื่อสนอง ความต้องการ ด้านอาหาร ของมนุษย์และ ตลาด ด้วยการนำ เทคโนโลยีการผลิต เช่น การใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้ธาตุอาหาร ในดิน ลดลง และธาตุอาหาร บางชนิด ถูกตรึง พืชไม่สามารถ นำไปใช้ได้ สารเคมีป้องกันโรค และแมลง นำมาใช้เกินความจำเป็นและใช้อย่างไม่ถูกต้อง ส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อม สารพิษ ถูกชะล้าง ลงสู่ดิน แหล่งน้ำ และระบบน้ำใต้ดิน จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น คงไม่สายเกินไปที่จะแก้ไขให้ความอุดมสมบูรณ์ ความเป็นอยู่ที่พอเพียงและครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืน ใน โครงการ "คืนธรรมชาติสู่ชาวไทย" เพื่อที่จะสร้างจิตสำนึกและทัศนคติในการทำนาและการทำอาชีพเสริม สู่สังคมไทย โดยประกอบ อาชีพ แนวทางกลับไปสู่วิถีทางเดิม ที่เคยกินอย่างพอเพียง มีความสุข ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณา ของคณะ ทำงาน เลือกพื้น ที่ดำเนินการ โดยการส่งเสริม ให้ชาวนา ลดการใช้สารเคมี ในการทำการเกษตร อนุรักษ์ และฟื้นฟู ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม เช่น เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ ในนาข้าว ปลูกผักสวนครัวทั้งพืช ล้มลุกและยืนต้น ปลูกพืช หมุนเวียน ในนาข้าว การทำปุ๋ยหมัก เพื่อใช้ทดแทน การใช้ปุ๋ยเคมี ส่งเสริมการทำอาชีพเสริม และการแปรรูป ผลผลิตการเกษตร ในการ ดำเนิน โครงการในครั้งนี้ จะใช้ขบวนการ ทำงานแบบ มีส่วนร่วมของกลุ่มสมาชิก ที่สมัครใจ เข้าร่วมโครงการ โดยการตั้ง เวทีเรียนรู้ระดับตำบล. (อ่านต่อฉบับหน้า) |
||||||
ข้อคิดจากงานตลาดอาริยะปีใหม่'๔๙ และข้อคิดประจำฉบับฝากให้ญาติธรรม ทุกคน ขอเชิญพบกับท่านสมณะเดินดิน ติกขวีโร ได้ ณ บัดนี้ค่ะ # ในงานตลาดอาริยะปีใหม่'๔๙ ที่ผ่านมาท่านได้ข้อคิดอะไรบ้างคะ? ก. ข้อคิดจากงานตลาดอาริยะปีนี้ก็คือ ได้เห็นถึงการจัดงานครั้งนี้แม้เราจะลงทุนลงแรงไปมากมาย แต่ผลพลอยได้ที่ชัดเจน ก็คือความเป็น เอกภาพ ทางจิตวิญญาณ ของชาวอโศก มันเป็นความมหัศจรรย์ ที่ญาติธรรมของเราทั้งประเทศ มารวมตัวกัน เพื่อที่จะช่วยกัน เสียสละ ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ โดยไม่มาเกี่ยงงอนกันว่าคนนั้นทำมาก คนนี้ทำน้อย แล้วทุกคนก็ไม่ได้คิด ที่จะมาเอา อะไร ทุกคนมีแต่ จะมาให้อะไร ได้เห็น ประสิทธิภาพของบุญญาวุธหมายเลข ๒ ของพ่อท่านว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ตนประโยชน์ของหมู่กลุ่มของเราก็เป็นได้มาก และ เป็นทั้งประโยชน์ท่าน ที่จะช่วยเหลือชาวบ้านก็สามารถช่วยได้มากตามไปด้วย ข. ชาวบ้านที่มาซื้อจะเห็นว่าเขาน่าสงสารจริงๆ เขาต้องเข้าคิวกันนาน แม้ว่าเราจะแก้ปัญหาโดยการเพิ่มช่องเก็บเงินเพิ่มสถานที่ แต่ต้อง เข้าคิว กันยาว เพราะเขาจำเป็นต้องเอาไปใช้จริงๆ เขาก็ต้องการสินค้าที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเขา ซึ่งในปีหน้า พ่อท่านดำริว่า นอกจากเราจะมีตลาดอาหาร ตลาดสินค้า ต่อไปเราก็จะมีตลาดธรรมะ ตั้งแท่นให้สมณะ ปักกลด เพื่อที่เขาจะได้รับ ธรรมะ ได้พบ กับแสงสว่าง ในชีวิตด้วย เป็นการช่วยคนจนทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่กันไป ค. ได้เห็นถึงการสอบไล่ใหญ่ของชาวอโศก จริงๆ แล้วการจัดงานแต่ละปีของเรานับวันคนก็มากขึ้น แต่ก่อนที่จอดรถ ๒๐ กว่าไร่ ตอนนี้ เพิ่ม ๓๐ ไร่ก็เต็ม แม้คนจะมากขึ้นแต่การทำงานภายในปัญหากลับน้อยลง ปีนี้ก็น้อยลงกว่าปีที่แล้ว ทั้งที่คนทำงาน เป็นตัวหลัก ก็น้อยลง พวก มว.ช. ก็เหลือน้อยลง แต่ชาวบ้านมามากขึ้น ซึ่งพวกเราก็แก้ปัญหาต่างๆ ลงตัวไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากจิตวิญญาณ ของพวกเรา ที่เข้าใจกันมากขึ้น ที่จะเอาให้ได้ดั่งใจน้อยลง ที่จะประชดประชันใช้อัตตามานะแดกดันกันน้อยลง ไม่ต้องมี คณะนั้น คณะนี้ ยกทีมไปร้องทุกข์ กับพ่อท่าน ทุกคนก็มาช่วยกันทำงานโดยร่วมกันแก้ปัญหา แม้แต่เด็กๆ ปีนี้เข้าค่าย เตรียมงาน แม้พี่ๆ ไม่ได้พา สนุกสนาน เท่าไหร่เขาก็ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไร เขาเปิดเผยความรู้สึกว่าเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันมาช่วยกันทำงาน สิ่งนี้ก็ได้เห็นการ พัฒนาการ ของตลาด อาริยะ ที่ได้มีการพัฒนาทั้งด้านสินค้าและจิตวิญญาณไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ # อยากทราบนัยะที่พ่อท่านได้เขียนกลอนเรื่องปีใหม่เหยาะหยด สดใหม่ ใส่ชีวิต จะมีวิธีทำอย่างไรให้ชีวิตสดใหม่คะ? ก. เราจะสามารถเหยาะหยด สดใหม่ให้กับชีวิตของเราได้เสมอๆ ก็เป็นเพราะว่า เราต้องพยายามเอาของเก่า ล้างของเก่าออกไป ให้ได้ก่อน เคยมีความคิดเก่าๆ ความคิดที่ชอบเศร้าๆ ซึมๆ ความคิดที่เอาแต่ใจตนเอง ค่อนข้างจะสูง ความคิดที่ตระหนี่ถี่เหนียว จะเอา แต่ได้ ไม่ค่อยจะให้ ความคิดเก่าๆ นิสัยเก่าๆอย่างนี้ เราเอง ก็จะต้องพยายาม ที่จะทบทวน และหาทาง พิจารณา เห็นโทษ เห็นภัย ล้างมันอยู่ เสมอๆ โดยกัดไม่ปล่อย ต้องล้างมันบ่อยๆ กัดไม่ปล่อย และทำให้มันเกิดความเจริญก้าวหน้าขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ความคิดก็ดี คำพูด แบบ เก่าๆ คำพูดที่ประชดประชัน คำพูดที่ชอบส่อเสียด หรือคำพูดที่ขาดเมตตา ถ้าเรารู้ว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นของเก่า ที่เราควรจะ ล้างออก เราก็ควรจะหาทางพิจารณาบ่อยๆ ถ้าได้พิจารณาล้างครั้งใดมันก็เหมือนเป็นการเหยาะหยด สดใหม่ใส่ชีวิตของเราอยู่ตลอด เวลา ทั้งความคิด คำพูดหรือการกระทำ การกระทำใดๆ ที่เป็นนิสัยเก่าๆ เราก็ต้องพิจารณาล้างมันบ่อยๆ แล้วสิ่งสดๆ ใหม่ๆ ก็จะได้เกิดขึ้น กับชีวิตของเรา ข. เราจะได้เหยาะหยด สดใหม่ ใส่ชีวิตก็เพราะพยายามรับความคิดใหม่ๆ ของเพื่อนมาสังเคราะห์ อย่าเป็นคนที่เหมือน น้ำชา ล้นถ้วย ก็จะมีแต่น้ำเก่าๆ อยู่ในถ้วยแก้วของเรา โดยเฉพาะความคิดใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ ข้อเสนอใหม่ๆ ที่ได้จากเพื่อน ถ้าเราสามารถ เก็บรับเอามา ใช้ประโยชน์ได้ มันก็เป็นการเหยาะหยด สดใหม่ ให้กับชีวิตของเราได้เสมอๆ ค. เราจะเหยาะหยด สดใหม่ ให้เป็นชีวิตใหม่ได้ก็เพราะว่า เราเป็นนักปฏิบัติธรรมที่ได้พบโลกใหม่ ตั้งแต่ยังไม่ตาย โลกใหม่ หรือ โลกหน้า ของนักปฏิบัติธรรมก็คือ โลกที่อยู่เหนือโลกใบเก่า อยู่เหนือโลกอบาย อยู่เหนือโลกธรรม อยู่เหนือโลกกามคุณ พ่อท่าน ได้เน้นว่า ต้องเป็นนักปฏิบัติธรรม ที่ให้มีสติสัมโพชฌงค์ มีสติที่เข้าไปอ่านปรมัติที่จิตวิญญาณ และเห็นถึงการได้ชำระล้าง โลภ โกรธ หลง ให้ลดน้อย เบาบางลง เราลดละล้างให้เบาบางลงได้มากเท่าไหร่ ก็จะเป็นชีวิตใหม่ เป็นความสดใหม่ ให้กับชีวิต ของเรา ได้เสมอๆ # ในปักษ์นี้ท่านอยากจะฝากอะไรให้กับญาติธรรมของเราบ้างคะ? ในช่วงงานปีใหม่พ่อท่านได้กำชับกำชาพวกเราว่า ให้ระวังความก้าวหน้า ระวังกิจการที่จะขยายใหญ่โต เพราะนับวันสังคมยิ่ง เดือดร้อน มันก็จะมีสิ่งต่างๆ มาดึงมาทึ้งเราออกไป ช่วยเขาภายนอก ศูนย์อบรมของพวกเราบางแห่ง ได้รับเชิญ ให้ไปออกงาน ระดับโลก ที่เชียงใหม่ เลย อาตมาก็ได้ให้คำปรึกษา กับพวกเขาไปว่า จริงๆ เราทำแค่ระดับจังหวัด ทุกวันนี้คนของเรา ก็จะตายกันอยู่แล้ว แทบไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลาที่จะฟังเทศน์ฟังธรรมกันสักเท่าไหร่ ถ้าเราประมาณกัน ไม่ค่อยดี โอ้โห้! ได้รับเกียรติให้ออกงานระดับโลก แต่ตัวเรากำลังอมโรคอยู่ ก็คงต้องประมาณกันอย่างสำคัญ สิ่งที่อยากให้ศูนย์แต่ละศูนย์ได้พิจารณากันก็คือ ทุกวันนี้พ่อท่านอายุเจ็ดสิบกว่าแล้วแม้ท่านจะบอกว่าเป็นหนุ่มก็ตามแต่ดูงาน เขียน งานบรรยาย ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย แต่ตอนนี้เรามีศูนย์อยู่เกือบทั่วประเทศ แต่ละศูนย์ก็อยากจะให้พ่อท่านไปให้กำลังใจ ก็เห็นใจนะ ที่อยาก จะให้พ่อท่านไป แต่อยากให้พิจารณาว่า นานๆ ให้พ่อท่าน ไปสักทีได้ไหม? คือให้พิจารณากันว่า เป็นงาน พิเศษจริงๆ หรือมีแขก ที่สำคัญๆ จริงๆ แล้วค่อยแจ้งให้ปัจฉาทราบ แต่ไม่ใช่ให้พ่อท่านต้องไปศูนย์ของเราทุกปี ดูวันเวลา ที่พ่อท่านใช้ ดูเงื่อนไข ของชีวิต ถ้าพ่อ ท่านไปจริงๆ คงจะป่วยแน่ๆ ซึ่งก่อนปีใหม่พ่อท่านก็ต้องลุยไป ๓ - ๔ ศูนย์ กลับมาก็ต้องป่วยอยู่หลายอาทิตย์ ดังนั้นถ้าพวกเรา อยากจะให้ พ่อท่าน อยู่กับเรายั่งยืนยาวนานได้ ก็คงต้องช่วยกันถนอมพ่อท่าน ไม่ให้ท่านต้องทรมานสังขารกับการเดินทาง มากไป จึงจะเป็น การช่วยต่ออายุ ให้กับพ่อท่าน. |
||||||
สมณะเสียงศีล ชาตวโร และทีมอบรมปฐมอโศก จัดฝึกอบรมแกนนำเกษตรกรสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง (รุ่น ๑) ตามนโยบายของ กระทรวงเกษตรฯ โดยมีเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ เกษตรตำบล จากจังหวัดอุทัยธานี, จังหวัดตาก, จังหวัด ชัยนาท และ จังหวัดนครสวรรค์ จำนวนเกือบร้อยคน ได้รับผลดีพอสมควร เพราะเรามีวิทยากรดี โดยเฉพาะรายการ "นักสู้กู้ดินฟ้า" ได้ อ.เชาว์วัช หนูทอง และคุณวิชัย พรหมมี นำผักมาให้ดู และเล่าถึงวิธีปลูกผักไร้สารพิษในเนื้อที่เพียงแค่ไร่เดียว แต่มีรายได้ เดือนละเป็นหมื่น เล่าถึงวิธีการบริหาร จัดการอย่างง่ายๆ รวมทั้งวิธีการทำการตลาดในท้องถิ่น ไม่ต้องขนผักไปไกล จากนั้นก็มีการซักถามปัญหา จนเจ้าหน้าที่ที่มาอบรมไม่มีปัญหาจะถาม การอบรมคราวนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ ส่วนใหญ่มั่นใจ ในทิศทาง ของเกษตรอินทรีย์มากขึ้น เพราะเห็นตัวอย่างจากของจริง มีเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ จากจังหวัดตากและจังหวัดชัยนาท ขอแผ่นเอ็มพีสาม และ วีซีดี เพื่อนำไปเผยแพร่ทางวิทยุ ในท้องถิ่น และใช้ เป็นอุปกรณ์ ในการอบรมเกษตรกรต่อไป สนใจ วีซีดี ชุด "นักสู้กู้ดินฟ้า" ติดต่อได้ที่ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนปฐมอโศก หรือที่ธรรมทัศน์สมาคม. |
||||||
การรักษาด้วยแรงศรัทธา การรักษาด้วยแรงศรัทธา มีหลัก พื้นฐานอยู่บนความเชื่อในด้านบวก ซึ่งมีผลทำให้อาการทุเลาลง หรือหายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปฏิบัติภายใต้ระบบศาสนา เช่นการนั่งสมาธิทางคริสตศาสนาใช้การเทศน์รักษาทางจิตวิญญาณ การรักษาในรูปแบบต่างๆ ที่อาศัยแรงศรัทธาไม่ว่าจะต่อพระเจ้าหรือต่อพลังของตัวผู้รักษาเป็นวิธีที่ปฏิบัติกันมาหลาย ศตวรรษ แล้ว ใน หลายแห่ง ทั่วโลก ในต้นทศวรรษ 1890 นักประสาท สรีรศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อฌอง มาร์แตง ชาร์โกต์ กล่าวว่า การรักษา ด้วยพลังศรัทธา สามารถรักษา โรคทางกาย ได้ทุกโรค รวมทั้งโรคมะเร็ง การรักษาแบบนี้ ทางการแพทย์ถือว่า เป็นการ รักษา แบบ ปาฏิหาริย์ แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ ธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นตลอดมา ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่ในวัฒนธรรม หรือศาสนาใด ตามทฤษฎีทางการแพทย์นี้เชื่อว่า แรงศรัทธาจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติโดยลดปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดลง จากนั้น จะมีการ สร้างฮอร์โมน ที่เป็นสารในเลือดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ตลอดจน การทำงาน ของอวัยวะและ เนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการซ่อมแซมหรือเยียวยาตัวเอง กระบวนการนี้จะทำให้ภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี (โปรตีน ในเลือด ที่ใช้ต่อสู้กับ เชื้อ โรค) แข็งแรงขึ้น จึงนับว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจว่า บางคนกิน หรือรดน้ำมนต์ ของบุคคล ที่ตนศรัทธา แล้วหายจากโรค หรืออาการดีขึ้น ซึ่งบางคนเป็นไม่มากอาจหาย คนที่เป็นมากอาจดีขึ้นชั่วคราว เพราะเป็น การเสริมสร้าง กำลังใจ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น แม้ว่าบางครั้ง สภาพของโรคอาจไม่ดีขึ้นเลยก็ตาม นี่ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งจะเหมาะสำหรับคนที่มีความศรัทธา และมีความตั้งมั่นสูง การอาศัยแรงศรัทธานั้นจะเห็นว่าเป็น ประโยชน์ ได้ทั้งทางการ ปฏิบัติธรรม และต่อสุขภาพด้วย คนที่มีความศรัทธาสูง ในศาสนา และปฏิบัติตามธรรม ที่ถูกต้อง ก็สามารถ จะพ้น ความทุกข์ พบกับความสุขได้ อีกทั้งการที่คนเรามีความศรัทธาในกันและกันได้ก็จะทำให้กลุ่มชนนั้น ๆ มีความสุข เช่นกัน ยิ่งพวกเราชาวอโศกด้วยแล้ว น่าจะมีศรัทธาต่อกันให้มากๆ เพราะแต่ละคนก็ลดละและตั้งใจมาปฏิบัติธรรมกันทั้งนั้น สังคม ของเรา ก็จะเป็นสังคม ที่มีความสุขที่สุดนะคะ. |
||||||
๙ วัน ๘ คืน หน้า ก.ล.ต. เมื่อวันที่ ๑๖ ม.ค.๒๕๔๙ ศาสนิกชน ๖๗ องค์กร และ ๑๗๒ เครือข่ายงดเหล้า มาร่วมชุมนุมคัดค้านน้ำเมา เข้าตลาด หลักทรัพย์ฯ เพราะเห็น ร่วมกันว่า เป็นการผิดหลักคำสอนของพระศาสดาในทุก ศาสนา และมองเห็นว่า ธุรกิจน้ำเมาในทุกวันนี้ ก็เติบโต มากเกินพอแล้ว จึงมิพึงส่งเสริมให้กิจการน้ำเมาเจริญก้าวไกลไปกว่า ที่เป็นอยู่ โดยมีประเด็นเรียกร้องว่า "ขอให้ ก.ล.ต. ปฏิบัติ ตามกฎหมาย ปี ๒๕๓๕ และ ๒๕๔๓ ซึ่งกำหนดไว้ว่า ธุรกิจที่จะเข้า ตลาดหลักทรัพย์ได้ ต้องเป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติ ทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม จึงไม่ควรพิจารณารับธุรกิจ เบียร์-เหล้า เข้าตลาดหลักทรัพย์" ผู้ชุมนุมได้นั่งนอนอยู่หน้าสนง.ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถนนวิทยุ เพื่อขอความเห็นใจต่อรัฐบาลและคณะกรรมการ กำกับ หลักทรัพย์ และ ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่นำธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหุ้น เพราะจะทำให้เกิดผลเสียหาย มากกว่ารายได้ ที่รัฐบาลจะได้จาก ธุรกิจ อบายมุข นับหมื่นล้านบาท การชุมนุมครั้งนี้ ชาวสถาบันบุญนิยม จึงร่วมแสดงเจตนารมณ์ร่วมคัดค้านด้วย ซึ่งเรารวมกันเป็น "กลุ่มผู้ชุมนุม ที่ปักหลัก ยืนหยัด ยืนยันคัดค้าน ด้วยเจตนารมณ์ที่ชัดเจน อย่างสันติ (อหิงสา อโหสิ) ด้วยความสุภาพ สะอาด สว่าง สงบ เรียบร้อย ราบรื่น ง่ายงาม" ในที่นี้ ขอเรียกชื่อกลุ่ม ผู้ชุมนุมลักษณะ เช่นนี้ว่า "กลุ่มโปรเตสท์ (PROTEST)" เรามิใช่กลุ่มม็อบ (MOB) หรือ กลุ่มชน ที่มาจับกลุ่มกัน ก่อความไม่สงบ ความวุ่นวาย จลาจล การชุมนุมคัดค้าน ได้ดำเนินมาถึงวันอังคารที่ ๒๔ ม.ค.๒๕๔๙ โดย "ครม. รับมติควบคุมน้ำเมา โดยนายพินิจ จารุสมบัติ รมว.
ต่อไปนี้เป็นความรู้สึกนึกคิดของผู้เข้าร่วมชุมนุม คุณอดิศักดิ์ วรรณสิน นายกสมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ กล่าวว่า ฮัจยีอิปรอฮีม บินฮัจยีการีม (อิหม่ามสมใจ รื่นพิทักษ์) ผู้ประสานงานเครือข่ายมุสลิมภาคกลาง "เราเห็นว่าเบียร์เหล้านั้น จะนำมา ซึ่งภัยพิบัติ มากมาย ถ้าธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ เบียร์เหล้ามันก็จะผลิตมากขึ้น ขายมากขึ้น แล้วจะทำให้เยาวชน ของเรา หลงผิด มากขึ้น ทำให้เป็นที่ลำบากใจสำหรับนักการศาสนาทุกๆศาสนาที่พยายามเรียกร้องคนสู่ความดี แต่ว่า ในขณะ เดียวกัน มีคนอีก กลุ่มหนึ่ง ที่อาศัยเงิน เป็นหลัก หวังผลกำไรโดยอยู่บนพื้นฐานของการผลิตสิ่งที่เป็นอบายมุข เป็นการ มอมเมา เยาวชน"
คุณอิสระกุล ธัมมะรักษ์สัจ (ดีเจ เด็ดดวง) สถาบันสอนภาษาอังกฤษ คริสตจักร อิงลิชควิค แอน อีซี่ "การชุมนุมครั้งนี้ ก็เป็นสิทธิ ตามรัฐธรรมนูญ ที่เราสามารถจะทำได้ ตราบใดเป็นการชุมนุมโดยสงบแล้วก็ไม่ละเมิดสิทธิ ของผู้อื่น การที่คริสเตียน ไม่ดื่มเหล้า เพราะ ต้องการเป็นบุคคล ที่มีคุณภาพ ซึ่งเกิดขึ้นภายในใจของเรา ไม่ใช่กลัวกระทำผิดศีล พระคัมภีร์ไบเบิลไม่เคยห้าม ดื่มเหล้า แต่ใช้การดื่มเหล้าเป็น ปัจจัยสำคัญ ในการบ่งชี้คุณภาพของบุคคล เช่น อย่าให้เหล้าแก่ผู้ปกครองบ้านเมือง เพราะจะทำให้ การวินิจฉัย ฟั่นเฟือน เป็นต้น" คุณธำรงค์ แสงสุริยจันทร์ สถาบันบุญนิยม "เราได้มาทำประโยชน์ตน - ประโยชน์ท่าน ฝึกความอดทน เสียสละ ลดละ ความเห็น แก่ตัว ต้องมานอนกลางดิน กินข้างถนน ใช้ชีวิตร่วมกัน ประสานกับสังคมหมู่กลุ่มข้างนอกและข้างใน มีการแลกเปลี่ยน หลักธรรม ทางศาสนา ทางมุสลิมมีพิธีละหมาดทุกวัน ศาสนาพุทธมีฟังเทศน์ฟังธรรม ทำให้จิตใจผู้ที่มาร่วมชุมนุมสงบ นับเป็น การชุมนุม ของผู้เคร่งศาสนา ได้ตรวจสอบตนเองว่า ยังยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ได้ไหม? ถ้าได้ แสดงว่า สอบผ่าน ถ้าสามารถทำได้ สำเร็จ ตามที่เรียกร้อง คนในสังคม ได้รับประโยชน์ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ผลเสียจากการชุมนุมคือ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน การจราจร ติดขัด แต่น้อยกว่า การสูญเสีย ที่เกิดจากเหล้า ผมคิดว่า มันคุ้มค่าเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีกว่า". - คนเดินทาง - |
||||||
เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ. ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๗๑(๒๙๓) ปักษ์หลังวันที่ ๑๖-๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ส่งท้ายปีเก่าชาวศีรษะฯ...ในช่วงปลายปี'๔๘ ชาวศีรษะอโศกมีคิวอบรมฯต่อเนื่องทั้งผู้ใหญ่และเด็ก โดยเฉพาะเรื่องด้าน การเกษตร ช่วงนี้ มิใช่อบรม เฉพาะเกษตรกร ดังแต่ก่อน เพราะมีข้าราชการจากกระทรวงเกษตรฯ มารับการอบรมด้วย คงเพราะ รัฐบาล มีนโยบาย เรื่อง เกษตรอินทรีย์ ให้มีในประเทศเพิ่มมากขึ้น จนเกษตรกรทั่วประเทศ สามารถหยุดใช้สารเคมีได้ ในที่สุด แต่การอบรมข้าราชการกับเกษตรกร ก็จะมีความแตกต่างกันมากทั้งในด้านลบและบวก ดังเช่นรุ่นที่ ๑ จิ้งหรีดเห็นข้าราชการ กระทรวง เกษตรฯ มารับการอบรม เป็นการส่งตัวไปอบรมด่วนร่วม ๑๐๐ คน ตามนโยบายผู้ใหญ่ ก็นับว่าเป็นรุ่น ข้าราชการ ที่มารับการอบรม มากที่สุด ถ้าเปรียบเทียบการอบรมที่บ้านราชฯ และปฐมฯ ในช่วงเดียวกันนี้ จิ้งหรีดได้เห็นบรรยากาศ การอบรม แล้วก็นึกเป็นห่วง พวกเราอยู่เหมือนกัน เพราะบรรยกาศ การอบรมของชาวเรา จะแตกต่างจาก การอบรม ที่ข้าราชการ เคยเข้า รับการอบรม มาตามที่ต่างๆ การมารับการอบรม ที่พุทธสถาน จึงเป็นความแปลกใหม่ สำหรับข้าราชการ ที่มารับการอบรม เป็นอย่างมาก ที่เคยไปอบรมที่โรงแรมหรูๆ มีความสะดวกสบาย หลายๆอย่าง แต่พอมาเจอการอบรมที่ลำบาก แต่สบายแบบ ชาวบุญนิยม บางคนได้เปิดใจในช่วงก่อนปิดการอบรมว่า ในช่วงแรก ของวันอบรม เขารู้สึกว่า งานอบรมนี้ห่วยแตกที่สุด ที่เขา ได้เคย เจอมา แต่พอรับการอบรมในวันต่อๆมา เขาก็เริ่มปรับและ เข้าใจ ในวิถีชีวิตชุมชน บุญนิยมมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาได้ ซึมซับ ความจริงใจ ความบริสุทธิ์ใจ ความมีน้ำใจไมตรีของชาวเรา เขาจึงมี ความรู้สึก ที่ดีขึ้น จิ้งหรีดจากศีรษะฯ รายงาน ต่อไปอีกว่า การอบรมข้าราชการกระทรวงเกษตรฯรุ่นแรกนี้ เป็นเกษตรระดับอำเภอและจังหวัด เป็นส่วนใหญ่ ที่ทำงานใน ห้องแอร์ นั่งรถ ส่วนตัว ใช้ชีวิตเสพย์สุขเกินขนาด จะสังเกตได้จากพุงที่ยื่นออกเกินมาตรฐานสุขภาพที่ดี เป็นส่วนใหญ่ เขาจึงรู้สึกทรมานมาก ในวันแรกๆ ต้องทนฝืนหนัก จิ้งหรีดก็ได้มีโอกาสช่วยดูแลด้านสุขภาพของผู้เข้ารับการอบรมจำนวน ๖ ท่าน ด้วยการประคบ สมุนไพร นวด กดจุด และหาพืชผักพื้นบ้าน ที่เป็นยาอาหารต้านโรคให้ได้บริโภค อีกทั้งยังได้โฆษณาแนะนำ สรรพคุณ พืชผัก สมุนไพร ไร้สารพิษ พวกเขาก็สนใจและมีความตระหนักหรือตื่นตัวกันเพิ่มมากขึ้นพอสมควร ในการที่ จะหันมา ดูแล สุขภาพ แบบเรียบง่าย ด้วยการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ รู้จักการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเห็น ในคุณค่าของ สมุนไพรไทยเรา เรื่องนี้ จิ้งหรีด ก็ขอชื่นชม ในทีมงานของบ้าน อโรคยา และในที่สุด เมื่อวันสุดท้าย ของการ อบรมมาถึง เราก็ได้ความเป็นพี่ เป็นน้อง เป็นญาติ หลังสิ้นสุด การอบรมเข้าค่าย จิ้งหรีดให้คะแนนว่า ได้ผลดีแก่ผู้ที่เข้าอบรมประมาณ ๘๐ %... ต่อจากงานอบรมข้าราชการ ก็เป็นงานค่ายคนสร้างชาติ ของเยาวชน ชั้น ม.๕ จาก ร.ร.กันทรลักษ์วิทยา จำนวน ๒๔๐ คน เด็กสัมมาสิกขา ชั้น ม.๖ และ ม.วช. บางส่วนรับอมรมในงานนี้ในช่วงต้นเดือนธันวาคม บางส่วนก็แยกไปช่วยตั้งโรงบุญฯ ช่วงวันที่ ๑-๕ ธ.ค. ๔๘ หลายจุดหลายที่...ปีนี้ สมณะและญาติโยม แยกกันไปช่วยหลายที่ สมณะผืนฟ้าจึงเหลือรูปเดียวที่ไปร่วมงานโรงบุญฯที่ อ.นาเชือก, อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ซึ่งก็จัดติดต่อกันมาหลายปี ปีนี้จิ้งหรีดก็ติดตามไปช่วย ก็เห็นว่าลงตัว เรียบง่ายงามขึ้น ที่น่ายินดี เพิ่มขึ้นก็คือ มีกลุ่มน้องเลี้ยง ที่เคยมาเข้ารับการอบรม และกินมังสวิรัติได้ ก็พากันจัดตั้งโรงบุญฯ ถวายเป็น พระราช กุศล แด่ในหลวงด้วย สมณะผืนฟ้า จึงอยู่ต่อ เพื่อช่วยเป็น ประธาน อีก ๒ จุด รวมเป็น ๔ จุด... ส่วนที่ร้านหนึ่งน้ำใจ ก็ใจป้ำ ยอมขาย เท่าทุน และตั้ง โรงบุญฯ แจกอาหารกับพี่ๆ น้องๆ ฐานกสิกรรม ไร้สารพิษบริเวณหน้าที่ว่าการ อบต.ร่วมกับทางตำบล และโรงพยาบาล... สำหรับที่ศาลากลางจังหวัด ศรีสะเกษ ก็ตั้งโรงบุญฯ ดังทุกปี แม้ว่าคุณพ่อไพฑรูย์(ยิ่งยอม) นันทวงษ์ ท่านจะจากพวกเราไปแล้ว ก็ยังมีคุณแม่เย็นอภัย (ภรรยา)สานต่อ แสดงว่า พ่อยิ่งยอม ยังอยู่ ยังไม่ตายจากพวกเราไป ที่ตายจากไปก็เป็นเพียงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้น... เสร็จจากงานโรงบุญ ก็เป็นงานบุญลอมข้าว ในวันที่ ๑๐ ธ.ค. แล้วไปต่องานมหกรรมกู้ดินฟ้าที่ร้อยเอ็ดอโศกอีกส่วนหนึ่ง ส่วน วันที่ ๑๓ - ๑๗ ธ.ค. ก็รับงานอบรมอีกรุ่น ก่อนไปร่วมงานตลาดอาริยะปีใหม่'๔๙ แค่เดือน ธ.ค.ก็ปาเข้าไป ๔ รุ่นแล้ว นี่ยังไม่นับ กลุ่มย่อย ที่มาดูงานนะฮะ ซึ่งก็น่าชื่นชมที่ เจ้าภาพรู้สึกว่า คุ้มและมีสุขใจที่ได้รับใช้ประชาชน ได้งัดสมรรถนะ ของตัวเอง ออกมาเพื่อการสรรสร้าง อย่างเต็ม ที่... จากผลการอบรม ก็มีหลายคนที่ตั้งใจเลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่มเหล้า เลิกเล่นหวย บางคนยิ่งไปกว่านั้น คือตั้งใจเป็นนักมังสวิรัติ ข้อสำคัญ การที่ผู้ใหญ่ หรือผู้นำมาเข้ารับการอบรม จะได้นำความรู้ไปถ่ายทอดถึงรากหญ้ารากแก้วได้ง่าย และรวดเร็ว ยิ่งขึ้น ซึ่งจะเกิด ผลกว่า เอาแต่ รากหญ้า มาก่อน เพราะถ้ายังไม่แข็งแรงก็ต้องเอนไปตามอำนาจของผู้นำที่ยังไม่สัมมาทิฏฐิ แต่นั่นแหละ ปลาใหญ่ ใส่เกลือยาก แต่ถ้าใส่เกลือได้ โดยเฉพาะ ผู้นำที่ใกล้ชิดชาวบ้าน อย่างเกษตร อำเภอ -จังหวัด จนท. ประมง -ปศุสัตว์ต่างๆ ซึ่งบางคน ก็มาทั้งสามี และภรรยา ในฐานะ ผู้นำก็จำต้องมา บางคนบอกว่าที่ผ่านมาไม่ค่อยสนใจ มีแต่พา ชาวบ้าน มาดูงานเฉยๆ พอครั้งนี้ ตัวเองถูกคำสั่ง ให้มาอบรม ก็กลับ ได้เข้าถึง สามารถรับประโยชน์จากการปฏิบัติธรรม ทำให้เริ่มชัดเจน ชัดแจ้ง บางคนที่มีอาการป่วยเพราะมีโรคประจำตัว กลับมี อาการ ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะต้องมากินอาหารที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมื้อ เป็นเวลา แค่ ๕ วันก็ยังเกิดผลขนาดนี้ ผู้เข้าอบรม ก็ตั้งใจ ไปกินต่อกันที่บ้าน แต่บางคนที่มีโรคประจำตัว มากำเริบที่นี่ก็มี ต้องช่วยกัน พาส่งโรงพยาบาลกัน พวกเราก็ไป ช่วยดูแล ให้กำลังใจ และรู้สาเหตุสำคัญ ที่เขาป่วย เพราะก่อนมาอบรม เขานอนน้อย เนื่องจาก เป็นคนตรวจเชื้อโรคไข้หวัดนก พอมา เข้าค่ายอบรม ก็เลยช็อก และน็อค แต่ก็เคราะห์ดี ที่มาล้มป่วยในที่ที่มีคนคอยดูแล และมิใช่เส้นเลือดในสมองแตก แต่เป็น เส้นเลือด ในปากแตกก่อน ก็ถือว่า บุญคุ้มครอง จิ้งหรีดก็รู้สึกประทับใจพุทธพจน์ที่ว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม... หลังงานตลาดอาริยะ คุรุหลายคนก็ขอลาพักผ่อน เพราะการดูแลเด็กมิใช่งานเบาๆ สมณะก็ใจดีมีเมตตาให้หยุดพักรักษาตัวได้ สุขภาพดีขึ้น ค่อยมาช่วยกันใหม่ สมณะแก่นหล้า บอกจิ้งหรีดว่า เด็กศีรษะฯ ที่ดีๆ มีหลายคน หากมีการพัฒนาที่ดี จะช่วย สืบสาน งานพระศาสนา ได้อย่างดี ก็ขอชื่นชมสมณะและคุรุ รวมทั้งผู้ใหญ่ในชุมชนทุกท่านที่พยายามอดทน อดกลั้น เสียสละ เพื่อสร้างทายาททางธรรม หรือ เพื่ออนาคต ของเยาวชนทั้งหลายนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ ..... บททดสอบ...แม้ว่าตัวเองจะสุขภาพไม่ค่อยดี แต่คุณบัวกล้าเกื้อก็พยายามไม่ท้อ ก่อนสิ้นปีเก่า ก็ไปช่วยเกี่ยวข้าวให้พ่อที่ จ.โคราช แถม ยังเป็นห่วง สุขภาพคุณพ่อ จะพาไปหาแพทย์แผนไทย แต่ชีวิตย่อมมีบททดสอบ คือก่อนจะกลับบ้านไปช่วยพ่อ ก็ไปหาหมอ โดยมีอา เพียงพอ ช่วยขับรถมิตรพระ พาไปหาหมอ พร้อมพี่สาวที่แสนเรียบร้อยชื่อ นา ระหว่างทาง รถวิ่งมาจอดอยู่ กลางทาง รถไฟ ในขณะที่ รถไฟ กำลังวิ่งมาแต่ไกล ส่วนตัวเคยมีเรื่องฝังใจเรื่องนี้ ก็คิดจะเปิดประตูรีบหนีลงจากรถ โดยไม่รู้ใจโชเฟอร์ ก็เตรียม วิ่งหลบเส้นทางรถไฟอยู่แล้ว ก็นั่งคิดหนักอยู่ในรถโดยไม่กล้าถามความเห็นอาต๋อ แต่นั่นแหละ อาต๋อก็ไม่ยอม เป็นเหยื่อ บนทางรถไฟ แน่นอน จึงวิ่งออก จากเส้นทางรางรถไฟ คุณบัวกล้าเกื้อ ก็เลยโล่งใจ นี่ก็เป็นบททดสอบส่งท้ายปีเก่า แต่หลังปีใหม่ก็กลับขึ้นดอยตามที่แม่ต้นไพร ฝากบอกไว้ ถ้าเสร็จธุระแล้วให้รีบกลับดอย ขากลับก็ขึ้นรถทัวร์ของญาติเดินทางกลับขึ้น จ.เชียงใหม่ พร้อมหลานของแม่ชื่อ เตียง แม้จะอายุเลย ๖๐ แล้ว ก็ยังโสดและยังดูอ่อนกว่าวัยมาก การเดินทางต้อนรับปีใหม่ในครั้งนี้ เพื่อความประหยัด ก็ได้นั่งมา ในห้องเก็บกระเป๋า รถทัวร์ ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ชั่วโมง ในชีวิตก็เพิ่งเป็นครั้งแรก ที่นั่งแบบนี้ ก็เห็น พี่สาว เคยนั่งไปกับนักเรียน สัมมาสิกขา ไปบ้านราชฯ เมืองเรือ จึงมั่นใจว่า ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ระยะทางไกล จึงต้องอดทนอย่างยิ่ง คุณบัวกล้าเกื้อ ก็เลย ได้บททดสอบ ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ด้วยการฝึกความอดทน การทำใจให้เข้มแข็ง ก็ถือว่าเป็นมงคลของชีวิตนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ.... ควันหลงค้านน้ำเมา...วันก่อนจิ้งหรีดเห็นชาวต่างชาติท่านหนึ่งเดินผ่านที่กำลังชุมนุมกันอยู่แล้วเข้ามาสอบถามจากพวกเรา ด้วยความสงสัยว่า "ที่นี่จัดงานปาร์ตี้กันอยู่เหรอ?" พอพวกเราตอบกลับไปว่า "เรากำลังชุมนุมคัดค้าน การนำธุรกิจน้ำเมา เข้าตลาดหุ้น กันอยู่" ชาวต่างชาติ ท่านนั้น ก็ร้องโอ้! ขึ้นมาทันที พร้อมกับบอกว่า เขาไม่เคยเห็น การชุมนุมที่ไหน จะสงบสันติ อย่างนี้เลย (เขาใช้คำว่า peaceful) จิ้งหรีดได้ยินดังนั้น ก็แสนจะอนุโมทนาสาธุกับชาวบุญนิยมทั้งหลาย นี่ถ้าชุมนุมแล้วใช้ความรุนแรง ด่าทอกันล่ะก้อ เสียชื่อ นักปฏิบัติธรรม กันพอดี...จี๊ดๆๆๆ ..... มรณัสสติ นางจันทร์ จันวัน อายุ ๙๖ ปี (โยมแม่ของสมณะดวงดี ฐิตปุญโญ) เสียชีวิตเมื่อ พฤหัสบดีที่ ๑๙ ม.ค. ๔๙ ฌาปนกิจ เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๑ ม.ค. ๔๙ ณ ชุมชนดอยรายปลายฟ้า จ.เชียงราย คติธรรม-คำสอนของพ่อท่านประจำฉบับ พบกันใหม่ฉบับหน้า |
||||||
ปฏิทินงานอโศก |
||||||
คณะกรรมการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เตรียมบังคับใช้กฎหมาย ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ในสื่อทุก แขนง ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ตั้งคณะอนุกรรมการปรับแก้บูรณาการกฎหมายโฆษณา ๓ ฉบับ เป็นกฎกระทรวง คาดอีก ๓๐-๔๕ วัน ประกาศใช้ ผลวิจัยล่าสุดพบว่าประเทศที่มีการห้ามโฆษณาเหล้า สามารถลดนักดื่มลง ๑๖% ลดอุบัติเหตุได้ ๒๓% เช้าวันนี้ (๑๖ มกราคม ๒๕๔๙) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กทม. นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข เปิดการ ประชุม คณะกรรมการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ (คบอช.) เพื่อพิจารณา มาตรการควบคุม การบริโภค เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ และร่วงพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยในการประชุมวันนี้ คณะกรรมการควบคุมการบริโภค เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์แห่งชาติ ได้เตรียมวางมาตรการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปี ๒๕๔๙ ทั้งระยะสั้น และ ระยะยาว นายพินิจกล่าวว่า มาตรการระยะสั้น มี ๒ แนวทาง คือการเตรียมออกกฎหมาย ห้ามโฆษณาเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสม ของ แอลกอฮอล์ ทางวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อต่างๆอย่างสิ้นเชิง หรือแนวทางที่ ๒ อาจใช้วิธีจำกัดการโฆษณาเพิ่มเติม โดยลดเวลา อนุญาต ให้โฆษณาเหล้า ทางวิทยุ โทรทัศน์จากเดิม ตั้งแต่ ๒๒.๐๐-๐๕.๐๐ น. รวม ๗ ชั่วโมง แต่เวลาโฆษณาใหม่นี้ จะลด เหลือเพียง ๓ ชั่วโมง ตั้งแต่ ๐๒.๐๐- ๐๕.๐๐ น. และจะมีการตัดข้อความโฆษณาแอบแฝง ที่บริษัทสุรา มักใช้เลี่ยง นำมา โฆษณาใหม่ แฝงในลักษณะต่างๆ ซึ่งมาตรการนี้ จะช่วยลด การดื่มสุราลงได้อีกทางหนึ่ง โดยที่ประชุม เลือกแนวทางที่ ๑ คือ ห้ามโฆษณา เครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ ผ่านสื่อทุกรูปแบบตลอด ๒๔ ชั่วโมง และจะแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการ ดำเนินการ จัดทำรายละเอียด ๑ ชุด ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานกฤษฎีกา ฝ่ายกฎหมาย ให้พิจารณา กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาแอลกอฮอล์ ๓ ฉบับ ทั้งประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กฎ จะเชิญตัวแทนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และใช้มติเป็นเสียงส่วนใหญ่เพื่อให้ ทุกฝ่าย ยอมรับ ในกฎกติกา เพราะผลกระทบจากแอลกอฮอล์ เป็นพิษต่อสังคมต้องช่วยกันทำลาย เนื่องจาก มีการศึกษาขององค์การอนามัยโลก พบว่า การห้ามโฆษณาเหล้ามีผลต่อนักดื่มหน้าใหม่ โดยปริมาณการดื่ม แอลกอฮอล์ใน กลุ่มประเทศ ที่มีการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่มีการห้าม หรือจำกัดการโฆษณาถึง ๑๖ % และที่สำคัญ คือ อัตราการตาย จากอุบัติเหตุจราจร ในกลุ่มประเทศ ที่มีการห้ามการโฆษณา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่ำกว่า ประเทศ ที่ไม่มีการห้าม หรือจำกัด การโฆษณา ถึง ๒๓ % นายพินิจกล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการระยะยาวจะผลักดันพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งขณะนี้ ยังเป็น ร่างกฎหมายอยู่ มีสาระ สำคัญทั้งเรื่อง การควบคุมผลิตและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การออก ใบอนุญาตขาย และการจำกัด พื้นที่ในการดื่มเครื่องดื่ม จะไม่ให้ออกใบอนุญาตขายและดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ ๑๐ ประเภท ได้แก่ วัดและ ศาสนสถาน สถานพยาบาล ร้านขายยา สโมสร-เยาวชน สถานศึกษา ยานพาหนะขนส่งมวลชน ปั๊มน้ำมัน ร้านค้าที่เปิดบริการ ทั้งวัน หรือเกินกว่า ๑๖ ชั่วโมง สวนสาธารณะและทางสาธารณะ) โดยเฉพาะห้ามขายในหอพัก และห้ามดื่ม ในขณะขับขี่ ยานพาหนะ ทุกชนิด นอกจากนี้ ยังห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบเอ็ด ปี ซึ่งเดิมห้ามขายเด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี หรือ ผู้ที่ยังอยู่ ในอาการ มึนเมา จนแสดงพฤติกรรมวุ่นวาย ห้ามขายเหล้าเบียร์โดยเครื่องอัตโนมัติ การเร่ขาย การแจกแถม หรือ แจกจ่ายรางวัล การ ควบคุม การโฆษณาทางสื่อต่างๆทั้งนี้ คาดว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ จะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ และใช้เวลาในการทำ ประชาพิจารณ์กับประชาชน และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วประเทศอีกประมาณ ๒ เดือน ก่อนนำเสนอ คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการ กฤษฎีกา รัฐสภา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป นายพินิจกล่าว นายพินิจกล่าวต่ออีกว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดโรคต่างๆมากกว่า ๖๐ กลุ่มโรค และเป็นสาเหตุการบาดเจ็บ การเจ็บป่วย การตาย และพิการมากมากเป็นอันดับ ๒ รองจากโรคที่เกิด จาเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย เฉพาะในส่วน ที่เกี่ยวกับ อุบัติเหตุ จราจร มีมูลค่าสูงถึง ปีละหนึ่งแสนล้านบาท รวมทั้งสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละประมาณ ๕ แสนล้านบาท ผลสำรวจล่าสุดพบว่า คนไทยมีแนวโน้มการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปี ๒๕๔๖ เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๓๒ เกือบ ๓ เท่าตัว เฉลี่ย ดื่มคนละ ๕๘ ลิตร ต่อปี ขณะที่ในปี ๒๕๓๒ ดื่มเฉลี่ยคนละ ๒๐.๒ ลิตรต่อปี จนทำให้สถิติการดื่มของคนไทยสูงเป็นอันดับ ๕ ของโลก และที่น่า เป็นห่วง มากที่สุดคือ การดื่มของกลุ่มวัยรุ่นชายวัย ๑๑-๑๙ ปี พบว่าดื่มประมาณ ๑.๐๖ ล้านคน หรือ ประมาณ ๒๑ % ของประชากร ในกลุ่มอายุนี้ ส่วนวัยรุ่นหญิงวัย ๑๕-๑๙ ปีดื่มเพิ่มขึ้นเกือบ ๖ เท่า ทั้งนี้ในการดำเนินการควบคุมลดปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะมีการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการควบคุม ลด และ เลิกการบริโภค เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เนื่องจากขณะนี้งบประมาณในการดำเนินการไม่เพียงพอ และเพื่อความคล่องตัว ในการดำเนินงาน มากขึ้น เช่น อาจใช้ ๒ % ของภาษีสรรพสามิตสุรา หรือใช้ ๕-๑๐ % ของงบประมาณสำนักงาน กองทุน สร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. นายพินิจกล่าว (จากข่าวเพื่อสื่อมวลชน สำนักงาน สารนิเทศและประชาสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข มกราคม ๔/๑-๒ ๑๖ ม.ค.'๔๙)
ซื้อตามพ่อแม่ ใครที่ไม่เคยนึกว่า เรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่พ่อแม่ทำส่งผลถึงลูกได้ อ่าน "ดวงใจพ่อแม่" เล่มธันวาคมนี้ แล้วจะซึ้ง เพราะมีการนำ การศึกษา ของมาเดลีน เดลตัน นักวิจัยจากวิทยาลัยดาร์ตเมาธ์ ในรัฐนิวแฮมเชียร์ สหรัฐอเมริกา มาให้อ่าน มาเดลีน ได้จำลอง ร้านค้า เพื่อจำหน่าย สินค้า ให้ "เคน" และ "บาร์บี้" ตุ๊กตายอดนิยม แล้วให้เด็กอายุ ๒-๖ ขวบ จำนวน ๑๒๐ คน เป็นคนเลือก ซื้อของ ให้ตุ๊กตา โดยที่มีสินค้า ให้เลือกซื้อ ทั้งหมด ๑๓๓ รายการ ทั้งเนื้อสัตว์ ผลไม้ ขนม บุหรี่ เบียร์ ไวน์ ซึ่งผลจากการนั้น ปรากฏว่า เด็กๆ เลือกซื้อ บุหรี่ ๒๘ % เลือก เครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ ๖๒ % โดยเด็กๆสามารถจำชื่อยี่ห้อได้อย่างแม่นยำ จากการสังเกตปรากฏว่า เด็กที่มีพ่อแม่สูบบุหรี่ หรือดื่มของมึนเมาเป็นประจำ มีแนวโน้มที่จะซื้อของเหล่านี้มากถึง ๔ เท่า เชื่อว่าเด็กๆ คงเห็นว่าบุหรี่และแอลกอฮอล์เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าสังคม ซึ่งไม่จริงเลย. (จาก นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันที่ ๑๙ ธ.ค.๔๘)
โพลล์ชี้ 'เด็ก-เยาวชน' รับไม่ได้ ขบวนการตาสับปะรด สำนักข่าวเด็กและเยาวชน ร่วมกับภาคีเครือข่ายครอบครัวอาสาสมัคร และเครือข่าย ทำงาน ขับเคลื่อนทีวี เพื่อเด็ก สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ร่วมกันแถลงผล Pineapple Eyes Poll หัวข้อ "ฉากความรุนแรงที่ ปรากฏ บนจอโทรทัศน์" โดย น.ส.สกุณี กีรติวงวานิช เป็นตัวแทนแถลงว่า จากโครงการ Media Monitor ที่เปิดเผยผลการเฝ้าระวังสื่อไปเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ที่ผ่านมา ว่า พบมีความรุนแรงปรากฏในรายการโทรทัศน์มากเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้น เพื่อตอกย้ำผลดังกล่าว โพลล์สำรวจ เรื่องฉาก ความรุนแรง ที่ปรากฏบนจอโทรทัศน์จึงเกิดขึ้น โดยสำรวจความเห็นของเยาวชนและประชาชนจาก ๗๖ จังหวัด ซึ่งในการสำรวจ ได้ กำหนด ลักษณะความรุนแรง ที่ปรากฏในจอโทรทัศน์ไว้ ๑๐ ลักษณะ และจากการส่งแบบสำรวจไปยัง ๗๖ จังหวัดทั่วประเทศ ได้รับผลตอบกลับจาก ๓๓ จังหวัด สรุป ๕ อันดับ ฉากความรุนแรง ที่เยาวชน รับไม่ได้ มากที่สุด อันดับ ๑ คือ ฉากที่มีการกระทำส่อไปในทางการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถูกข่มขืน บังคับให้ค้าประเวณี ร้อยละ ๗๙.๘ อันดับที่ ๒ ฉากที่มีการตบ ตี บีบ รัด ทุบ เตะ ต่อย ผลัก จนได้รับบาดเจ็บ ร้อยละ ๖๔.๖ อันดับที่ ๓ ฉากที่มีการใช้วาจาในการข่มขู่ คุกคาม ดุด่า ตำหนิ ตะคอก ร้องตะโกน หรือพูดจาหยาบคาย ร้อยละ ๔๖.๗ อันดับที่ ๔ ฉากที่มีการกระทำหรือใช้วาจาที่จงใจดูหมิ่น-กดดัน ทำให้เกิดความรู้สึกต่ำต้อย ด้อยค่าในสังคม ร้อยละ ๔๒.๔ และอันดับที่ ๕ คือฉาก ที่มีการกระทำ หรือการใช้วาจา-ใช้สายตาที่ส่อไปในทางแทะโลม ลวนลาม และละเมิดทางเพศ ร้อยละ ๔๑.๕ ทั้งนี้ในการสำรวจครั้งต่อไป ได้กำหนดหัวข้อ "ฉากหรือภาพทางเพศที่รับไม่ได้" ซึ่งจะสำรวจให้ครบ ๗๖ จังหวัด. (จาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ ๗ พ.ย.๔๘) |
||||||
* ประวัติ หนังสือเก่ง จนครูอยากให้เรียนต่อ แต่พ่อแม่ไม่อยากให้ออกจากบ้านเพราะห่วงว่าเจ็บป่วยบ่อย แม่รักเพราะขยัน และ บอกสอนง่าย พ่อแม่พาไปวัดเสมอ คุณยายแต่งงานอายุ ๒๕ ปี พ่อบ้านอายุ ๒๘ ปี มีอาชีพเป็นครู ค่าสินสอด ๑,๐๐๐ บาทและทองหนัก ๕๐ สตางค์ หลังจากแต่งงานแล้วทำอาชีพเลี้ยงหมู เย็บผ้า ดัดผม ได้มาเผชิญทุกข์เพราะเจ็บป่วยหลังจาก คลอดลูก เลี้ยงลูกไปด้วย ทำงานไปด้วย พ่อบ้านเป็นครู และทำจักสาน * เจออโศก * ชุมชนบุญนิยม * มรรคผล * ทุกวันนี้ * ฝาก - หิ่งห้อยริมมูล - |
||||||
อ่านฉบับย้อนหลัง: