ม.ค.๕๒ สมณะเดินดิน ติกขวีโร ข่าวอโศก
 


 

ท่านได้ข้อคิดอะไรในช่วงส่งท้ายปีหนูไฟ ต้อนรับปีใหม่ ปีวัวงานบ้างคะ?

ในขณะนี้ดูเหมือนอะไรๆ ก็เป็น นายบารัก โอบามา แม้แต่คนอินโดนีเซีย ที่มีหน้าตาเหมือน บารัก โอบามา ก็ดังเป็นพลุแตก ร้านอาหารที่นายบารักไปกิน ก็ขายดิบขายดี เพราะใคร ๆ ก็อยากไป กินแบบ ทำแบบนายบารักบ้าง ที่เคนยาสถานที่ นายบารักเคยอยู่ ก็เป็นสถานที่ มีคนไปดูกันมาก แม้แต่ที่ญี่ปุ่น มีเมืองที่ชื่อโอบาม่า ก็เป็นเมืองที่มีการเฉลิมฉลองใหญ่

เหตุที่กระแสของนายบารัก มาแรง เพราะเขาจะนำพาประเทศมหาอำนาจของโลกเปลี่ยนแปลง ชาวอโศกเรา เราก็มี “ครูบารัก” ที่จะพาชาวอโศกเปลี่ยนแปลง ปีนี้พ่อท่านให้โศลกที่สำคัญ ในงานมหาปวารณา ก็คือว่า “ให้ฝึกหยุด แต่ไม่หยุดฝึก” อันนี้เป็นนโยบายสำคัญ ที่ให้กับชาวอโศก เลยทำให้องค์กรภายใน ของเราหลายๆที่ พากับปรับทิศทาง ให้สอดคล้องกับนโยบาย งานประเพณี หลายงาน ก็มีการเปลี่ยนแปลง โดยไม่ได้ นัดหมายกันไว้ ทางภูผาฟ้าน้ำ ก็มีความเกรงใจญาติธรรม ตามชุมชนต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่ในชุมชน ของตนเอง มายาวนาน ก็เลยของด จัดงานฉลองหนาว เพื่อที่ว่าเรา จะได้มีเวลา อยู่กับพื้นที่ ทำชุมชน ของตัวเองให้ดี แม้แต่ทางหินผาฟ้าน้ำ ก็ของดงานประจำปีของตนเอง แต่ก็ไม่ได้หยุด ที่จะทำงานกันต่อ

แม้แต่งานปลุกเสกฯ งานพุทธาภิเษกฯ ปีนี้ ทางสมณะเกจิฯ ก็ได้พูดคุยหารือกัน สุดท้าย ก็มีความเห็น เป็นเอกฉันท์ สอดคล้องกันว่า เราน่าจะย้ายงานประจำปี ทั้งสองงานนี้ มาจัดที่ ราชธานีอโศก เพื่อโครงการ บ้านราช เป็นพันที่ ที่พ่อท่าน ปรารภเอาไว้ จะได้เกิดเร็วขึ้น อย่างน้อย ภายใน ๗ วัน ก็ยังดี พ่อท่านจะได้เห็น ญาติธรรมเป็นพัน ในขณะช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และจะได้ช่วยกัน ระดมสรรพกำลังมาช่วยกันสร้างต้นแบบ ของบุญนิยม โมเดลแรก ให้เกิดขึ้นก่อน

ก็ได้เห็นตัวอย่างของต้นไทรที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านราชฯ มันมีรากที่สวยงามมาก เมื่อมันทิ้งรากลงมาแล้วราก ก็กลายเป็นลำต้นใหม่ แล้วก็ขยายพื้นที่ ออกไปเรื่อยๆ ต้นไทรที่เป็นต้นแม่นี้ เมื่อมันยึดยอดต้นฉำฉาได้แล้ว ก็มีลูกกระจายไปรอบๆ ในระยะ ๑๐ – ๒๐ กิโลเมตร เมื่อนกเอาลูกไปกิน แล้วก็อาศัยนกขยายลูกเต้าไปเรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้ พ่อท่านเองก็เห็นว่า ระบบบุญนิยมที่จะเกิด กระจายขยายกว้างออกไปได้ มันก็จะต้องมีโมเดลแรก หรือต้นแบบแรก ที่สามารถประสบผลสำเร็จ ให้ได้ก่อน เมื่อต้นแบบ หรือต้นแม่เติบโตเต็มที่ มีองค์ประกอบ ครบพร้อมบริบูรณ์ แล้วการขยายกระจายตัวออกไป ก็จะมีการพัฒนา และเติบโตไปตามลำดับ

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทั้งศาลีอโศกและศีรษะอโศก ก็ยินดีมีความเห็นสอดคล้องกัน เนื่องจากอานิสงส์ ของการไปชุมนุม ที่ทำเนียบกันมา ขนาด ๖ เดือน เรายังกล้าทิ้ง กล้าตายให้กับประเทศชาติได้ แล้วทำไม เพียงแค่ ๗ วัน หรือมากกว่านั้น ทำไมเราถึงจะเสียสละ ให้กับศาสนา ไม่ได้ อันนี้ก็เป็นการฝึกหยุดอย่างหนึ่ง แต่อย่างไรก็ดี ทางศีรษะอโศก ก็เสนอตัวขึ้นมาว่า ถึงแม้จะไม่ได้จัดงาน ที่ศีรษะอโศกก็ตาม แต่ก็พร้อม ที่จะมาเป็นเจ้าภาพ ทำงานที่ราชธานีอโศกต่อ เป็นเหมือนยืมสถานที่ ที่ราชธานีอโศกจัดงาน ซึ่งก็สอดคล้อง นโยบาย ที่พ่อท่านให้ไว้ว่า “ให้ฝึกหยุด - แต่ไม่หยุดฝึก”

ปีนี้จึงถือว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ของชาวอโศก เราพร้อมที่จะไม่ยึดติด ในวัตถุในสถานที่ หรือยึดมั่น อยู่แต่ชุมชน ของเรา ๆ พร้อมที่จะเสียสละออกมา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อผลักดัน ระบบบุญนิยม ให้เจริญรุ่งเรือง ในช่วงขณะที่พ่อท่าน ยังมีชีวิตอยู่ขณะนี้



ชาวอโศกมีส่วนขับเคลื่อนการเมืองใหม่อย่างไรบ้างคะ?

เมื่อเร็วๆ นี้ทางพลตรีจำลอง ศรีเมือง ก็ได้จัดงานสังสรรค์พันธมิตรฯ ที่โรงเรียนผู้นำ จังหวัดกาญจนบุรี กองทัพธรรม และชาวอโศก ก็ไปช่วยงานช่วยการกันอยู่ที่นั่น พ่อท่านให้นโยบาย แก่ญาติธรรมเราไว้ ก่อนไปร่วมงานว่า

เรื่องของการเมืองหรือการสร้างประชาธิปไตยนั้น คือการเป็นผู้รับใช้ คนที่จะเป็น นักการเมือง หรือ คนที่จะเป็นนักสร้าง ประชาธิปไตย จะต้องเป็นผู้รับใช้ ไม่ใช่ไปเบ่งอำนาจ ไม่ใช่ไปแสดง ความเป็นเจ้า เป็นนาย พ่อท่าน ให้พวกเรา ไปในงานนี้ คือไปแสดงตนเป็นผู้รับใช้ ของมวลชน เราไปรับใช้ มนุษยชาติ ได้มากเท่าไร โดยไม่ได้หวังสิ่งใดๆ กลับตอบแทนมา นั่นก็คือ เนื้อแท้ของประชาธิปไตยมากเท่านั้น

ดังนั้น กิจกรรมที่เมืองกาญจน์ พ่อท่านก็ให้พวกเราไปรับใช้พันธมิตรฯ ไม่ต้องไปออกหน้า ออกตาอะไร มีสิ่งใดที่ทำให้เขาลดทุกข์ พ้นทุกข์กันได้ เราก็ช่วยกันทำงานนั้น พ่อท่านย้ำว่านี้คือ เนื้อหาของประชาธิปไตย

ซึ่งงานนี้ก็เป็นงานที่เหนือคาดหมายมากๆ เพราะไม่คิดว่า จะมีพันธมิตรฯ ไปกันมาก ๕ – ๖ หมื่นคน จนป่าโรงเรียนผู้นำ แทบแตก ขนาดที่เรียกว่า เตรียมไถเปิดพื้นที่ไว้มากมายมาก ก็ยังแทบไม่มีที่จอดรถ ได้เห็นพลังของพันธมิตร ที่ยังมีความสัมพันธ์ ผูกพันกันอยู่ อย่างเหนียวแน่น และประทับใจ พลังของญาติธรรม ที่ไปร่วมช่วยกัน แก้ปัญหา เพราะว่า มันเป็นปัญหา ไปหมดทุกเรื่อง เราคิดว่า จะรับคน สักหมื่นคน ก็มากแล้ว แต่คนมามากกว่าที่คิดไว้ ๕-๖ เท่า อาหารก็ไม่พอ ห้องน้ำ ก็ไม่พอ ที่จอดรถก็ไม่พอ ทุกอย่างจะต้อง แก้ปัญหากันไปหมด และคนที่ให้บริการ ยังไงๆ ก็ไม่พออยู่แล้ว แต่จากการที่ พวกเรา เคยมีประสบการณ์ ในการทำงานร่วมกันมา อย่างเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน ก็ทำให้ช่วยลดปัญหา ที่มันเกิดขึ้น ไปได้อย่างดี และ หลังจากเลิกงาน ก็ช่วยกันเก็บงาน จนเรียบร้อยเบ็ดเสร็จ ก็ได้เห็นว่า นี่คืองานการเมืองที่แท้จริง ที่พ่อท่าน ให้ไว้ว่า งานการเมืองคือ การไปเป็นผู้รับใช้ เราได้ฝึกความเป็น ผู้รับใช้ได้มากเท่าไหร่ ก็จะเป็นการลดตัว ลดตน นำพาตัวเราไปสู่ ความพ้นทุกข์ ได้มากเท่านั้น

ทุกวันนี้การทำงานชาวอโศกจะไม่ยุ่งยากเลย โดยที่แต่ละคน แทบไม่ต้องไปคิด งานใหม่ๆ เลยก็ได้ เป็นแต่เพียงคอยดูว่า งานส่วนกลาง มีอะไรบ้าง ที่ขาดแคลน แล้วเราก็เข้าไปรับใช้ ช่วยกันผลักดันทำงานนั้นๆ ให้เสร็จ การทำงาน ในระบบ สาธารณโภคี ที่ดีที่สุดในตอนนี้ ก็คือว่า ทุกคนช่วยกันเก็บงาน ของตนเอง ในหัวไว้ก่อน แล้วช่วยกัน ผลักดัน งานส่วนกลาง ที่ดำเนินไว้แล้ว มันเกิดขึ้นแล้ว ให้มันสำเร็จให้ได้ การทำงาน ที่ไม่ได้ทำตามภพตัวเองอย่างนี้ จะเป็นการทำงาน ที่เบาที่สุด หนักแรงน้อยที่สุด แล้วก็เป็นไป ด้วยความสมัครสมาน สามัคคีได้อย่างดีที่สุด นี่แหละคือ งานการเมือง หรืองานประชาธิปไตย ที่แท้จริง คือการไปรับใช้ผู้อื่น รับใช้หมู่กลุ่ม รับใช้สังคม โดยไม่ต้องเอาตามภพ หรือตามใจเราก็ได้ ซึ่งการทำงานด้วยการตั้งจิต เป็นผู้รับใช้เช่นนี้ เป็นทั้งการเมืองใหม่ และจะทำให้เรา พ้นทุกข์ด้วย


ปัญหาของแต่ละชุมชนในขณะนี้ คือมีงานมาก แต่คนน้อย จะแก้ได้อย่างไรคะ?

พ่อท่านได้เสนอแนะว่า แต่ละคนต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ และให้ได้คุณภาพ ให้มากขึ้น ปัญหาของ ประสิทธิภาพ ในขณะนี้ก็คือ ชุมชนแต่ละแห่งๆ ในปัจจุบันนี้ คนจะลดน้อยลง แต่โรงเรือน โรงงานต่างๆ นานา กลับจะขยายกันมากขึ้น สิ่งแรก ที่ควรทำ ในตอนนี้ก็คือ แต่ละชุมชน หยุดการก่อสร้าง หยุดการขยายงาน ได้ก่อน จะช่วยแก้ปัญหาเรื่อง ความไม่มีประสิทธิภาพ ในการทำงานได้ ที่ใดที่ไม่มีคนเพิ่มขึ้น ควรหยุด การก่อสร้าง หยุดการขยายงานได้เลย มาช่วยกันเก็บ ช่วยกันทำ ฐานงานต่าง ๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้ขับเคลื่อน ได้ดีที่สุด ดีกว่า

๒.ทำอย่างไรเราจะร่วมมือร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีการปรึกษาหารือกัน ประชาธิปไตย ก็คือว่า พยายามที่จะระดมสมอง มีการปรึกษา หารือกัน เพื่อให้มีการทำงาน แบบเป็นองค์รวม ไม่ใช่ตัวใครตัวมันทำ เหมือนมีข่าวต่างประเทศว่า เด็กวัย ๖ ขวบ ซิ่งรถไปโรงเรียน จนไปชนเสาไฟฟ้า เพราะแม่ลืมกุญแจเอาไว้ แต่ลูกอยากจะไปโรงเรียนให้ทัน เพราะมีวิชาพละตอนเช้า ก็เลยขับรถไปเอง พ่อก็ไม่อยู่บ้าน เพราะออกไป ทำงานแต่เช้า ส่วนแม่ยังนอนหลับอุตุอยู่ จนลืมเวลาไปโรงเรียนของลูก ข่าวสะท้อนให้เห็นว่า ต่างคน ต่างว่ากันไป ทำกันไป โดยไม่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน เหมือนกับการทำงาน ในแต่ละจุดของเรา พวกที่เก็บขยะ ก็พยายาม ที่จะสะสาง โละทุกอย่าง ที่ขวางหน้า แต่ก็ไปสร้างปัญหา ให้กับพวกช่างเพราะว่า สิ่งของ ที่พวกช่างเก็บเอาไว้ ได้ก็ถูกขนเอาไปขายด้วย บางชุมชน พวกเราต้องไปขอซื้อ เครื่องสูบน้ำ กับร้านซื้อของเก่า กลับคืนมา ซึ่งถ้าไปซื้อใหม่ ราคาเป็นหมื่น แต่โชคดี ที่เจอร้านพันธมิตรฯ เขาเลยไม่คิดสตางค์

ตอนเราขาย ขายเป็นเศษเหล็ก ทั้งๆ ที่มันยังเป็นเครื่องที่ใช้งานได้ นี่คือ การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ต่างคน ต่างทำ ต่างคน ต่างว่ากันไป โดยไม่มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วขยะนั้น คือการที่เอาของ ที่ใช้ไม่ได้ มาทำเป็นสิ่งที่มีมูลค่า มาทำให้เป็นทองคำขึ้นมา แต่การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพนี่ ก็จะกลาย เป็นว่า การเอาสิ่งที่มีมูลค่า เหมือนดั่ง ทองคำ ไปขายเป็นขยะออกไป ถ้าไม่เจ๊งในวันนี้ ก็ไม่รู้ว่า จะเจ๊ง ในวันไหนแล้ว

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เราพยายามที่จะไม่ยึดติดอยู่ใน “ตัวกู-ของ ๆ กู” ตั้งแต่เราไปชุมนุม ที่ทำเนียบมา ๖ เดือน ก็ช่วยให้เรา มีอานิสงส์ ได้สลายการยึดมั่นถือมั่น แต่ชุมชนของตัวเอง งานนี้ดูเหมือน ศีรษะอโศก จะได้กำไร มากกว่าเพื่อน เพราะว่า กลับจากการชุมนุมแล้ว ถูกยึดพื้นที่ ที่สร้างศาลา สร้างโบสถ์ ไปหมดเลย ต้องย้าย ที่ตั้งวัดใหม่ แต่ทางศีรษะอโศก ก็ตั้งใจว่า ถือโอกาส เป็นโอกาสดี ที่จะได้มาช่วยงาน ที่บ้านราชฯ กับที่ ม.อุบลฯ มากขึ้น อันนี้เราจะเห็นได้ว่า เมื่อเราไม่ยึดติดในวัตถุ เราก็จะได้จิตวิญญาณใหม่ ได้ชมพูทวีป อันเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งใหม่ ที่ลงตัวกว่า ได้จิตวิญญาณใหม่ ที่ปล่อยวาง ได้มากกว่า นี่ก็เป็น การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เพราะมันเสมือนเหมือนกับ เราไปร่วมชุมนุมกันมา แล้วรอดตายมาได้ ทุกอย่าง ก็เลยกลายเป็นเรื่องเล็ก ไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่อีกแล้ว

นี่ก็ทำให้เราชัดเจนว่า ถ้าเราสละวัตถุได้ เราจะได้จิตวิญญาณใหม่ แต่ถ้าเราสละจิตวิญญาณได้ ไม่ยึดมั่น ถือมั่นอีก เราก็จะได้ นิพพานเป็นเป้าหมายในที่สุด.