.

สูตรปลูกป่าแบบยั่งยืนป่าฟื้นคืนชีพด้วยตัวเอง

ถ้าบอกว่า วันที่ 20 มีนาคมของทุกปีเป็น "วันป่าไม้โลก" ก็คงจะช้าไปในความรู้สึกของใครหลายคน แต่ในความรู้สึกของคนรักษ์ป่าแล้ว ไม่เคยมีอะไรสายเกินกว่าการปล่อยให้ป่าถูกทำลาย วันนี้ ป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า กำลังถูกบุกรุกและทำลายอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องได้รับการอนุรักษ์พันธุกรรมอย่างเร่งด่วนแล้ว ซึ่งการอนุรักษ์ จำต้องมีพื้นฐานความรู้ และความเข้าใจโครงสร้างทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางพันธุกรรมของไม้ป่า และระบบการสืบพันธุ์ของพันธุ์ ไม้แต่ละชนิดด้วย

ปัจจุบัน ทรัพยากรป่าไม้ของไทย ได้ถูกทำลายและลดลงอย่างต่อเนื่อง จากรายงานของกรมป่าไม้ ระบุไว้เมื่อปี 2541 เหลือพื้นที่ป่าเพียง 25.28% ของเนื้อที่ป่าไม้หรือประมาณ 129,722 ตร.กม. โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากไฟป่า การลักลอบตัดไม้ ซึ่งการเกิดไฟป่า
ก็มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน อาทิ การหาของป่า ล่าสัตว์ เผาไร่ เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ

สิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้ได้พื้นที่ป่าในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมาได้ ก็คือการกระตุ้นให้ทุกคนตื่นตัวและเห็นความสำคัญ ของทรัพยากรธรรมชาติ และการอนุรักษ์ทรัพยากรด้านป่าไม้ เหตุนี้จึงมีการศึกษาระบบนิเวศน์ชนิดพันธุ์พืชและไม้ป่า เพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง แต่สำหรับการศึกษาทางด้านพันธุกรรม และความหลากหลายทางพันธุกรรมของพันธุ์ไม้ป่านั้น ยังมีการศึกษาน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการศึกษาวิจัยสาขาอื่น

ความหลากหลายทางพันธุกรรม มีความสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด และความหลากหลายนี้ยังหมายรวมถึงความหลากหลายของชนิดพันธุ์สิ่งมีชีวิตในพื้นที่นั้นๆด้วย ยิ่งในบริเวณนั้นมีจำนวนชนิดและความหลากหลายของสรรพชีวิตมากเท่าใด ก็จะมีความยั่งยืนของระบบนิเวศน์มากขึ้นเท่านั้น สิ่งเหล่านี้ ตรงกันข้ามกับแนวคิดของการปลูกป่ารูปแบบที่ใช้ไม้เพียงไม่กี่ชนิดพันธุ์กับพื้นที่ป่าทั้งผืน ที่จะไม่เกิดประโยชน์ต่อความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศน์ของป่า อันหมายรวมไปถึงสัตว์ป่า ภูเขา แม่น้ำ ฯลฯ เพราะอาจเป็นการปลูกต้นไม้มากว่าการปลูกป่า !!!

การวางแปลงปลูกพืช เพื่อการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ของป่าเสื่อมโทรม ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ทางภาคเหนือของประเทศ ไทย ภายใต้การสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาจาก โครงการพัฒนาองค์ความรู้ และศึกษานโยบาย การจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (BRT) โดยการสนับสนุนของ ศูนย์ พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ และ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ระบุว่าการหาพรรณไม้ที่เหมาะสม ปลูกทดแทนไม้ที่สูญเสียไปในแต่ละพื้นที่ เป็นวิธีการฟื้นฟูสภาพป่าที่ดีกว่าการปลูกป่าแบบเก่า

ดีกว่าอย่างไรนั้น รศ.ดร.วิไลวรรณ อนุสาร-สุนทร อาจารย์ประจำจากภาคชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในคณะผู้วิจัย กล่าวว่าการปลูกป่าในลักษณะดังว่านี้ ใช้เทคนิคที่เรียกว่า frame work species ซึ่งจากการศึกษาพบว่า สามารถฟื้นฟูความหลากหลาย ทางชีวภาพของป่าเสื่อมโทรมได้ มีการเพิ่มขึ้นของชนิดสัตว์ป่า ความ หลากหลายทางชีวภาพ และคงไม้ดั้งเดิมไว้ได้ และ ป่าสามารถฟื้นฟูสภาพได้ด้วยตัวเอง ถือเป็นการปลูกไม้ภายใต้วงจรธรรมชาติที่ยั่งยืนกว่าการปลูกแบบเดิม

คณะผู้ศึกษา ไม่ได้หยุดอยู่เท่านี้ เตรียมติดตามตรวจสอบระยะเวลาการฟื้นตัว ของความหลากหลายทางชีวภาพในแปลงฟื้นฟูป่าในภาคเหนือของประเทศ ไทยอีกด้วย ส่วนผลจะออกมาเป็นเช่นไรนั้น ทีมงานจะติดตามนำมาเสนอกันต่อไป อย่างไรก็ตาม การจะให้ ก้าวไปสู่จุดหมายได้นั้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความเสื่อมโทรมของระบบธรรมชาติ จะต้องมีส่วนในการรับรู้และตัดสินใจในการใช้อย่างยั่งยืนด้วย

ดวงแก้ว ผุงเพิ่มตระกูล

ไทยรัฐ ๑๐ เม.ย. ๔๕