เป็นมติคณะรัฐมนตรีออกมาเรียบร้อยแล้วนะครับว่า ต่อไปนี้ข้าราชการไทยจะต้องแต่งชุด
ที่ตัดด้วยผ้าไทย ทุกวันศุกร์ เพื่อเป็นการนำร่องให้พี่น้องประชาชนร่วมแต่งด้วย
ในโอกาสต่อๆ ไป
ผมขอสนับสนุนเต็มที่ และความจริงก็ได้เขียนเชิญชวนไว้ก่อนที่
ครม.จะมีมติด้วยซ้ำ
ท่านผู้อ่านคงจะจำได้ที่ผมเล่าว่าผมได้รับเชิญไปร่วมงานฉลองครบรอบ
1 ปี ของธนาคารประชาชน ที่ธนาคารออมสิน ซึ่งเขานัดแต่งชุดไทยโดยผมไม่รู้...ก็เลยกลายเป็นข้าวนอกนา
แต่งสูทผูกไท อยู่คนเดียว
เพิ่งจะรู้ตัวว่าเชยแสนเชยก็คราวนี้แหละ ทั้งๆ
ที่ปกติการแต่งสูทหรือชุดสากล จะดูสง่างามกว่าชุดอื่นๆ
แต่พอเราฉายเดี่ยวเข้าไปในดงผ้าไทยเข้าเท่านั้นแหละ ชุดสูทที่ว่าโดดเด่นนักหนา
กลายเป็นชุด แปลกประหลาด ไปในทันทีเลยครับ
ผมคิดว่ามติคณะรัฐมนตรีครั้งนี้คงไม่ทำให้ข้าราชการทั้งหลายเดือดร้อนมากนัก
เพราะส่วนใหญ่ มีการแต่ง ล่วงหน้ามาเป็นปีๆ
แต่งด้วยจิตสำนึกว่าจะต้องอนุรักษ์ความเป็นไทยเอาไว้ และแต่งเพื่อส่งเสริมสนับสนุ
นสินค้า จากชนบท อันจะช่วยให้พี่น้องชาวชนบทมีรายได้เพิ่มขึ้น
หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจหลายหน่วยที่มีจิตสำนึกในลักษณะเช่นนี้
ล้วนมีโครงการ นิยมไทย แต่งชุดไทย สัปดาห์ละหนมานานแล้ว
ผมถึงได้มั่นใจว่ามติคณะรัฐมนตรีคงไม่ทำให้ข้าราชการเดือดร้อนต้องซื้อหาชุดใหม่
มาสวมใส่เพิ่มเติม
แต่ถึงหากมีความจำเป็นจะต้องซื้อใหม่ก็ไม่น่าจะเดือดร้อนมากเช่นกัน
เนื่องจากเสื้อผ้าไทย มิได้แพง อย่างที่คิด
ผ้าไหมอาจจะแพงหน่อย แต่ถ้าเราคิดว่าเราพอมีเงินทองจะจ่ายได้โดยไม่เดือดร้อนก็ลุย
จ่ายไปเลย เพราะสวมแล้ว สวยสะดุดตา
ส่วนคนเบี้ยน้อยหอยน้อยก็ใช้ผ้าฝ้าย
หรือผ้าม่อฮ่อมซีครับ...เท่าที่ผมสอบถามเสื้อฝ้ายสวยๆ ที่เขาแขวนขายในงานของ
ธนาคารออมสิน เมื่อวันก่อน ก็ราวๆ ตัวละ 400 กว่าบาทเท่านั้น
อีก 2-3 วันต่อมา ผมแวะไปที่เดอะมอลล์ บางกะปิ ที่เขาจัดงาน ผ้าไทยเทิดไท้มหาราชินี
สอบถามราคาดูแล้ว ก็อยู่ในระดับเดียวกัน
ดังนั้น สำหรับข้าราชการที่ไม่เคยแต่ง และจะต้องแต่งเป็นหนแรก จึงไม่น่าจะเดือดร้อน
จนเกินไป ด้วยเหตุผลอย่างที่ว่ามาข้างต้น
ผมอยากจะขอร้องให้รัฐบาลคงมติ ครม.นี้ไว้ตลอดไป และขณะเดียวกันก็ขอเชิญชวน
ให้พี่น้องชาวไทย แต่งชุดไทย ของเราด้วยเท่าที่จะแต่งได้
โดยเฉพาะในงานสำคัญๆ อย่างเช่น งานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงในตอนเย็นๆ
คํ่าๆ น่าจะแต่งเสีย ให้เป็นประเพณี เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน
ผมยังนึกน้อยใจเวลาไปกินเลี้ยงกับเพื่อนฝูงชาวมาเลย์ ชาวอินโดฯ และชาวฟิลิปปินส์
ที่เขาใส่เสื้อ ประจำชาติกันมาพรึบ ในขณะที่เราใส่สูท หรือไม่ก็เล่นเชิ้ตฝรั่งเสียส่วนมาก
ยุคหนึ่งเราเกือบสร้างชุด ประจำชาติ ได้สำเร็จ เมื่อ พล.อ.เปรม
ติณสูลานนท์ แต่งชุดพระราชทาน เป็นประจำ ทำให้คนไทยแต่งตาม
แต่พอเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาเป็นน้าชาติ ที่นิยมสูทมากกว่า (เพราะท่านบอกว่าท่านแต่ง
ชุดพระราชทาน แล้วไม่หล่อ)...ชุดพระราชทานก็หายต๋อมไป
สำหรับคราวนี้ จะตัดชุดพระราชทานก็ได้ หรือรูปทรงอะไรก็ได้ แต่ขอให้ใช้ผ้าไทยเท่านั้น
ก็คงจะแก้ปัญหา หล่อหรือไม่หล่อไปได้เปลาะหนึ่ง
เพราะใครหุ่นไม่เหมาะกับชุดพระราชทาน จะเลือกตัดเป็นชุดซาฟารี หรือชุดประยุกต์อื่นๆ
ที่เหมาะ แก่ตัวเอง ก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ
หวังว่าการแต่งชุดเสื้อผ้าไทยครั้งนี้ คงมิใช่ไฟไหม้ฟางที่ฟู่ฟ่าขึ้นมาประเดี๋ยวประด๋าว
แล้วก็วูบดับไป
ดังนั้น แม้จะมีมติ มีคำสั่งออกไปแล้ว ผมก็ยังอยากจะให้รัฐบาล หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์
ของรัฐบาล ช่วยชี้แจง ช่วยรณรงค์ให้ทุกฝ่ายเห็นคุณค่าของการแต่งชุดไทย
จนกระทั่งยอมรับ และเกิดจิตสำนึก โดยสมัครใจ
เพราะกฎหรือระเบียบย่อมไม่ยืนยาวแน่นอน หากผู้แต่งไม่ยินยอมพร้อมใจ
และรู้สึกว่าถูกบังคับ
ขอเอาใจช่วยให้โครงการแต่งชุดไทยของเราครั้งนี้จงอยู่ยั้งยืนยง
ไปชั่วกาลนาน นะครับ
อีกหน่อยเวลาเราไปกินเลี้ยงกับเพื่อนฝูงชาวอาเซียน จะได้ ยืดอกอย่างสง่างาม
และ คุยได้เสียทีว่า เราก็มีชุดประจำชาติ กะเขาเหมือนกัน.