ถ้าเอ่ยถึงสับปะรด เชื่อว่าหลายคนคงต้องนึกถึงแหล่งปลูกใหญ่ๆ
อย่างชลบุรี ระยอง ประจวบฯอย่างแน่นอน ใครจะนึกว่าที่ จ.สุพรรณบุรี
ก็มีการปลูกเหมือนกัน และก็เจอปัญหา ราคาตกต่ำ เหมือนกันเปรี๊ยบเลย
แม้ที่นี่จะมีพื้นที่ปลูกแค่ 5,000 กว่าไร่ แต่ถ้าผลผลิต ออกมาประดัง
กับแหล่งอื่นก็รอขนไปทิ้งได้เลย
นางวิไล อุบลบาน สมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรแก้วเจ้าจอม ต.ด่านช้าง
อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เล่าว่า ก่อนนี้เธอเองก็ทำไร่สับปะรดอยู่เช่นกัน
โดยที่นี่จะปลูกพันธุ์ปัตตาเวีย เวลาราคาตกก็แย่ไปตามๆกัน ภายหลังได้เข้าร่วมกับ
"กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรแก้วเจ้าจอม" มี คุณนิรมล พาณิชย์รังษี เป็นประธานกลุ่มฯ
ได้ช่วยกันคิดหาทางแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่า ให้กับวัตถุดิบ
"แรกๆ ก็นำมากวนขาย แต่สู้สับปะรดกวน ทางประจวบฯไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องต้นทุน
และเครื่องมืออุปกรณ์ เมื่อสู้ทางใต้ ไม่ได้ จึงหาทางทำให้แปลกแหวกแนวออกไป
โดยทดลอง ทำเลียนแบบสับปะรดลูกใหญ่ เมื่อทำออกมาแล้วจะมีลักษณะคล้ายระเบิดน้อยหน่า
สมาชิกเลยลงมติให้ชื่อ "สับปะรดลูกระเบิด" ซะเลย คุณนิรมลกล่าวและว่า
"...ถือเป็นผลิตภัณฑ์ ใหม่ของกลุ่มที่ประสบความสำเร็จมาก ตอนนี้ไม่เพียงวางขายในชุมชนและที่ศูนย์ของดีเมืองสุพรรณฯเท่านั้น
ซี.พี.และบริษัท ค้าส่งหลายแห่ง ก็ติดต่อเข้ามา นอกจากนี้ ก็มีส่งไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น
ฮ่องกง แล้วบางส่วน รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านด้วย..."
ไม่เฉพาะ "สับปะรดลูกระเบิด" เท่านั้น "ทองม้วนสมุนไพร" ก็เป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของที่นี่อีกตัว
มีโอกาสเมื่อไหร่รับรองนำมาเล่าสู่กันฟังแน่ แต่วันนี้ทีมงาน ขอนำวิธีการทำสับปะรดลูกระเบิด
มาฝากกันก่อน แต่ขอบอก!! ไม่ได้ต้องการให้ลอกเลียนแบบ แต่อยากให้นำไปพัฒนา
ใช้กับวัตถุดิบ ในท้องถิ่นของตนเองบ้าง แค่สร้างสรรค์ในเรื่องรูปลักษณ์
และรสชาติให้ดี ขี้คร้านตลาดวิ่งหา
สำหรับการทำสับปะรดลูกระเบิดนั้นไม่ยากนางวิไล มือหนึ่งในการทำสับปะรดของกลุ่ม
เล่าให้ฟังอย่างผู้เชี่ยวชาญคล่องแคล่วว่า ก่อนอื่นต้องเตรียมสับปะรด
เลือกเอาที่เขา คัดออกแล้ว โดยใช้สับปะรดที่ยังดิบอยู่ ชาวบ้านเรียกว่า
สุกสามตา หรือ ปาดเหลือง อัตราคร่าวๆ ประมาณ 100 กก. ต่อน้ำตาลทราย
1 กิโลครึ่ง เกลือ 2 ช้อนชา กรดมะนาว 2 ช้อนชา แบะแซ 1 กิโลครึ่ง
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็นำสับปะรดมาปอกเปลือก เอาแกนออก นำแกนไปเชื่อม
เพื่อไว้สำหรับทำแกนลูกระเบิด จากนั้นนำเนื้อสับปะรดมาคั้นน้ำออก
จาก 100 กก.จะเหลือประมาณ 15 กก. ถัดมาให้นำทุกอย่างผสมเข้าด้วยกันแล้วลงมือกวน
ใช้เวลา ประมาณ 4 ชม. กวนจนแห้งจึงนำขึ้น จากนั้นนำมาปั้นเป็นเม็ดกลมๆ
เท่าหัวนิ้วก้อย ให้ทุกเม็ดมีขนาดสม่ำเสมอกัน
ใช้แกนที่เชื่อมแห้งรอไว้ หั่นเป็นท่อนเล็กๆ เสียบเข้าไปในเม็ดที่ปั้นไว้แต่ละเม็ด
จากนั้นนำไปคลุก พริกเกลือ ที่มีส่วนผสม น้ำตาลทรายละเอียด 1 กก.
เกลือ 3 ช้อนชา พริกขี้หนู 4 เม็ด โขลกละเอียด ผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน
แล้วนำสับปะรด ที่ปั้นไว้มาคลุกเคล้า กับพริกเกลือ ให้ทั่ว จากนั้นนำไปอบในตู้พลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ
4-5 ชม. เป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะบรรจุใส่ถุง หรือกล่องพลาสติกใสขาย
เบ็ดเสร็จมีต้นทุนอยู่ที่ 110 บาท/กก. แต่ขายได้ถึง 180 บาท/กก.
เวลานี้ก็มีออเดอร์เข้ามามากจนทำกันแทบไม่ทันเลย ต้องจ้างแรงงาน
ในท้องถิ่น เข้าช่วยเพิ่ม แต่รับรองว่าสะอาดและปลอดภัย ถูกหลักอนามัย
ท่านที่มีโอกาสผ่านไปแถวสุพรรณฯก็อย่าลืมแวะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากคนที่บ้านบ้าง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มฯ โทร. 0-3552-9004,
0-1403-0998.
ดวงแก้ว ผุงเพิ่มตระกูล