"มังคุด" เป็นผลไม้ที่ได้รับสมญานาม "ราชินีแห่งผลไม้" (Queen of
the Fruit) เนื่องจากมังคุด มีรสชาติพอเหมาะและกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังเป็นสินค้าเกษตร
ที่มีความสำคัญ ทางเศรษฐกิจ โดยมีมูลค่าการตลาด ภายในประเทศโดยรวม
ปีละหลายพันล้านบาท ส่วนมูลค่าการส่งออกนั้น กว่า 1,700 ล้านบาท
มีตลาดสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์
ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกา และแคนาดานั้น ยังมีน้อย
ปัญหาการส่งออกมังคุดที่สำคัญคือ การเน่าเสีย และมีอายุการวางขาย
ในตลาดสั้นมาก เพียง 5-6 วันเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้การขยายตลาดส่งออกไป
ในต่างประเทศ ที่มีระยะทางไกลๆ จึงมีข้อจำกัดมากขึ้น การขนส่งทางเรือ
แม้จะมีค่าขนส่งถูก แต่สำหรับมังคุดแล้ว ไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก
ต้องใช้เวลายาวนาน ในการขนส่ง ปัจจุบัน เรายังต้องอาศัย การระวาง
ไปทางเครื่องบินเท่านั้น ทำให้ต้นทุนค่าขนส่ง ไปยังปลายทาง มีราคาค่อนข้างสูง
อย่างที่วางขายกัน ในประเทศญี่ปุ่น ราคาตกอยู่ที่ ลูกละ 40-50 บาท
ตัวเลข ณ ปลายทางแม้จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า เกษตรกรชาวสวน
ผู้ปลูกของไทยเรา จะได้ราคาสูงตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ ผศ.ดร.สมชาย
กล้าหาญ อาจารย์ จากภาควิชาพืชสวน คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยี
พระจอมเกล้า เจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง กรุงเทพฯ พยายามทำการศึกษา เทคนิคการเก็บ
และรักษา ยืดอายุมังคุดให้ มีระยะเวลาการเก็บได้ ยาวนานขึ้น ทั้งนี้
เพื่อที่จะสามารถ ขนส่งไป ทางเรือได้
การค้นคว้าวิจัย กินเวลายาวนานกว่า 5 ปี กว่าจะประสบผล สำเร็จ สามารถเก็บรักษา
ความสดของมังคุด ได้ยาวนาน เป็นเดือนๆ การศึกษา พบเทคนิค การยืดอายุ
การเก็บรักษา มังคุด ตั้งแต่วัย 1 ถึงวัย 3 ในถุงพลาสติก ร่วมกับสัดส่วน
ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และออกซิเจน ในสัดส่วนต่างๆ ร่วมด้วยสารดูดซับ
เอทธิลีน และการเก็บรักษามังคุด ในอุณหภูมิ 13-15 องศาเซลเซียส พบว่าสามารถเก็บได้
นานกว่า 40 วัน
โดยที่มังคุดยังมีคุณภาพเหมือนเพิ่งเก็บจากต้นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นขั้วผล
กลีบเลี้ยง ยังคงมีสีเขียวสด ใกล้เคียงกับผลมังคุดสดที่เก็บมาจากต้น
มีปริมาณความหวาน ไม่แตกต่าง จากผลที่เพิ่งเก็บใหม่ๆ คืออยู่ที่
16-17 บริกซ์ ปริมาณรสเปรี้ยวในเนื้อผลลดลงเล็กน้อย สีเนื้อเป็นสีขาวปกติ
สีเปลือกด้านนอกและด้านใน เหมือนผลมังคุดสด ความอร่อย ประเมิน จากการชิม
มีความอร่อย พอๆกับผลมังคุดสด แต่มีข้อดีคือไม่มียาง
จากการค้นพบดังกล่าว ผู้วิจัยเชื่อว่า จะสามารถเก็บรักษามังคุด
เพื่อส่งออกทางเรือ โดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ควบคุมอุณหภูมิได้ ซึ่งจะทำให้ค่าขนส่ง
ถูกลงกว่าการระวาง ทางเครื่องบิน ไม่ต่ำกว่า 10 เท่า และสามารถขนส่งไปยัง
ตลาดอเมริกา และแคนาดา ตลอดจนตลาด ในสหภาพยุโรป ได้เป็นอย่างดี ผู้ส่งออก
สามารถส่งผล ให้มูลค่า การส่งออก ผลไม้ชนิดนี้ เพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่าปีละ
1,000 ล้านบาท ซึ่งนั่นหมายถึงว่า เกษตรกร จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย
ไม่เพียงราชินีผลไม้เท่านั้น อ.สมชาย ยังได้วิจัยค้นหา วิธีการยืดอายุ
"ข้าวโพดฝักอ่อน" "กล้วยหอมทอง" และ "มะนาว" โดยอาศัย หลักการง่ายๆ
ข้างต้น คือการเบรกการหายใจ ของพืชผล ให้มีการหายใจ ให้น้อยที่สุด
เพื่อรักษาอาหารสำรอง ที่จำเป็นเอาไว้ วิธีการดังกล่าวนี้ อ.สมชาย
บอกว่า ยังสามารถประยุกต์ใช้ กับผลไม้เศรษฐกิจของไทย ได้อีกหลายตัว
ซึ่งท่านว่า ขณะนี้กำลังของบประมาณ จากภาครัฐที่จะศึกษาในผลไม้ ที่เป็นโปรดักต์แชมเปี้ยน
ของไทยต่อ โดยเฉพาะ ทุเรียน ลำไย...
ผลประโยชน์ของประเทศชาติเห็นๆ งานนี้หากภาครัฐ ไม่ให้การสนับสนุน
บอกได้คำเดียวว่า เสียดาย!!!
ดวงแก้ว ผุงเพิ่มตระกูล