ด้วยพระราชปณิธานที่อยากให้ลูกหลานไทย
ภูมิใจในความเป็นไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
12 สิงหาคม 2544

 

พระมหากรุณาธิคุณใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีต่อ พสกนิกรชาวไทยนั้น เป็นที่ประจักษ์กันถ้วนทั่วแล้วว่ามากมาย เหลือคณานับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความเป็นไทย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชปณิธาน อยากให้ปลูกฝังเยาวชน และเด็กไทย รัก และภาคภูมิใจ ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และพระราชปณิธาน ดังกล่าว ได้มีผู้สนอง ให้สัมฤทธิผล โดยผ่านทาง ภาพยนตร์เรื่อง “สุริโยไท” วีรกษัตรี ผู้ทรงเสียสละพระชนม์ชีพ เพื่อแผ่นดินไทย และพระราชสวามี อันเป็นที่รักยิ่ง ซึ่งสมกับเป็นแม่ ของแผ่นดินโดยแท้ ประวัติศาสตร์ตอนนี้ ได้ฟื้นคืนชีพ ให้เป็นที่ประจักษ์ แก่สายตา ของประชาชน ชาวไทย และนานาชาติ โดย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ ฝีมือเยี่ยม ของเมืองไทย และในวโรกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา 12 สิงหาคม ที่เวียนมาบรรจบ อีกวาระหนึ่งในปีนี้ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงถ่ายทอด ถึงเรื่องราว และพระเมตตา ของพระองค์ท่าน ที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย ผ่านทางภาพยนตร์ อิงประวัติศาสตร์ว่า

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยเด็กไทยรุ่นใหม่ ลืมประวัติศาสตร์ไทยไปแล้ว ว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพราะปัจจุบันนี้ ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ ในการเรียน การสอนแล้ว ทำให้เด็กไทย ไม่ได้เรียน ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์แล้ว เพราะบรรจุวิชา สปช. เข้าไปเรียนแทน เด็กไทยสมัยนี้ พอพูดถึงเรื่องประวัติศาสตร์ ก็รู้สึกว่า เป็นเรื่อง น่าเบื่อหน่าย ไม่สนุก เลยไม่ต้องรู้กันว่า ตัวเองเป็นใคร มาจากไหน ซึ่งค่อนข้างแย่ เพราะทุกประเทศในโลก เขามีประวัติศาสตร์กัน การที่เราไม่มีประวัติศาสตร์ ก็เหมือนกับ เราไม่มีอนาคต จึงพระราชทาน คำแนะนำ ให้สร้างภาพยนตร์ ประวัติศาสตร์ ของประเทศไทยบ้าง ซึ่งตอนนั้น ไม่มีความคิด ที่จะสร้าง เพราะเกินกำลัง แต่รับสั่ง ให้ไปลองคิด ลองศึกษาดู หลังจากนั้น จึงใช้เวลา ในการเตรียมข้อมูล จากพงศาวดาร ทั้งไทย และต่างประเทศ นานถึง 5 ปี จึงออกมา เป็นภาพยนตร์ “สุริโยไท” ซึ่งเสมือน ทำให้ประวัติศาสตร์ ในช่วงนี้ ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ประจักษ์แก่สายตา ของประชาชน ชาวไทย และต่างชาติ อีกครั้ง ม.จ.ชาตรีเฉลิม ทรงกล่าวว่า สุริโยไท ภาพยนตร์ อิงประวัติศาสตร์ จะช่วยเยาวชนได้มาก เพราะสุริโยไท เป็นภาพยนตร์ ที่แสดงให้เห็นว่า สมเด็จพระราชินีองค์เดียว ที่ทรงเสียพระชนม์ชีพ ในสนามรบ จึงต้องให้เด็กไทย ได้รู้จักอย่างถูกต้อง และภาครัฐ โดยกระทรวงศึกษาธิการ ก็ควรใส่ใจในเรื่องนี้ เพราะเด็กไทย เริ่มไม่รู้จัก ประวัติศาสตร์ของตัวเอง และพอมี การพูดถึง ก็จะมีคนพูดว่า เป็นการปลุกระดม ให้รักชาติ ทั้งที่ทุกประเทศ ในโลก เขาก็มีการสอนว่า ตัวเราเองคือใคร ไม่ใช่ว่า จะเป็นการปลุกใจ ให้รักชาติ แต่ให้เห็น ประวัติศาสตร์ อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นพระราชเสาวนีย์ ในสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ต้องการให้เห็น วีรกรรม ของสมเด็จ พระศรีสุริโยทัย รวมทั้ง การรักชาติบ้านเมือง

ท่านมุ้ยทรงเล่าด้วยว่า ระหว่างการทำงาน ที่ต้องมีการ ค้นคว้า ล่วงหน้าก่อน เป็นเวลา นานหลายปี การสำรวจ สถานที่ต่างๆ ก็จะเข้าเฝ้าฯ เข้ารับพระราชทาน คำปรึกษาบ่อยครั้ง ที่ทำให้เกิด ความประทับใจ เพราะทรงห่วงใยเยาวชน ให้ได้รู้ ในสิ่งที่ควรรู้ ทั้งที่เป็นหน้าที่ ของภาครัฐ ที่จะให้ประชาชน รู้จักเรื่องราว ของตัวเอง เช่นในสหรัฐอเมริกา เขาจะสอน ให้รู้ว่า ประธานาธิบดีคนแรก ทุกประเทศในโลก เขาจะมีการสอน สิ่งที่เรียกว่า ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เป็นเรื่องราว ของการปลุกระดม การรักชาติ ซึ่งไม่เข้าใจว่า เรื่องเหล่านี้ จึงกลายเป็นความรู้สึก ที่เลวร้ายไปได้ ประวัติศาสตร์ จะทำให้เรารู้จักตัวเราเอง มากกว่าเรื่องใดๆ ภาพยนตร์สุริโยไท ก็เช่นกัน ถือเป็นช่วง หัวเลี้ยวหัวต่อ ของประเทศ ที่สำคัญคือ ท่านเป็นบุคคล ที่คลุมเครือ บางคนเชื่อว่า ท่านมีตัวตน แต่บางคนก็เชื่อว่า ท่านไม่มีตัวตน จึงทำให้ ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี ค้นคว้าอย่างจริงจัง และในช่วงนั้น ไทยเริ่มการติดต่อ ค้าขายกับต่างประเทศ เรื่องการทหาร ที่เราต้องมี การสู้รบ กับตองอู มีการขยาย อาณาเขต ของประเทศต่างๆ การแพร่ขยายอำนาจ จนเกิดการรบพุ่งกันขึ้น เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และภาพยนตร์สุริโยไท เสมือนเป็นการทำให้ ประวัติศาสตร์ มีชีวิตขึ้น และการสร้างภาพยนตร์ ก็ไปตามเนื้อผ้า พระราชพงศาวดาร ซึ่งแต่ละฉบับ ก็มีทั้งส่งเสริมกัน และแย้งกัน แต่ถ้าเรามอง อย่างรอบคอบ จะรู้ว่า เขาเขียน ส่งเสริมกัน เพียงแต่เขียนด้วย คนละจุดหมายปลายทาง แต่ส่วนใหญ่ จะเกี่ยวกับ เรื่องการรบ ด้านอื่น จะไม่ค่อย ละเอียด เมื่อรวมกับ พงศาวดาร ฉบับโหร หลวงประเสริฐฯ ที่เน้นเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้น ตามหลักการโคจร ของดวงดาว พบว่ามีหลายอย่าง ที่ค่อนข้างตรงกับ พงศาวดาร ที่เขียนขึ้น ในสมัย ต้นรัตนโกสินทร์ เพราะหลังไฟไหม้ กรุงศรีฯแล้ว ก็พยายาม จะชำระขึ้นมา แต่สมัยรัชกาลที่ 1 ไม่มีเครื่องพิมพ์ ใช้การคัดลอกด้วยมือ เพราะฉะนั้น คัดลอกกันสักพันฉบับ ก็สูงสุดแล้ว ซึ่งกระจัดกระจาย ไปอยู่ตามบ้านเศรษฐี หอสมุด เมื่อเกิดไฟไหม้ ก็ไม่มีอะไรเหลือ ก็ต้องชำระขึ้นใหม่ จากความทรงจำ ของคนรุ่นเก่า ที่ได้อ่าน ได้รู้ และก็คงจะเกิด การตกหล่นบ้าง

นอกจากนั้น ยังเป็นเรื่องของความสามารถของผู้หญิง ความเก่งของผู้หญิง 2 คน คือ พระสุริโยทัย และท้าวศรีสุดาจันทร์ หรือ พระอาทิตย์ กับพระจันทร์ ซึ่งสำหรับตนแล้ว ในความคิดนั้น ผู้หญิงเก่งกว่า ผู้ชายหลายเท่า แม้กระทั่ง ชาวต่างชาติ ที่เข้ามา ในแผ่นดิน ในช่วงนั้น ก็เขียนถึงผู้หญิงไทยว่า หญิงเป็นหัวหน้าในบ้าน ขณะที่ฝ่ายชาย รับราชการ พูดได้ว่า หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ของช้าง ที่กำลังเดินถอยหลัง

ม.จ.ชาตรีเฉลิม ทรงเล่าอีกว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมี พระเมตตา และพระมหากรุณาธิคุณ ต่อท่าน ในการสร้าง ภาพยนตร์ อิงประวัติศาสตร์ เรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจาก จะรับสั่งถามถึง และโปรดที่จะ ทอดพระเนตร ตลอดเวลา ซึ่งเรียกได้ว่า พระองค์ท่าน ได้ทอดพระเนตร เห็นภาพยนตร์ เรื่องนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นพระองค์แรก และเมื่อทอดพระเนตร หนังที่เสร็จสมบูรณ์ แล้ว ทรงมีพระกระแสรับสั่งว่า ทรงดีพระทัย ที่ภาพยนตร์ เรื่องนี้ สร้างเสร็จเรียบร้อย ทรงอยากให้ประชาชน และเยาวชนได้เรียนรู้ ประวัติศาสตร์ จากภาพยนตร์ มากบ้าง น้อยบ้างก็ได้ และระหว่าง การถ่ายทำ ซึ่งเต็มไปด้วย ความยากลำบาก และมี อุปสรรค เนืองๆ พระองค์ท่าน จะพระราชทานกำลังใจ มาให้เสมอ อย่างเช่น ตอนที่ตน ไม่สบาย ต้องเข้าโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัว และต้อง ตัดไตทิ้งไป 1 ข้าง ทำให้รู้สึกท้อ พระองค์ท่าน ทรงมีพระเมตตา พระราชทาน ดอกไม้ พร้อมกับรับสั่งว่า อย่าท้อ ทำให้ตนมีกำลังใจ ที่จะทำงาน จนในที่สุด ทุกอย่าง ก็สำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยทุกพระองค์ ทั้งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็น ปราชญ์ในทุกๆ ด้าน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จฯ ทอดพระเนตร ภาพยนตร์เรื่องนี้ ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ ผลประโยชน์ ที่จะตกแก่คนไทย และเยาวชน ของชาติ ในอันที่จะได้รู้จัก ได้ภาคภูมิใจ ในเอกลักษณ์ของไทย และ ความเป็นคนไทย อย่างแท้จริง

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีต่อ คนไทย เยาวชนไทย และ ผืนแผ่นดินไทย สมดังที่ได้รับ ขนานพระนามว่า พระแม่ของคนไทยทั้งชาติ.