เพราะรักแผ่นดินนี้น้อยไป

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
9 สิงหาคม 2544

 

ภาพนํ้าป่าและต้นซุงที่ไหลลงจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ และเขาค้อ พุ่งเข้า ถล่มทลาย หมู่บ้านที่นํ้าก้อ นํ้าชุน อำเภอหล่มสักจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อคืนวันเสาร์ ทำให้ชาวบ้านตายไป 88 ศพ เป็นภาพโศกนาฏกรรม ซํ้าซากของคนไทยที่เกิดขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกลายเป็น ความชาชิน ไปแล้ว

ที่น่าเศร้าใจก็คือ เมื่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นผ่านไป ประชาชนตายแล้วก็ตายไป ไม่เคยมีใคร กลับมาเหลียวแลถึงต้นตอของปัญหาอีกเลย ไม่ว่ารัฐบาล ประชาชน หรือเอ็นจีโอ จนกว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหม่ก็ลุกขึ้นมาโวยวายกันอีกที

สมดังที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระกระแส รับสั่งว่า “พวกเรานี่ รู้สึกยังรักแผ่นดินนี้น้อยไป ไม่สมกับที่เรา ได้ประโยชน์ มากมายจากแผ่นดินนี้ พวกเรายัง รู้จักคุณค่า ของแผ่นดินนี้ น้อยไป ไม่รู้จักถนอม ไม่รู้จักดูแล ให้เป็นแผ่นดินที่เป็น แผ่นดินทอง ตลอด”

กรณีของ “ป่าไม้” และ “นํ้าป่า” ก็เช่นเดียวกัน

คนไทยเรานอกจากจะไม่ค่อยรักแผ่นดิน ไม่รักป่าเขาธรรมชาติ ด้วยความจริงใจ อย่างแท้จริงแล้ว ยังชอบทำตัวเป็นคนอุเบกขา คือ “วางเฉย” ปล่อยให้โจร ปล้นชาติ มันบุกรุกทำลายป่ากันอย่าง โจ๋งครึ่ม ไม่ว่ารัฐบาล รัฐมนตรี ข้าราชการ ทหาร-ตำรวจ-พลเรือน โดยเฉพาะข้าราชการ กรมป่าไม้ ที่เรียกกันว่า กรมตอไม้

เป็นไปได้อย่างไรครับ ตั้งแต่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรัฐมนตรี เกษตรฯ ประกาศ “ปิดป่า” จนถึงวันนี้ร่วม 10 ปีแล้ว แต่ตัวเลขที่ออกมา ป่าไม้ยังถูกทำลายปีละล้านกว่าไร่ เป็นประจำทุกปี จนป่าเทือกเขา เพชรบูรณ์ที่เคยอุดมสมบูรณ์ เพราะเป็นดงคอมมิวนิสต์ วันนี้ก็กลายเป็น “ป่าม้วย” ไปเรียบร้อย อุ้มนํ้าไม่ได้ ส่งผลให้นํ้าป่า ไหลเข้าถล่ม หมู่บ้านต่างๆ จนกลายเป็นโศกนาฏกรรม ไปในพริบตา

นํ้าป่าไหลหลากที เราก็หยิบเรื่องป่าไม้ขึ้นมาพูดที ไม่กี่วันให้หลังก็เงียบกันไป ไม่มีการหยิบยกขึ้นมาคิด เพื่อแก้ไขปัญหาถาวรให้แก่ท้องถิ่น และประชาชน

การลักลอบตัดไม้ทำลายป่าปีละนับล้านไร่ ทั้งๆ ที่ปิดป่า จะเกิดขึ้น ไม่ได้เลย ถ้าหากทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือ กันอย่างจริงจัง และจริงใจ โดยเฉพาะกองทัพบกและ อากาศที่มีการฝึกรบตลอดทั้งปี

อย่าง กองทัพอากาศ ที่ต้องฝึกบินไปทั่วประเทศ ไหนๆ ก็ต้องเสียนํ้ามัน ฝึกบินครั้งละ หลายแสนบาททุกวันอยู่แล้ว ก็น่าจะประสาน กับกรมป่าไม้ และจังหวัดเป้าหมายที่มีการลักลอบ ตัดไม้ทำลายป่าเยอะ ฝึกบินไปใน เส้นทางเหล่านั้นบ้าง สอดแนมมาเปิดเผยต่อประชาชน และรายงานกรมตอไม้ เอ๊ย กรมป่าไม้ ให้ทราบ

เมื่อทราบแล้ว กองทัพบก ก็น่าร่วมด้วยช่วยกัน สั่งให้กองทัพภาค ส่งทหาร ไปฝึกรบแถวๆ ที่มีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า จะส่งกำลังทางบก หรือทางอากาศ ก็แล้วแต่สะดวก เพราะต้องฝึกอยู่แล้ว ฝึกทำลาย ไอ้พวกปล้นชาติ ทำลายแผ่นดินเสียให้สิ้นซาก

ผมรับรองว่า การลักลอบตัดไม้ทำลายป่าจะหมดไปภายในไม่ถึงปี ถ้ากองทัพอากาศ และกองทัพบกจะลงมือปฏิบัติการพร้อมกันทั้ง 4 ภาค

ส่วนการดูแลคุ้มครองป่าไม้ที่มีอยู่และปลูกเพิ่ม ผมว่า น่าจะเอาอย่าง จีนครับ เขามีกฎหมายเลย ให้ “ผู้บริหารท้องถิ่น” เป็นผู้รับผิดชอบ ดูแลรักษาป่าในพื้นที่ ที่รับผิดชอบในแต่ละหมู่บ้าน ของไทยเรา ก็น่าจะให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อบต.รับผิดชอบ หมู่บ้านไหน มีการลักลอบตัดไม้ ถือว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านมีความผิดด้วย ต้องเอาอย่างนี้ครับ จึงรักษาป่าไว้ได้

“ป่ารักนํ้า” นี่คือ สัจธรรม และเป็นโครงการในพระราชดำริ ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีนํ้า เพราะป่าอุ้มนํ้าไว้ ผมเคยเห็นกับตาในป่าดงดิบ ใต้ใบไม้แห้งที่ถมทับหนาเป็นฟุต ข้างล่างเป็นนํ้าชุ่มฉํ่าเต็มไปหมด ป่าซับไว้ไม่ให้ไหลลงมาท่วมบ้านเรือนราษฎร แต่ค่อยๆ ปล่อยให้ซึมไหลลงมาเป็นต้นนํ้าลำธาร หล่อเลี้ยงผู้คนข้างล่าง

ก็เพราะคนไทยเรา “รักแผ่นดินนี้น้อยไป” นั่นเอง ภัยธรรมชาติ ที่เกิดจาก นํ้ามือคนไทย ด้วยกันเอง จึงได้ทำลายคนไทย ด้วยกัน อย่างเหี้ยมโหด ทุกปี นี่คือกฎแห่งกรรมครับ เมื่อไรที่พวกเราทุกคน ร่วมใจกัน “ทำบุญ” ด้วยการ “รักแผ่นดินนี้มากขึ้น ทำลายน้อยลง” เมื่อนั้น บ่วงกรรม ก็จะหมดไปอย่างแน่นอน.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๔