รักแบบไหนที่ว่าแน่
แพ้รักของแม่หมดสิ้น

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
สิงหาคม 2544

ลองไปถามเด็กบางคนว่า รักคืออะไร

เด็กหญิงคนหนึ่งรีบยกมือแล้วตอบว่า

รัก คือ ตอนที่แม่อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน ไงคะ

ส่วนรักแท้ คงเป็นตอนที่แม่ไม่อ่านข้าม สักหน้าเลยค่ะ”

เป็นข้อความสะท้อนถึงความรู้สึกของเด็กวัยบริสุทธิ์ที่มีต่อผู้ให้กำเนิด และสอดคล้องกับ “วันแม่” พอดี จึงอยากคุยเรื่อง แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ซะเลย เหมาะเจาะกับ วันอาทิตย์ที่ 12 ส.ค. พอดี

ที่เมืองนอกเขาก็มี Mother's Day เหมือนกัน ทางนิตยสารเรดบุกส์จึงส่งเสริมให้เด็กๆ เขียนบทความ ขนาดย่อมหัวข้อ most amazing moms หรือแม่ที่แสนวิเศษของฉัน ส่งมาให้อ่านกัน ปรากฏว่า เด็กชายสก๊อตต์ โทมัส วัย 9 ขวบ เขียนเรียงความ ได้รางวัล ชนะเลิศในรุ่นเด็กอายุระหว่าง 6-9 ขวบ

สก๊อตต์เขียนว่า จะมีเด็กสักกี่คนในโลกที่สามารถพูดได้ว่า แม่ของเขามีลูกถึง 350 คน เหมือนอย่างแม่ของผม?

มารดาของผมเป็นครู ซึ่งต้องสอนเด็กสลับสับเปลี่ยนกันหมุนเวียนมาเป็นศิษย์ สัปดาห์ละ 350 คน และแม่ ให้ความรักกับเด็กเหล่านั้น เหมือนเป็นลูกของเธอเอง

แม่น่ารักตรงที่ แม้ เธอต้องสอนนักเรียนถึงวันละ 8 ชั่วโมง แต่แม่ก็ยังมีเวลา ช่วยผมวาดภาพ ช่วยระบายสีแถมยังเล่นเบสบอล เมื่อแม่กลับจากทำงาน ถึงบ้านเสมอ

แม่ชอบเล่าเรื่องขำขันและหัวเราะ เมื่อผมเล่าเรื่องตลกฝืดๆ ให้ฟัง

ผมสังเกตว่า แม่หัวเราะเหมือน แม่มดทั้งที่ บ้านและที่โรงเรียน เพราะเด็กๆ ในโรงเรียน ชอบขอให้เธอหัวเราะ แบบแม่มดด้วยกันทั้งนั้น

แม่ทำพิซซ่าอร่อย แม่อ่านหนังสือให้ ผมฟัง และแม่มักซื้อของให้คนอื่น ก่อนที่จะซื้อ ให้ตัวเอง

แม่ขับรถบุโรทั่งสมัย 10 ปีก่อนเพื่อเก็บเงินส่วนที่พอจะนำไปซื้อรถใหม่ได้ บริจาคให้โบสถ์แทน เห็นหรือยังครับว่า แม่ของผมวิเศษแค่ไหน

ส่วนบรู้ค เบนฮอฟฟ์ สาวน้อยวัย 11 ขวบ เขียนเรียงความชนะเลิศในรุ่นเด็กวัย 10-12 ปี บรู้คเล่าว่า เมื่อวันคล้ายวันเกิดของเธอที่ผ่านมา แม่พาเธอไปช็อปปิ้งและทานข้าวด้วยกัน หลัง จากนั้นเรา ก็กลับบ้าน ขณะที่แม่ขับรถอยู่นั้น แม่จอดรถข้างทางและบอกลูกสาวว่า แม่เป็นมะเร็งที่ทรวงอก แม่พยายามอธิบายเสียยืดยาวว่า ชีวิตของแม่จะเปลี่ยนไป แต่แม่ยืนยันว่า แม่จะเป็นนางฟ้าสำหรับหนู ไม่ว่าเธอจะจากไป ไหนก็ตาม

แม่สอนหนูว่า เราจะอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้เป็นสุขได้อย่างไร

หนูคิดว่า หนูได้เรียนรู้หลายอย่างจากท่าน โดยเฉพาะความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญ ของแม่ต่อการเผชิญหน้ากับโรคมะเร็ง

ด้าน ลอรา แม็คคาฟฟรีย์ วัย 10 ขวบ เล่าให้ฟังว่า แม่สอนเสมอว่า หนูสามารถ เป็นตัวของ หนูเองได้ ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบ ให้เหมือนแม่ หรือ ใครคนใดคนหนึ่ง

แม่อยากรู้อยากเห็นตลอดเวลาว่า หนูรู้สึกอย่างไร และถ้าแม่ทราบว่า หนูไม่สบายใจ แม่จะทำทุกอย่าง อย่างสุดความสามารถเพื่อให้หนูรู้สึกดีขึ้น

แม่มีเวลาให้มากมายที่จะสอนในสิ่งที่หนูควรรู้ และ แม่พยายามทำความเข้าใจ ทุกอย่างที่ หนูพูด แม้เธอจะเป็นแค่แม่เลี้ยง แต่หนูก็รักแม่ค่ะ

“วันแม่” จึงเป็นวันของผู้มีพระคุณ ถึงแม้จะมีผู้หญิงบางคน เป็นแม่ไม่ได้เรื่องก็เถอะ

กระนั้น พวกเราควรรักแม่มากกว่าแฟน

ฟังแล้ว อาจคิดในใจว่าไม่เห็น จะเกี่ยวกันตรงไหน แต่อยากชี้ให้เห็นว่า

@ แม่ให้เงินเราใช้ แต่แฟนใช้เงินของเรา

@ เราสามารถนำความทุกข์ไปปรึกษาแม่ได้ แต่แฟนมักนำพาความทุกข์ โถมใส่เราอยู่เรื่อย

@ แม่เต็มใจเลี้ยงดูเราได้ตลอดชีวิต แต่แฟนพอเบื่อก็ทิ้งเรา

@ แม่ไม่เคยเอ่ยปาก “ขอเลิก” ตรงกันข้าม มีแฟนกี่คนแล้วล่ะ ที่หักอกคุณ

@ แม่ไม่เคยโกหกว่ารัก ขณะที่แฟนชอบหลอกให้หลงรัก

@ แม่ยอมอ้วนเพื่ออุ้มท้องเก้าเดือนให้เราเกิด แต่แฟนไม่ค่อยมีน้ำอดน้ำทน ที่จะเคียงข้างอยู่กับเรา ทุกวี่วันถึงขนาดนั้น

@ แม่มักภูมิใจในตัวลูก ตรงข้ามกับแฟนซึ่งชอบบั่นทอนจิตใจ ยิ่งอยู่ด้วยกันนานๆ แฟนจะไม่ปิดบังว่า เบื่อคนข้างเคียง

@ แม่รักแต่ลูก ขณะที่แฟนรักใครต่อใครมั่วไปหมด

@ แม่อาจขัดใจ แต่ไม่เคยทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ

แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้รักแม่ได้อย่างไร.