ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลาว่าการ กทม. ว่า จากสถิติกองปกครองและทะเบียนได้
บันทึกการขอ เปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลและชื่อรองตลอดปี 2543 พบว่า มีผู้มาใช้บริการ
ตามสำนักงานเขตต่างๆ รวมทั้งสิ้น 59,975 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ มีคนไทยนิยมเปลี่ยนชื่อตัวมาก
โดยมีมากถึง 54,703 ราย หรือเฉลี่ยเดือนละ 4,588 ราย สาเหตุการเปลี่ยนชื่อมาจาก
3 สาเหตุ คือ 1. หมอดูหรือพระทัก 2. ชื่อเดิมเชยหรือไม่ทันสมัย และ
3. เจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งสาเหตุการเปลี่ยนชื่อในข้อ 1 และ 3 มาจากความเชื่อ
ของคนไทยว่าการเปลี่ยนชื่อ จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น รวมทั้งมีสุขภาพแข็งแรง
ส่วนผู้ที่มีชื่อตัวไม่ทันสมัย เช่น สมชาย บุญส่ง บุญมี สมใจ สมศรี
วิไล เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชื่อตัว ที่นิยมตั้งกันมากเมื่อ 40-50
ปี โดยผู้ที่มีชื่อส่วนใหญ่เหล่านี้ มักจะอยู่ในวัยกลางคน ทั้งนี้จากการสุ่ม
ผู้ที่มีชื่อสกุล ที่มีมากที่สุดในประเทศได้แก่ ชื่อสมชาย
แซ่ตั้ง ซึ่งมีคนที่ชื่อสกุล และตัวสะกดการันต์ เหมือนกันมากถึง
179 ราย ขณะที่ผู้ที่มีชื่อ เสนาะ
เทียนทอง มีมากถึง 8 คน และธงชัย ณ
นคร ก็มีจำนวน 8 คน เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับชื่อตัวที่นิยมเปลี่ยนกันนั้นส่วนใหญ่เป็นชื่อที่พระตั้งให้
แต่บางคนอาจ จะเปิดหนังสือดูเอง ไม่ให้มีตัวอักษรหรือสระที่เป็นกาลกิณี
กับวันที่เกิด ก็เลือกชื่อที่เห็นว่าไพเราะ สั้น และมีความหมายมาเปลี่ยนเป็นชื่อตัว
แต่ปัจจุบันนี้ ไม่ค่อยมีผู้นำชื่อดาราที่กำลังดัง มาตั้งเป็นชื่อตน
เหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม จากสถิติของผู้ที่มายื่นคำขอเปลี่ยนชื่อ
ที่ฝ่ายทะเบียน มักจะนิยมใช้ ตัวอักษรที่ไม่ค่อยใช้กัน อาจเป็นเพราะทำให้ดูแปลกและไม่เหมือนใคร
เช่น ฎ ฏ ธ ฐ ฤ โดยจากการสุ่ม ดูชื่อผู้ชายผู้หญิงที่มาเปลี่ยนชื่อจะเปลี่ยนเป็นชื่อ
1-3 พยางค์ ชื่อผู้ชาย เช่น กฤษณ์ รุจน์ ณัฐ ชวิน ศศิณ ชนินทร ฐานวัฒน์
ส่วนชื่อผู้หญิง เช่น ญฏา ชลัฎ พิมพ์ลภัส ชฏาภา เป็นต้น