แบบอย่าง "มืออาชีพ"

คนนอกการเมืองซึ่งเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถหรือเป็น “มืออาชีพ” ที่ต้องการทำงานเอากล่อง ไม่ใช่หวังลาภยศตำแหน่ง หรือผลประโยชน์ใดๆ นอกจากต้องการแก้ไขปัญหา ต้องการสร้างชาติแปงเมือง ให้มันเจริญรุ่งเรือง

แต่มีคำถามว่า ทำไมคนจำพวกนี้ ถึงไม่เข้ามาสู่ถนนการเมือง หรือเข้ามาแพล็บเดียวแล้ว ก็ต้องเผ่นออกไป ผมว่าคงเป็นเพราะเขาเบื่อ เขากลัวนักการเมืองอาชีพมากกว่า

นี่ผมเจาะจงเฉพาะคนวงนอก ที่มีจิตวิญญาณแท้จริง ไม่ใช่ “มืออาชีพ” จอมปลอมนะครับ... เพราะบรรดามีเหล่านี้ ก็ไม่ต่างไปจากนักการเมือง แต่เข้ามาสู่แวดวงการเมือง ก็เพราะต้องการผลประโยชน์ ลาภ ยศ สรรเสริญมากกว่า

บางคนแม้จะต้องยอม “จ่าย” แต่ก็คิดจะไปถอนทุนคืนในภายหลัง เมื่อมีตำแหน่ง ทางการเมืองแล้ว ดังนั้น การเข้ามาของ “มืออาชีพ” ประเภทนี้ จึงไร้ประโยชน์ และไม่มีผลงานปรากฏ

สำคัญกว่านั้นจะเป็นปี่เป็นขลุ่ยไปด้วย

กรณีนโยบายการจัดระเบียบสังคมที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ มท.1 กำลังดำเนินการ อยู่ในขณะนี้ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี

คุณปุระชัยมาจากอาจารย์มหาวิทยาลัย และสนิทสนมกับนายกฯทักษิณ มาอย่างยาวนาน ในฐานะ เพื่อนคู่คิด จนกระทั่ง เข้ามาสู่การเมืองเต็มตัว ในฐานะเลขาธิการ พรรคไทยรักไทย ซึ่งนั่นก็หมายความ คุณทักษิณให้เครดิต มากพอสมควร

ว่ากันที่หากคุณปุระชัย ไม่สนิทสนมกับนายกฯทักษิณ โอกาสที่จะเปิดให้มานั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ แม้กระทั่ง การนั่งเก้าอี้ เลขาธิการ พรรคไทยรักไทย ก็เกือบจะไม่ได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้

เพราะยังมีคนในพรรค ที่คิดว่าตัวเขาใหญ่กว่า มีบารมีมากกว่า เป็นคนสร้าง นายกฯทักษิณขึ้นมาเสียด้วย แต่เผอิญที่ว่าคนนั้น ไม่พร้อมสำหรับตำแหน่งนี้ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ด้วยคุณสมบัติส่วนตัว ที่ไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ ของรัฐบาลชุดนี้

พูดง่ายๆ หากตั้งคนนี้ ก็จะต้องถูกร้อง “ยี้” กันทั้งเมือง

การแก้ไขปัญหาสังคมในเมืองไทยนั้น ดูจะเป็นเรื่องยาก เพราะไม่มี “คนจริง” ที่จะใช้ความกล้าหาญ เข้ามาแก้ไขปัญหา ยาเสพติด วัยรุ่น นักเรียนมั่วเซ็กซ์ แหล่งหรือต้นตอสำคัญ มันอยู่ที่สถานบันเทิงต่างๆ ที่เจ้าของกิจการ ไร้ความรับผิดชอบ

คือจะหากินมันอย่างเดียว ไม่ได้คิดถึงปัญหาต่างๆ ที่มันจะตามมา ทำกันมาจนเคยชิน ยิ่งสังคมเหลวเละ มันยิ่งชอบเพราะมันคือกำไร ที่จะเข้ากระเป๋า แล้วก็แบ่งจ่ายให้ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือพวกสีเขียว ที่รับจ้างคุ้มครองให้

ข้อเรียกร้องของสมาคมผู้ประกอบการบันเทิง ได้เสนอข้อเรียกร้อง 3 ประเด็นคือ 1. ยกเลิกการจัดโซนนิ่ง 2. ให้เด็กอายุ 18 ปี เที่ยวได้ 3. ให้ปิดตี 4

นี่มันคือเครื่องชี้ว่า คนกลุ่มนี้ต้องการ “เงิน” อย่างเดียว หาได้มีความรู้สึกชั่วดี และ มีความรับผิดชอบ ต่อสังคมแม้แต่น้อย

ร้อนกันหมดครับ... แม้กระทั่งนักการเมือง เมื่อคุณปุระชัย เดินหน้าลุยแหลก ไม่ได้สน กระแสคัดค้าน หรือเสียงท้วงติง จากคนในพรรค ที่จะให้พ้นจากเก้าอี้

จริงอยู่นโยบายแบบนี้ มันดูเหมือนแข็งกร้าว แต่อยากถามเช่นกัน หากไม่แก้ไข ด้วยมาตรการ ที่เด็ดขาด มันจะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ ไม่มีทางแน่... ที่ผ่านมา นักการเมือง ที่มานั่งเก้าอี้ มท.1 มีใครคิดจะแก้ไขปัญหา ที่ตรงจุดแบบนี้บ้าง

มีแต่เบ่งบารมี ล้วงลูก สร้างปัญหากันเกือบทุกคน บริวารสร้างเหตุวุ่นวาย ทั้งเรื่อง ผลประโยชน์ ใช้อำนาจอวดเบ่ง โยกย้ายก็เล่นพรรคเล่นพวก พูดกันง่ายๆ ไม่ยอมทำงาน ในหน้าที่ของตัวเอง แต่ชอบทำเกินหน้าที่ หรือนอกหน้าที่

มันจะไปแก้ปัญหาอะไรกันล่ะครับ... เพราะมัวแต่ “บ้าอำนาจ” กันไปวันๆ.

"สายล่อฟ้า"

ไทยรัฐ กันยายน ๒๕๔๔