นักนิเวศวิทยาของสวีเดน นางซูซาน ไวห์-มาสัก กล่าวแจ้งว่า ได้ทดลองวิธีนี้
กับซากวัวและหมูได้ผลมาแล้ว โดยแช่แข็งซากในก๊าซไนโตรเจนที่เย็นจัดจน
มีสภาพเป็นของเหลว พร้อมกับอาบคลื่นเสียงความถี่ต่ำด้วย เพื่อให้ไนโตรเจนเหลว
ซึมซาบเข้าไป จนถึงกระดูก ซากที่ถูกแช่เย็นจัดจนแข็ง แล้วรีดน้ำออกด้วยการระเหย
ที่ความดันและอุณหภูมิต่ำ เมื่อเอาค้อนเคาะเบาๆ ก็แตกร่วนออกเป็นผุยผงจนสิ้น
ส่วนศพมนุษย์ ถ้าใช้ปลงศพด้วยวิธีนี้ แต่ละคนจะเหลือเป็นเพียง ผงธุลีที่สะอาด
ปราศจากกลิ่น เพียงแค่อย่างมาก ก็แค่หนึ่งในสี่ ของน้ำหนักเดิมเท่านั้น
เอาใส่โลงเล็กๆ ที่เป็นวัตถุย่อยสลายได้ ฝังไว้ไม่ต้องลึก อีกไม่นานก็จะกลายเป็นปุ๋ย
เป็นอาหารให้กับดิน
นักวิชาการผู้ซึ่งทำงานเป็นที่ปรึกษาปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม กล่าวอ้างว่า
การเผาศพ ด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น กลับไปช่วยส่งเสริมปัญหาโลก มีอุณหภูมิร้อนขึ้น
ของทุกวันนี้มากยิ่งขึ้น และบางทีก็พ่นกลิ่นอาย ออกมาในอากาศ กลิ่นเหล่านั้นบางครั้งก็มีไอ
ของปรอทจากโลหะอุดฟันปนอยู่ ส่วนการฝังก็ยังอาจก่อให้เกิดมลพิษได้เช่นกัน
เพราะก่อนฝัง ก็ต้องฉีดน้ำยา ไม่ให้เน่าเปื่อย ซึ่งอาจจะรั่วซึม
ลงไปในน้ำใต้ดินได้ และศพที่ถูกฝังเอาไว้ กว่าจะย่อยสลายหมด ต้องใช้เวลานานถึง
60 ปี แต่ศพที่ปลงโดยวิธีใหม่นี้ จะคืนกลับเป็นองค์ประกอบอินทรีย์
สารอยู่ในดิน ในเวลาแค่ 6 เดือนเท่านั้น