![]() |
![]() |
งานวิชชาลัย บรรดาบัณฑิตบุญนิยม (ว.บบบ.) ครั้งที่ ๓ บทพิสูจน์แนวทางสู่มรรคผล ของนักปฏิบัติธรรม |
ภายหลังจากว่างเว้นการจัดงาน ว.บบบ. ไป ๑ ปี เนื่องจากชาวอโศก ติดไปร่วมชุมนุมกับ กปสส.กันข้ามปี ๒๕๕๖ ถึงปี ๒๕๕๗ ในปีนี้ทางบ้านเมือง มีความสงบเรียบร้อยดี ชาวอโศกจึงได้จัดกิจกรรมสำคัญ อันเป็นเหมือนการสอบไล่ ตรวจสอบแนวทาง สู่มรรคผล ของนักปฏิบัติธรรมชาวอโศก ขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ ๓ ของ ว.บบบ. โดยจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ - วันเสาร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๘ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ในเหมันตฤดู ณ หมู่บ้าน ชุมชนบุญนิยม ราชธานีอโศก
ก่อนเริ่มงาน มีการเข้าค่ายฝึกตน ของนักเรียนสัมมาสิกขาชั้น ม.๓ ของชาวอโศก เพื่อช่วยเตรียมงานก่อน และเป็นค่ายบูรณาการทางการศึกษา
วันศุกร์ที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗
สมณะ สิกขมาตุ ประชุมระดมสมอง ที่แพโบสถ์ วางแผนจัดการภาพรวม ของการจัดการเรียน ว.บบบ. จัดตารางเรียนนิสิต และจัดสรร สมณะสิกขมาตุ ประจำกลุ่ม เตรียมการลงทะเบียน นิสิตที่จะมาในวันรุ่งขึ้น โดยปีนี้ มีการสอบวิชาการในวันสุดท้ายของงาน คือวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๘ ตอนเช้ามืด และจะเฉลยข้อสอบในตอนเย็น แต่ภายในงาน จะยังไม่ประกาศผลสอบ เนื่องจาก ต้องมีการตรวจสอบผลการสอบ ให้เรียบร้อยก่อนประกาศผล โดยกำหนดประกาศผลสอบ ว.บบบ. รุ่นที่ ๓ ในงาน พุทธาภิเษกฯ ที่ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ระหว่างวันที่ ๑-๗ มีนาคม ๒๕๕๘ และจะมีกำหนด ให้มีพิธีรับเข็มพระธรรม ปัญญาบัตร และเสื้อ ว.บบบ. ในงานปลุกเสกฯ ที่บ้านราชฯ วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๘ ปีนี้ เนื่องจากลมแรง เหตุปัจจัยไม่เอื้ออำนวย จึงให้งดจัดรายการ ล่องเรือธรรมยาตรา
วันเสาร์ที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๗
ที่ชั้น ๓ เฮือนศูนย์สูญ มีการสัมมนา คุรุการศึกษาบุญนิยม ตลอดวัน มีการนำเสนอหลักสูตรเพิ่มเติม ของแต่ละสัมมาสิกขา มีกำหนดการ ให้นักเรียนชั้น ม.๑ เข้าค่าย เตรียมงานพุทธาภิเษกฯ ปี ๒๕๕๘ ที่ศาลีอโศก โดยให้นักเรียน ม.๑ เข้าพื้นที่ วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
กำหนดให้มีงานค่าย ยอส. วันที่ ๓๐ มี.ค. ๒๕๕๘ - ๓ เม.ย. ๒๕๕๘
กำหนดการรับกลดของนักเรียน ที่จบม.๖ ในวันที่ ๔ เม.ย. ๒๕๕๘ ที่ราชธานีอโศก
ส่วนที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์ฯ เริ่มลงทะเบียนนิสิต ว.บบบ. ตั้งแต่ ๐๗.๐๐ น. โดยมีสมณะและสิกขมาตุ ประจำกลุ่ม นั่งรอที่โต๊ะลงทะเบียน ซึ่งนิสิ ก็ทยอยกันมา ดูรายชื่อที่บอร์ด ว่าตนได้อยู่กลุ่มไหน ปีนี้แบ่งเป็น ๒๐ กลุ่ม โดยมีการคละกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งสายวิชญ์และสายชาญ เมื่อดูรายชื่อแล้ว นิสิตก็ลงทะเบียนกับ สมณะ สิกขมาตุ ประจำกลุ่ม พร้อมกรอกใบให้คะแนนบุญเก่า แล้วก็ไปต่อคิว ถ่ายภาพต่อไป ปีนี้ปัญหาในการลงทะเบียนน้อยลง ยังคงมีอยู่บ้าง ที่มาสมัครหลังปิดรับสมัคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ ก็จัดให้อยู่ในกลุ่มสมทบ และสังเกตการณ์ได้
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๗
๐๕.๐๐-๐๘.๐๐ น. นิสิต ว.บบบ. พบสมณะ สิกขมาตุ ประจำกลุ่ม เพื่อทำความรู้จักคบคุ้นกันในกลุ่ม โดยมีการเลือ ผู้รับใช้กลุ่ม รองผู้รับใช้กลุ่ม และเลขานุการ ประจำกลุ่ม ทั้งหมดมี ๒๐ กลุ่ม โดยวันนี้ มีนิสิตมาลงทะเบียน จำนวน ๖๒๕ คน แต่ยอดสมัครเข้ามา ๖๘๐ คนด้วยกัน
๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. พ่อครูแสดงธรรม ปฐมนิเทศและพาปฏิญาณตน โดยพ่อครูได้เน้น ให้นิสิตศึกษาเรื่อง “กาย” ให้สัมมาทิฏฐิ พ่อครูได้ยกคำสอน ของพระพุทธเจ้าใน อัสสุตวตาสูตร ที่ ๑ ในพระไตรปิฎกเล่ม ๑๖ ข้อ ๒๓๐ มีเนื้อความสำคัญคือ “ตถาคตเรียกร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง” ซึ่งพ่อครู ถือเป็นฎีกาสำคัญ ในการสอนเรื่อง “กาย” เลยทีเดียว
๑๓.๐๐-๑๔.๐๐ น. มีรายการแสดงธรรม ที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญ โดยสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน และสมณะฟ้าไท สมชาติโก เพื่อแนะนำข้อปฏิบัติ ในการอยู่ร่วมเรียน ว.บบบ. ครั้งนี้
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. บำเพ็ญคุณ ตามฐานงานต่างๆ เช่น โรงปุ๋ยพลังชีวิต, พับถุงกระสอบปุ๋ย, กรอกดิน เพาะกล้าไม้, ปลูกต้นไม้ข้างโรงปุ๋ย, ฐานขยะวิทยา ฯลฯ
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ที่ลานหน้าพระพุทธโต อากาศยามค่ำของบ้านราชฯ ยิ่งค่ำก็ยิ่งหนาว ภาคค่ำ แสดงธรรมโดยพ่อครู... บุญคือ การทำสงครามกับกิเลส บุญคือ การเอากิเลสกามและอัตตา ออกจากจิต ไม่ใช่แค่สละวัตถุ แม้หมื่นล้านแสนล้าน แต่ไม่ได้ล้างอัตตาและกาม ก็ไม่ได้บุญ ได้แต่กุศล แม้ว่าโลกยอมรับ ได้กุศลไป ชาติหน้าก็มีผล เพราะลงทุนไป ชาติหน้าก็ได้คืนมา สัจจะไม่ได้โกง เพียงแต่ว่าได้ทางวัตถุ แต่โลกุตรธรรม ปรมัตถธรรม คุณไม่ได้
สิ่งที่ได้ ถ้าเป็นลาภยศสรรเสริญ หากมากก็เป็นภัยแก่ตน เอาไปเป็นอำนาจได้ ทุกวันนี้ จ้างเทวดาโม่แป้ง แล้วก็นึกว่าตนแน่ มากอดคอกันทำความเดือดร้อนแก่ชาติ คุณทุจริตถึงต้องซื้อ แต่ถ้าทำสุจริตก็ไม่ต้องซื้อ เพราะเขาทำดีอยู่แล้ว ถ้าถูกซื้อได้เป็นเทวดาตกสวรรค์ แต่ถ้าไม่ถูกซื้อก็เป็นเทวดาดี หรือแม้คุณถูกซื้อ ก็หยุดเถอะ ยอมตามเขาไปกี่ครั้งแล้ว บาปซ้ำซ้อน ให้หยุดโม่แป้งให้เขาเสียที ตั้งหน้าตั้งตาใหม่ ยิ่งยุคนี้ สลัดตัวจากแอกของผีได้แล้ว ยุค คสช.นี่ สลัดแอกจากผี ที่คุณได้ถูกซื้อ มาโม่แป้งหลายถัง ก็หยุดได้แล้ว มาร่วมมือกับเทวดาแท้ได้แล้ว ควรกลับใจ แก้ไขปรับปรุงสังคมประเทศชาติเสียที มันควรถึงยุคแล้ว ๘๐ ปีประชาธิปไตยไทย ยังขาหักไปไหนไม่รอด หนักกว่าเก่าด้วย
ภายหลังฟังธรรมภาคค่ำ ของทุกวัน ก็เป็นเวลานิสิต จะได้ส่งใบบำเพ็ญคุณ และบำเพ็ญธรรม ให้กับนักบวชประจำกลุ่ม และอาจได้พบ สมณะและสิกขมาตุประจำกลุ่ม ก่อนแยกย้าย กันไปพักผ่อนอีกด้วย
วันจันทร์ที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๗
๐๓.๓๐-๐๖.๐๐ น. ทำวัตรเช้า และบำเพ็ญธรรม ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ที่หน้าพระพุทธโต อุณหภูมิ ประมาณ ๑๗ ํC โดยพ่อครูเทศนา ให้รู้ถึงความน่ากลัว ของผลวิบากหลังตาย ว่าน่ากลัวกว่าตอนเป็นๆ เสียอีก เพราะไม่มีมหาภูตรูป ๔ แล้ว ไม่มีอวัยวะ ๓๒ แล้ว ก็เหลือแต่อาการ ๓๓ เป็นอาการพิเศษของนามธรรมโดยเฉพาะ ผู้คนหลงสวรรค์ ก็อยากได้ดาวดึงส์ แต่อยากก็ไม่ได้ เพราะต้องไปตามผลกรรมวิบาก ที่สั่งสมไว้ ก็คือความจริง ในความจำ ที่คุณกำหนดไม่ได้แล้ว คุณไม่มีสุรภาโว ไม่มีอุปกรณ์ในการทำตามตัณหา ที่เป็นกามเป็นพยาบาทเท่าไหร่ มันก็ไม่มีพลัง พลังงานของจิตที่ไม่มีสุรภาโว สติมันโต นั้น จิตจะมีพลังไม่แข็งแรง แต่พลังงานของ กรรมวิบากจะแรงกว่า เขาก็ไม่สามารถอยู่กับดาวดึงส์ อย่างนอนหลับนี่สติก็ตกแล้ว ทั้งที่ไม่ขาดจากดินน้ำไฟลมนะ ยิ่งถ้าขาดจากดินน้ำไฟลม ก็ยิ่งสติตก ไม่มีสติเลย ตอนหลับนี่ อุปกรณ์ก็ทำงานได้น้อยแล้ว อธิบายเหมือนเคมีทางจิต ก็ทำงานได้น้อย กรรมกิริยาของจิตอกุศล จึงแรงเป็นเจ้าเรือน ผู้มีอกุศลมาก ไม่ได้สร้างวสี ที่จะต้านไม่ให้อกุศลทำงาน ตายไปจึงทุกข์ไม่ได้ดังใจ นี่แหละคือทุกข์ กิเลสเป็นเจ้าเรือน จะดิ้นรนเหมือนติดยาเสพติด เสี้ยนยา จะฆ่าพ่อแม่ ทำร้ายอะไรได้หมด นั่นแหละคือสัตว์นรกแล้ว ในนามธรรม ทำเลวร้ายได้ยิ่งกว่าอีก ตอนตายนี่ อาการตกนรกจะร้ายแรง รุนแรงยิ่งกว่าตอนเป็นๆ สิบเท่า ร้อยเท่าเลยนะ
อากาศหนาวเย็น น้ำค้างแรง เมื่อพ่อครูแสดงธรรมจบ ซาแลนที่ปูให้นิสิตนั่ง ก็เปียกไปด้วยน้ำค้าง เป็นบทท้าทาย นิสิต ว.บบบ. ทุกคน
๐๖.๐๐-๐๙.๐๐ น. บำเพ็ญคุณ ภาคเช้า มีการหมุนเวียนนิสิตแต่ละกลุ่ม ให้เข้าไปช่วยงานตามฐานต่างๆ การบำเพ็ญคุณภาคเช้า จะมีทุกวัน ทั้งเป็นการเสียสละ เป็นการศึกษา เรียนรู้งานแต่ละฐาน เป็นการคบคุ้น เรียนรู้การทำงานร่วมกัน ของนิสิตแต่ละคน สุดท้าย เป็นการลดละกิเลส ตามที่แต่ละคนจะลดละได้
เสร็จจากการเข้าฐาน เป็นช่วงเวลารับประทานอาหาร และพักผ่อนตามอัธยาศัย
๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. บำเพ็ญคุณภาคบ่าย.... งานนี้ท่านจะพบ ภาพของคนขี้เกียจหรือเกี่ยงงาน ได้น้อยมาก หรือไม่เห็นเลย เพราะนิสิตแต่ละคน ที่ได้มาเข้าร่วมขบวนการ ว.บบบ. ต่างมาด้วยจิตใจ ที่อยากจะพัฒนาตนเอง และมุ่งมั่นมาวัดผล การปฏิบัติธรรมของตน จึงทำให้เกิดการกระตือรือร้น ในการทำงานอย่างยิ่ง เป็นขบวนการกลุ่ม ที่พร้อมเพรียง มีความเป็น เอกีภาวะสูง แม้จะมีเด็กนักเรียนสัมมาสิกขา มาสอบกันมาก แต่นักเรียนที่เข้าร่วม ต่างกระตือรือร้น บำเพ็ญคุณ บำเพ็ญธรรม อย่างยิ่ง ภาพนักเรียนดื้อซน ขี้เกียจ หายไปหมดสิ้น ในกระบวนการ ว.บบบ.นี้ นักเรียนและผู้ใหญ่ ญาติธรรม ต่างก็เป็นนิสิต เหมือนกัน
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. บำเพ็ญคุณภาคค่ำ ฟังธรรมจากพ่อครู.... วันนี้พ่อครูได้เทศนาธรรม ในหัวข้อ เปิดยุคบุญนิยม
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๗
๐๓.๓๐-๐๖.๐๐ น. บำเพ็ญธรรม ทำวัตรเช้า โดยพ่อครู.... วันนี้พ่อครู ได้สาธยายธรรม เรื่องมูลสูตร ได้อย่างลึกซึ้งมาก และพ่อครูเน้นว่า ผู้สามารถรู้กิเลสในจิต ตัวใดตัวหนึ่ง เมื่อสัมผัสกับมัน เป็นความจริงเลย คือมีอวัยวะครบทำงาน ไม่ใช่นิ่งหยุดระงับ แต่ทำงานสมบูรณ์ แล้วมีสติออกมาทำงานทั้งนอกและใน สัมผัสเหมือนทุกคน ที่รับรู้ใน สมมุติสัจจะนี้ได้ แล้วก็สามารถรู้ปรมัตถสัจจะภายใน มีความสงบภายใน ขณะที่จิตขึ้นรับวิถี โดยเฉพาะตอนสัมผัส กับสิ่งที่เคยทำให้เกิดกิเลส แต่เราก็สงบได้ ไม่มีกิเลสเกิด ขณะที่พฤติกรรมข้างนอก เหมือนคนอื่น จะมีความแคล่วคล่องของเวทนา สัญญา สังขาร กายปาคุญญตา มีวิญญาณเกิด มีผัสสะ ๓ ครบ เป็นวิญญาณ ที่มีปัญญา ไม่ใช่แค่สัญญาอยู่ในภวังค์ เป็นความสงบของกาย โดยที่ว่าความสงบนี้ ไม่ใช่แค่นิ่ง นั่งหลับตาอยู่ในภพภายใน ไม่ครบวิโมกข์ ๘ ข้อ ๒ คือ พหิทธา รูปานิ ปัสสติ คือเห็นภายนอก ก็เห็นเข้าไปในภายในด้วย ยิ่งมีความรู้ถึงอรูปเลย ก็กำหนดรู้ อ่านได้อ่านถึง ก็คือผู้มีญาณแบบพุทธ พุทธญาณมีธาตุรู้ เป็นญาณ เป็นอัญญาเข้าไปรู้ สัมผัสอ่านได้ แล้วทำความสงบ เฉพาะกิเลส มันไม่ทำงานหรือตายไปเลย เป็นความสงบที่ ทุรนุโพธา รู้ตามได้ยาก เพราะมันคัมภีรา ลึกล้ำลึกซึ้ง มีทั้งสัจจะสมมุติ และปรมัตถสัจจะ นี่คือ ความจริงของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่แค่ความจำ
๐๖.๐๐-๐๙.๐๐ น. บำเพ็ญคุณภาคเช้า
๑๑.๐๐-๑๓.๐๐ น. มีการประชุม เตรียมงานตลาดอาริยะ ที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญ สมณะเดินดิน ติกขวีโร เป็นประธานการประชุม
๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. บำเพ็ญคุณ ตามฐานงานต่างๆ ปีนี้มีการคละสาย ในกลุ่มเดียวกัน ทั้งสายวิชญ์ และสายชาญ รวมทั้งเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ก็อยู่ในกลุ่ม เดียวกันหมด ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีมาก สายชาญที่มีประสพการณ์ ในการทำงานสูง แล้วสายวิชญ์ที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านวิชาการ หรือเด็กๆ ที่มีกำลังมาก มารวมกับผู้ใหญ่ ที่มากประสพการณ์ ร่วมมือกันอย่างสามัคคี ทำให้เกิดความสมบูรณ์ ทั้งการทำงานและการฟังธรรม เป็นภาพที่น่าเอ็นดู เป็นภาพที่สวยงามมาก มีการทำงานที่เบิกบาน มีชีวิตชีวา ไม่เน้นเรื่องผลงาน แต่เน้นเรื่องวิญญาณที่เป็นโลกุตระ มากกว่า
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. บำเพ็ญธรรม ภาคค่ำ ฟังธรรมพ่อครู.... วันนี้พ่อครู บรรยายธรรมเรื่อง จิตเกิด จิตดับ อย่างไหนที่พาไปนิพพาน ซึ่งพ่อครูสรุปว่า เราทำเหตุคือ อกุศลจิตดับได้ แม้อนุสัยก็ดับได้ นี่คือเห็นความเกิดความดับ ไม่ใช่ว่าเดาเอา ตรรกะว่า เดี๋ยวจิตก็เกิดก็ดับ แต่คุณเห็นความจริง อ่านจิตได้ แล้วทำจิตที่มีภาวะ ให้หมดอินทรีย์ของอิตถี ให้เป็นอุตมบุรุษ เป็นเอกกัคคตาสูงสุด ที่อาศัยในโลก เป็นความเกิดความดับ ต้องเห็นอย่างสัมมาทิฏฐิ รู้จิตอนุสัยตัวปลายท้ายสุดดับ จิตอรหันต์ เกิดดับทันที ไม่มีอะไรคั่น นี่คือ ผู้เห็นความเกิด ความดับ
วันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
๐๓.๓๐-๐๖.๐๐ น. บำเพ็ญธรรม ทำวัตรเช้า โดยพ่อครู...ได้เทศนาเรื่อง การสัมผัสวิโมกข์ ๘ ด้วยกาย อย่างละเอียด ... แม้อากาศจะหนาวเย็นมาก ประมาณ ๑๘ องศา แต่เหล่านิสิต ก็ไม่ท้อไม่เหนื่อย เพราะพลังของกระบวนการกลุ่ม แม้แต่เด็กๆ ที่อายุไม่ถึง ๑๐ ขวบ ก็ตื่นมาทำวัตรเช้า ได้แทบทุกวัน แม้เด็กบางคนก็เด็กเกิน ทำให้ มาสวดมนต์เสร็จ ก็ขอนอนพัก ในที่ฟังธรรมนั่นเอง บอกว่าให้พ่อแม่จดธรรมะให้ดูด้วย พ่อครูบอกว่า เด็กที่มาอยู่ในที่ฟังธรรมนี่ แม้จะหลับนะ แต่ว่าธรรมะ ก็สามารถซึมซับเข้าไปได้ เพราะประสิทธิภาพของเครื่องส่ง มีสูงมาก
๐๖.๓๐-๐๘.๐๐ น. พ่อครูนำหมู่สมณะ สิกขมาตุ ออกบิณฑบาตรอบชุมชน โดยแยกเป็นสองสาย วันนี้มีญาติธรรม มากันหนาแน่นกว่าวันก่อนๆ เพราะมีผู้ที่ไม่ได้มาสอบ ว.บบบ. แต่มาร่วมกิจกรรม ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ที่บ้านราชฯกัน เริ่มวันส่งท้ายปีเก่า ด้วยการบิณฑบาต อันเป็นศาสตร์และศิลป์ ของโลกุตรธรรม ที่พระพุทธเจ้า สืบทอดต่อกันมา สู่ชาวพุทธ
๐๘.๐๐-๐๙.๐๐ น. บำเพ็ญคุณภาคเช้า
๑๑.๐๐-๑๓.๐๐ น. ประชุมพาณิชย์บุญนิยม ที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญ มีสมณะเดินดิน ติกขวีโร เป็นประธาน โดยมีพ่อครู มาให้โอวาท ในช่วงหลังของการประชุม บรรยากาศอบอุ่น แม้อากาศหนาวเย็น
๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. บำเพ็ญคุณภาคบ่าย แม้จะเป็นการบำเพ็ญคุณ คือการทำงาน แต่บรรยากาศ ของธรรมะอันเข้มข้น ก็ยังแผ่ไปสู่ฐานงานต่างๆ นิสิตที่แม้จะทำงานไป ก็ยังพูดถึง เรื่องราวธรรมะ ที่ได้ฟังจากพ่อครูกันไปตลอด ได้งานด้วย ได้ธรรมะด้วย โดยเฉพาะได้ทำใจในใจ ให้สงบจากกิเลส อันเป็นการสัมผัส วิโมกข์ ๘ ด้วยกาย มีผัสสะเป็นปัจจุบัน อยู่หลัดๆอีกด้วย
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ โดยพ่อครู... ได้บรรยายธรรม เรื่องแบบคนจน เอามาขยายความ จนถึงโลกุตรธรรม เพื่อสู่พระนิพพาน
วันพฤหัสบดีที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ เริ่มวันบำเพ็ญธรรม
๐๓.๓๐-๐๖.๐๐ น. บำเพ็ญธรรม ทำวัตรเช้า โดยพ่อครู... วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ พ่อครูให้ธรรมรับปีใหม่ เหล่านิสิตต่างตั้งใจ เงี่ยโสตสดับฟังธรรมอย่างตั้งใจ นิสิตบางท่าน เปิดเผยภายหลังว่า มางานนี้ ตั้งใจฟังธรรมมาก จำไม่ได้หรือมีน้อยมาก ที่ตนเองมีอาการหรี่หลับ ในขณะฟังธรรม
๐๖.๓๐-๐๘.๐๐ น. พ่อครูนำหมู่สมณะ สิกขมาตุ ออกบิณฑบาตรอบชุมชน วันนี้ญาติธรรม มามากกว่าทุกวัน เพื่อใส่บาตรในวันขึ้นปีใหม่
๐๘.๐๐-๐๙.๐๐ น. บำเพ็ญคุณภาคเช้า
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. บำเพ็ญธรรมก่อนฉัน... ฟังธรรมจากสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล และสมณะผืนฟ้า อนุตตโร
๑๒.๐๐-๑๔.๐๐ น. พบสมณะ สิกขมาตุ ประจำกลุ่ม เป็นเวลาที่สมณะและสิกขมาตุประจำกลุ่ม ที่ได้ติดตามกลุ่ม ทั้งการบำเพ็ญคุณ บำเพ็ญธรรม จะได้มาชี้แนะ และรับฟังความเห็น ให้ถูกตรงยิ่งขึ้น ประกอบกับ ความกระตือรือร้นของนิสิต ที่กระหายใคร่รู้ธรรมะ ทำให้มีบรรยากาศของ การซักถามธรรมะ กันอย่างครึกครื้น สมณะ สิกขมาตุ ก็ได้โอกาสอธิบาย ให้ตรงกับการมีผัสสะ ในเรื่องต่างๆ จากที่อยู่ร่วมกันมาหลายวัน
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. รายการภาคบ่าย เรื่อง ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ โดยสมณะ เดินดิน ติกขวีโร สัมภาษณ์ คุณแก่นคำหล้า (ตุ๊หล่าง) พิลาน้อย ผู้เชี่ยวชาญด้าน เมล็ดพันธุ์พืช และอ.บุญรุ้ง สีดำ ผู้เชี่ยวชาญ วิชาการการเกษตร
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ โดยพ่อครู ชี้ชัดถึง กายสังขาร ว่าผู้มีญาณ หยั่งรู้กายสังขาร ที่เรียกว่า รูปกาย คือองค์ประชุมของรูป ๒๘ คือกายสังขาร ที่มีกายวิญญาณ มีนามธรรมปรุงแต่งอยู่ เมื่อมีผัสสะ ๓ ก็เกิดวิญญาณอย่างปัจจุบันขณะ ไม่ใช่ว่าไปรู้วิญญาณตอนตาย หรือนั่งหลับตาทำ ซึ่งกายวิญญาณ เป็นนามธรรม ปรุงแต่งกับรูป ที่มีมหาภูตรูป ๔ และ อุปาทายรูป อีก ๒๔ ซึ่งรูปนามนั้น แม้จะแตะสัมผัสกัน แต่ว่าไม่ได้ทำงาน ทำปฏิกิริยา ก็ไม่เกิดอะไร เหมือนมนายตนะ กับธรรมายตนะ เขาไม่เรียกว่าผัสสะ เพราะว่ามันอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว เป็นธาตุภายใน ธรรมะคือสิ่งทรงอยู่ ถือเป็นจิต มันไม่ทำงานร่วมกัน ก็ไม่เกิดอายตนะ แต่เมื่อทำงานร่วมกัน ก็เกิดอายตนะ ท่านเรียกว่าธรรมารมณ์ ส่วนที่ทำงานร่วมกับภายนอก เรียกว่า โผฏฐัพพารมณ์ ส่วนมนายตนะ กับธรรมายตะ ทำงานร่วมกัน อย่างหยาบ ก็คือรูป อย่างละเอียดคืออรูป
วันศุกร์ที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๘
๐๓.๓๐-๐๖.๐๐ น. บำเพ็ญธรรม ทำวัตรเช้า โดยพ่อครู ได้นำเอาศีลธรรมนูญ คือ จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มาบรรยาย ให้เกิดความกระจ่าง แยกแยะออกว่า อย่างไหนพุทธแท้ หรืออย่างไหน เป็นการทำบุญนอกขอบเขตพุทธ เป็นพุทธเทียม
๐๖.๓๐-๐๙.๐๐ น. บำเพ็ญคุณภาคเช้า
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. บำเพ็ญธรรมก่อนฉัน... ฟังเทศน์จาก สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ และสมณะลือคม ธัมมกิตติโก
๑๒.๐๐-๑๔.๐๐ น. พบสมณะ สิกขมาตุประจำกลุ่ม
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. รายการภาคบ่าย เรื่อง ฝันที่เป็นจริง โดยสมณะเดินดิน ติกขวีโร สัมภาษณ์ อ.แสวง รวยสูงเนิน ที่มีชีวิตเป็นดอกเตอร์ เรียนจบป.เอก ด้านการเกษตร แต่ทำนาไม่เป็น ปั้นคันนาไม่เป็น จึงหันกลับมาลงมือทำนาจริงจัง จนพึ่งตนเองได้ ๑๐๐%
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ฟังธรรมพ่อครู เป็นคาบสุดท้าย ก่อนสอบวิชาการ ในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น วันนี้พ่อครูเทศนา เรื่องศีลธรรมนูญของพุทธ ต่อจากนั้น เหล่านิสิต ก็ได้แยกย้ายกันไปเตรียมตัวอ่านหนังสือ สอบวิชาการ
โดยตั้งแต่ตอนบ่าย เจ้าหน้าที่ธุรการ ก็ได้จัดที่นั่งสอบให้ โดยให้นิสิตเกือบทั้งหมด สอบที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญ และให้นิสิตที่ต้องการผู้ช่วยสอบ ไปสอบที่ชั้น ๓
ตลอดงานนี้ มีติวเตอร์ธรรมะ เกิดขึ้นในงานนี้หลายท่าน แทบทุกกลุ่ม เพราะปีนี้ มีสายวิชญ์ ที่เชี่ยวชาญปริยัติ เข้าไปร่วมกับสายชาญ ก็ทำให้เกิดการเกื้อกูลกัน อย่างดี มีสะเก็ดข่าวว่า ติวเตอร์บางท่าน ได้รับความนิยมมาก ไปไหน ก็มีแต่คนให้ติวธรรมะให้ เลยติวมากจนตนเองเพลีย ขนาดลูกไปปลุก ก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยทีเดียว เลยทำให้ มาฟังธรรมสาย
วันเสาร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๘ วันสอบวิชาการ ว.บบบ.
วันนี้เป็นวันสอบวิชาการ และเป็นวันสุดท้ายของ ว.บบบ. ครั้งที่ ๓ วันนี้มีกลุ่มฐานงาน ที่ต้องทำอาหารให้พ่อครู ทางสมณะ จึงจัดห้องสอบให้เป็นพิเศษ โดยให้เริ่มสอบตอน ๐๓.๓๐ น. เพื่อจะได้เสร็จ ไปทำอาหารให้พ่อครูได้ตามปกติ นี่ก็เป็นอีกบรรยากาศ ที่อบอุ่น เอื้อเฟื้อกัน คงไม่มีหลักสูตรไหนในโลก ที่มีการสอบ ตอนตีสามครึ่ง แต่ว่าคนสอบ ที่เคยเป็นถึงอดีตรองอธิการบดี คณะพยาบาลศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ก็ยังได้บอกว่า เป็นหลักสูตรที่ดีที่สุดในโลก และ สนุกที่สุดในโลก
ส่วนบรรยากาศของการสอบของนิสิต ที่เริ่มตั้งแต่ ๐๕.๐๐ น. และจะสิ้นสุด ในเวลา ๐๘.๐๐ น. ใช้เวลาสอบ ๓ ชั่วโมงเต็ม โดยมีสมณะ สิกขมาตุ ช่วยกันดูแล กระบวนการสอบ มีส่วนแยก ให้ผู้ที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ หรือแม้จะพิการ ก็มีตัวช่วยทำข้อสอบให้ โดยแยกไปสอบ ที่ชั้น ๓ เฮือนศูนย์สูญ เป็นบรรยากาศ อบอุ่นมาก โดยที่นิสิตสอบเข็มที่ ๑ และผู้สมัครสมทบ ทำข้อสอบปรนัย ๖๖ ข้อ อัตนัย ๗ ข้อ ส่วนนิสิตที่สอบเข็มที่ ๒ สอบปรนัย ๖๖ ข้อ สอบอัตนัย ๒๒ ข้อ และนิสิตที่สอบ เข็มที่ ๓ สอบปรนัย ๖๖ ข้อ สอบอัตนัย ๒๔ ข้อ
๐๙.๐๐- ๑๐.๐๐ น. เฉลยข้อสอบ โดยสมณะเดินดิน และสมณะแสนดิน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ได้ประโยชน์จากการทำข้อสอบ นิสิตบางท่าน ก็เอาข้อสอบมาดู ตามเฉลยว่า ตนตอบถูกไปกี่ข้อ แต่มีเด็กๆ ตัวเล็กๆ อย่างด.ญ.ดูแล (แลเลื่อนฟ้า) และด.ญ.เกาลัด (เอื้อดินฟ้า) ดูจะมีความสุขมาก สอบเสร็จก่อนใครเลย แล้วก็ไปช่วยถูพื้น อย่างสบายใจ เพราะว่าไม่ได้คาดหวังว่า จะสอบได้แต่อย่างใด เพียงมาร่วมเป็นมวล ให้หลวงปู่ ก็สำเร็จผล สอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว
๑๒.๐๐-๑๔.๐๐ น. มีการระดมสมอง สรุปผล การเรียน การสอบ ว.บบบ. ครั้งที่ ๓ ของแต่ละกลุ่ม เพื่อส่งตัวแทน มาพูดสรุปผล ในรายการภาคค่ำ
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. รายการทำ ๕ ส. เก็บข้าวของเครื่องใช้ในงาน เพื่อแบ่งเบาภาระของทางบ้านราชฯ เป็นการกตัญญูต่อสถานที่
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. รายการสรุป ผลการเรียน ว.บบบ. ที่ชั้น ๑ เฮือนศูนย์สูญ ดำเนินรายการโดย สมณะเดินดิน ติกขวีโร สัมภาษณ์ ตัวแทนของแต่ละกลุ่ม บางคน ให้สัมภาษณ์ว่า
การสอบ ว.บบบ. ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ชีวิตของตนให้เจริญขึ้น สนใจธรรมะมากขึ้น ทั้งฟังธรรม อ่านหนังสือของพ่อครู ทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิเพิ่มขึ้น เหมือนกับ มีอะไรมาสิงให้เจริญขึ้นเลย ซึ่งเมื่อก่อน จะฟังธรรมะพ่อครูไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาพูดเรื่องธรรมะ ก็จะไม่รู้กับเขา แต่พอขวนขวายศึกษาธรรมะเพิ่ม ก็ทำให้รู้เรื่องกับเขาบ้าง บางคนบอกว่า ไม่ใช่แค่ก่อนสอบเท่านั้น ที่จะเพ่งเพียรศึกษาธรรมะมากขึ้น แต่หลังจากสอบนี้ กลับไปที่พุทธสถาน ก็จะรวมตัวกันทบทวน ย่อยธรรมะ ที่ได้ฟังจากพ่อครู ในแต่ละวัน กันอีกด้วย
บางคนได้มาสอบ ก็ทำให้ได้เปลี่ยนภพ จากงานที่เคยทำอยู่แบบเดิมๆ กับคนเดิมๆ ก็ได้มาพบเจอ ทั้งหลากหลายวัย ทั้งคละกัน ระหว่างสายวิชญ์และสายชาญ ทำให้เกิด ปรโตโฆษะ เพิ่มขึ้น มีการหลอมรวมกันได้มากขึ้น งานนี้เป็นตัวเชื่อม ให้คนภายนอกมา หรือญาติธรรมห่างวัด หรือข้างวัด เข้ามาร่วมศึกษา วิถีชีวิตของชาวอโศก ได้มากขึ้น
เรื่องการสอบได้หรือไม่ได้นั้น สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ได้เทศนาไว้ในงานนี้ โดยยกตัวอย่าง ลูกชายของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ที่พ่อจ้างมาให้ฟังธรรม จากพระพุทธเจ้า แต่พอฟังไปฟังมา เกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบัน ก็บอกกับพ่อว่า ไม่เอาค่าจ้างแล้ว เพราะสิ่งที่ได้นั้น มีค่ากว่าค่าจ้างเสียอีก ก็หวังว่านิสิตที่มาสอบ จะได้เกิด ดวงตาเห็นธรรม ได้สิ่งที่มีคุณค่าแก่ตนเอง มากกว่าเข็มพระธรรม เสียอีก
พ่อครูได้ให้โอวาท ปิดการเรียนการสอบ ว.บบบ. ครั้งที่ ๓ นี้ไว้ว่า
อาตมาสบายใจพวกเรา คนอย่างน้อยห้าร้อยคน มารวมกัน ตั้งใจเอาประโยชน์อันนี้ ซึ่งไม่ใช่ประโยชน์โลกีย์ โลกธรรม แต่เป็นสิ่งวิเศษ ของแต่ละคนเลย เข้าใจแล้วให้เวลาเลย คนเขาไปเที่ยวปีใหม่ ได้บำเรอตน ติดงานไปหาเงิน ไปสำเริงสำราญ แต่พวกคุณ เห็นเป็นเรื่องไร้สาระ แต่มาสอบมาเรียน บำเพ็ญคุณ บำเพ็ญธรรม ๗ วันนี้ดีกว่า แล้วก็มา อาตมาว่า นี่เป็นค่าสูงมากเลย ขอขอบคุณทุกคน ที่เห็นค่าอันยิ่งใหญ่ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นคุณค่าที่เกินปัญญาญาณ มันเป็นความจริง ของคุณแต่ละคน จึงเห็นอันนี้ มีคุณค่ากว่า ที่โลกเขาประโคมกันทั้งโลก จะต้องเอาเวลาไปหาความสุขสำราญ
ได้ข่าวว่า มีคนแว่บไปเหมือนกัน อาตมาว่า ทำไมต้องแวบไปแวบมา นี่ครอบไว้ ทั้งหัวท้ายแล้วนะ ก่อนสิ้นปี ๔ วัน ปีใหม่ ๓ วัน ก็ยังแวบไปได้อีก แต่ได้ขนาดนี้ อาตมาก็ว่าดีแล้ว พวกเราจะเห็นสัจจะสาระ ความจริง คนที่เห็นสาระเป็นสาระ เห็นความสำคัญในความสำคัญ ผู้นั้นแหละ เป็นผู้ที่มีความสำคัญ หรือเป็นคนที่มี สาระที่แท้จริง สาระที่ว่า ใครไปเห็นเงินทอง ลาภยศสรรเสริญ เป็นสาระ แต่เราเห็นว่า การศึกษา ที่จะทำตนให้หลุดพ้นเช่นนี้ มันเป็นสาระกว่า เป็นความประเสริฐกว่า อันอื่นค่าน้อยกว่า ค่านี้สูงกว่าก็มาเอา ก็เริ่มต้นดีแล้ว ก็พยายามพากเพียรไป อาตมาก็ยังจะดำเนินต่อ ว.บบบ. นี่เป็นการเช็คผล ทั้งจิต และกาย
ทีมงานข่าวอโศก
สารอโศก เล่ม ๓๓๗