ทัวร์พญาแร้ง เสริมแรงโลกุตรธรรม

วันที่ ๕-๘ มกราคม ๒๕๕๘ พ่อครูสัญจรไปเสริมพลังโลกุตระ ให้แก่พี่น้องญาติธรรม ไทอีสานบ้านเฮา

วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ณ วัดป่าสวนธรรมร่วมใจ จ.ยโสธร
หลังจากสิ้นสุดงาน ว.บบบ. วิชชาลัย บรรดาบัณฑิต บุญนิยม ครั้งที่ ๓ พ่อครูได้รับ กิจนิมนต์ต่อ ออกจากบ้านราชฯ จ.อุบลราชธานี มุ่งไปที่ วัดป่าสวนธรรมร่วมใจ (วัดป่าติ้ว) อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ในงานมหกรรม ๒๐ ปี เกษตรอินทรีย์วิถี ยโสธร และ งานบุญกุ้มข้าวใหญ่

เช้านี้พ่อครู ออกเดินทาง ตั้งแต่เวลาประมาณตี ๕ เดินทางประมาณ ๑ ชั่วโมง ๔๐ นาที ก็มาถึง วัดป่า สวนธรรมร่วมใจ เวลาประมาณ ๐๖.๕๐ น. พระพรหมมา สุภัทโธ หรือหลวงพ่อสุภัทโธ มากราบนมัสการ พ่อครู ด้วยอัธยาศัยไมตรี

เวลาประมาณ ๗.๐๐ น. พ่อครูพร้อมด้วยสมณะ พระวัดป่าติ้ว และนักบวชหญิง ได้ออกบิณฑบาต ภายในบริเวณงาน มีทั้งชาวเครือแห กสิกรรมไร้สารพิษ จ.ยโสธร และจังหวัดใกล้เคียง ประชาชน วัดป่าติ้ว และญาติธรรม มาร่วมกันใส่บาตร อย่างล้นหลาม แถวยาวเหยียด มีเอกลักษณ์ ของชาวอีสานคือ กระติบ ข้าวเหนียว กับข้าวเหนียว หลากพันธุ์ มาใส่บาตรกัน อย่างเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใส

เส้นทางบิณฑบาต จะเป็นบริเวณงาน เริ่มจากส่วนแสดง นิทรรศการ “มหกรรม ๒๐ ปี เกษตรอินทรีย์ วิถียโสธรและ งานบุญกุ้มข้าวใหญ่” ผ่านมาทาง ส่วนที่จัดงาน ตลาดบุญนิยม ซึ่งเป็นการ จัดงานครั้งแรก ของจ.ยโสธร พี่น้องประชาชน ที่มาร่วมทำบุญใส่บาตร ต่างมีความปีติยินดี กันถ้วนหน้า

เวลาประมาณ ๐๘.๑๐ น. ก็ถึงเวลาที่ พ่อครูแสดงธรรม หัวข้อ “เกษตรอินทรีย์พึ่งตน พ้นทุกข์” ที่ลานกิจกรรม หน้าศาลาไทวัตร พี่น้องเรามาจาก จ.ยโสธร และใกล้เคียง มานั่งฟังธรรม บนกองฟาง หนานุ่มด้วย ความตั้งอกตั้งใจ พ่อครูกล่าวถึง เรื่องข้าวว่า ข้าวเป็น ๑ ในโลก ชีวิตอยู่ได้ด้วยข้าว โดยเฉพาะ การเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าว ของวัดป่าติ้ว พ่อครูได้ตั้งชื่อ ธนาคารสำหรับ เก็บเมล็ดข้าวว่า “ธนาริยาคาร” เป็นอาคารอาริยะ ใช้เก็บสิ่งประเสริฐ คือเมล็ดพันธุ์ข้าว มีข้าวนี่ ชีวิตอยู่ได้ แต่ต่อให้มีเพชร ก้อนโต เท่าลูกแตงโม กับข้าวกระติบหนึ่ง ลอยคอ กลางทะเล จะเอาอะไร เพชรหรือข้าว..... ก็เอาข้าว ไปกลางทะเลนี่ โยนเพชร ก้อนเท่าหัว ลงในทะเล จ้างให้ปลาก็ไม่แล แต่โยนข้าวลงไปนี่ ปลาแย่งกันเลย ต้องให้รู้ สิ่งใดสำคัญ เราเริ่มต้นดีแล้ว ก็ให้พากเพียรต่อ เรามารวมตัวกัน ผลิตข้าวแสนตัน เป็นที่หมาย แล้วเราทำข้าว ไร้สารพิษ เป็นข้าวชั้นดี เราก็ปรับปรุงพันธุ์กัน ที่นี่มี ตุ๊หล่างเป็นหลัก เราพัฒนาให้ข้าวพันธุ์ดี อาจมีโลกีย์หน่อย มันหอม มันนุ่ม ก็ไม่เป็นไร เราก็สร้าง ให้เป็นแก่น เป็นหนึ่ง ในปัจจัย ๔ ข้าว ผ้า ยา บ้าน นี่ มีข้าวนี่แหละ เป็นที่ ๑ เลย อย่างอื่น เรายังไม่จำเป็น เท่ากับข้าว

หลังฉัน พ่อครูได้ไปดู รถอีโบ วันนี้สัญจรมาปฏิบัติหน้าที่ ถ่ายทอดสดเป็นหลัก ในงานนี้ ตลอด ๓ วัน ซึ่งวันนี้ รถอีโบ หรือรถโอบี ถ่ายทอดสด ของบุญนิยมทีวี ได้ยกเสาสไลด์ ส่งสัญญาน สูงกว่า ๒๐ เมตร บนยอดเสาสไลด์ ก็ยังมีกล้องติดตั้ง เพื่อถ่ายทอดภาพ ในมุมสูงอีกด้วย

งานบุญกุ้มข้าวใหญ่ เป็นการขับเคลื่อน ของกลุ่มเกษตรอินทรีย์ รวมถึงเครือแห ชาวนาคุณธรรม เพื่อย้ำยืนยัน ถึงการมีวิถีชีวิต แบบพึ่งพาตนเอง ตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ผ่านสัมมาอาชีพ ที่เป็นประโยชน์ ต่อมวลมนุษยชาติ อันเป็นการปฏิบัติธรรม ตามหลักธรรม คำสอน ขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือศีล ๕ ละอบายมุข รับประทาน อาหารมังสวิรัติ เป็นอย่างต่ำ เป็นการขับเคลื่อน จิตวิญญาณ โดยใช้คุณธรรม ที่จะนำพาชีวิต ให้เป็นสุข อย่างยั่งยืน

หลังจากจบกิจนิมนต์ ที่วัดป่าสวนธรรมร่วมใจ เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. พ่อครูได้เดินทาง ต่อไปที่ ชุมชน หินผาฟ้าน้ำ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ กว่าจะถึง ก็พลบค่ำแล้ว เวลาประมาณ ๑๘.๕๐ น. ซึ่งมีชาวชุมชน และ ญาติธรรมหลายท่าน มารอรับพ่อครู ด้วยความเบิกบาน แจ่มใส หลังจากที่พ่อครู กราบ พระพุทธาภิธรรมนิมิต จำลอง หรือ พระพุทธโตน้อย เรียบร้อยแล้ว ก็ทักทายญาติโยม ซึ่งมีทั้ง ชาวชุมชน ศิษย์เก่า หินผาฟ้าน้ำ และญาติธรรม จากจังหวัดใกล้เคียง มารับฟัง อย่างอบอุ่น ก่อนที่พ่อครู จะพักผ่อน ยังเมตตา แจกเข็มกลัด พญาแร้ง ที่ระลึกงาน ๘๐ ปีวิชิตชัย ให้กับญาติธรรม อีกด้วย

วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ ณ สังฆสถาน หินผาฟ้าน้ำ จ.ชัยภูมิ

ช่วงเช้านี้ สมณะดินทอง นครวโร ได้นิมนต์พ่อครู เดินชมรอบๆ ภายในชุมชน หินผาฟ้าน้ำ ที่มีลักษณะเด่น ที่อยู่เป็นหุบเขา พื้นที่เดิม จะมีหินทราย เป็นจำนวนมาก มีน้ำจาก เขื่อนลำปาว ไหลผ่าน มาที่ชุมชน ตลอดปี ทำให้ชุมชน มีความอุดมสมบูรณ์มาก บนพื้นที่ ๓๙ ไร่ สำหรับทำนา ๘๔ ไร่ ทำสวนไม้ผลต่างๆ ๙๖ ไร่ จึงเป็นชุมชน ที่อุดมไปด้วย พืชพันธุ์ ธัญญาหาร ที่สมบูรณ์ พ่อครูไปดูที่ปลูก ถั่วดาวอินคา ซึ่งกำลังออกผล รอให้เก็บ เมล็ดถั่วดาวอินคา ที่อุดมไปด้วย กรดไขมัน โอเมก้า ๓, ๖, ๙ อันเป็นกรดไขมัน ที่ดีต่อสุขภาพ

ชาวหินผาฯเอง ก็ได้ถือว่า วันนี้เป็นการจัด งานบุญ ฉลองข้าวไปด้วย ซึ่งทางหินผาฯ จะจัดงานบุญ ฉลองข้าว เป็นประจำ ทุกปีอยู่แล้ว และเมื่อถึงเวลา ประมาณ ๗.๐๐ น. พ่อครูเริ่มออกบิณฑบาต ภายในชุมชน มีพ่อแม่พี่น้อง ในชุมชน ศิษย์เก่า หินผาฟ้าน้ำ ญาติธรรมที่ทราบข่าว ก็มารอใส่บาตรกัน ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ

เวลา ๘.๓๐ น. ก็ถึงเวลาที่ พ่อครูแสดงธรรมก่อนฉัน วันนี้ทั้งสมณะ สิกขมาตุ และญาติธรรม พร้อมใจกัน มาฟังธรรมกัน เต็มศาลา ซึ่งในงานมหาปวารณา ปี ๒๕๕๗ ทางหมู่สงฆ์ ได้มีมติให้ ยุบโรงเรียน สัมมาสิกขา หินผาฟ้าน้ำ และไม่จัดให้มีสมณะ มาอยู่ประจำ ที่หินผาฟ้าน้ำ ก็เนื่องจาก ความเสื่อมทรุด ของชุมชน จากเดิม ตอนก่อตั้งชุมชน มีคนมาอยู่ประจำ เกือบถึง ๕๐ คน แต่ตอนนี้ เหลืออยู่ไม่ถึง ๑๐ คน ทำให้ทางหมู่สงฆ์ มีมติเช่นนี้ แต่ว่าหลังจาก ที่ชาวหินผาฯ ได้รับมติ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยน อย่างรวดเร็ว ภายในชุมชน โดยที่ผ่านมานั้น ทางหินผาฯ เน้นงานนอก เน้นการอบรม จนเป็นที่ยอมรับ ของทางราชการ แต่ไม่ได้เน้นถึง กิจวัตร และจิตวิญญาณ ของชาวชุมชน ทำให้คนออกไป ไม่มาร่วมกัน โดยเริ่มปรับปรุง การบริหารชุมชน ไม่ให้มีประธานชุมชน แต่จะให้บริหาร ในรูป แบบคณะกรรมการ บริหารร่วมกัน

ซึ่งพ่อครู ก็ได้ให้คำแนะนำ เพิ่มเติมว่า... สิ่งที่ผ่านมาแล้ว เป็นบทเรียน เป็นสิ่งที่เกิด ไปตามเหตุปัจจัย เราก็ยอมรับ ว่าอะไรบกพร่อง อะไรเสียหาย ก็แก้กลับ พระพุทธเจ้าส่งเสริม การแก้กลับ สิ่งที่สุดวิสัย เกินแก้ ก็ยุติไป แต่ขณะนี้ หินผาฟ้าน้ำ ยังไม่อยู่ในฐานะ ที่ไม่ถึงกับต้องยุติ องค์รวม ยังพอไปได้ ก็มาตั้งตัวใหม่ อะไรที่ ควรสร้างควรฟื้น ก็มาร่วมกัน ผู้ใดเห็นควร จะเข้ามาก็มา หรือผู้มาใหม่ อยากมาช่วยก็มา สมณะ ที่ยังจะช่วยดูแล ท่านก็ยังเอาอยู่ ตอนนี้มาลงมือ ปลูกถั่ว ดาวอินคากัน ปีนี้จะถวาย ข้าวอีก ๕ ตัน ก็มีอะไร ต่ออะไรอยู่ ยังได้อยู่ สิ่งใดผิดไปแล้ว ก็หยุด อย่าให้มีใหม่ ตั้งใจทำดีใหม่ กอบกู้ใหม่ สิ่งแล้วๆ ก็จบไป อย่าให้มีอะไร เป็นเชื้อที่ไม่เข้าท่า มันไม่ใช่ของหาง่าย โดยเฉพาะ ทางการเขาสนับสนุน พร้อมให้เราทำ อย่างราชธานีอโศก ยังจะไม่ค่อยมี ตัวช่วยเลย ยังล้อมรอบไปด้วย สิ่งที่จะทำลาย แต่เราจะไม่เกลียดโลกียะ โลกียะกับโลกุตระ อาศัยกันไป ตลอดกาล เราอย่าไปทำร้ายโลกียะ เราก็ช่วยโลกียะ ไปตลอด เราต้องชนะ ความร้าย ด้วยความดี ถ้าเราตายก่อน ก็แล้วไป ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ ก็มีแต่ทำดีกับทำดี สุดท้าย มีแต่ตายกับดี ดีกับตาย ก็สุดท้ายแล้ว กัดแข่วยุ้มก้นใส่เลย ใครจะชั่วนิดนึง ดีมากหน่อย ก็ไม่เอา อาตมาไม่ทำชั่ว แม้น้อย ให้ตายกับดี ดีกับตายเลย ให้มันตายไปเลยกับดี ไม่เอาชั่วนิดชั่วหน่อย ถ้าจะตาย ก็จะตายกับดี นี่แหละ

พ่อครูว่า... อาตมาก็มาทำงาน ช่วยโลก ช่วยมนุษยชาติ ก็ช่วยได้ ระดับหนึ่ง ผู้ใดเห็นดี ก็อย่าช้า รีบมา อาตมาแต่งเพลง สมรรถภาพ ... มาเถอะมาอย่าช้า อยู่ไหนรีบมา คว้ามีดพร้า และจอบเสียม ไม่อย่างนั้นจะช้า เหมือนที่ หินผาฯนี่ ... คุณรู้ความหมาย ของคำว่าเสียดายไหม?.... คนที่รู้จัก หินผาฟ้าน้ำ ใครเสียดาย หินผาฟ้าน้ำไหม? เมื่อรู้ว่าดี ใครจะปล่อย ให้ตายไปก็เชิญ อาตมาบอกให้รู้ ด้วยปัญญา ให้เข้าใจ เมื่อคุณเสียดาย ก็ให้รู้ว่า ทำไมต้องเป็นเรา แม้ที่คนไม่รู้เรื่อง เขาก็ไม่มา หรือรู้แต่ไม่เสียดาย ก็ไม่มาแน่ ถ้าไม่มาช่วย ก็สูญ หากช่วยกัน ก็น่าจะได้ ทำให้เจริญขึ้นได้ แม้จะช้า ก็อย่าให้เน่า อย่าให้ตาย

ในช่วงบ่าย พ่อครูเดินทางออกจาก ชุมชนหินผาฟ้าน้ำ ในเวลา ๑๕.๐๐ น. ถึงชุมชน วังน้ำเขียว ในเวลา ๑๘.๒๐ น. โดยที่ชุมชน วังน้ำเขียวนี้ มีชื่อเต็มว่า ศูนย์ศึกษาการพัฒนา ของชาวบ้าน โครงการส่งเสริม กสิกรรมไร้สารพิษ อันเนื่องมาจาก พระราชดำริ วังน้ำเขียว พ่อครูเดินทางมาถึง ก็พลบค่ำ จึงไม่มีการแสดงธรรม ในช่วงเย็น

วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๘ ณ ชุมชนวังน้ำเขียว

ช่วงเช้ามืด เวลาประมาณ ๖.๐๐ น. อากาศกำลังสดชื่น เย็นสบาย คุณอำนาจ หมายยอดกลาง ประธาน กลุ่มส่งเสริม กสิกรรมไร้สารพิษ ได้พาพ่อครู สมณะ สิกขมาตุ ชมรอบๆ บริเวณพื้นที่ ในโครงการ กสิกรรมไร้สารพิษ โดยปลูกไว้บริโภค ในชุมชน เน้นการพึ่งตนเอง เหลือจะนำไปจำหน่าย ให้สหกรณ์ กสิกรรมไร้สารพิษ ในเขตปฏิรูปที่ดิน อ.วังน้ำเขียว จำกัด พ่อครูยังได้เดินไปชม ไปถึงเขตพื้นที่ ของสมาชิก ในเครือข่าย ผลิตผักไร้สารพิษ ทั้งประเภท ผักเมืองหนาว และผักทั่วไป ผักที่ปลูก ประมาณ ๙๐ ชนิด นอกนั้น ปลูกผักพื้นบ้าน ไว้บริโภคเอง ตามหลัก ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ในเนื้อที่ไม่เกิน ๑ ไร่

เดินผ่าน ร้านดินอุ้มดาว ที่น่าจะเรียกว่า ร้านสะดวกขาย รวมทั้ง สะดวกซื้อด้วย เพราะเวลาลูกค้า มาซื้อของ ต้องเรียกแม่ค้า มารับเงิน หรือไม่ก็จะแนบเงิน ไว้ตามโต๊ะ เป็นการผ่อนภาระ ค่าใช้จ่าย ด้านเครื่องใช้ ไม้สอยต่างๆ ให้กับชาวบ้านใกล้ เรือนเคียง ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้สะพัดของเก่า ที่เหลือใช้ ของใหม่ ที่เกินจำเป็น อีกด้วย

เวลาประมาณ ๘.๓๐ น. พ่อครูแสดงธรรมก่อนฉัน ที่ศาลาโรงครัว มีญาติธรรม ชาววังน้ำเขียว มาร่วม ฟังธรรมกัน อย่างอบอุ่น ทุกที่ ที่พ่อครูไปเทศนา ทางบุญนิยมทีวี ไปถ่ายทอดสด ทุกรายการ

ในช่วงบ่าย พ่อครูได้แวะไปดู บ่อสัมปทาน หินแกรนิต ที่จ.นครราชสีมา ที่มีผู้ปวารณาไว้ สำหรับ เตรียมสร้าง สมเด็จปู่ วิชิตอวิชชา องค์ใหญ่ โดยมีทั้ง บ่อหินทราย สีชมพู บ่อหินทราย สีดำ และบ่อหินทราย ลายตุ๊กแก

เสร็จจากการดูบ่อหิน พ่อครูก็ได้เดินทาง แวะเยี่ยมญาติธรรม ที่โรงงาน ชัยภูมิสตาร์ช จากนั้น แวะเยี่ยม ที่ดินส่วนกลาง ของชาวอโศก ที่คุณธงธรรม เป็นผู้บริจาคให้ ผู้ที่เคยเช่าทำนา บอกเลิกเช่าแล้ว ที่ประชุม ชาวชุมชน สีมาอโศก มีมติให้ อ.กมล พรหมมาก บริหารจัดการ พัฒนาพื้นที่ ใช้ประโยชน์ ต่อจากนั้น พ่อครูเดินทางไป สีมาอโศก ถึงที่นั่นเวลา ๑๗.๐๐ น. จากนั้น ก็ได้พักผ่อน

วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๘ ณ ชุมชนบุญนิยม สีมาอโศก จ.นครราชสีมา

ช่วงเช้า ที่สีมาอโศก วันนี้ครึกครื้น เป็นพิเศษ เพราะมีการส่งข่าว ถึงพันธมิตร ญาติธรรม ที่อยู่ในเมือง และต่างอำเภอ ให้มาร่วมกัน ทำบุญ ตักบาตร โดยปกติ ในทุกวันเสาร์ ที่สีมาอโศก จะมีโครงการ เข้าวัด ฟังธรรม เป็นกิจกรรม ที่ผูกร้อย รวมญาติมิตร ญาติธรรม จากหลายอำเภอ มาเข้าวัดทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรม และรับประทาน อาหารมังสวิรัติ ร่วมกัน วันนี้ถือว่า เป็นวาระพิเศษ อีกวันหนึ่ง ที่พ่อครูสัญจรมา

พ่อครูนำสมณะ สิกขมาตุ ออกบิณฑบาต จากนั้น พ่อครูได้เมตตา แจก เข็มกลัด ๘๐ ปีไม่มีแก่ ซึ่งวันนี้ แถวยาวมากๆ เพราะมีญาติธรรม มาจากต่างอำเภอ หลายอำเภอ บางตำบล เหมารถบัส มาเป็นคัน กันเลยทีเดียว

ก่อนฉัน พ่อครูแสดงธรรม.... อาตมาก็สัญจรมาถึง สีมาอโศก ก็สัญจรมาที่ป่าติ้ว แล้วไปหินผาฯ แล้วไป วังน้ำเขียว แล้วค่อยมา สีมาอโศก แข่งกับหญิงลี เขายังสาวสด แต่อาตมาก็สดนะ อย่านึกว่าแห้ง อาตมาก็สดๆ ไม่ยอมแก่ วันนี้อายุ ๘๐ ปี ๗ เดือนกับ ๑ วัน ถ้านับวันที่ ๕ ก็ ๔ วัน ไปดูที่บ่อหิน เขาบอกว่า มีหินแกรนิต ที่เขาน่าจะเอาไปทำ พระพุทธรูป เราก็มีแบบ พระพุทธรูป ปางวิชิตอวิชชา ปางใหม่ อาตมาก็คิดเองว่า ยุคนี้ต้องใช้ปางนี้ ใครมองมา จากข้างล่าง จะเห็นหิน แกรนิตดำ มีแสงแวววาม ตอนแรก เราบอกว่า จะสร้างหินทราย เราเคยสร้าง พระพุทธาภิธรรมนิมิต มาแล้ว เป็นหินทราย ทำมือเป็นรูป ที่ทางโลก เขาหมายถึง I love you. ภาษาจีนว่า ขันจอหว่อ หรือภาษาไทยว่า ฉันรักเธอ ยกมือมี ๓ นิ้ว เรียกว่า ตรีลักษณ์ ลักษณะ ๓ คือโลกุตระ (เหนือโลก) โลกวิทู (รู้ทันโลก) โลกานุกัมปายะ (เกื้อกูลอนุเคราะห์โลก)

พระพุทธรูป สมเด็จปู่วิชิตอวิชชา เคยเอาไปออกงาน ในการชุมนุมมาแล้ว เป็นแบบจำลอง แล้วเราจะสร้าง องค์จริง ที่บ้านราชฯ แล้วคนเขาก็บอกว่า มีบ่อหิน แกรนิตดำ ที่จะใช้สร้างได้ สมเด็จปู่วิชิตอวิชชา จะสร้างโดย ชาวอโศก ที่เป็นคนจน แล้วจะสร้าง วัตถุที่ใหญ่ แต่ทำโดยคนจน ชาวอโศก เป็นคนจน ใช้เลือดปู ในการสร้าง แล้วเลือดปูนี่ มีน้อย เป็นเลือดพิเศษนะ อันนี้ก็จะสร้าง สมเด็จปู่ ราคาหลายพันล้านนะ เงินก้อน ขนาดร้อยล้าน อาตมาก็ไม่เคยจับ อย่างเก่ง ก็สิบล้าน แตะปั๊บหายปุ๊บ ไม่เคยอยู่กับอาตมา นานหรอก หมุนเวียนเลย ไม่เคยกัก สะพัดเร็ว เป็นนักเศรษฐศาสตร์ มือหนึ่ง แต่เราจะสร้างด้วย “พลังจน”

เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. พ่อครูออกเดินทาง จากสีมาอโศก ไปสวนโครงการ ๑ ไร่แก้จน ของ อ.กมล พรหมมาก ที่มีการบริหารจัดการ ทั้งเรื่องดิน น้ำ สิ่งมีชีวิต เล็กๆน้อยๆ เช่น จุลินทรีย์ เอ็นไซม์ต่างๆ การทำปุ๋ยชีวภาพ จากเศษอาหาร การทำกสิกรรม ที่ต้องรู้ดิน รู้ฟ้า กสิกรรมไร้สารพิษ แบบพอเพียง ปลูกพืช แบบธรรมชาติ ตามอายุของพืชผัก แต่ละชนิด มีกล้วยเป็นหลัก พืชผักอีกหลายชนิด ปลูกแซม และคลุมดิน จึงเป็น ๑ ไร่แก้จนได้

ก่อนกลับ พ่อครูยังเมตตา ตั้งชื่อซอย ที่อยู่ของศิษย์เก่า สัมมาสิกขา สีมาอโศกว่า ซอย “อย่าเซากิจ” แปลว่า อย่าหยุด ทำกิจการงานที่ดี .... จากนั้นพ่อครู จึงเดินทางกลับ ราชธานีอโศก โดยสวัสดิภาพ จบการสัญจร ถิ่นอีสาน ไทบ้านเฮา อย่างเรียบร้อย ท่านสมณะบางท่าน เรียกว่า “ทัวร์พญาแร้ง” ไปเสริมโลกุตรธรรม ให้ญาติธรรม ซึ่งต่างจาก ทัวร์นกขมิ้น ที่มุ่งส่งเสริม แต่โลกียธรรม

การเดินทางสัญจร ของพ่อครู เป็นความเมตตา กรุณา ของพระโพธิสัตว์ ผู้รื้อขนสัตว์ นำสัตว์ไปสู่ ความเจริญ พ่อครูบอกว่า ท่านมีความสุข สุขแบบพอใจ ภูมิใจ สบายใจ เย็นใจ ปรารถนาดีในใจ ไม่เคยปรารถนาร้ายเลย

พ่อครูเคยบอกว่า.... พอคนพบอาตมาแล้ว จะด้วยมารยาท หรือจริงใจ แล้วถามอาตมาว่า “เป็นอย่างไร สุขสบายดีหรือไม่?” อาตมาก็ตอบจริง แต่เหมือนเล่นว่า... “มีใครสุข มากกว่าอาตมา ช่วยบอกด้วย หามาให้ดูสิว่า ใครสุขที่สุด มากกว่าอาตมา อาตมาว่า อาตมาสุขมาก” ....สุขแบบโลกุตระ

ทีมงานข่าวอโศก

สารอโศก เล่ม ๓๓๗