560702_รายการสงครามสังคมธรรมะการเมือง โดยพ่อครู
เรื่อง นี้แลคือคนเห็นนามรูปแบบปาฏิหาริย์


                พ่อครูจัดรายการที่ห้องกันเกราสันติฯ...

ตอนนี้ได้รับsms ของคุณ 8705 เอาข้อความมาเรียงกัน ได้ถึงสามหน้า กระดาษเอสี่ จะได้นำมาสาธยาย เพราะความเห็นอย่างคุณ 8705 เป็นความรู้ศาสนาพุทธ ที่คนเข้าใจ กันทั่วไป และก็จะได้อธิบายความเห็น ของพ่อครูบ้าง ก็ใช้สิทธิ์ ในการแสดง ความเห็นกันได้ ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล

                ก่อนจะฟัง 8705 ก็มีความเห็นของคนอื่นมาบ้าง
                0894979xxx การกำหนดจิต (ระหว่างๆ) ที่จะเกิดจากความขาดสูญก็คือ ระหว่าง ที่กำลังจะตายเหมือนกับแสง ที่มันค่อยๆหรี่ลงๆๆ แล้วก็ดับวูบ แต่ก็ยังเป็น ผู้รักษาจิตนั้น (ด้วยสติต่อเนื่อง) ให้ทรงอยู่ตลอด โดยไม่เคลื่อนไปจากสติเลย เพราะไม่เอาสติ ไปรับรู้อาการมัน (คือเหตุ) มันจะเป็นไปได้หรือไม่ คิดแบบนี้ เป็นมิจฉาทิฎฐิ ไหมครับ เพราะทุกคนยังไม่เคยตาย.. ตอบยาก (แต่ผมเคยมี ประสบการณ์อยู่บ้าง (เป็นแค่อาการที่เคยเกิดขึ้นนะ ยังไม่ได้ตายดอก) กลัวความคิดตน จะเป็นมิจฉาฯ) ช่วยอธิบาย ขอกราบนมัสการอย่างสูงครับ

                พ่อครูว่า เราก็วางใจปลงใจ เมื่อต้องถึงวาระสิ้นชีวิต ดับขันธ์ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเรายิ่งวางใจ โดยเราให้มีสติ อยู่ตลอดเลย ซึ่งก็พยายาม เก็งความคิด มาถามพ่อครู ก็ตอบตามภูมิ ว่า...ไม่รู้ ซึ่งเคยตาย มาหลายชาติแล้ว แต่ตอนก่อนตาย เป็นอย่างไร เราระลึกไม่ได้ รู้ไม่ได้ ใครจำได้ ก็เอามาเล่าให้ฟังหน่อย  จะให้ตอบว่า เป็นอย่างไร ตอบไม่ได้ แต่ให้ตอบตามความเข้าใจ เชื่อว่า เราจะเป็นก็ได้
                คือตอนเราจะขาดชีวิต คือการเปลี่ยนภพ อย่างเรานั่งหลับตาเฉยๆ ยังไม่ตัดสู่ ภพข้างใน แต่ต่อมา เราจะตัดสู่ภพข้างใน ซึ่งตอนที่จะตัดเข้าภพใน พ่อครูสามารถทำได้ อย่างรวดเร็ว ใน ๑-๒ วินาที ซึ่งในระยะที่ใกล้ก็พอรู้ แต่ไม่มีอะไรต่อเนื่องสนิท มันจะขาด ไปสู่อีกภพหนึ่ง เมื่อมาอยู่ข้างในแล้ว ก็ตัดกามภพ สู่รูปภพ อรูปภพ
                ตอนแรกๆ แม้เราเข้าอยู่ในภพ ก็ยังรับรู้ข้างนอกได้บ้าง อย่างคนนั่งสมาธิ เขาก็ใช้เวลา พอสมควร แต่ว่าพ่อครูทำได้เร็ว ถ้าจิตผู้มีนิวรณ์อยู่ เข้าไปในภพ ก็มีนิวรณ์ แต่พ่อครูเมื่อเข้าในภพ ก็ไม่มีอะไร ก็ว่าง ไม่มีนิวรณ์ เมื่อเราไม่รับรู้ข้างนอก แม้แต่ลมหายใจ ก็ไม่รับรู้เลย เสียงไม่ได้ยิน รสก็ไม่ได้รับ กายสัมผัสเย็นร้อน อ่อนแข็ง ไม่รับรู้ ซึ่งมันรู้เฉพาะ ตอนที่ตัดเข้ามา แต่ตรงรอยต่อไม่รู้หรอก เรานับวินาทีนั้นไม่ได้ แต่เราพอรู้ว่า ช่วงนี้ๆ
                เมื่ออยู่ในภวังค์แล้ว คนที่เป็นฌานก็จะรู้ตัว อยู่ในรูปฌาน ในภวภพ เราจะอ่าน จิตของเรา พ่อครูก็สามารถรู้ได้ ว่ามีนิวรณ์ไหม ถ้าเราว่างก็เป็นฌาน เรากำหนดหมาย ด้วยเงื่อนไขว่า ไม่มีนิวรณ์ ๕ ไม่ใช่แค่ตัดเข้าภวังค์เท่านั้น คนนอนหลับ ก็เข้าภวังค์ แต่ไม่ใช่ฌาน
                เราต้องมีสติ จึงจะรู้ว่า เรามีนิวรณ์หรือไม่  ดีไม่ดี ตกถีนมิทธะเลย ไม่มีสติตื่นเต็ม ถ้าเรามีสติ เราก็ตรวจสอบได้ ว่านิวรณ์มีหรือไม่ อย่างไม่สงสัยลังเล เราก็จะอ่านออกได้ ว่าเรามีฌานหรือไม่
                เมื่อจะเปลี่ยนจากรูปฌาน เป็นอรูปฌาน ก็คือการเปลี่ยนภพ จากรูปภพ เป็นอรูปภพ ก็เหมือนเราออกจากภพ บรรยากาศมันจะต่างกัน มันจะมีความแน่น ความทึบ ต่างกันไป ในอรูปภพ จะเบาว่างกว่ากัน เยอะเลย และ ช่วงที่จะเปลี่ยนผ่าน จะพอรู้ว่า หลุดปึ๊งออกไป
                แล้วตอนตายล่ะ จะเป็นอย่างนั้นไหม พ่อครูก็ตอบไม่ได้ แต่อธิบายได้อย่างนี้

                0894979xxx จิตว่างจาก(เหตุ)คือ ว่างจากความนึกคิด ว่างจากความปรุงแต่ง ว่างจากสิ่งที่มีอยู่(สมมุติบัญญัติ) นี้คือ(นิโรธ) อริยสัจทั้งสิ้น

                พ่อครูว่า ความปรุงแต่งคือสังขาร จะมีกิเลสหรือไม่มีกิเลส ก็ปรุงแต่งได้ ถ้าของพระพุทธเจ้า จิตปรุงแต่งอยู่ แต่ไม่มีกิเลส นี่เรียกว่านิโรธ เราตรวจจิตได้ว่า ไม่มีกิเลส ผสมปรุงร่วม เรียกว่าอภิสังขาร คือสังขารที่มีนิโรธ
                ส่วนนิโรธ ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ คือดับนิ่งเฉย ไม่รับรู้อะไรเลย อย่างที่คุณว่ามา คือว่างจาก ทุกอย่างเลย นี่คือนิโรธส่วนใหญ่ ที่เข้าใจกัน คือจิตที่ไม่มีความรับรู้ อะไรเลย พ่อครูว่า นี่ไม่ใช่ นิโรธของพระพุทธเจ้า
                พ่อครูเข้าใจว่า นิโรธของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ดับสังขาร แต่ดับกิเลส ที่จะไป ปรุงแต่งร่วม อย่างไม่จำเป็นต้อง อยู่ในภพภายใน อย่างเดียว หรือจะอยู่ก็ได้
                เช่น นิโรธในโลกอบาย เมื่อสัมผัสกับอบาย ก็ไม่มีกิเลสอบายขึ้น หรือนิโรธ จากกามคุณ ๕ ก็ไม่มีกิเลส เมื่อกระทบสัมผัส อยู่ในกามาวจร
                พ่อครูแสดงธรรม อย่างมั่นใจว่า เป็นคนจริง ไม่ได้อำพรางเสแสร้ง หลอกลวง มั่นใจว่าแสดงความกล้า ตามประสา มั่นใจว่าเป็นคนตรงตามภาษา

                ตั้งแต่เขียนหนังสือ "คนคืออะไร? ทำไมสำคัญนักว่า  
"ผู้รู้จริง จะเห็นความผิดของคนผิด นั้นว่าถูกแล้ว
ส่วนผู้ไม่รู้จริง จะเห็นความถูกของคนถูก เป็นความผิดอยู่"

                0824039xxx ตอนฟังพ่อครูเทศน์ รู้สึกเหมือนฟังดร. กำลังสอน เคมีฟิสิกข์! พอฟัง อ.กฤษฏา อธิบายเพิ่มเติม รู้สึกเหมือนฟังครูสอน 2+2=4 เข้าใจชัด โป๊ะเช๊ะ!

        พ่อครูว่า เหมือนพ่อครูเรียนเคมี ก็ตก ไม่มีวันสอบได้เลย ก็ดีมีคนรู้สึกอย่างนั้นนะ น่าจะให้ อ.กฤษฎา มาร่วมรายการกับพ่อครู

                0824039xxx กราบขออภัยพ่อครู ตนมิบังอาจว่าท่านสอนบ่ดี! ท่านสอนดี แต่ตนหัวทื่อ อดีตนักศึกษา เคยสอบวิทย์ชีวเคมี ตก 3-4 ครั้ง กว่าจะสอบซ่อมผ่าน จึงเข้าใจ ยากกว่าคนอื่น

            0824039xxx น่าจะให้อ.กฤษฏาเป็นวิทยากร บรรยายธรรม คู่กับพ่อครูทุกครั้ง ที่ท่านเทศน์ออกรายการ! คงบ่หลงไปบางพลัดอีก แต่บรรลุถึงบางอ้อ เข้าใจแบบ อิ๊กคิวซัง..ปิ๊ง! คร๊าบพ๊ม ^<>^
        อ.กฤษฎาคงเอาไปพิจารณา ความเป็นไปได้นะ

                0888705 ครั้งหนึ่ง พระอานน ท์เดินตามเสด็จพุทธเจ้า ขณะที่เสด็จ ผ่านตลาด พระอานนท์ได้เกิดความสงสัยขึ้นในใจ จนเมื่อตามเสด็จ กลับถึงวัดแล้ว จึงได้เริ่มทูลว่า ช่างน่าอัศจรรย์จริงหนอ! ที่ตะกี้ พระองค์สามารถเ สด็จผ่านตลาด อันเป็นที่อันคับแคบ เพราะด้วยฝูงชนได้ พุทธเจ้าจึงตรัส แก่อานนท์ว่า เพราะกามชื่อว่า เป็นที่อันคับแคบ ตถาคตละกามได้แล้ว จึงชื่อว่า..ผ่านที่อันคับแคบได้! ซึ่งจากเรื่องใน พตปฎ.นี้ คนฟังอาจไม่ค่อย จะเข้าใจนักว่า
0888705xxx ที่พุทธเจ้ากับพระอานนท์ สนทนากันนั้น หมายถึงอะไรกันแน่! ฉะนั้น เพื่อช่วยไข ให้กระจ่างในเรื่องนี้ จึงอยากจะขอเล่า ประสบการของเราให้ฟัง คือเมื่อ พ.ศ.2526 สมัยที่เรายังเป็นปุถุชนอยู่ และกำลังเดินอยู่ที่พระขโนง.. พร้อมด้วยกับเพื่อน คนหนึ่ง โดยเพื่อนเดินนำหน้า และเราเดินตามติดๆ มีจุดหมาย ที่จะขึ้นสะพานลอย เพื่อข้ามถนน แต่ก่อนที่เราทั้ง 2 จะเดินไปถึงสะพานลอยนั้น จู่ๆเพื่อนก็เอียงหน้า มาถามว่า ตอนนี้ท่านเข้าใจคำว่าแยกน้ำ
0888705xxx แยกแผ่นดินหรือยัง? ซึ่งเราเองขณะนั้นก็คิดว่า คำถามนี้ น่าจะต้องมี คำตอบได้แน่.. แต่ต้องทำจิต ให้นิ่งเสียก่อน! และฉับพลันนั้นเอง เราก็รู้คำตอบ! จึงได้ตอบเพื่อนไปว่า อ๋อ เข้าใจแล้ว! จากนั้นเราทั้ง 2 ก็เดินกันต่อไป และยังไม่ทันจะถึง บันไดสะพานลอย เพื่อนก็หันมาถาม (เพื่อให้หายสงสัย) อีกครั้งหนึ่งว่า ที่ว่าเข้าใจนั้น เข้าใจอย่างไร? เราก็ตอบไปทันที (โดยไม่ต้องคิด)เลยว่า ก็มองน้ำทะลุน้ำ มองดินทะลุดิน มองฅนทะลุฅน ก็เพราะ
0888705xxx น้ำก็มิใช่น้ำ ดินก็มิใช่ดิน ฅนก็มิใช่ฅน..ไงล่ะ! ซึ่งเมื่อตอบไป เช่นนี้แล้ว เพื่อนก็ไม่หันมาถามอีกเลย และเราทั้ง 2 ก็เดินขึ้นบันไดสะพานลอย ไปด้วยอาการ อันสงบ พร้อมกับจิตใจ ที่เบิกบานเต็มที่ ถึงสันติสุข อย่างแท้จริง! และถึงกับอุทาน ขึ้นในใจว่าอ๋อ อย่างนี้เองซินะ ที่เรียกว่าสันติสุข! โดยที่โลกก็ยังคงเป็น โลกใบเดิม.. ที่เคยดูเหมือน จะวุ่นวายนัก แต่บัดนี้ได้กลับกลายมาเป็น.. โลกที่แสนจะสงบ นิ่งยิ่งนัก! รถยนตร์ที่เคยเห็น
0888705xxx วิ่งกันไปมา ก็ดูเหมือนว่า วิ่งแบบไม่ได้วิ่ง คล้ายกับหยุดนิ่ง ยังไงยังงั้น! เสียงรถ เสียงแตร เสียงฅน ก็ไม่รู้หายไปไหนหมด! พร้อมกันนั้น, แสงแดด ที่เคยแผดเปรี้ยง ตอนเที่ยงวัน ก็กลับกลายมาเป็น บรรยากาศ ที่แสนจะสบาย ด้วยความร่มรื่นยิ่งนัก! และขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น สายตาทั้งคู่ของเรา ก็ห้อยต่ำเหมือน สายตาของพุทธรูป พร้อมกับแปลกใจนัก ที่รู้สึกไม่ได้ว่า เท้าของเรา ยังสัมผัสกับพื้น อยู่รึเปล่า? จนเมื่อเดินขึ้นบันไดมา ถึงคอ
0888705xxx สะพานด้านบนแล้ว เราถึงได้เกิดความสงสัย ขึ้นมาในใจว่า ที่ตะกี้เราไปเห็นว่า ฅนมิใช่ฅนนั้น ก็แล้วมันเป็นอะไรล่ะ? เราจึงได้เริ่มเผยอ เปลือกตาขึ้น เพื่อจะมองดูว่า แล้วมันเป็นอะไรกันแน่! พอเห็นเข้ากับที่กำลังเดิน สวนมานั้น ก็รู้ได้ ทันทีเลยว่า อ๋อ มันเป็นทุกข์! และเมื่อรู้แล้ว ก็ปล่อยเปลือกตาลงทันที ซึ่งการที่สติ สามารถรู้ได้ทัน ถึงเปลือกตา ที่ค่อยๆเผยอขึ้น ทีละน้อย และรู้ได้ทันถึงเปลือกตา ที่ค่อยๆ ปิดลงทีละน้อยนี้ จึง
0888705xxx เสมือนหนึ่งว่า ในขณะนั้น เป็นหนังที่สโลโมชั่นมากๆ (ล้านเฟรม/วินาที) ทั้งๆที่อาการ เผยอเปลือกตาขึ้น และปิดเปลือกตาลง ใช้เวลารวมกัน =ที่กระพริบตา 1 ครั้งนั้น ก็รวดเร็วเป็นปกติอยู่! หากแต่เป็นเพราะว่า ในขณะที่ จิตเบิกบาน ถึงสันติสุขนั้น.. มิได้มีการสังขารปรุงแต่ง เป็นอุปาทาน หรือเป็นเรื่องราว ของบุคคล ตัวตนใดๆเลย! จึงส่งผลให้สติ ทำหน้าที่ได้เต็มศักยภาพ 100%..สามารถที่จะ กำหนดรู้ ได้ทันกับอารมณ์ คือความเกิดขึ้น และดับไปของ
0888705xxx นาม-รูปได้ หรือจึงสามารถรู้ได้ทัน กับเปลือกตา ที่กระพริบนั้น นั่นเอง! ทีนี้ขอย้อนกลับไปพูดถึงตะกี้ ที่สงสัยว่า เมื่อฅนไม่ใช่ฅน แล้วเป็นอะไรล่ะ! จึงได้เผยอเปลือกตา ขึ้นมองอีกครั้ง จึงรู้ได้ทันทีว่าอ๋อ มันเป็นทุกข์! พอรู้ดังนี้แล้ว ก็ปล่อยเปลือกตาลง แต่กลับได้เกิดความสงสัย ขึ้นมาใหม่อีกว่า ก็แล้วทำไม ถึงเป็นทุกข์เล่า? จึงได้เผยอเปลือกตา ขึ้นมองใหม่อีกครั้ง พอเห็นนาม-รูป ที่กำลังเดินสวนมาปุ๊บ.. ก็รู้คำตอบได้ทันที
0888705xxx เลยปั๊บ!ว่า สิ่งที่มิใช่ตัวตน กำลังดิ้นรน เพื่อสร้างความเป็นตัวตน ให้เกิดขึ้น กับตัวเอง ซึ่งอาการที่ดิ้นรนนี่แหละ คือทุกข์! (ถึงตอนนี้ ต้องบอกพธร. เสียก่อนว่า ขณะนั้น พ.ศ.2526 เรายังมิเคยได้เรียน หรือได้ฟัง ธรรมะใดๆเลย จึงย่อมมิเคย ได้ยินคำว่า อนัตตา มาก่อนด้วย!) ซึ่งในระหว่างที่เรา กำลังเดินอยู่บนสะพานลอย และเผยอเปลือกตา เพียงแว๊ปเดียว เพื่อมองดูนาม-รูป ที่สวนมาอยู่นั้น.. ก็ยังอดแปลกใจไม่ได้เลยว่า ทำไม? นาม-รูปทั้งหลาย
0888705xxx ถึงได้เดิน-ออกัน..แน่น ทั้งทางด้านซ๊ายและด้านขวา ของสะพานลอย เท่านั้น! โดยคล้ายกับว่า นาม-รูปทั้งหลายนั้น ต่างมีเจตนาร่วมกัน ที่จะเปิดช่อง ตรงกลาง ตลอดแนวยาว ของสะพานลอย ไว้จำเพาะให้แก่เรา เพื่อที่เรา2คน จะได้เดินได้โดยสะดวก ยังไงยังงั้น! ซึ่งเป็นเรื่องที่ ไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่แล้ว! เพราะปกติคนเมืองหลวง หรือแม้จะเป็น คนบ้านนอกก็ตาม ก็ไม่น่าที่จะใจดี ถึงขนาดเปิดทางให้ เช่นนี้ได้! อีกทั้งเราก็มิใช่ บุคคลสำคัญหรือเป็น
0888705xxx พระเจ้าอยู่หัว! ที่พสกนิกร ย่อมรู้สึกเคารพเทิดทูน พระองค์ พร้อมที่จะเปิดทาง ให้เสด็จอยู่แล้ว! แต่สำหรับเรา เมื่อหาเหตุผลยังไม่พบ แล้วขืนรีบไป สรุปว่า บนสะพานลอย ที่ดูเหมือนจะเปิดเป็นช่องกว้าง ตรงกลางไว้ จำเพาะให้แก่เรา เดินนั้น จึงน่าจะเป็นปาฏิหารย์ ซะมากกว่า! ซึ่งถ้ามิใช่ปาฏิหารย์แห่งธรรมแล้ว สะพานลอยจะสามารถ ยืดออกได้เองเช่นนี้ อย่างไรเล่า! ซึ่งพวกหัววิทยาศาสตร์จ๋า อย่างเหมาเจ๋อตุงพธร.แต่โง่!. ย่อมที่จะไม่เชื่อ
0888705xxx อยู่แล้ว! แต่เมื่อดูจากพตปฎ. ที่อานนท์เดินตามเสด็จพุทธเจ้า พระอานนท์ก็ยัง อดสงสัยไม่ได้เลยว่า ทำไมหนอ? พุทธองค์ถึงสามารถ เดินผ่านตลาด อันเป็นที่อันคับแคบได้! ซึ่งก็คงด้วยเหตุ ปาฏิหาริย์แห่งวิมุต เช่นเดียวกัน! เพียงแต่ทรงเลี่ยง ที่จะไม่ตอบ เป็นเรื่องของปาฏิหาริย์ เท่านั้นเอง! ซึ่งก็เช่นเดียวกับที่ องคุลีมาล วิ่งเร็วสักเท่าไร ก็ไม่อาจตามทัน พุทธเจ้าได้เลย! และหลังจากที่อ่าน พตปฎ. แล้ว เราถึงได้รู้ว่า สภาวะที่เบิกบานถึง
0888705xxx สันติสุขนั้น.. ภาษาธรรมะ จะเรียกว่าวิมุต! อันเป็นนิรามิสสุข ที่ไม่ต้องอาศัย สุขจากอามิส คือกามคุณ 5 เลย! และยังรู้ด้วยว่า ในวิมุตนั้น.. สติย่อมจะแก่กล้า เต็มพิกัด! ก็เพราะเหตุที่ไม่มีสังขาร การปรุงแต่ง.. มาเป็นอุปสรรค บั่นทอนศักยภาพ ของสติได้นั่นเอง! จึงส่งผลให้สติ ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่.. สามารถที่จะ กำหนดรู้ ได้ทันกับอารมณ์ ณ.ปัจจุบันนั่นเทียว! หรือกล่าวคือ สามารถเห็นรูป ก็เป็นรูป! เห็นนามก็เป็นนาม! ซึ่งการที่เห็น
0888705xxx เป็นแต่นาม-รูป ที่กำลังเกิดขึ้น-ดับไปนี่แหละ.. ย่อมชื่อว่า ข้ามพ้นมิจฉาทิฐิ ที่ก่อนเคยเห็น ด้วยอุปาทาน (ฝังหัว) ว่าเป็นบุคคลตัวตนได้แล้ว! ซึ่งถึงแม้จะละมิจฉาทิฐิ ตรงนี้ได้.. ก็ยังเป็นแค่จูฬโสดาฯเท่านั้น! ยังหาได้เป็นอริยะโสดาฯ จริงๆเลยไม่! แต่ถึงอย่างนั้น.. ก็ยังการันตีได้ว่า ชาติหน้าถัดไป 1 ชาติ ของจูฬโสดาฯนี้ ไม่ต้องไปเกิด ในภพอบาย อย่างแน่นอน! พอถึงตอนนี้. .พธร.คงจะสงสัยเป็นยิ่งนักว่า ก็ในเมื่อเราบอกว่า ไม่ใช่อัตตา
0888705xxx แล้ว. .แต่ทำไม? เราจึงดันไปกล่าวถึง การเกิดสืบต่อ ในภพหน้า ได้อีกเล่า! เช่นที่เราพูดว่า มิจฉาทิฐิบุคคล พธร.เมื่อตายแล้ว ต้องไปเกิดในภพนรก เป็นต้น! ซึ่งเราย่อมกล่าวเช่นนั้น ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นไปตามสมมุต.. โดยที่มิได้หมายความว่า มิจฉาทิฐิบุคคลนั้น จะเอาอัตตา อันใดๆของตน ไปเกิดสืบต่อ ในภพนรก เสียเมื่อไร! เพียงแต่หมายถึงว่า เป็นการเกิดสืบต่อ ของนาม-รูป ที่สามารถเกิดขึ้น โดยข้ามภพได้ ก็เท่านั้นเอง! พอจะOKไม๊? เช่นอย่าง
0888705xxx จูฬโสดาฯ ที่ละมิจฉาทิฐิ ว่าเป็นอัตตาตัวตนได้.. ก็เพราะว่า เคยได้เห็น ปรมัตถ์ คืออนัตตาในวิมุต มาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งถึงแม้ในภายหลัง จิตจะไม่วิมุตอีกก็ตาม แต่ก็เคยได้มีสัญญา (=ข้อมูล, ความรู้) ในขณะที่วิมุต ในครั้งนั้น มาแล้วว่า มนุษย์ก็ดี เทวดาก็ดี สัตว์อบาย4ก็ดี ล้วนเป็นแต่เพียง นาม-รูป เท่านั้นเอง! โดยหาได้เป็นมนุษย์จริงๆ เทวดาจริงๆ สัตว์อบาย 4 จริงๆ หรือคือเป็นอัตตาจริงๆเลยไม่! จึงมีแต่ผู้ไม่รู้ เช่นพธร. เป็นต้น ที่
0888705xxx ยังคงมิจฉาทิฐิ คงเส้นคงวา โดยยังคงดึงดันว่า มนุษย์เท่านั้น..จริง! แต่เทวดา และสัตว์นรก..ไม่จริง! เพราะเกิดจากจิตปั้น ขึ้นมาเองเท่านั้น! แต่สำหรับ ผู้ที่เคยผ่าน วิมุตมาแล้ว เช่น จูฬโสดาฯ เป็นต้น ย่อมจะไม่ซี๊ซั๊วพูด เหมือนอย่างพธร.! เพราะรู้ดีวว่า ถ้าพูดโดยสมมุตแล้ว.. ทั้งมนุษย์ เทวดา สัตว์นรก ล้วนจริง (โดยสมมุต) ทั้งหมด! แต่ถ้าพูดโดยปรมัตถ์แล้ว.. ทั้งมนุษย์ เทวดา สัตว์นรก ทั้งหมด ล้วนไม่จริงเลย! เพราะต่างล้วนเป็น
0888705xxx แค่นาม-รูป เท่านั้นจริงๆ! ทีนี้ต้องขอย้อนกลับไป พูดถึงเรื่องที่ ยังค้างอยู่.. คือเมื่อเราได้เดินลง จากสะพานลอย ข้ามถนนแล้ว ก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ บนฟุตบาท ด้วยอาการสำรวม อันเป็นอัตโนมัต โดยที่สายตา ก็ยังคงห้อยต่ำ เหมือนตาพุทธรูป และเมื่อรู้ได้เองว่า กำลังจะถึงสี่แยก ที่จะต้องเดินข้ามแล้ว.. จึงได้เริ่มเผยอเปลือกตา ขึ้นมองอีกครั้ง.. เพื่อจะดูให้แน่ใจว่า จะข้ามถนนได้ทันทีหรือไม่? ฉับพลันนั้นเอง.. นาม-รูปหนึ่งที่กำลัง
0888705xxx ซ้อนมอไซอยู่ ได้หันหน้ามาทางเราพอดี พร้อมกับกำลังคิดว่า ชั้นนี่สวยไหม? จะมีใคร มองชั้นบ้างหรือเปล่าเนี่ย! ซึ่งการที่เราเห็นนาม คือความคิดนั้น.. ก็เห็นได้พร้อมๆกัน กับที่เราเห็นรูป นั่นแหละ! โดยที่รูป ย่อมประจักษ์ชัด อยู่ตรงหน้าเช่นใด.. นามคือความคิดนั้น ก็ให้ประจักษ์ชัด ได้อยู่ตรงหน้าเช่นนั้นเช่นกัน ไม่แตกต่างกันเลย! แถมยังรับรู้ ไปพร้อมกันได้อีกด้วย! แต่เมื่อรู้แล้ว ก็ผ่านเลยไป โดยมิได้ใส่ใจ! เพราะสติทำหน้าที่
0888705xxx แค่กำหนดรู้ คือรับรู้ ณ.ปัจจุบันขณะ อย่างเดียวเท่านั้น! จึงมิได้มีเรื่องราว ของอัตตาตัวตนใดๆ อันเป็นสังขารปรุงแต่ง ที่เกิดขึ้น เพราะด้วยความคิดนึก.. มาเจือปน อยู่ด้วยเลย.. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเขา หรือของเรา จิตเองก็ไม่คิดนึกปรุง ไปทางใดทั้งสิ้น! เพราะโดยลำพังที่อยู่ ในความสงบสันติสุขนั้น.. ก็ย่อมสุข บริบูรณ์แล้ว! เหนือกว่าสุขใดๆ ในโลกทั้งหมด จึงย่อมไม่มีความคิดนึก ถึงเรื่องราวอันใดอีก! แต่เมื่อเวลาผ่านไป สักพักใหญ่
0888705xxx -จิตของเรา ก็ได้เกิดความยินดีพอใจ ในสุขนี้ขึ้นมา.. จึงทำให้กำลังของสติ ที่จะระลึกรู้ อ่อนลง! เพราะเผลอไปนั่นเอง.. จึงย่อมรู้ไม่ทันต่ออารมณ์ ณ.ปัจจุบัน! และซ้ำยังจะให้เกิด จิตสังขาร คือความคิดปรุงแต่ง แทรกขึ้นมาอีกว่า ที่ตะกี้ เราสามารถ ไปรู้ได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นคิดอะไร..นี่ก็=ว่า เราเป็นผู้วิเศษแล้วซินะ! และทันทีที่เกิด ความคิดนึก ว่าเป็นเรา หรือเป็นตัวตนของเรา ขึ้นมานี้.. ความสงบสันติสุข ก็ได้หายไป ทันใดเหมือนกัน! และ
0888705xxx จึงต้องกลับม าเป็นเหมือนคนทั่วไปอีกครั้ง! ซึ่งจากเรื่องจริงของเรา ที่ได้บรรจงเล่ามานี้ คิดว่าน่าจะเปิดหูเปิดตา เปิดปัญญาให้กับพธร.บ้าง ดีกว่าไปซ้ำเติมกัน ใช่ไม๊! และอย่าลืมว่า นี่เป็นเรื่องปี 2526 ที่เรายังเป็นปุถุชนอยู่! แต่ถ้าจะเอาเรื่อง ที่เป็นอริยะ ตั้งแต่ปี2535 มาเล่าละก็.. เนื้อธรรมะที่เป็นโลกุตระแท้ๆนั้น ถ้าพูดกับอริยะ ด้วยกันแล้ว.. ง่ายมาก! แต่ถ้าขืนไปอธิบาย ให้ปุถุชนฟัง.. คงต้องกดSMS กันจนนิ้วล๊อค! Bye-Bye
0888705xxx พธร เอาลัทธิเหมาเจ๋อตุง มาดัดแปลงนิดหน่อย ก็กลายเป็นพุทธ ลัทธิ วิภาวตัณหา!

                พ่อครูว่า... นี่เป็นเรื่องของคุณ 8705 ยาวจนอ่านให้หมดเวลาเลย ที่เจตนา อ่านให้ฟังว่า ความคิดหรือความเข้าใจ ในศาสนาพุทธ ในนัยอย่างนี้ แล้วคิดว่า ได้มรรคผล มีเยอะ เขาก็เลยเชื่อมั่นว่า ตนเองถูก เป็นปชต. ก็เอาไว้ว่ากัน ในพฤหัสบดีหน้า


                ต่อไปเป็นการตอบประเด็น

  • 0803473xxx เทศน์ท่านพ่อชัดเจน เกิดปัญญาเพิ่ม ทำให้จิตรู้แจ้งขึ้น ขอบพระคุณ
  • 0869052xxx ผมคิดว่า มีผมไหว้ทีวีฅนเดียว 55 ขอบคุณพ่อครูครับ
  • 0846661xxx คุณ9052ไม่ได้ไหว้ทีวีคนเดียวหรอกค่ะ ดิฉันก็ทำ เปล่งคำสาธุด้วย
  • 0857308xxx เราก็ไหว้พ่อครู ท่านสมณะ สิกขมาตุ ถึงแม้ผ่านทีวี ก็ทำให้จิตวิญญาณผ่องใส เป็นสิ่งดี
  • 0824039xxx สกก. ก็กราบขอบคุณจอ FMTV หลังพ่อครู สณ. สม. เทศน์จบทุกรายการทุกวันสาธุ๊
  • 0846093xxx ดอกบัวบาน ทีละดอกสองดอก สาธุ
  • 0849974xxx นั่งหลับตา สร้างมโนภาพในภพสว่าง เป็นการเตรึยมตัวก่อนตาย เพี่อสร้างภพสว่าง ให้ดวงวิญญาณ จริงไหมครับ พ่อครู

           แสดงให้เห็นว่า มีสิ่งที่สะท้อนตอบมา ให้เรารู้ได้ ว่าไม่ได้สูญเปล่า ที่พยายามทำ

  • 0849974xxx นั่งหลับตาสร้างมโนภาพในภพสว่าง เป็นการเตรึยมตัวก่อนตาย เพี่อสร้างภพสว่าง ให้ดวงวิญญาณ จริงไหมครับพ่อครู เพราะคนธรรมดา ปฎิบัติไต้แค่นึ้ครับ กรรมชั่วไม่มี กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ทาน ศึล สมาธิ อยู่ในขั้นปานกลาง พ่อครูว่าวิญญาณไปอยู่ในภพ มืดหรีอสว่างครับ (ส่งมาเวลา 21.02 น.)

           พ่อครูว่า คุณจะตายลง แน่นอนต้องมีสิ่งหนึ่ง ที่เป็นภาวะที่ตายแล้ว ยังไม่ปรินิพพาน คือยังไม่แตกสุด ในพรหมชาลสูตร ว่าคนจะเห็นรูป และนาม ของตถาคตได้ ในชาตินี้ เป็นชาติสุดท้าย เหมือนพวงมะม่วงที่ตกมา แตกกระจาย ไม่กลับคืน แต่ถ้ายังไม่ปรินิพพาน ก็ยังต้องมีการสืบต่อ และที่ถามมาว่า จะมีการสร้าง แสงสว่าง ซึ่งแสงสว่าง เป็นรูปชนิดหนึ่ง เป็นภพเป็นแดน ชนิดหนึ่ง

        คือเมื่อคุณปั้นไป ตอนคุณตายไป หรือแม้คุณเป็นๆ คุณหลับตา ก็ไม่มีแสงสว่าง แต่คุณเห็นแสงสว่าง ก็คือมโนมยอัตตา (ปั้นสร้างเนรมิต ด้วยจิตได้สำเร็จ) เพราะเวลาปิดตา ก็รับแสงไม่ได้ แต่เพราะเราชิน ในการสร้างแสง ปั้นแสงอยู่ในภพใน เป็นวาสนา ติดตัวมา นานนับชาติ แม้เป็นอาริยะอรหันต์ ก็เห็นนิมิตมากมาย เช่น พระโมคคัลลานะ แต่ท่านไม่ติดยึด ท่านก็เอามาใช้ได้ สรุปคือ ปั้นแสงสว่าง ไม่เกี่ยวกับวิบาก หรือคุณจะปั้นแสง ติดตัวไป มันก็เป็นรูปธรรมเล็กน้อย ไม่เกี่ยวกับ นามธรรมที่มีวิบาก จะมีแสงหรือไม่ ก็นิดหน่อย ผ่านไปก็ไปตามวิบาก สุขและทุกข์ ดังนั้น ทุกข์และสุขเท่านั้น ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป อรหันต์ไม่มีสุขทุกข์แล้ว ไม่วนเวียนไปๆมาๆแล้ว

  • คบเพื่อนคนหนึ่งมานาน เป็นคนซื่อไม่จุกจิก ทำดีกับทุกคน ที่เข้ามาในชีวิตเขา เขาจะโดนโกงก็รู้ แต่ไม่สอน พอคนที่โกงรู้ว่าเขารู้ เขาก็จะออกไปจากชีวิตเขาเอง ดิฉันมีภูมิคุ้มกัน รู้ว่าเขาจะไม่ทำให้ดิฉันเสียนิสัย พอดิฉันไว้ใจเพื่อน หลายครั้ง เขาเปิดโอกาส ให้เราทำชั่วได้ เราก็ไม่ทำ แล้วเราก็ตอบแทน ความดีของเพื่อน ดิฉันงงว่า บางคนได้มีมิตรดี สหายดีเช่นนี้ เสียสละชีวิต สอนสั่งให้เราทำดี ทำให้เราทำดี และให้เกียรติ เชื่อมั่น ไม่เคยดุด่า ให้เราเจ็บช้ำ ระกำทรวง ทำไมยังมี คนทำร้ายเพื่อนคนนี้ มีคนสร้างประชานิยม ให้ร้ายเพื่อนคนนี้ได้ ทำไมประชานิยม จึงได้ผลสูง  ในหมู่ที่ได้ชื่อว่า ผู้มีภูมิธรรม

ตอบ.. แทนที่จะอ่านใจตนเอง ก็ไปอ่านใจคนอื่น ตอบ คือเขาทำของเขาเอง ของใคร เขาก็ทำของเขาเอง เหตุปัจจัยเราไม่เหมือนเขา เราก็แก้ที่เรา ทำเหตุปัจจัยของเรา ดีกว่าจะไปรู้ของคนอื่น ถ้าจะรู้เรื่องกรรมวิบาก เรื่องนิสัยนั้น มันมีปัจจัยมาก พ่อครูไม่บังอาจ ตอบได้หมด ในเรื่องกรรมวิบาก ไม่เก่งตอบยาก แต่ให้ตรวจใจตนเอง อันนี้เป็นอกุศล ก็อย่าทำ ล้างเหตุ อันไหนเป็นกุศลก็ทำ

  • ถ้าเราเป็นเจ้าสำนักการแพทย์เจ้าหนึ่ง และก็ใช้ธรรมะมาใช้ด้วย จึงได้รับ ความนิยมมาก คนใกล้ชิดจึงรู้สึกว่า เราเป็นเทพแล้ว บรรลุแล้ว กราบเรียนถามว่า เราควรอยู่เฉยๆ หรือปรามคนใกล้ชิด เราควรเชื่อหรือตรวจตนอย่างไร เราจึงไม่ไหลตาม ลาภยศสรรเสริญ อันแสบเผ็ด ควรตรวจตนอย่างไร?

ตอบ.. เรากำลังเรียนความรู้ แล้วไปทำให้เกิดความจริง พ่อครูว่า จริงๆเราก็ควรปรามไว้ ถ้ารู้จักกันสนิทกันดี อย่าไปคุยโม้โอ่อวด คนเรานี่ ให้เขามาคบให้สัมผัส แล้วให้เขา ตัดสินเอง ว่าดีหรือสูงหรือต่ำ เราไม่จำเป็นต้องหาเสียง ถ้าอย่างดีก็ว่า แค่อยากได้ ก็มาลองสัมผัสสิ ไม่ต้องยกยอปอปั้นโฆษณากันหรอก ถ้าโฆษณาก็คือ หาเสียง พ่อครูไม่เห็น ความจำเป็นต้องทำ พระพุทธเจ้าท่านมีหลักไว้ว่า เราประกาศศาสนา ไม่ต้องการบริวาร ถ้าเขาจะมา ก็ด้วยความตั้งใจ ของเขาเอง เราไม่ต้องอยากได้ อยากมีอยากเป็น เราทำงานไปเถอะ เราแสดงไปตามจริง และระมัดระวังยาก ว่าเราจะแสดงอย่างไรว่า ไม่ได้อยากโอ้อวด แต่แน่นอนว่า คนดีก็ต้องพูดสิ่งที่ดี และว่าความไม่ดี ก็คือยืนยันความดี เมื่อยืนยันความดี ก็พอดีความดีนั้น เราก็เป็นแล้ว พระพุทธเจ้าว่า สอนตนก่อนสอนคนอื่น จึงไม่มัวหมอง อย่างนี้เราเลี่ยงไม่ออก เราพูดว่าดีแล้ว เราต้องประพฤติดี เขาก็ว่าเราอวดตัวตน ก็ให้เขาว่าเถอะ เรายืนยันว่าดี ทำอย่างนี้ คนไม่เข้าใจละเอียด ก็จะหมั่นไส้ ก็ขออภัย มันไม่มีตัวชั่วอยู่ในตัว พูดดีไปก็เลย โดนแต่ตัวเอง  แต่ถ้าคุณมีอาการหมั่นไส้ เมื่อคนพูดความดี อย่างพระพุทธเจ้าเขาเชื่อ เมื่อพระพุทธเจ้าพูด คนก็เชื่อ แต่คนอื่นที่ไม่ศรัทธา ก็จะไม่ชอบแน่ หมั่นไส้ แต่ถ้ามีศรัทธาก็จะเชื่อ แต่ถ้าเขาพูดดีแล้วก็ตรงกับเขา คุณไปหมั่นไส้ ก็คือ คุณปิดทางแล้ว คุณจะไม่ได้พบสัตบุรุษ น่าเสียดาย จริงๆแล้วคนชั่ว เราก็ควรรับรู้เขา ถ้าคบได้เรามีภูมิคุ้มกัน แต่ถ้าพอคบได้ก็คบเถอะ ถ้ามั่นใจว่าเรามีภูมิ จะได้ประโยชน์จริงๆ

  • วิญญาณสัตว์ที่ตายแล้ว จะดิ้นรนทุกข์ร้อน เหมือนคนไหม

ตอบ...เอาคนก่อน อย่าไปรุ่มร่ามรู้สัตว์ เอาตัวเองก่อนนะ เสียพลังงาน แต่จริง มันก็เป็น ความรู้รอบตัว พ่อครูเคยพูดว่า สัตว์เดรัจฉาน  มีสองอย่างคือ ๑.สัตว์ที่กำลังพัฒนาตนเอง ยังไม่ทำบาปมาก ยังไม่ใช้วิบากมาก ๒.สัตว์ที่เกิดวนเวียนหลายชาติแล้ว และเกิดมา ใช้วิบาก ทั้งสองอย่าง ก็ปล่อยให้รับวิบาก และพัฒนาตน คนอย่าไปร่วมวิบาก ถ้าเราไปมีส่วนร่วม เราก็มีคู่วิบากเพิ่ม เกิดรักเกิดชัง จากที่เราไปร่วมกับเขา เช่น เขาสองตัว รักหรือชังกัน เราไปร่วมก็มีวิบากร่วม เราควรวางใจปล่อยไป ให้เป็นไป ตามวิบาก ยกตัวอย่าง เราเจองูกินเขียด ก็ไปแย่งเขียดจากงู งูก็พยาบาทเรา ส่วนเขียด ก็รักเรา เราอย่าไปเพิ่มวิบาก แม้แต่คนที่เราต้องสัมพันธ์ ก็ยังมีรักชังกันอยู่ ขนาดนี้แล้ว ก็มากพอแล้ว พ่อครูจึงพูดว่า อย่าไปเลี้ยงสัตว์ อย่าไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ เอาให้หมดวิบาก กับคนเสียก่อน

  • ปรากฏการณ์ฉาวของพระดังปัจจุบัน พ่อครูเห็นอย่างไร

ตอบ...พ่อครูก็ว่า เป็นไปตามวิบาก พ่อครูไม่มีหน้าที่ ที่จะดูแลรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็น คณะสงฆ์อโศก พ่อครูก็เอาภาระ แต่ผู้ที่อยู่ไกล ก็ไม่มีหน้าที่ แต่ถ้าจะเอาตามลึกๆ ของพ่อครู คือเป็นไปตามกรรม คนที่ทำชั่ว ก็ต้องพยายามปิดบัง ไม่ให้ใครรู้สิ่งชั่ว ส่วนคนทำดี ที่อยากอวดก็มี ไม่อยากอวดก็มี ถ้าคนที่มีดี อยากอวดดี ก็ใช้ได้อยู่ แต่คนอวดชั่ว แล้วโชว์ชั่ว หลอกคนอื่นว่าดี อันนี้เป็นคนเลว ไม่ได้เรื่อง ก็บาปของเขา

  • ดิฉันอยู่ต่างจว. กับนกกับหนูกับต้นไม้ ในใจก็นึกว่า จะพยายามทำให้ได้ว่า เราก็เป็นลูกศิษย์พ่อครู ต้องทำให้ได้ (แต่อีกใจหนึ่งก็ว่า ตนยังมีอินทรีย์พละอ่อน) จึงถอยออกมา ปลูกต้นไม้ก่อน ที่เรานึกก่อน คือความยึดใช่ไหม?

ตอบ... การยึดมีสองอย่างคือ ยึดอย่างอุปาทาน คือมีกิเลสร่วม ส่วนยึดอย่างอุปาทาน คือเข้าใจว่า เรายึดไป เพื่อที่จะทำให้กิเลสลด อย่างเราถือศีล คือเรายึดศีล มาเรียน กับพ่อครู คือยึดพ่อครู เพื่อนำไปทำ สมาทาน เราสมาทานศีล เพื่อให้เกิดอธิจิต อธิปัญญา อธิวิมุติ คือยึดเป็นอุปกรณ์ ในการปฏิบัติธรรม  เราต้องพยายามยึด อย่างอุปาทาน พ่อครูท้วงว่า คุณไปปลูกผัก ก็ได้ปฏิบัติธรรม เราต้องอ่านกิเลส ที่มาปรุงร่วม คุณอยู่กับต้นไม้หรือคน ก็เกิดกิเลสได้ อ่านใจได้ อย่าเข้าใจผิด อยู่ตรงไหนก็ปฏิบัติ

  • การที่คนอโศก พูดเพราะ มีครับ มีคะ เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมหรือไม่ เช่นรายการ รักเรารักษ์โลก

ตอบ... พ่อครูว่า มันเป็นภาษา ที่เราจะใช้ให้เหมาะควร ถ้ามีมันก็ดี อ่อนน้อม ถ้าไม่มี ก็ไม่อ่อนน้อม ถ้าไม่มี ก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรม ก็ควรมีตามฐานะสมมุติ เป็นการปฏิบัติธรรม พื้นๆเลย

  • ทำไมอายุศาสนาของ พระสมณโคดม สั้นกว่าพระพุทธเจ้าองค์อื่น หรือเป็นยุคใกล้กลียุค

ตอบ...ใช่แล้ว แม้ศาสนาของพระพุทธเจ้า องค์ที่ใกล้กลียุคจะสั้น ก็รู้กันทั่ว ซึ่ง ๕๐๐๐ ปีนี้ น้อยที่สุดแล้ว พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ที่จะมาทำศาสนา สั้นกว่าองค์สมณโคดม ไม่มีแล้ว นอกจากจะเป็น ภัทรกัปป์ใหม่อีก ก็มีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่อีก ที่สั้นเพราะคนเลว กิเลสหนา การทำลายศาสนา มันมาก จึงต้องเหลือน้อย สูญหายเร็วแน่นอน เราก็เผยแพร่ ได้น้อย ได้ยาก การสืบทอดก็ไม่มาก และทำลายมาก จะไม่สั้นได้อย่างไร มีโพธิสัตว์ มาสืบทอดศาสนาต่อไป ยากเย็น เป็นหน้าที่เป็นวิบาก ต้องเป็นอย่างนี้ Born to be

  • ลูกสาวเป็นทอม จะแก้อย่างไร

ตอบ...พ่อครูไม่เก่งเลย จะแก้เรื่องนี้ มีอย่างเดียว ตอบได้อย่างกำปั้นทุบดินคือ ให้มา ปฏิบัติธรรม จะเป็นทอม เป็นตุ๊ดก็ตาม หรือเป็นทอมเป็นดี้ ก็ให้ปฏิบัติธรรม จะแก้ที่ จิตวิญญาณ เพราะการเป็นลักเพศ เพราะเป็นที่จิตวิญญาณ เป็นเรื่องเกินธรรมชาติ ซึ่งมีแบบกระเทยแท้ และกระเทยเทียม แบบเทียมก็กลับได้ แต่ถ้าแบบแท้นั้น พระพุทธเจ้าว่า ไม่มีสิทธิ์บวช เพราะกามจัดจ้าน เสพรสสัมผัสเสียดสี อย่างตัวผู้ตัวเมีย ก็เป็นตามธรรมชาติ ใครที่ไปติดรสสัมผัส ผิดธรรมชาติ ก็คือกิเลสหนาจัด พระพุทธเจ้าว่า ข้ามขอบสามัญเกินธรรมชาติ จะมาเป็นปุถุชน ก็ยากแสนยาก ยิ่งจะมาเป็นโลกุตระ ก็ไม่ไหวหรอก พระพุทธเจ้าแม้รู้ทีหลังว่า มาบวชเป็นกระเทย ก็ให้สึกเสีย

  • พระพุทธเจ้าว่า ศาสนาพุทธจะอยู่ไป ๕๐๐๐ ปี หลวงปู่ว่าเวลานี้ สั้นหรือยาว

ตอบ... ก็คือครึ่งๆ ไม่เปรี๊ยะๆหรอก

  • การที่ อ.มิตซูโอะ สึกเพราะพบเนื้อคู่จริงไหม

ตอบ.... ผู้สัมมาทิฏฐิ แม้พระพุทธเจ้า ก็มีพระนางพิมพาเป็นเนื้อคู่ ท่านก็ต้องพราก ต้องทิ้ง ถ้าเราจะจำนนว่าเพราะเนื้อคู่ ก็คือผิดสัจธรรม ก็เป็นการแก้ตัว ที่ฟังไม่ขึ้นหรอก ยิ่งเป็นคู่เก่านี่ เรายิ่งต้องพยายามละให้ได้ เพราะมีเนื้อเก่าอยู่ และไม่สร้างวิบากใหม่ ถ้าจะไปนิพพาน

  • การฆ่าชีวิตสัตว์อื่น เหมือนฆ่าชีวิตตนเอง ใช่หรือไม่

ตอบ... การทำบาป เช่นการทำลายชีวิต พุทธสอนให้ละเว้นการฆ่า แม้สัตว์เล็กน้อย อย่าให้เขา ตกร่วง อ้างอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เขาจะมาทำร้ายเรา หรือต้องมาทำอาหาร อ้างไม่ได้ เขาจะมาฆ่า เราก็หนี พระพุทธเจ้า ถามพระอานนท์ ว่า เขาด่าก็ถือว่าดี เขาไม่ตบตี แต่ถ้าเขาตบตีก็ดีว่า ไม่เป็นบาดแผล หรือถ้ามีบาดแผล ก็ยังดีไม่พิการ สรุปแล้ว ชีวิตนี้ เราไม่สร้างวิบากใหม่ เรามาล้างวิบาก พระโมคคัลลานะ ท่านถูกทำร้าย ก็ฟื้นได้หลายที แต่ก็ต้องจำนน ให้เขาฆ่าตามวิบาก ที่ได้ทำไว้ คือฆ่าทั้งพ่อและแม่ ทำอนันตริยกรรม มาก่อน

  • พี่สาวโกงมรดก ทำให้แค้นพี่สาว โกรธอยู่ข้างใน ทำให้ใจสั่น อยากทำให้อาการนี้ ออกจากใจ

ตอบ... พยายามพิจารณาว่า โกรธมันอร่อยหรือ หรือคุณมาซูคิส พิจารณาโทษภัย ของการโกรธ แล้วทำความเข้าใจ ให้สลายความโกรธออก เห็นว่ามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ จะมีญาณที่ฉลาด รอบรู้ขึ้น มันเป็นพลังของปัญญา ที่ทำลายอกุศลจิต เป็นไฟฌาน ที่เผาทำลายไฟกิเลส พิจารณาจนเกิดไฟปัญญา ถ้ากดข่มก็ได้ชั่วคราว เมื่อทำให้มันสลายได้ ก็พิจารณาความว่างเบา เมื่อเราไม่โกรธ เราก็จะลดละได้ อย่าไปพิจารณา ทิศทางสมใจกิเลส

  • กาย คือ กายธรรม ที่ละเอียดมากใช่ไหม

ตอบ... คุณเอาธรรม มาผสมกับคำว่ากาย ธรรมะคือทรงไว้ ซึ่งกายธรรม คือสิ่งทรงไว้ มีทั้งละเอียด และหยาบ ตามฟังกันต่อไปให้ดี

  • คนที่ฝึกปฏิบัติธรรม แต่ไม่บรรลุใดๆ ได้แต่กดข่มฝืน กับคนที่ทำแบบสบาย ๆ ตายไปเขาจะข่มฝืนหรือไม่

ตอบ.. คนปล่อยตัวตามสบาย กิเลสจะหนาขึ้น พอตายไป จะไม่มีทวาร มาเสพได้อีก ทางทวาร ๕ และความที่อยากเสพ ก็ยังอยู่ คุณจะดิ้นมากเลย เพราะเคยบำเรอตน มามาก ตายไปก็มีแต่นรก ยิ่งไม่รู้ว่าตนตาย ก็ดิ้นไปโดยมืด ไปกี่กัปป์กี่กัลป์ ไม่รู้ง่ายๆ ต้องพยายามปฏิบัติ ถ้าข่มฝืนก็ได้ชั่วคราวไม่ได้ล้าง ถ้าจะว่าข่มกับปล่อยตัว พ่อครูก็บอกไม่ได้ว่า อันไหนดีกว่ากัน แต่อย่าทำทั้งคู่

  • พออยู่กับอโศกก็ปฏิบัติได้แต่พอไปอยู่บ้านกลับทำไม่ได้

ตอบ... นี่แหละคือมิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ถ้าคุณมีคุณสมบัติ ศีล ๕ ละอบาย กินมังฯได้ ก็มาเถอะ อยู่กับหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี แต่ถ้าอยู่กับโลกเขา ก็ยาก พูดนี่ไม่ได้อ่อยให้มา แต่พูดด้วยความจริง มาอยู่ก็ต้องมีการขัดเกลา ไหวก็อยู่ ไม่ไหวก็ออก....

จบ                

 

 
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ที่ พุทธสถานสันติอโศก