พ่อครูออกจากสันติอโศก ไปขึ้นเครื่องบินที่ สนามบินดอนเมือง เครื่องออก ในเวลา ๐๖.๑๐ น. เดินทางไปถึงสนามบิน นานาชาติ จ. สุราษฏร์ธานี ในเวลาประมาณ ๐๗.๑๐ น. ซึ่งคุณลุงจำลอง ศรีเมือง และญาติธรรม ก็ได้มารอรับพ่อครู ที่สนามบินด้วย โดยวันนี้ เป็นวันคล้ายวันเกิด อายุครบ ๗๘ ปีของ คุณลุงจำลองด้วย
จากนั้น พ่อครูและสมณะ รวมทั้งญาติธรรม ก็ได้เดินทางโดยรถยนต์ ต่อไปที่ โรงปุ๋ย รักษ์ดิน ที่ ควรธรรม ชุมชนธรรมชาติอโศก อ.หลังสวน จ.สุราษฏร์ธานี
คุณอมร (หนึ่งเพชรพุทธ ณ สุวรรณ) กล่าวนำว่า โรงปุ๋ยนี้เกิดจาก ดำริของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพื่อให้พี่น้องเกษตรกร ใช้ปุ๋ยได้ในราคาถูกที่สุด ผ่านมาสามปี ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงปุ๋ย ในปี ๒๕๕๓ มีที่ดิน ๑๕ ไร่
พ่อครูว่า ในเวลาวาระ คนเราก็มีวิธีการ สร้างรูปแบบวิธีการ มาชวนเชิญ ให้เกิดผลต่างๆ คนเราเก่งกว่าสัตว์ ในการสร้างพิธีการ เราทำเพื่อรวมคน ให้มาพรักพร้อม ให้พากันสู่ความเจริญ มารวมพล จนกระทั่งต่อมา ก็มีความเสื่อม เพราะมีเรื่อง เฟ้อเกิน ผลาญทำลาย ทุจริตเพิ้มเติมเข้า มีความโลภ ความพยาบาท ผสมเข้ามา ในพิธีการ ก็เลยกลายเป็นเรื่องเลว
แต่ที่เราทำกัน ก็เพื่อที่จะทำให้ดี ดังนั้นในการที่จะมีคนเอาสิ่งไม่ดี มีเล่ห์เหลี่ยม มาปน เราก็ไม่มีกัน มีแต่จะพยายามคิดหาว่า เราจะทำอะไร อย่างไรให้เจริญ ยกตัวอย่าง เราจะเปิด ร้านขายปุ๋ย แล้วเราก็มีพิธีการพิเศษ มีการขายสินค้าอื่นด้วย เราขายต่างจาก ทุนนิยม ที่เขาขายอย่าง เอาเปรียบเอารัด แต่ของเรากลับกัน เรามีการเปิดการค้าขาย ที่ราคาต่ำ เราจะมาเสียสละ มาขายให้พี่น้อง มิตรสหาย ที่มาร่วมงาน จะได้รับของดี ราคาถูก ซื่อสัตย์มีน้ำใจ ขายสด งดเชื่อ
พ่อครูพยายามมาล้มล้าง วิธีการสินเชื่อ ด้วยการงดเชื่อ เพราะเห็นพิษภัย ของทุนนิยม ที่มีระบบสินเชื่อ เป็นความโหดร้าย ในการหลอกกัน อย่างให้ตายเย็นเลย จนเย็นไม่ไหว ร้อนกันหนักหนาสาหัส ในการให้ใช้เงินเชื่อ พ่อครูเห็นว่า มันไปสู่หายนะ มากมาย ในวิธีการ พ่อครูเลยตั้งใจเจตนา พาทำพาณิชย์ ตรงกันข้ามกัน เราให้ใช้เงินสด แต่เขาก็พยายาม ให้เราใช้เช็คใช้เงินเชื่อ เราก็ไม่เอา เราให้เงินสดไป ให้คุณไปจัดการเอง เพื่อจะยืนยันว่า ทุกข์ร้อนนี้เกิดจาก ภาวะเป็นหนี้ เงินเชื่อคือ ให้เป็นหนี้
การแก้ไขประเทศ คือต้องลดหนี้ แต่เขาบริหารให้คนมาสร้างหนี้ ก็ล้มเหลว แน่นอน ให้รับทราบว่า เจตนาใช้เงินสด งดเชื่อ คือให้ปลดทุกข์ มนุษยชาติ ไม่ให้เป็นหนี้ การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก
เรามีหลักการใช้ชีวิต อยู่สี่อย่าง คือ ๑.ไม่เป็นหนี้ ๒.พึ่งตนรอด ๓.สร้างผลผลิต ให้มากให้เกิน และ ๔.เผื่อแผ่สู่สังคม
คนที่มีลักษณะอย่างนี้ คือคนเจริญ เราทำสินค้าเพื่อมิตรสหาย เรามีนโยบาย ขาดทุนให้สังคม เราจะตรงข้ามกับ ทุนนิยมเขา ของเราก็มีทุนน้อย แต่เราก็เสียสละ ยอมขาดทุนให้
เป็นวิธีการที่มีปัญญา ของผู้ทำต่างกัน ทางโลกุตระ จะเป็นเช่นนี้ แต่ทางโลกียะ จะไม่เป็นเช่นนี้ คนจะทำได้ ต้องมีองค์ประกอบ จึงทำได้ คือต้องไม่เป็นหนี้ก่อน ต้องมี สิ่งบริสุทธิ์ ในการนำมาแจกจ่ายได้ แต่ถ้าเบียดเบียนคนอื่น มาแจกก็ไม่ได้ ของเรามีเกิน เราจึงบริจาคได้
เชื่อมั่นว่า มนุษย์มีพันธุกรรรมเช่นนี้ พฤติกรรมเช่นนี้กัน สังคมจะเป็นสุข แน่นอน การจะเป็นได้ จิตใจต้องเป็นอาริยบุคคล คือลดกิเลสได้ แต่ถ้าไม่ลดกิเลส ก็ให้อย่าง ต้องการ สิ่งตอบแทน เป็นบูมเมอแรง เป็นเล่ห์เหลี่ยมของปุถุชน ให้เขาก็เอากลับมามาก
โดยสัจธรรม ให้เขานี่ มันดีกว่าเอาของเขามา พระพุทธเจ้า ค้นพบสูตรสำเร็จ ที่ลดกิเลส ได้จริงที่สุด ดีที่สุด เร็วที่สุด ทนนานยั่งยืนที่สุด รับรองโดยพระพุทธเจ้าว่าจริง ได้มากที่สุด เป็นวิธีที่คำนวณแล้ว
พ่อครูทำงานมา สี่สิบกว่าปีก็เห็นผล เป็นพฤติภาพของพวกเรา เป็นสังคมด้วย และมั่นใจว่า ไม่มาหลอกซ้อน เพราะเราไม่มีอะไรให้ ใครไม่โง่มารีดเลือดจากอโศก เพราะเรา ไม่ร่ำรวยอะไร คือเรามีน้อย เราไม่โลภ แล้วเราเป็นสุขได้อย่างไร ในเมื่อโลก เขาบอกว่า ต้องมีมากจึงมีสุข
พระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วว่า สุขอย่างนั้นเป็นสุขหลอก สุขเท็จ ลมๆแล้งๆชั่วคราว เราศึกษา ลดอุปาทานได้ เรามีน้อยก็มีสุข เราก็ไม่ต้องไปดิ้นรน ไปหรูหราตกแต่ง อย่างเขา เราสงบสบายได้แล้วสุขแล้ว อย่างผู้หญิงพวกเรา แต่ก่อน ก็ต้องแต่งตัว พอมาลดละได้ จิตมีญาณปัญญา สันโดษได้จริง ก็สบาย ไม่ต้องไปตกแต่ง อย่างเขา มันสงบ เขาจะปรุงแต่ง หลอกล่ออย่างไร เราก็ไม่หวั่นไหว
พวกเราก็มารวมตัวกัน ไม่เปลือง ไม่ฟุ้งเฟ้อ ก็มีเหลือ เป็นมนุษย์ลดกิเลส ได้จริง เราก็มาร่วมกัน สร้างกิจกรรมส่วนกลาง ทำงานสุจริต ทำงานได้อาศัยใช้สอย จริงๆ เราก็ทำ ทำแล้วทำได้มากกว่าเขา เพราะเราไม่เปลือง เราได้เวลา ทุนรอน แรงงาน กลับคืนมา เอาความสูญเสีย ทางเศรษฐกิจ ที่ทุนนิยมทำลายไป เอากลับคินมาได้ เราก็อยู่ได้ ไม่ล้มละลาย
นักเศรษฐศาสตร์ ผู้มีทุนทางสังคม เขายังไม่เข้าใจว่า เศรษฐศาสตร์บทนี้ มีความยิ่งใหญ่ในสังคม เป็นเรื่องจริง จิตลดกิเลสได้จริง มันพอมักน้อยสันโดษได้จริง เป็นสังคม ที่เกิดจาก มนุษย์อาริยะ ผู้ลดกิเลสได้จริง จะมีกิจกรรม มีชีวิต พิธีกรรม ที่เป็นสุข
อโศกไปไหน ก็มีพี่มีน้อง ไม่มีศัตรูมาก อย่างโลกเขา เราก็เป็นสุข แม้ได้แค่นี้ ก็พอใจแล้ว เพราะสังคมเลวร้าย กิเลสหนามาก ในยุคนี้ เราก็อยู่เป็นตัวอย่าง ให้โลกดูว่า คนชนิดนี้ ก็มีในโลก บางคนก็ว่าแปลก มาฝืนโลกีย์ อย่างสนธิเขาว่า อโศกก็ดี แต่มันมากไป แต่พ่อครูว่า พวกเรามีมากไปไหม? ยังลดลงได้อีกหรือไม่ แต่สนธิ เขาก็เอาตาม ความคิดเขาว่า พอดี หรือมัชฌิมาตามเขา ที่จริงเขา ไม่ได้น้อยหรอก เขาพอเฟ้อ มันยังลดไปได้อีกเยอะ เขาลดมากกว่านี้ไม่ได้ ลดหรูหรา ลดกามคุณ มากกว่านี้ ไม่ได้ เขาลดไม่ได้ เขาจึงเอามาตรฐานเขา มาวัดเราว่า ดีมากไป แท้จริงพวกเรา ยังลดได้อีก แต่คนเขาอยู่อีกไกล จึงทำให้มองเราว่า ไปไกลมาก เกินไปแล้ว
ของเราก็สุข แต่สุขสงบ แต่เขาไม่รู้รสธรรมรส ที่เป็นวูปสโมสุข แต่เขารู้แต่สุข ที่ต้องปรุงแต่ง ตามกามคุณ และโลกธรรม ตามอุปาทานเขาว่า สุขต้องได้มากขนาดนี้ แต่นี่เป็นเรื่องสัจจะ ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ ว่าเราล้างอุปาทานนี้ได้ เราก็ปล่อยวาง ลดละได้ เป็นมนุษย์ที่มี พฤติกรรมจริง แต่ทุกวันนี้ เขาก็รู้ว่า อย่างนี้ดี มักน้อยสันโดษดี แต่ว่า เขาว่าเรา มาสร้างภาพหรือไม่ แต่ก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ มากว่า ๔๐ ปี ตายไป ก็หลายคน เขาก็เริ่มจำนนว่า เราทำได้
ซึ่งกระแสหลัก เขาทำไม่ได้ ซึ่งทั้งโลกเขานับถือ แบบกระแสหลัก เขาทำมานาน เขามีพระ ตั้งสอง หรือ สามแสนรูป การศึกษา ก็มีกันมานาน มากมาย ลูกศิษย์ลูกหา มากมาย แต่เอาเปรียบเอารัด สังคมมากมาย ที่เป็นลูกศิษย์ ลูกหา กระแสหลักมากมาย เขาทำมา หลายร้อยปี
แต่พ่อครูทำมา ไม่กี่สิบปี หัวเดียวกระเทียมลีบด้วย ทำอย่างไม่ยอมถอย แต่ไม่ดันทุรัง ดื้อดึง แต่อย่างใด และเราทำ อย่างเปิดเผย ชัดเจน ธรรมย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรม
ที่นี่มีงานครั้งแรกก็ดี ซึ่งคนใต้เขาว่า รวมกันกินก็ได้อยู่ แต่รวมกันทำงาน ก็ยากอยู่ ซึ่งคนอีสาน รวมกันง่าย ก็เจริญเร็ว ส่วนทางใต้ฉลาดเก่ง คนอีสาน ไม่ค่อยฉลาด ไม่ค่อยตาโต ก็เลยรวมตัวกันมาก แต่ก็ไม่ได้ว่า คนใต้ตาโต แต่ก็ว่า มีความฉลาด อย่างเฉโก มากกว่า
วันนี้ก็ได้เวลาแล้ว เกือบเก้าโมงแล้ว พ่อครูมีเวลาพูดคุย อีกสองวัน เดี๋ยวนี้พ่อครู ก็จะพูดปรมัตถ์ ซึ่งวันนี้ คุณจำลอง ก็อายุได้ ๗๘ แล้วในวันนี้ ก็อยู่ไป ใครจะไปก่อน ก็ไม่รู้ แต่พ่อครูจะพยายาม อยู่ไปถึง ๑๕๑ ปี พยายามขยายอายุขัย โดยมีคนมาวิจัยว่า จะขยายอายุพ่อครู และโดยจิตวิญญาณพ่อครู ไปได้อยู่แล้ว และพ่อครูจะได้อธิบาย ต่อไปว่า ทำไมโพชฌงค์ จึงทำให้คนอายุยืนได้
พ่อครู...หยุดไอไปสามที ...บอกว่าที่ไอนี่ มีผลสรุปแล้ว จากการตรวจร่างกาย ด้วย MRI ตรวจพบว่า สรีระพ่อครู มีความบกพร่อง ที่ข้างในคอ มันมีสิ่งที่ เกินมนุษย์ คือ มีกระเปราะ เกินมา ๑ กระเปราะ หมอเขากำชับกำชาว่า ผู้มานวด ก็อย่านวดที่นี่ จะทำให้ไอ เพราะกระเปราะนี้ นอกนั้นก็แข็งแรงหมด ดีหมด ทั้งสมอง หัวใจ และปอด ส่วนมีอีกอวัยวะหนึ่ง ที่ไม่ปกติคือ ตับอ่อน โตกว่าปกติ
ตอนหลายปีก่อน พ่อครูไปตรวจหัวใจ หลังวัดหัวใจเสร็จ หมอเขาก็อุทานว่า หัวใจอย่างกับ อายุ ๓๕ ปี แต่เมื่อไม่กี่วันนี้ เขาวัดหัวใจอีกครั้ง โดยวัดอัลตร้าซาวด์ ให้เห็นหัวใจ ในขณะพัก มาเปรียบเทียบกับตอน ออกกำลังกาย เปรียบเทียบกัน ปรากฏว่า หมอบอกว่า ไม่ต่างกับหัวใจ คนอายุ ๑๘ ปีเลย ซึ่งพยาบาล เขาก็เรียกพ่อครูว่า หลวงปู่ทุกคน แต่พอวัดแล้ว หมอที่ตรวจก็ดู แล้วก็อธิบายให้ฟังว่า เครื่องที่ตรวจ ยืนยันเลยว่า หัวใจปกติแข็งแรง
ยืนยันว่า การขยายอายุขัยนี้ มีทั้งหลักธรรม ที่เขาไปทำวิทยานิพนธ์ คือหนึ่งฟ้า และอภิสิน ซึ่งก็มีอุปสรรค ถูกกลั่นแกล้ง ไม่ให้จบ ทั้งที่อาจารย์แทบทุกคน พอใจ ในวิทยานิพนธ์นี้ แต่ว่าคณบดี ไม่ยอมเซ็นให้จบ อยู่คนเดียว สรุปคือ จะมีหลักวิชาการ ที่จะเป็นตำรา โดยอาศัยธรรมะ มาอธิบายอย่างเรานี่แหละ แล้วเราก็จะได้เป็นนิตินัย รับรองอย่างสากลว่า ตำรานี้ยอมรับแล้ว เป็นหลักฐาน เชื่อถือได้ ซึ่งมี อ.วิชัย รูปขำดี มาช่วยทำวิจัย
โดยเอาพ่อครูเป็นตัว Subject ที่จะทำวิจัย โดยจะเปลี่ยน องค์ประกอบ ทางวัตถุ เช่นอาหาร แต่เรื่องจิตวิญญาณ เขาเชื่อแล้วว่า พ่อครูทำได้ แต่ก็มีหนึ่งฟ้า ที่เขาทำ ก็คนไม่ค่อย ให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แต่เขาก็สู้ น่าดูเลยนะ แต่ไม่ดันทุรัง แต่ดัน อย่างมีปัญญา ก็ดูไปได้เรื่อยๆ ตอนนี้ ทางมหาวิทยาลัย เขาก็ยอมรับแล้ว ให้จบได้ แต่คณบดี ไม่ยอมเซ็น ก็ให้ทางสภามหาวิทยาลัย เซ็นแทน เป็นเรื่องใหม่ ที่เขาไม่เชื่อว่า เป็นเรื่องจริง และพ่อครูก็เป็นที่แสลง ของสังคม ก็เลยต้องกด ไม่ให้ขึ้นมา เช่นเดียวกับที่มี คดีสันติอโศก แล้วเราถูกตัดสิน ให้เราแพ้ เพราะถ้าเราถูก ก็ไม่ได้ จะกลายเป็น คนอื่นผิดไป
แต่พ่อครูกลับมองเห็นว่า เราแพ้นี่ดี ทำให้เรามีเวลาบ่มเพาะ แต่ถ้าเราชนะ อโศกจะฟ่าม จะได้รับการยอมรับ จะไม่มีการพากเพียร และจะไม่เจริญอย่างนี้ เป็นเรื่อง พระเจ้า เข้าใจทำ ที่จริงเราก็ไม่อยากแพ้ แต่พระเจ้าช่วยทำ ไม่ให้เราเหลิง เราก็ยอม ให้ถูกด่า ทำให้เราต้องอ่อนน้อม ถ่อมตน อย่าไปอยากใหญ่ เป็นคนน้อย คนเล็ก อ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นคนรับใช้ ไม่มีตกต่ำหรอก เจริญ ใครจะไม่ยกย่อง ก็แล้วแต่เขา แต่เรามีความสามารถ มีปัญญา มีความเสียสละ ด้วยจริงใจ ไม่เสียหายหรอก ก็ขอเปิดงาน ตลาดอาริยะ ณ บัดนี้...
จบ
|