560709_รายการสงครามสังคมธรรมะการเมือง โดยพ่อครู
เรื่อง อ่านปัญหาของคุณ ๘๗๐๕

             พ่อครูจัดรายการที่ห้องกันเกรา สันติฯ

ก็มีประเด็นที่คุณ ๘๗๐๕ ส่งมาก็น่าจะมาอธิบายความ แล้วเป็นประเด็น ที่คนส่วนใหญ่ เป็นกัน พ่อครูก็เลย จะได้นำมาอธิบายเทียบเคียง ให้เกิดความเข้าใจ เพิ่มขึ้น ซึ่งความเห็น ต่างกันนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นการศึกษา จะได้มีเหตุผล หลักฐาน มาเปรียบเทียบกัน อย่างไม่ถกเถียง เอาชนะคะคาน แต่ก็มีความจำเป็น ที่ต้อง ชี้ถูกชี้ผิดกัน ในรายประเด็นไป ก็เป็นการเติมเต็มกัน อย่างบางกรณี ก็น่าศึกษาน่าค้นคว้า ก็เอามาอธิบายกัน แต่ก็มีสิทธิยืนยันว่า อันนี้ถูกอันนี้ผิด ตามความจริงใจ เป็นการแสดงออก ความจริงใจของตนเอง ไม่ได้เป็นการถกเอาชนะ แต่ต้องกล่าว ชี้ถูกผิด

            ต่อไปก็จะอ่าน sms
 0888705xxx ในเอกภพนี้ มีดาวฤกษ์ที่เช่นเดียวกับ ดวงอาทิตย์ของเรา นับแสนล้านดวง และแต่ละดวง ก็มีบริวารดาวเคราะห์ อยู่หลายสิบดวงเช่นกัน! ฉะนั้น นักวิทยาศาสตร์ จึงเชื่อว่า คงมิใช่มีแต่โลกของเราเท่านั้น ที่มีมนุษย์อยู่..เพราะในจำนวนดาวเคราะห์ ที่มีมากมายมหาศาลนั้น จึงน่าจะมีดาวเคราะห์ ที่คล้ายกันกับโลกของเรา ที่มีมนุษย์ อาศัยอยู่ได้เช่นกัน! ซึ่งในเรื่องนี้ พตปฎ. ก็ได้บอกไว้แล้วว่า ในกาลที่นานมาแล้ว สมัยที่พุทธโคดมเจ้า ของเรายัง
0888705xxx เกิดเป็นจักรพรรดิ พระนามว่าพระยามันตุธาราช ซึ่งพระองค์ก็ได้เสด็จ ไปเที่ยว ในเอกภพ ด้วยพาหนะชื่อว่า จักรแก้ว และได้ทรงไปพบกับมนุษย์ ที่อาศัยอยู่ ในโลกอื่นๆ อีก3โลกคือ 1บุพพวิเทหทวีป 2อุตตรกุรุทวีป 3อมรโคจรทวีป (ขออภัยด้วย หากชื่อทวีปสะกดผิด เพราะจำไม่แม่น!) (พ่อครูว่ามีแต่อมรโคยานทวีป) และพระองค์ ได้ทรงนำมนุษย์ ของแต่ละโลก ใน3โลกนั้น มาโลกละ1คู่ คือชาย-หญิง จึงรวมเป็น ชาย3หญิง3 ขึ้นจักรแก้ว เพื่อพามาเที่ยวในโลกของเรา (ทีชื่อว่าชมพูทวีป) โดยทรงคิด
0888705xxx ว่าจะพากลับไปส่งคืนในภายหลัง! แต่ว่า หลังจากที่พระอินทร์ ได้เชิญพระองค์ ให้ไปอยู่บนดาวดึง สวรรค์ด้วยกัน พระองค์ก็มิได้เสด็จกลับ โลกมนุษย์ อีกเลย ส่วนจักรแก้ว ก็ได้อันตรธานหายไป ฉะนั้น มนุษย์ชาย-หญิ งจากโลกอื่น ทั้ง 3 คู่ จึงได้เจริญแพร่พันธ์ อยู่ในโลกของเรามา จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งก็คือ ฝรั่งคู่หนึ่ง จีนคู่หนึ่ง นิโกรคู่หนึ่ง นั่นเอง! ส่วนคนไทย ก็สืบเชื้อสายมาจากแขก (คือชมพูทวีปเดิม) ผสมกับจีน.. จึงชื่อว่า ชาวอินโดจีนไง!
0888705xxx ซึ่งที่เราเล่าเรื่องใน พตปฎ. นี้ให้ฟัง ก็เพื่อที่จะบอกว่า ขนาดนักวิทยาศาสตร์ ที่แม้จะยังไม่พบ หลักฐานใดๆ ว่ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริง แต่นักวิทยาศาสตร์ เหล่านั้น ทั้งหมด ก็ยังทำใจเชื่อไปแล้วว่า มนุษย์ต่างดาว น่าจะมีอยู่จริง! ฉะนั้นแล้ว ทำไมเล่า? ในเรื่องของเทวดา ที่อยู่ในภพ ที่ต่างมิติกัน กับภพมนุษย์ ที่แม้มนุษย์ส่วนใหญ่ ถึงจะยัง ไม่เคย ทะลุมิติเข้าไปเห็น เทวดาได้ก็จริง! แต่ในเมื่อเรา เป็นชาวพุทธ ที่ย่อมต้องเชื่อ พุทธเจ้า
0888705xxx อยู่แล้ว! ก็ในเมื่อพระองค์บอกว่า ทรงเป็นครูของมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย อีกทั้งใน พตปฎ. ก็ยังมีหลักฐาน บันทึกไว้มากมาย เกี่ยวกับเรื่องของเทวดา ที่มีอยู่จริง! เพียงแต่ อยู่ต่างมิติ กันกับมนุษย์เท่านั้น! เช่น เรื่องที่พระองค์ ทรงไปเทศน์ โปรดพระมารดา พร้อมกับเทวดาทั้งหลาย บนสวรรค์เป็นต้น! แล้วทำไมเล่า? จึงยังคงเชื่อฝังหัว แบบเมาเซตุงว่า ที่อยู่ของสัตว์.. จะมีได้แค่มิติเดียว คือในโลกมนุษย์ ใบนี้เท่านั้น! แล้วพธร. ก็เอาความ
0888705xxx คิดสตึๆ แบบเมาเซตุงนี้ มาดัดแปลงเพิ่มเติมนิดหน่อย! คือบอกว่า ถ้าคนใด คิดดี ทำดี พูดดี.. คนนั้นก็=เกิดเป็น โอปะปาติกะ เทวดาแล้ว ในร่างมนุษย์! ซึ่งถ้ามิใช่ เพราะมิจฉาทิฐิ ของพธร.เอง.. ก็ต้องเป็นเพราะพธร. มีเจตนาเสแสร้ง ตีความคำว่า โอปะปาติกะ ให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ที่พุทธเจ้าหมายถึง! คือให้กลายเป็น หมายถึง.. การเกิดเป็นสัตว์ (เช่นเทวดาฯ) ขึ้นซ้อนที่จิตวิญญาณเดิม ทั้งๆที่ก็ยังเป็น มนุษย์อยู่! และ ด้วยการตีความ แบบมิจฉาทิฐิเช่นนี้

                พ่อครูไม่ได้ตีความ ให้เพี้ยนไปจาก พระพุทธเจ้า แต่พยายามตีความ ให้ตรงกับ ของพระพุทธเจ้า ที่สุดด้วย

                พ่อครูว่า เท่าที่เห็นมา คุณ ๘๗๐๕ ก็เข้าใจอยู่ว่า พ่อครูอธิบายอย่างนี้ แต่ไม่เข้าใจ ต่อไปว่า มันเป็นไปได้อย่างไร คือเขาว่า เทวดามันต้อง มีตัวตน ใส่ชฎา สัตว์นรก ต้องมีแขนยาว เหมือนนางนาคสิ นี่แหละคือ ความยึดมั่นถือมั่น เป็นทิฏฐิ อย่างนี้ คนเข้าใจอย่างนี้มากเลย ทั้งที่พุทธคือ อเทวนิยม เข้าใจจิตวิญญาณ อย่างเป็น วิทยาศาสตร์ รู้แจ้งเห็นจริง จิตวิญญาณเรา อยู่ในหลอดทดลอง เราก็เรียนรู้จิต ในหลอดทดลองให้จริง แต่คุณ ๘๗๐๕ เข้าใจว่า ในมนุษย์นี้ เป็นได้แค่มนุษย์ เปลี่ยนเป็น เทวดา สัตว์นรก ตอนเป็นไม่ได้ ต้องตายไป จึงเป็นเทวดา สัตว์นรกได้ พ่อครูก็มี ความเห็นต่าง

                ต่างที่ว่า จิตวิญญาณ เป็นการเกิดขึ้น หรือพัฒนา หรือเสื่อมลง เรียนรู้เหตุปัจจัย แล้วพัฒนาวิญญาณ ในร่างกายนี้ เราเห็นจิตวิญญาณได้ เรียกภาวะที่เห็นได้นี้ว่า นามรูป ต้องเห็น อย่างแท้จริง เห็นว่าลักษณะอย่างไร คือเทวดา หรืออย่างไร คือสัตว์นรก หรือ ลักษณะใด คือมนุษย์ อย่างไรคือ อาริยชน อย่างนี้คือ โลกียชน รู้ว่าอย่างนี้คือ โสดาฯ สกิทาฯ อนาคาฯ อรหันต์

                ถ้าคุณ ๘๗๐๕ ไม่รู้ความเป็น ปรสัตตานัง ปรปุคคลานัง คือความเป็นสัตว์อื่น บุคคลอื่น คืออย่างที่เราเป็นนั้นก็รู้ แล้วเราทำให้เป็นอื่นไป เช่นจิตวิญญาณเรา ตกต่ำ ไปเป็น สัตว์นรก หรือแต่ก่อน เราเป็นปุถุชน แล้วเราก็ทำ ให้เราเป็นบุคคลอื่น เป็นโสดาฯ สกิทาฯได้ อย่างตอนเป็นๆ

                แต่คิดอย่าง ๗๘๐๕ จะเป็นอะไร ต้องเป็นตอนตายไปแล้ว เท่านั้น ตอนเป็น ต้องเป็นมนุษย์อย่างเดียว ก็เห็นว่าร่างกาย เป็นมนุษย์นี่

                คำว่า กาย ในภาษาบาลี แปลว่าองค์รวม และมุ่งให้อ่าน นามธรรมด้วย แต่ทุกวันนี้ คนเอาไปใช้เป็นคำว่า “ร่ายกาย” ที่หมายเอาแค่สรีระ หรือโครงร่าง ทั้งๆที่กาย นี้ มีน้ำหนักของนามธรรม มากกว่าอีก เช่น กายมีความหมายว่า รวมทั้ง เวทนา สัญญา สังขาร ก็คือวิญญาณ ก็คือกายนั่นเอง ดังนั้น “กาย” คือนามธรรม แต่คนทั่วไป พูดคำว่า กายก็จะหมายถึง สรีระโครงร่าง นี่คือ ความเข้าใจผิดมากเลย ทำให้กำหนด (สัญญา) ผิดๆ  แต่ที่จริงคำว่า “กาย” นี้คือองค์รวม ทั้งภายนอกและภายใน ต่อเนื่องกันเข้าไป

0888705xxx จึงบอกด้วยว่า ถ้าคนใดคิดชั่ว ทำชั่ว พูดชั่ว.. คนนั้นก็=เกิดเป็น โอปะปาติกะ สัตว์นรกแล้ว ในร่างมนุษย์! และหากตายไปแล้ว.. ก็จะอยู่เฉพาะ ในภพของตัวเอง ไม่เกี่ยวกะใคร.. เหมือนว่าฝันยาว เท่านั้นเอง! ซึ่งถ้าฝันดี มีความสุข ก็แสดงว่า ตายไป เกิดเป็นเทวดาแล้ว! แต่ตรงกันข้าม หากเป็นฝันร้ายว่า กำลังดิ้นขลุกขลัก อยู่ในกระป๋อง นั่นก็=ว่า ตายไป เกิดเป็นสัตว์นรกแล้ว! ซึ่งที่พธร. มีทิฐิเช่นนี้.. ก็เป็นเพราะ ตัวพธร. เองนั่นแหละ!

                พ่อครูว่า ก็เอาหลักฐานในพระไตรฯที่พระพุทธเจ้ายืนยันว่า คุณสมบัติของจิต มีลักษณะ เอกจรัง ไงล่ะ แต่ที่ว่าตายไป ก็ไปอยู่กับคนนั้นคนนี้ ไปเจอเทวดา นรก นั้นก็มีจริง คืออุปาทานของคนนั้นๆ เอง

0888705xxx ที่ดันไปเชื่อจินตนาการ ของตนที่คาดคะเน (VerbToเดา) เอาเองว่า ภพนรก อย่างที่ คนที่เคยตายไปแล้ว ฟื้นขึ้นมา แล้วเล่าให้ญาตพี่น้องฟังว่า ไปพบกับยมบาล หรือไปเจอ กระทะทองแดงมานั้น.. ภพนรกอย่างนั้น ไม่มีจริงๆหรอก! คงเป็นเพราะ จินตนาการ ของคนที่ตาย.. คิดไปเอง หรือฝันไปเอง ตะหาก! สรุปก็คือ พธร.เชื่อว่า ภพนรก หรือภพสวรรค์ ที่เกิดขึ้นนั้น ย่อมเป็นเพราะ ถูกจินตนาการ ของคนที่ตาย.. ปั้นขึ้นมาเอง ทั้งนั้น!

                พ่อครูว่า...ก็ขอเติมว่า ปั้นมาเอง ก็ไม่ใช่แค่จินตนาการ แต่เป็นอุปาทาน หรือ มโนมยอัตตา ที่ปั้นสำเร็จด้วยจิต แต่คุณก็ไปใช้ พยัญชนะว่า ใช้จินตนาการ ปั้นเอง พ่อครูว่า ก็คืออัตตาชนิดหนึ่ง

0888705xxx แต่แท้จริงแล้ว, หาก พธร.จะรู้จัก ย้อนดูความคิดของตน!

               พ่อครูว่า ก็ขอบคุณที่เตือน แต่พ่อครูอ่านใจตนตลอด ทุกวินาที ต้องรู้ใจเรา อยู่ตลอดเสมอ ต้องมีสติ สัมปชัญญะรู้ตัว ให้เป็นอัตโนมัติเลย ผู้ฝึกดีแล้ว ก็จะเป็นเช่นนั้น

ก็จักรู้ทันทีว่า ที่ตนมีความเห็นผิดเช่นนี้.. ก็เป็นเพราะเกิดจาก จินตนาการของศิลปิน คือตัวพธร. ที่ปั้นทฤษฎีนี้ ขึ้นมาเอง ต่างหากเล่า!

                พ่อครูว่า ก็เอาหลักฐานจากไตรปิฎก และอื่นๆมาอ้างอิง มากมายอยู่นะ ไม่ใช่เอาจินตนาการ มาปั้นเองหรอก

                เพราะถ้าหากเป็นความจริงว่า ภพนรก-สวรรค์ จะสามารถถูกปั้น ขึ้นมาได้เอง เหมือนอย่างเด็ก ปั้นดินน้ำมันแล้วละก็.. ถามหน่อยว่า แล้วจะมีใครไปบ้า ปั้นให้ตัวเอง ตกนรกด้วยเล่า? มีแต่จะปั้นให้ขึ้นสวรรค์C7 กันทั้งนั้น จริงไม๊!

            พ่อครู..ก็ว่าน่าคิดนะ บ้าหรือเปล่า ใครจะไปปั้นให้ตน ตกนรก ถามนิดๆ ว่าคนที่กำลัง โกงบ้านเมือง อยู่ตอนนี้ ทั้งที่รู้ว่าบาป ทำไมยังกล้า ทำชั่วทำผิด แต่คน ที่ไม่รู้นั้น ก็เลยปั้นด้วยอวิชชา แต่คนที่ทำ ทั้งรู้ว่าโกงเขา ก็คือ เขาสู้กิเลสไม่ได้ ก็เป็นคำตอบ ให้กับที่ว่า จะมีใครบ้า ไปปั้นให้ตนเอง ตกนรก  คนที่ปั้น ให้ตนตกนรก อย่างไม่รู้ คือมืดดำยิ่งกว่า คนรู้ตัว แล้วทำชั่ว คือมันดำฤษณา

0888705xxx จึงต้องขอย้ำหลักธรรมกับพธร.ว่า การที่จะเกิด เป็นมนุษย์ เป็นเทวดา หรือ เป็นสัตว์นรกนั้น.. ย่อมมิได้เกิดขึ้นจาก เจตนา หรือการปั้น ของใครๆทั้งสิ้น! แต่เกิดเพราะ กฏแห่งกรรม ต่างหากเล่า! ซึ่งพุทธเจ้าก็ได้แบ่ง การเกิดของสัตว์ เป็น4 ประเภท ไว้อย่าง ชัดเจนอยู่แล้ว! เช่น มนุษย์จะเกิดในครรภ์ โดยต้องอาศัยพ่อ-แม่ ส่วนเทวดา หรือสัตว์นรก ไม่ต้องอาศัย พ่อ-แม่ เพราะจะเกิดเป็นขึ้นเอง.. จึงเรียกว่า โอปะปาติกะ!

                พ่อครูว่า ทุกอย่างมาแต่เหตุ แต่ที่คุณว่า เกิดเองนี้คือ คุณจับเหตุไม่ได้ ดับอันหนึ่ง อีกอันหนึ่งก็จะเกิด

            แต่เป็นเพราะพธร. มีแนวความคิดแบบเดียวกับ คอมมูนิสต์! ที่เชื่อว่า โลกนี้ มีเพียงมิติ
0888705xxx เดียว เท่าที่ตาของตน เห็นเท่านั้น! หรือคือไม่เชื่อว่า ยังมีมิติอื่นๆ (=ปรโลก) ที่ตาของตน ยังไม่เห็น.. อันเป็นที่อยู่ของ โอปะปาติกะสัตว์ นั่นเอง!

                พ่อครูว่า พ่อครูเห็นการเกิดการดับ ของสัตว์ในปรโลก อยู่นี่แหละ

                ฉะนั้นพวกคอมมูนิสต์ จึงให้ความสำคัญเฉพาะ ชาตินี้ชาติเดียว เท่านั้น.. และเลยรังเกียจ ศาสนาพุทธ ที่สอนให้คนนั่งสมาธิ เพราะหาว่า เป็นพวกแรงงาน สูญเปล่า.. ที่ไม่มีประโยชน์อะไร! ส่วนพธร. แน่นอนว่า ฉลาดกว่าคอมมูนิสต์มาก! เพราะที่รู้จัก เอาศาสนาพุทธมาปน.. จึงเลือกที่จะใช้วิธีชม มากกว่า!

                พ่อครูว่า พ่อครูนี่เป็นนักติ มือหนึ่ง พ่อครูชมน้อย มีแต่ติเยอะ คุณฟังอย่างไรว่า เป็นนักชม หรือเพราะพ่อครูชมคุณมากหน่อย ก็คือคำตอบว่า คุณอยู่กับตัวเอง เท่านั้น มีแต่ตัวกูของกูเท่านั้น

0888705xxx เช่นถ้าบริวารคนไหน ชอบบริจาคทรัพย์ หรือขยันทำงานฟรี ให้หมู่กลุ่ม.. ก็จะชมว่า เป็นเทวดา!

                พ่อครูว่า มีแต่อธิบายสัจธรรมว่า ถ้าขยันสร้างสรรมาก ก็มีจิตเทวดา

                ถ้ารักษาศีล5+กินมัสวิรัต.. ก็จะชมว่าเป็นโสดาฯ! และถ้า+สละทั้งเงิน และแรงงานด้วย.. ก็จะชมว่าเป็นสกิทาฯ! และถ้า+ทิ้งบ้านเรือน และทิ้งผัวทิ้งเมีย มาอยู่อโศก ตลอดชีวิต.. ก็จะชมว่าเป็นอนาคาฯ! และยังมีกลวิธีอื่นๆ อีกมาก เช่นบอกว่า ถ้าจะให้เข้าถึง โลกุตระได้จริง.. จะต้องฟังธรรม จากสัตบุรุษ คือสะยังอภิญญา พธร.เท่านั้น! จึงสรุปได้ว่า หาก
0888705xxx ผู้ใดไม่รู้จักกฏทางโลก คือปชต.. ผู้นั้นย่อมถูก ผู้ที่ฉลาดกว่า คือทักษิณ ชักจูงมาเป็นบริวาร ได้ฉันใด..หากผู้ใด ไม่รู้จักกฏทางธรรม คือธรรมวินัย.. ผู้นั้นก็ย่อมถูก ผู้ที่ฉลาดกว่าคือ พธร.ชักจูงมาเป็นบริวารได้ ฉันนั้น! ซึ่งที่ทักษิณ ไม่ค่อยจะเคารพ สถาบันฯ.. ก็เพราะทักษิณ มีEGOสูง.. ไม่ยอมเป็น2 รองใคร! ฉันใด.. ที่พธร. ไม่ค่อย จะเคารพ เถรสมาคม.. ก็เพราะพธร. มีอัตตาใหญ่.. ที่ไม่ยอมเป็น2 รองใคร.. ฉันนั้น เหมือนกัน!

                พ่อครูว่า ก็เคารพมหาเถรสมาคมอยู่นะ

0888705xxx ซึ่งถ้าถามว่า สาเหตุที่ทำไม? ถึงทำให้พธร.เป็นอย่างที่พธร. เป็นอยู่ทุกวันนี้! ก็ตอบได้ทันทีเลยว่า เพราะเงินและอำนาจ ทำให้ทักษิณเสียคน ได้ฉันใด.. ก็เพราะสักการะ และชื่อเสียงนี่แหละ! ที่ทำให้พธร. วิปลาศคลาดเคลื่อน ผิดจากธรรมะ ได้ฉันนั้น! เปรียบเหมือนต้มน้ำ ยังไม่ทันเดือด! หุงข้าวยังไม่ทันสุก! หรือคือยังไม่ทันที่จะบรรลุจริง.. ก็ดันรีบด่วน ออกมาประกาศธรรมะ สอนคนเสียแล้ว! ดังจะขออุปมาสมมุตว่า มีเด็กชาย คนหนึ่ง อายุ6ขวบ ที่ยังไม่ทันรู้เดียงสา
0888705xxx ชื่อว่าด.ช.รักส์ ซึ่งพอ ด.ช.รักส์ได้เห็น อุลตร้าแมนในTVว่าเก่ง! เพราะสามารถจะสู้ ชนะสัตว์ประหลาดได้! ก็เลยถือเอาอุลตร้าแมนนี้ เป็นIDOL.. จากนั้น ก็พยายามเลียนแบบท่าทาง ทำไม้-ทำมือ ให้เหมือนอุลตร้าแมน มากที่สุด! พอคิดว่า จำท่าทางได้แล้ว ด.ช.รักส์ก็ไปแสดงโชว์ เป็นอุลตร้าแมน ให้แก่เหล่าเด็กๆ ที่อายุอายุ 3-4 ขวบดู ซึ่งเมื่อเด็กเหล่านั้นดูแล้ว.. ก็ตบมือหัวเราะ ชอบใจกันใหญ่! ส่วน ด.ช.รักส์เอง ก็รู้สึกภูมิใจ ที่ตนเป็น HEROของ
0888705xxx เด็กเหล่านั้น! และบังเอิญว่า อายุสมองของด.ช.รักส์ ก็ให้หยุดอยู่แค่นั้นเอง! (คือ=ที่อายุ6ขวบ) แต่ว่าอายุจริง ไม่เคยหยุด..คงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนถึง36ปี ก็ไปบวช โดยขอเลือกฉายาเองว่า โพธิรักขิโต! และพอไปอ่านเจอ ในพตปฎ. ว่าพุทธเจ้า เป็นครู ของมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย.. ก็คิดได้แต่ว่ าพุทธเจ้านี้เก่งๆๆ! จึงอยากจะเลียนแบบ ความเก่งของพุทธเจ้า ขึ้นมาบ้าง ให้เหมือนกับสมัยที่ตน เคยเลียนแบบอุลตร้าแมน มาแล้วไง! แต่ติดที่ว่าในสมัย
0888705xxx หนึ่งๆ จะมีพุทธเจ้า ได้แค่พระองค์เดียวเท่านั้น! ฉะนั้นจึงขอเป็นโพธิสัต C7 ระดับสะยังอภิญโญ (โก้ไม่เบา) แล้วกัน! จึงต้องขอบอกไว้ก่อนว่า การที่จะตั้งปณิธาน เป็นโพธิสัตว์ ผู้มีความเมตตากรุณา ที่จะช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลาย ให้พ้นทุกข์นั้น.. จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเห็นให้ได้ว่า สัตว์ทั้งหลายนั้น.. เป็นทุกข์เสียก่อน! มิฉะนั้น การตั้งปณิธานเป็นโพธิสัตนี้ จะเป็นของเก๊ทันที! เพราะเพียงแต่ฟังว่า พระกวนอิม เป็นโพธิสัต.. แล้วเราก็
0888705xxx อยากจะเป็นโพธิสัต อย่างนั้นบ้าง! ทั้งๆที่ตนเอง ก็ยังบ่เคยได้เห็นว่า สัตว์อื่นๆ ทั้งหลายนั้น เป็นทุกข์จริงๆ ตามสภาวะปรมัตถ์เลย! ฉะนั้นแล้ว, การตั้งปณิธานนี้ มันจะเป็นจริง สมเหตุสมผล ไปได้จะใด? นอกเสียจากว่า จะเป็นเหมือน ด.ช.รักส์ ที่เห่ออยากเก่ง เหมือนอุลตร้าแมน เท่านั้นเอง! ซึ่งทั้งนี้ก็เป็นเพราะ ดันไปเข้าใจผิดว่า ธรรมะคือ ความเก่งนั่นเอง! ดังเช่นกับเดียถี.. ที่มิได้ปฏิบัต เพื่อความพ้นทุกข์เลย.. เพราะขนาดปฏิบัตธรรมแท้ๆ
0888705xxx เดียถีก็ยังอวดกันเลยว่า ใครจะละกิเลส ได้เก่งกว่ากัน! ซึ่งแค่คิดเช่นนี้.. เดียถีก็ผิดแล้ว! เพราะหารู้ไม่ว่า นั่น=กำลังงัดเอาตัวอัตตา คือกิเลสมาโชว์กัน ตัวเบ้อเริ่ม! หวังว่าอธิบายแค่นี้.. คงจะOKแล้วนะ ทีนี้จะขอย้อนไปถึงเรื่องที่ เราเคยบอกว่า เห็นรถวิ่ง แบบไม่ได้วิ่ง! ซึ่งพธร. ไม่มีปัญญา พอที่จะเข้าใจได้เอง.. จึงต้องขออธิบาย สักหน่อย! โดยจะขอ เปรียบเทียบเรื่องนี้ กับฟิมล์ภาพยนตร์.. ซึ่งฟิมล์จะต้อง เลื่อนผ่านหน้ากล้อง
0888705xxx ฉายไปทีละเฟรมอยู่แล้ว..แต่เครื่องฉายนั้น ก็ต้องทำให้ฟิมล์ เลื่อนผ่านไป อย่างรวดเร็วด้วย.. คือจะต้องให้ผ่านได้ อย่างน้อยถึง 16เฟรมต่อ1วินาที! เพราะมิฉะนั้น, จะสะดุด.. ดูไม่ลื่นไหล เหมือนภาพยนตร์ได้! ทีนี้..ถ้าหากว่า เราทำเครื่องฉาย ให้ให้ช้าลง จนทำให้ฟิมล์ ที่ต้องเลื่อนผ่านหน้ากล้อง ฉายไปทีละเฟรมนั้น.. ช้าลงมากๆ! คือใน1 วินาที ให้ผ่านไปได้แค่ 1เฟรมเท่านั้นเอง! ฉะนั้นจึงถามหน่อยว่า ถ้าหากภาพยนตร์เรื่องนี้.. เป็นเรื่อง
0888705xxx ของการแข่งรถแล้ว คนที่ดูเรื่องนี้ จะยังเห็นว่า.. รถวิ่งแข่งกันอยู่รึเปล่า? ซึ่งแน่นอนว่า จะเห็นเป็นแต่ภาพนิ่ง ที่ต่อๆกันไป หรือคือเห็นทีละSHOT ของรถ เท่านั้นเอง! ซึ่งเมื่อเห็นดังนี้แล้ว.. ถ้าจะไปบอกว่า เห็นรถนั้นวิ่ง.. ก็คงจะมิใช่! หรือ ถ้าจะไปบอกว่า เห็นรถนั้นไม่วิ่ง.. ก็คงมิใช่อีกเช่นกัน! เหตุว่ารถนั้น.. มีการเปลี่ยน ตำแหน่งไป ตามแต่ละเฟรม ของฟิมล์นั่นเอง! ฉะนั้นจึงพูดได้แต่เพียงว่า.. รถวิ่งแบบไม่วิ่ง! ซึ่งที่เรา
0888705xxx สามารถเห็น เป็นเช่นนี้ได้! นั่นก็เพราะว่า กำลังของสติ ในขณะที่ จิตวิมุตนั้น แก่กล้ายิ่งนัก! สามารถที่จะกำหนดรู้ ได้เร็วได้ทัน.. จนเหมือนว่า เห็นนาม-รูป เป็นหนังที่ สโลโมชั่น! หรือเห็นเป็นแต่ภาพนิ่ง ทีละSHOT ทีละSHOT ต่อๆกันไป เท่านั้นเอง! หรือภาษาธรรมะ จะเรียกว่า เป็นการเห็น การเกิด-ดับของนาม-รูป หรือคือ เห็นอนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตานั่นเอง! ซึ่งการที่เห็นเป็นนาม-รูป ที่กำลังเป็นทุกข์อยู่ เพราะด้วยความดิ้นรน เช่นนี้ได้.. จึง
0888705xxx มิใช่เกิดขึ้นจาก วิชาอ่านเอาเรื่อง แบบที่พธร. อุปโลกขึ้นมาเอง! เพราะวิชา การอ่านนั้น.. มันไม่ใช่เกิดขึ้นจากญาณ! หากแต่มันยังมีสังขาร เข้าไปปรุงแต่งเจือปน ในการอ่านอยู่ด้วย! จึงทำให้การรับรู้ ผัสสะนั้น.. ย่อมไม่ตรงกับ ความจริงแท้ อย่างแน่นอน! ฉะนั้นการปฏิบัต ด้วยวิธีการอ่านเอาเอง แบบพธร.นี้ จึงมิใช่วิธี วิปัสนา ที่ต้องการฝึกสติให้ไว! หากแต่เป็นวิปัสคิดเอง วิปัสนึกเอง วิปัสอ่านเอง วิปัสพูดเอง วิปัสเออเอง วิปัสชงเอง
0888705xxx วิปัสกินเอง วิปัสบรรลุเอง เสร็จสรรพ! ฉะนั้นจึงสรุปได้เลยว่า สำนักอโศกนั้น อรหันต์ย่อมจะเดินกัน ขวักไขว่ หันซ้ายหันขวา เต็มพืดกันไปหมด! เพราะได้ หัวหน้าสำนักสอนดี ได้ยินว่า เป็นระดับ สะยังอรัญญาด้วยนะ โหตุฯ

            พ่อครูว่า ก็ขอบคุณที่ส่งมาให้เห็นว่า คุณก็ยังยืนยันในทิฏฐิอย่างนี้ ซึ่งคนส่วนมาก ก็คิดเช่นนี้ แล้วพบกัน วันพฤหัสบดี

            ต่อไปเป็นการตอบประเด็น

  • ขอแก้ลักษณะนามที่เคยพูดไว้ผิดพลาด แก้เป็น
  • 800 เบี้ย เป็น 1 เฟื้อง
  • 50 เบี้ย เป็น 1 โสฬส(สิบหก) , 16 โสฬส เป็น 1 เฟื้อง
  • 2 โสฬส เป็น 1 อัฐ(แปด) , 8 อัฐ เป็น 1 เฟื้อง
  • 2 อัฐ เป็น 1 เสี้ยวหรือไพ , 4 อัฐ เป็น 1 เฟื้อง
  • 2 เสี้ยวหรือไพ เป็น 1 ซีก , 2 เสี้ยวหรือไพ เป็น 1 เฟื้อง
  • 2 ซีก เป็น 1 เฟื้อง , 8 เฟื้อง เป็น 1 บาท
  • 2 เฟื้อง เป็น 1 สลึง , 4 สลึง เป็น 1 บาท
  • 1 มายนหรือมะยง เป็น กึ่งบาท หรือ 2 สลึง
  • 4 บาท เป็น 1 ตำลึง, 20 ตำลึง เป็น 1 ชั่ง,80 ชั่ง เป็น 1 หาบ
  • เรียนถามว่า กิเลสที่ได้ทำการต่อสู้ เมื่อเกิดผัสสะ ผู้อื่นจะมองไม่เห็น ความผิดปกติ ภายนอกของเขา มีแต่เขาจะต่อสู้ภายใน ทุกครั้งเมื่อเจอข้าศึก ก็เผด็จศึก ได้ทุกครั้ง ใช้เวลาสั้นๆ เท่านั้น นี่คือ ฌาน ๓ หรือ ๔

ตอบ... คำว่าฌาน ที่บ่งถึงว่า ทำได้บริสุทธิ์หรือไม่ ถ้าอุเบกขา หมายถึงว่า บริสุทธิ์หมด อย่างฌาน ๓ นี่ก็มีสุขนิดหน่อย แต่ก็หมดแล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า มีพลังขจัดกิเลส ได้เร็วทันที จะอยู่ในฌานไหน ตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่ลักษณะของฌาน ที่จริง ฌาน คือไฟกองใหญ่ มีประสิทธิภาพ ทำลายกิเลสได้เลย อย่างฌาน ๑ ก็ไม่มีกิเลส แต่ต้องคุม มากหน่อย ฌานทุกขั้น คือจิตเป็นเอกัคคตา คือทำจิตได้อย่างประเสริฐ ยิ่งใหญ่แล้ว แม้ในลัทธินอกพุทธ ก็ทำจิตเอกัคคตาได้ ไม่มีนิวรณ์ได้ แต่ได้ชั่วคราว ของพุทธทำ ได้อย่างถาวร ส่วนความสามารถ ทำได้ทั้งเร็ว และมีหมัดเด็ด ชนะทันที ไม่ต้องนาน ก็คือ ประสิทธิภาพ เรียกว่า “วสี” คือมีอำนาจสูง แต่ถ้าได้ฌาน  ๔ ก็ว่างโล่งสบาย แล้วจาก ฌาน ๔ ก็จะได้อธิบายต่อว่า จะได้มากได้เร็ว คือการสั่งสมฌาน เป็นสมาธิ มีประสิทธิภาพดีขึ้น

  • กิเลสในขั้นอรูปอัตตา และกิเลสขั้นอรูปภพ คือกิเลสตัวเดียวกันหรือไม่ หากใช่ ก็แล้วการเกิดกิเลส จึงต่างกัน คือเกิดจากสัญญาเท่านั้นและ เกิดจากทั้งผัสสะ และสัญญา

ตอบ.. .อรูปอัตตา กับอรูปภพ มีพยัญชนะ และสภาวะต่างกัน อัตตาคือสภาพของตัวตน (อัตตาคือชาติ ไม่ใช่ภพ) ส่วนภพคือแดนอาศัย ดังนั้นที่ถามว่า กิเลสตัวเดียวกันหรือไม่ ก็กิเลสตัวเดียวกัน แต่บอกฐานะของภพหรือที่อยู่ต่างกัน แต่อัตตาคือ ความเป็นตน ในระดับ ต่างๆ อยู่ในอบาย กาม รูปภพ อรูปภพ มันเป็นตัวชาติ ที่เราจะมีอัตตา อยู่แค่ไหน และที่ถามต่อว่า หากใช่แล้ว การเกิดกิเลส จึงต่างกันบ้าง ... กิเลสอรูปอัตตา อรูปภพ เกิดจากสัญญา จะเกิดโดยมีผัสสะก็ได้ ไม่มีมีผัสสะก็ได้ ถ้าสัญญากำหนดรู้อรูป ก็ใช้ทั้งจิตกำหนด ที่ท่านหมายอย่างนั้น ก็เวลาคุณระลึกเอาความจำ คุณก็ต้องใช้สัญญา โดยตรง อัตตาในอรูปภพ ก็คือสัญญาเท่านั้น แต่ว่าในอรูปภพ ก็มีทั้งกาย คือทั้งนอก และใน ก็เป็นความกว้างต่างกัน ที่กำชับว่า ต้องมีผัสสะ เพราะต้องทำ ตามลำดับขั้นตอน ถ้าทำข้างนอกเสร็จ เหลือข้างใน ก็ไม่ยากแล้ว

  • คนที่เกิดช่วงพุทธันดร ถือว่าบุญน้อยหรือไม่

ตอบ... ก็ใช่ อย่างตอนนี้ก็ยังดี มีศาสนาพุทธเหลืออยู่ แต่ถ้าผ่านสองพันกว่าปี ต่อไป ก็ไม่เหลือแล้ว อาจเหลือ แต่ก็มีภาษาอื่น มากลบหมดแล้ว ไม่มีศาสนาพุทธ เรียกพุทธันดร คนที่เกิด ก็เป็นกลียุค ก็มีวิบากมากอยู่แล้ว คือ ช่วงพุทธันดร เลวร้ายมาก พระพุทธเจ้า ไม่มาเกิด สอนคนไม่ได้เลย จะมีวิบากกรรมมาก  กับพุทธันดร อีกยุคหนึ่ง ไม่มีศาสนาพุทธ แต่เพราะคนดี ไม่มีกิเลสเลย ก็ไม่ต้องอาศัย ศาสนาพุทธ ยุคนั้น คนมีวิบากดีมาก แต่กลียุคนี้ วิบากมากทางทุกข์

  • คนที่รักสะอาดความเรียบร้อย มีระเบียบ ทำไมต้องตาย ต้องตกนรก ดิฉันไม่เข้าใจ คนที่สกปรก น่าจะตกนรกมากกว่า ไม่ใช่หรือ?

ตอบ... ใครพูดนะว่าแบ่งทุกข์มากหรือน้อย อยู่ที่ความสะอาด และสกปรก และมัน กลับกันด้วยนะ ... คุณรักความสะอาด อุปาทานคุณก็คือ ความสะอาด องค์ประกอบ ที่ตายไปแล้ว จะไปภพมีระเบียบหรือไม่ เป็นอจินไตย คิดไม่ออกหรอก แล้วตายไป จะทุกข์มากหรือไม่ ก็ตอบไม่ได้

  • สัจธรรม แปลว่าอะไร?

ตอบ...คือธรรมะที่เป็นความจริง ก็แยกเป็นสมมุติสัจจะ ปรมัตถสัจจะ สองอย่างใหญ่ๆ แล้วก็แยกย่อยไปอีก

  • ถามว่าง้วนดิน คืออะไรครับ

ตอบ...เป็นภาษาที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวมา แล้วโบราณาจารย์ แปลกันว่า ง้วนดิน ก็ช้อนมากิน เป็นอาหารด้วย ก็คงจะหมายความว่า ท่านย่อลัดๆ สั้นๆ ว่า การกำเนิดโลก พอโลก มีดินน้ำไฟลม แล้วมีชีวะ ก็เริ่มเป็นพีชะ แล้วก็มีจิตนิยาม ก็เจริญไป ก็กินอาหาร ง้วนดินก็คือ อาหารที่เกิดจาก ธาตุดิน ก็กินดิน ก็มากินพืช กินสัตว์ ก็พัฒนาไป แต่เริ่มต้น ก็กินดิน กินน้ำมาก่อน ท่านก็เริ่มจากง้วนดิน ที่ว่ามีโอชะ สรุปคือ อาหารของสัตว์ ก็หลงติดกันไป ต่างๆนานา

  • ขายบ้านที่อยู่มานาน ขายอย่างไรไม่บาป

ตอบ... ขายให้ขาดทุน ถ้าขายกำไร บาป

  • การเช่าพระบาปไหม หากบาป ทำไมบาป

ตอบ... คำว่าเช่านี้คือคำเลี่ยง ที่จริงคือการซื้อขายขาดกัน แต่ที่เอาคำว่าเช่า มาแทน เพื่อเลี่ยงไปว่า ไม่อยากเป็นการซื้อขายพระ หรือใช้คำว่า บูชา... คำว่าบาปนี้ มีลักษณะ อย่างใหญ่ สองอย่าง คือ ๑.โง่ หรืออวิชชา ซึ่งบางที คนเราฉลาดมาก แต่อวิชชา (เฉโก) แต่ถ้าฉลาด อย่างปัญญา คือทำกิเลสลด คนที่ทำบาปนี่คือ คนโง่ เพราะมีกิเลส กิเลสทำให้ตนทำบาป กิเลสทุกตัว ถามว่าเช่าพระนี่บาปไหม? ถ้าคุณไปเช่า โดยมีกิเลสก็โง่ อย่างน้อย ถ้าเช่าพระ คุณจะนำพระไปทำไม แล้วคุณฉลาดอย่างไรล่ะ ถ้าเช่ามาให้ตนรวย ให้แคล้วคลาด อันนี้โง่ แต่ถ้านำพระมา เพื่อรำลึกถึง พระพุทธเจ้า จะได้ปฏิบัติธรรม ให้เจริญ แล้วก็เช่าพระมา โดยไม่หลงผิดว่า เช่ามาเพื่อให้มี ฤทธิเดชอะไร คุณก็ไม่บาป โดยเฉพาะ มาลดกิเลส ก็ดีมากเลย จะซื้อพระ ก็ไม่บาป แต่อธิบาย โดยภาพรวม การซื้อขายพระ มีเจตนาไม่ดี มอมเมาไปมาก ก็เป็นเรื่อง กิเลสมาก สรุปว่า ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด คือบาป

  • อยากรู้ที่ถูกของ ๘๗๐๕ คืออย่างไร ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุธรรม ถามหน่อยว่า ผู้ปฏิบัติธรรม ประชดประชัน แดกดันเป็นด้วยหรือ?

ตอบ...ก็ตอบแทนเลยว่า ที่คุณ ๘๗๐๕ ก็สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล และความเห็น ก็บอกความจริง

  • อยากให้พ่อครู วิปัสสนาเรื่อง คารวะ ๖

ตอบ... เป็นเรื่องของ เคารพใน  พระพุทธ - ธรรม - สงฆ์ - การศึกษา - ไม่ประมาท - ปฏิสันถาร นี่คือคารวะ ๖ อย่างพุทธ - ธรรม - สงฆ์ ก็ไม่อธิบายมาก แต่การศึกษานี้ ทุกวันนี้ การศึกษา พาทำลายสังคม เราต้องศึกษา ให้ตัวเราเจริญแท้ อย่างปรมัตถ์ จึงไม่เสื่อม แต่ถ้าศึกษา อย่างทุกวันนี้ ก็ยืนยันว่า ศึกษาโลกีย์ เท่ากับศึกษา เป็นศาตรา เอาไปเอาเปรียบ ซึ่งคนที่ได้เปรียบ ก็เอาเปรียบ เพราะไม่ลดกิเลส ศึกษามาก ศาตรา ก็ร้ายแรงมาก เป็นการศึกษา ที่ไม่น่าเคารพ จะเคารพก็ต้องศึกษา ให้เป็นคนดี จนล้างกิเลสได้ ก็น่าเคารพ พระพุทธเจ้า สรุปธรรมะทุกอย่าง สรุปที่ความไม่ประมาท ที่เหมือน รอยเท้าช้าง เป็นที่รวมของทุกเท้าเลย เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ แม้อรหันต์ ก็ไม่ประมาท ส่วนปฏิสันถาร เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของสังคม พระพุทธเจ้า ท่านตรัสเลยว่า เป็นผู้ปฏิสันถารก่อน เป็นอัชฌาสัย อันนี้พ่อครูว่า ตนด้อยเรื่องนี้ ถ้าพ่อครู มีปฏิสันถาร อย่างดี พ่อครูจะเป็นที่เคารพ มากกว่านี้ ผู้มีปฏิสันถารนั้น น่าเคารพ

  • ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด ขอให้ ๘๗๐๕ มาอยู่อโศกสัก ๗ วันถึงหนึ่งเดือน มาแบบปลอมตัว ไม่ให้ใครรู้ มาดูหน่อย อย่าเอาแต่เดาเลยนะพวก จะได้รู้ความจริง

ตอบ... พ่อครูว่า แม้มาก็สัมผัสได้ พ่อครูก็พูดด้วยความเชื่อว่า คงไม่ศรัทธา เลื่อมใส เพราะทิฏฐิ หรือ Trend of though มุ่งไปคนละทาง ยิ่งมาสัมผัส ก็จะว่า ไม่ปฏิบัติธรรมเลย วุ่นทั้งวัน ดังนั้น อยู่ไกลห่างๆ ก็ดีแล้ว ถ้ามาก็หนักเลย จะมีมุม ที่หนักเลย เพราะเป็นสภาวะ ซับซ้อน ทวนกระแส จะเข้าใจได้ยากมากเลย ยิ่งสูงสุด ยิ่งคืนสู่สามัญ เหมือนพ่อครู ไม่ได้คำนึงตัวตน เอาประโยชน์เป็นหลัก จึงเหมือน ไม่มีสมณะสารูป จึงเอาคนที่มีปัญญา และเป็นการคัดคนด้วย ถ้าคนถือสา ก็ได้รับ การคัดเลือกออก เอาคนที่ตีเข้าหาเนื้อ ไม่ติดเปลือก ไม่ติดท่าทางสื่อแสดง แต่เอาเนื้อได้ พ่อครู เจตนาอย่างนั้นจริงๆ ก็ยากอยู่

  • การที่เรามีเงิน แล้วปล่อยกู้ กินดอกในระบบ และนอกระบบ อันไหนบาปกว่ากัน

ตอบ... พ่อครูว่า ก็ไม่อยากให้ทำทั้งคู่ ถ้าให้ตอบ ก็ในระบบหรือนอกระบบ แล้วคุณ ไปขูดรีดเขาน้อย การขูดรีดน้อย คือบาปน้อยกว่า

  • ได้ฟังธรรมะของพ่อท่านโพธิรักษ์ หรือผู้ใด จิตก็เกิดเบาสบาย ไม่มีอคติ ขออนุโมทนา กับพ่อท่านด้วย
  • ฝากบอก ๘๗๐๕ ไม่ไปแขวะเณรคำ เป็นพวกเดียวกันไม่ใช่หรือ สงสัยนอนหลับ คงคิดถึงแต่พ่อท่าน

ตอบ.. เขาอาจไม่ใช่พวกเดียวกันนะ เณรคำนี่ซับซ้อน

  • มีเทปเก่าใช้ไม่ได้ จะเอาไปขาย บาปไหม

ตอบ...บาป ก็ของใช้ไม่ได้ไปขายก็หลอกเขา แต่ถ้าขายเป็นพลาสติก หรือแยกขายก็ได้ ขายต่ำกว่าทุน ก็ไม่บาป...

จบ

       

 
๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ที่ สันติอโศก