|
||
พ่อครูเริ่มรายการ บุญหมายความว่า ชำระกิเลส ขอบุญโฮม คือให้มารวมกัน เพื่อมาลดกิเลส ใครไม่อยากมาก็ต้องฝืนตัวเองมา มาลดกิเลส มาพบหน้าพบตากัน เดือนละครั้งก็ขอมาเห็นหน้ากันหน่อย ก็สละกิเลสหน่อย นี่คือขอบุญโฮม ตอนนี้อโศกดีขึ้น เพราะเราเห็นความเสื่อม ความไม่ดีของเรา และเราก็ต้อง ปรับปรุง ถ้าเราเห็นสิ่งไม่ดี สิ่งเสื่อมของเรา แล้วเราเฉย หรือเราหลงว่า มันเป็นสิ่งดี นี่ยิ่งแย่ แต่ถ้าเราสามารถเห็น ความเสื่อมแล้ว เราก็สำนึกแล้วแก้ไข ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทำให้ดีขึ้น ตั้งใจให้ดีขึ้น ก็คือทิศทางการพัฒนา ของมนุษย์เรา เราเจริญขึ้น เพราะเราเห็น ความเสื่อมของเราเอง แล้วเราพยายามแก้ไข ความเสื่อม ของเราเอง ถ้าเรายิ่งดันทำไป ก็เสื่อมมากขึ้นแน่ อาชีพการกระทำทุกอย่าง แม้แต่กัมมันตะ เราไม่ตลบแตลง ซึ่งมันเป็นอกุศล ทุจริต เรามาที่นี่ เราตั้งใจมาปรับปรุงตนเอง เราได้มาแล้ว ก็ช่วยกันพัฒนา คนละไม้ คนละมือ จนเป็นสนามแม่เหล็ก แห่งคุณธรรม อย่างชาวอโศก เป็นสนามแม่เหล็ก ซึ่งไม่ว่าเหล็กใด ตกมาอยู่ในชาวอโศก เป็นกัลยาณมิตโต กัลยาณสหาโย กัลยาณสัมปวังโก จะมีแรงสนามแม่เหล็ก เหนี่ยวนำ ให้ไปในทิศทางนี้ มันจะปรับ ให้เข้าที่ เข้าทางหมด อย่างพวกเราไม่รู้เรื่อง จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ อวดดี กระโดดไปสู่สนาม แม่เหล็ก โลกีย์ มันก็เหนี่ยวนำ ไปในทิศทางของมัน ทิศเหนือของเขา ก็คือทิศใต้ของเรา ทิศตะวันตก ของเขา ก็เป็นทิศตะวันออกของเรา มันคนละทิศทางเลย แต่ถ้าจิตคุณ เป็นนิวทรอน เป็นกลางเลย คุณจะไปตกที่ไหน ก็ไม่มีแรงเหนี่ยวนำ ให้เป็นอย่างเขา คือ จิตอรหันต์ ท่านก็เป็นอย่างท่าน ตลอดกาลนาน ถ้ามนุษย์มีพลังงานนิวทรอน จะรักษาตนรอด ทุกแห่งหน ไม่ว่าสนามแม่เหล็ก ใหญ่ปานใด ก็เหนี่ยวนำให้ท่าน เป็นอย่างโลกไม่ได้ เด็กๆจบ ออกไปในสนามแม่เหล็กโลกีย์ จะได้เท่าใด เก่งเท่าใดกันเชียว แม้ผู้ใหญ่ ก็เถอะ ถ้าไม่เชื่อก็แล้วไป ว่าที่นี่ ทำให้คนพ้นทุกข์ ทำให้คน เป็นคนดีที่สุด เพราะใช้สูตร พระพุทธเจ้า เมื่อเช้าเดินบิณฑบาต ก็ได้พูดกับสมณะว่า ปฐมอโศก จะเป็นที่ๆ คนไปดูงาน ยิ่งกว่าคนไปดู ชุมชนอามิช ที่แคนาดา ที่เขาเกิดมา ๓๐๐ กว่าปีแล้ว เขามีวัฒนธรรมเขา เขาอยู่ท่ามกลาง โลกโลกีย์ ไม่ปฏิเสธโลก อย่างเครื่องมือเทคนิค เขาไม่เอา เขาใช้รถม้า ไม่มีไฟฟ้า ลงแขกทำงาน เขาก็ทำของเขา ทำมา ๓๐๐ ปีมาแล้ว ก็กลายเป็นสถานที่ ที่คนไปดูงาน อามิชก็ระดับนั้น แต่ของเราระดับ สาธารณโภคี สูงสุดยอดแล้ว คือมีสมบัติ เป็นของส่วนกลาง ใครไม่มีสิทธิ์แบ่งแจก ทุกคนมีสิทธิ์กินใช้ แต่เอามาเป็นของตนไม่ได้ คนที่พอใจ อยู่กินอย่างนี้ ดำเนินชีวิตอย่างนี้ ก็มาอยู่ ถ้าในอีก ๕๐ ปี ต้นหมากรากไม้ ก็จะเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้บ้านช่องเรือนชาน ของชาวปฐมฯ ก็ใหญ่โต หาเรือนมุงจาก มุงแฝก ไม่ค่อยมีแล้ว มีแต่อาคาร ถ้าเราไม่หลง ใหญ่โต ก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งแวดล้อมที่สบาย ทำให้คนติดสบายไม่เจริญ ยกตัวอย่าง เรื่องการเงิน เขาถามว่า จะเอาเงินไปฝาก เป็นแบบฝากประจำ จะได้ดอกเบี้ยมาก ดีหรือไม่? แต่พ่อครูบอกว่า มันเลว ไม่ใช่เรื่องดี เป็นวิธีการ ทางโลก ที่ชักจูง ให้คนไปฝากเงิน ถ้าได้ดอกมาก เราก็ฟูใจ ไม่ได้ก็แฟบ พ่อครูพูดถึงว่า การที่เรา ได้ไป ฝากเงินธนาคารนี่ ที่จริงเราควร ให้เงินค่าฝากแก่เขา ไม่ใช่ไปเอาดอกเบี้ย จากเขา พ่อครูว่า เคยให้ที่สันติฯใช้เซพเก็บเงิน แต่ก็ลำบาก เงินมันติดกัน เป็นปึก เสียหาย ก็ต้องยอม ไปฝากธนาคาร ตอนนี้ เราเกิดเหตุการณ์แล้ว ใครบกพร่องก็ปรับขึ้น แม้แต่ที่เนินพอกิน ก็พบ ความบกพร่อง ก็เปลี่ยนแปลงเสีย แม้แต่พาณิชย์บุญนิยม ก็มีหลักเกณฑ์ ธรรมนูญ ของเราว่า ไม่ให้ญาติพี่น้อง ของพนักงาน ร้านค้าของเรา ทำของมาฝากขาย ซึ่งดูอย่าง โลกๆ ก็ว่าเป็นการโหดร้าย และอาจทำให้ คนเราลดลงไป ที่จะมาช่วยงานหรือไม่? พ่อครูว่า มาทบทวนแล้วก็ไม่ได้ ต้องทำตามธรรมนูญ และถ้าจะขาด อาสาสมัครไป ก็ทำเท่าที่ เราทำได้ ไม่อย่างนั้น จะหลวม ตัวหลักของการเจริญความโลภและเสื่อม ในความเป็นมนุษย์ เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว เห็นแก่พี่แก่น้อง พรรคพวก นี่คือความเสื่อม แต่ถ้าเราพึ่งตนเองไม่ได้ ก็ต้องยอมไปก่อน แต่ถ้าเราพึ่งตนเองได้ ก็ต้องเคร่งครัด อย่างปฐมอโศก เราปรับไปถึง เนินพอกิน ตอนนี้ก็จัด คณะบุคคล ไม่ว่าจะสมณะ และฆราวาส ก็จัดทำกัน ให้พอเหมาะ พอสม นี่คือ ลักษณะก้าวหน้า ของพวกเรา ที่ได้ลงหลักปักฐาน มนุษย์อาริยะ อาริยะไม่ใช่พวกมิลักขะ พวกมิลักขะ คือพวกเสื่อม ไม่เจริญ แต่ว่าตีกลับ ไปยินดี ในความไม่เจริญ เป็นความเสื่อม คนมาอ้างว่า พวกเราสุดโต่ง พ่อครูว่า... สุดโต่งคือ เลยอรหันต์ แล้วพวกเราเป็นโสดาฯ สกิทาฯ อนาคาฯ กันแล้วหรือยัง ? แต่คนเข้าใจไม่ได้ ว่าเราสุดโต่ง เพราะว่าโลกมันไปไกลแล้ว ตกต่ำไปมากแล้ว เราก็ว่า เราไม่สุดโต่ง เรายังมีอีกมาก ที่ต้องลดละ ดีแล้วที่ปฐมอโศก เป็นคลื่นที่ช่วยให้ที่อื่นปรับตัว สันติฯก็ยังปรับกันอยู่ ในเรื่อง ของการเงิน ที่ก่อความโลภ กำลังปรับตัว กันอย่างสำคัญ ที่สันติฯก็ดีขึ้น มีการรวม ๓ บริษัทกัน อย่างการมาบวช นี่คือมา ญาติปริวัฏฏัง ปหายะ โภคักขันธา ปหายะ จึงเป็น สาธารณโภคี แต่ศาสนาพุทธในทั่วไป ทำไม่ได้แล้ว พระไม่ใช้เงิน ไม่ได้แล้ว อย่าไปพูด ถึงสาธารณโภคี แต่อโศกทำได้ในยุคนี้ อย่าว่าแต่สมณะเลย ฆราวาส ยังเอามาทำได้เลย ไม่ต้องพูดหรอก อย่างสมีคำ นี่เน่าเสียกว่าเน่าเลย ในวงการศาสนา องค์รวม ของพุทธ ทำญาติปริวัฏฏัง ปหายะ โภคักขันธา ปหายะ ไม่ได้แล้ว แม้บางวัด เจ้าอาวาส ทำได้ แต่ลูกวัด ทำไม่ได้หรอก สาธารณโภคี ทำไม่ได้แตกระแหงอยู่ ในวงสงฆ์ เขาทำศีล ๑๐ ไม่ได้ ทำ ญาติปริวัฏฏัง ปหายะ โภคักขันธา ปหายะ ไม่ได้ นอกจากญาติ เขาจะมา สงเคราะห์พระ ด้วยเหตุอันสมควรได้ แต่พระไปสงเคราะห์ญาติ ไม่ได้เลย ไปเอื้อมเอื้อ ให้ญาติเรา มารับใช้ไม่ได้ แต่ญาติธรรม จะมาทำบุญ ช่วยเหลือ ก็ควรทำ เขามีหน้าที่ด้วย แต่พระนี่ ไปช่วยญาติไม่ได้ ในเรื่องวัตถุ ถ้าไปเชื่อมโยงผูกพัน ยิ่งถักทอ อีรุงตุงนัง เป็นเยื่อใย มันต้านกัน พ่อครูก็ยัง อุ่นใจว่า ในองค์รวมสมณะ ส่วนรวม ก็เป็นไปได้ ถ้าอโศกเป็นอย่างนี้ ไปอีก ๑๐๐ ปี อโศก จะมหัศจรรย์ ยิ่งใหญ่ แต่ว่าทุกวันนี้ ก็มหัศจรรย์แล้ว แต่เขาไม่รู้ พูดดังๆ ว่าชาวอโศกนี่ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีเศรษฐศาตร์บุญนิยม มีรัฐศาสตร์บุญนิยม อย่างแท้จริง บุญคือเนกขัมมะ คือเอาออก แต่ว่าดันผ่าเข้าใจว่า บุญคือเอามา คือต้องได้ลาภยศ สรรเสริญ แม้แต่สุข ซึ่งสุขเราต้องล้าง มันเป็นสุขเท็จ สุขัลลิกะ แต่คนติดกิเลส เข้าใจยาก ทุกวันนี้ ซับซ้อนและเพี้ยน สิ่งที่น่าลดละ ก็กลับเป็นสิ่งน่าได้ น่าเป็น น่าเอา ก็ไม่ต้อง ปฏิบัติธรรมกัน ศาสนาพุทธ จึงเป็นหมัน และล้มเหลว แต่พ่อครู ก็มั่นใจว่า พวกเรา พอเป็นได้ จะรักษากันไว้ไหม? ...รักษา เรามีฐานทางจิต หรือฐานทางพฤติกรรม ที่เป็นไปได้ ปฐมอโศกถือว่า ๑.ไม่เป็นหนี้ ๒.พึ่งตนรอด ๓.มีส่วนเหลือส่วนเกิน ๔.ใช้ส่วนเกิน เจือจุนสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งปฐมอโศก สำเร็จแล้ว ไม่ติดขัด ไม่ต้องสะสมหรอก มีหลักอปจยะ นี่เป็นหลักตัดสิน ธรรมวินัยพุทธ ไม่สะสม แล้วจะรอดหรือ รอดสิ เพราะเราทำงานทุกวัน คน ๕๐๐ คน คงไม่ป่วย พร้อมกันหมด ป่วยก็น้อย ส่วนใหญ่ไม่ป่วย ก็ทำงานสร้างสรร มีหมุนเวียน ตลอดกาลนาน ไม่หมดตัวหรอก เพราะเรากินน้อยใช้น้อย แต่ทำมาก ก็มีส่วนเกินมาเผื่อ เด็ก คนป่วย คนพิการ คนไร้สมรรถนะ - คนโกง และขี้โกง คนขี้เกียจและขี้โกงข้างนอกมาก แต่พวกเรามีน้อย เพราะพวกเรา มาปฏิบัติธรรม ก็มาละอบายมุข แต่ก่อน เราไม่ขยันขนาดนี้ เราขี้เกียจมาก แต่ตอนนี้ เราขยันจัง ไม่รู้ว่า จะทำได้ ถ้าทำได้ขนาดนี้ เมื่อก่อน ไม่เข้ามาแล้ว แต่มาแล้วก็ไม่ไป ไม่กลับแล้ว เราทำอย่าง ไม่ฝืนแล้ว มันเข้าฝัก ลงตัวแล้ว ขยันเป็นปกติสามัญ ไม่ต้องดันให้ขยันเลย อัตโนมัติ ปัญญาจะเห็น และรู้เลยว่า ขยันดีกว่าขี้เกียจ แล้วเรื่องอะไร เราจะขี้เกียจ คนเรา ก็อยากดีทั้งนั้น โดยสัจจะ เมื่อปัญญามันเป็น และไม่มีกิเลสดึง ก็ขยันโดยไม่มีติดขัด เราไม่พัก เราไม่เพียร เราข้ามโอฆะสงสาร (อรหันต์) ถึงเวลานอนก็นอน ถึงเวลาเพียรก็เพียร ถ้าป่วยก็ควรพัก เรามีอิทธิบาท เป็นเครื่อง แสดงอายุ คนที่ยังไม่ตาย คือคนขยัน เป็นคนขยันก็คือ คนยังไม่ตาย หากคนที่ขี้เกียจ ไม่ขยัน นี่คือไม่ใช่คนเป็น เป็นคนตายเน่าแล้ว เป็นสัจธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ผู้ที่ชื่อว่า ยังไม่ตาย มีอิทธิบาท ๔ เป็นเครื่องแสดง ความเป็นมนุษย์ คือผู้มีใจสูง อะไรเป็นเครื่องแสดงความมีพลัง .เด็กๆตอบ ...วิมุติ... คนยิ่งไม่มีกิเลส ยิ่งมีพลัง สร้างสรร มหาศาล มีพลังยิ่งกว่าคนโลกๆ ที่เขาเอาอามิสล่อ อย่างกับ ลาที่เขาผูกหญ้า ล่อไว้นำหน้า มันไม่ได้กินสักที คนก็ได้แรง ที่ลาเดินไป คนโลกๆ ที่ขยันทำงาน เพราะอามิส ก็โง่เหมือนลา ฉันเดียวกัน แต่ว่าคนมีปัญญา ก็ขยันโดย ไม่ต้องอาศัยอามิส พ่อครูพูด จนนายเปีย เอาไปแต่งเพลง ขยันก็ตาย ขี้เกียจก็ตาย เราไม่พัก เราไม่เพียร เราคือ ผู้ข้ามโอฆะสงสารได้แล้ว พ่อครูพูดไปแล้วว่า เราพากเพียร อย่าให้เสื่อม แล้วเราก็ขันชะเนาะ ปรับปรุง ให้ดีขึ้น มันยังมีความก้าวหน้า ได้อีกมากมาย มีสิ่งปรับปรุงแก้ไข มากมาย อีกซัก ๕๐ ปี ข้างหน้า พวกเราจะมี สิ่งดีกว่านี้ อย่างทางโลก เขาไม่มีสิทธิ์แข่งเรา พวกเราเห็นไหม เดี๋ยวนี้ เทคโนโลยีก้าวไกล รู้ข่าวสารหมด มีไหม ที่มีชุมชน ที่เป็นคู่แข่งของอโศก ถ้าพากเพียรไปอีก ๕๐ ปี อัตราการก้าวหน้าอย่างนี้ จะพัฒนาอีกไกล แล้วคู่แข่งนั้น ยังไม่เข้ากระแส โลกุตระเลย แล้วจะมาทันเรา ได้อย่างไร แม้แต่ มหาเถรสมาคม ก็ไม่มีทวนกระแส มีแต่หนีโลก เป็นฤาษีโลกันตะ ออกป่าเขาถ้ำ อย่าไปวุ่นกับสังคม การเมือง เขาไม่มีโลกุตรจิต เขาไม่เอา แต่ของเรารู้เข้าใจ แล้วเราเอา ยืนยันพิสูจน์ ให้โลกรู้ได้ ถ้าเรายืนยัน พัฒนาไปอีก ๕๐ ปี สิ่งนี้จะเป็น สิ่งมหัศจรรย์ ของโลก ยิ่งกว่าทัชมาฮาลอีก มันเป็นสังคม ที่มีระบบวิธี การดำเนินชีวิตอยู่ ฟังดีๆ แล้วเอาไป ทำความเข้าใจ มีปัญหา ๔ ข้อ จากประธานชุมชน ให้พ่อครูอธิบาย ตอบ... การเงินนี่คือ เครื่องใช้ธรรมดา เงินเป็นสิ่งแทนค่า ใครไปหลง สิ่งแทนค่า เป็นอำนาจ ไปหลงเป็นแก้วสารพัดนึก ก็ตกเป็นเหยื่อแล้ว แก้วสารพัดนึกคือ สิ่งช่วย ความเห็นแก่ตัวของเรา อย่าไปเห็นแก่เงินอย่างนั้น ต้องเห็นว่า เงินเหมือน สิ่งแทนค่า เหมือนสิ่งของทั่วไป แล้วเราก็ไม่ต้อง หลงอำนาจเงิน มาบำเรอตน ถ้าทำให้ถูกต้อง ต้องใช้ให้เหมือน วัตถุก้อนหนึ่ง อธิบายว่า ถ้าของหล่นข้างทาง ราคาเป็นพันเลย คุณก็ไม่ได้รู้สึกว่า จะต้องดูแลรักษา แต่ว่าเห็น ธนบัตรใบละ ๑๐๐ ตกอยู่ คุณก็รีบเก็บ ไปดูแล กลัวเปียกหรือหาย นี่คือความเผินของมนุษย์ ที่เห็นไม่ตรงกับสัจธรรม ทั้งที่ ของที่วางอยู่ มีราคามากกว่า นี่คือความหลงเงิน เราต้องทำความเข้าใจเงินให้ดี หรือ ธนบัตร นี่แหละ การทำบัญชี การเงิน การคลัง ต้องทำอย่างสุจริต ตามหลักเศรษฐศาสตร์ และ ไม่ลำเอียง เข้าข้างใคร ให้สุจริต ในการคลัง ต้องดูหลักเศรษฐศาสตร์ จะมีเงินคงคลัง จะสะพัดเท่าไหร่ จึงมีประโยชน์ ยิ่งคงคลังของบุญนิยม เราไม่ต้องสะสมมาก มีเราก็ต้อง รีบสะพัด ให้เกิดคุณค่าประโยชน์ ให้คนที่เป็นนาบุญ พวกโลกีย์ ทำไม่ถูก ผลก็เป็นอย่างที่มันเป็น ฆ่าแกง แย่งชิงกันตลอด ไม่สงบสุขหรอก ที่พ่อครูว่าอีก ๕๐ ปี ที่นี่จะเป็นที่มหัศจรรย์ เพราะทางโลก ไม่มีทางออก เขาไปอย่างโลกีย์ จะไปไม่รอด ฆ่าแกงกัน และเขาก็จะแสวงหา สิ่งที่ดี อย่างอโศก แล้วมีไหม ? .เขาจะถามหา เชื่อว่าพวกเรา ก็ยืนหยัดยืนยันต่อ พ่อครูก็ไม่ประมาท จะอยู่ไปอีก ๗๐ กว่าปี จนกว่า อายุ ๑๕๑ เพราะสงสารโลก จะทำให้เห็นว่า มนุษย์ยังมีสิ่งดี ที่ทำได้อีก เป็นสังคม วัฒนธรรม มีระบบ มีระบอบธรรมาธิปไตย ซึ่งของเขา เป็นแค่ประชาธิปไตย เขาก็ได้ อย่างของเขา แต่เราเป็นทุกระบอบ ที่ทางโลกเขามี แต่เรามีธรรมาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น เผด็จการ หรือประชาธิปไตย สังคมนิยม เราก็ทำได้ ถ้ามีคุณธรรม ระบอบคณาธิปไตย ผู้บริหารดูแลจัดการ ถ้าผู้บริหารซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่ตัวก็ดี ส่วนธรรมาธิปไตยนั้น ผู้บริหารก็ดีแน่นอน ประชาชน ยกให้มาบริหาร ผู้มีคุณงาม ความดี มีคุณธรรมจริง ก็จะมีปัญญารู้จริงว่า เราทำได้ เราควรทำ ไม่ต้องเอาอามิส มันยากหน่อย เพราะคนยังไม่ค่อยดี ก็จะรู้ ถ้าคนดี ขึ้นมาช่วยทำ ก็ดีก็รู้ ถ้าเรามีฝีมือ ก็มาทำ ให้คนมาช่วยเราทำได้ แต่ถ้าต้องจ้าง เอาโลกธรรมมาเป่าลม ให้มันทำ มันก็โลกีย์ ธรรมดา แต่ถ้าโลกุตระ เราไม่ต้องล่อเลย เขาจะมาช่วยทำ ดีไม่ดี เขาก็จะมา ช่วยเองเลย เราไม่ให้ทำ เขาก็จะมาช่วยทำ บางคนเราไม่ให้ทำ ให้ออกไป เขายังดัน มาทำเลย ... จบ
|
||
|