560719_รายการเอื้อไออุ่น โดยพ่อครู ที่ชุมชนวังน้ำเขียว
เรื่อง อโศกควรอยู่อย่างดูไปในวิกฤติการเมือง

       พ่อครูเดินทางจากสันติอโศก โดยรถยนต์ตั้งแต่ ๑๔.๐๐ น. มาถึงชุมชน วังน้ำเขียว ในเวลาประมาณ    น.

ที่นี่อากาศสะอาด ต้นไม้เอาคาร์บอนไดออกไซด์ เราก็ได้ออกซิเจน แต่คนในเมือง ไม่มีต้นไม้ ก็แย่ ล่าสุดได้ดูข้อมูล ของชาวหรรษา มีอายุเฉลี่ย ๑๒๐-๑๔๐ ปี ตอนนี้ เราก็เลย ทำวิจัย เรื่องสรีระ และเรื่องจิตใจด้วย ทำเป็นวิทยานิพนธ์ เป็นหลักวิชา เป็นลึก หลายชั้น ทางจิตวิญญาณ ก็จะมีการทำวิจัย ให้เป็นหลักเป็นฐาน ทางวิชาการ ก็มีการ ต่อเชื่อมกันอยู่ ซึ่งมันก็ไม่ง่าย แต่ก็เห็นทางอยู่ ก็ปรับปรุง แก้ไขกันไป

       พ่อครูมั่นใจว่า ชาวอโศกจะเป็นผู้อายุยืนกัน ยิ่งมาถึงวันนี้ ก็ได้ทั้งรูปและนาม ทั้งวิชาการและวัตถุ ส่วนทางจิตวิญญาณ เรื่องนามธรรม ที่จริง โครงสร้างของ นามธรรม และวัตถุธรรม ก็อันเดียวกัน แต่นามธรรม มีความลึกซึ้งซับซ้อน ยิ่งระดับ สัจจะ ย้อนสภาพแล้ว คนจะงง มีลักษณะ วนแบบขึ้นบันไดไปเรื่อย และมีมิติ ที่หลากหลาย คนไม่มีสภาวะ ไม่เข้าใจ จะเห็นว่า มันย้อนกลับที่เก่าหรือวน เหมือนกลับมา ที่ผิดเดิมอีก แต่ไม่ใช่ ลักษณะเหมือนสปริง ซ้อนกันขึ้นไปเรื่อยๆ

       กามสุขัลลิกานุโยค กับอัตตกิลมถานุโยค ก็มีลักษณะคล้ายกัน คือการลดอัตตา กับลดกาม มันซับซ้อนลึกซึ้ง จะช่วยกันเสริมสร้างไปเรื่อยๆ มันยังไม่เคยมี ก็เลยดูยาก

       ตอนนี้ตัดเข้า เป็นรายการสดทาง FMTV ...ตอนนี้ที่นี่ มีใครมาดูแล มาอาศัย อยู่บ้าง.... ก็มีคนอยู่บ้างคอยดูแล ทุกวันนี้พ่อครูสรุปแล้ว ว่าเราเอาสูตร “ดูไป” ไม่เอาสูตร “ดูไบ” เราไม่ใช่พวก ที่จะไปหักอะไร สิ่งไม่ดี เราไม่หักหรอก เรามีแต่ให้เขาลด  ถ้าเขาไม่ลด เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็ดูไป แต่ถ้าเขาลด เราก็เดินไปด้วยกัน ด้วยดี ตอนนี้ เขาไม่ยอมลด เขาจะพุ่งไป เราก็ได้แต่ดูไป แล้วแต่วิบาก ซักวันหนึ่ง มันก็จะเกินขีด มันไม่สมดุล แล้วมันจะเป็นอย่างไร ก็ยังไม่มีคำตอบ ถ้ามีแรงสูงพุ่งไป ตกมาก็หนัก แตกกระจาย ระเบิด ตามแรงกิริยาปฏิกิริยา

       พวกเราทวนกระแส ทุนนิยม ทุนนิยมเขาใช้การเสพ ได้ก็สุข ไม่ได้ก็ทุกข์ เขาก็เดิน ในทิศทางนี้ แต่พ่อครูพามาทำ ทิศทาง ทวนกระแส และพวกเรา ก็มาเป็นได้แล้ว อย่าให้หลงเตลิดไป จะมีช่วงที่เรา ทำได้ดีแล้ว เราจะหลงดี หลงมาก แทนที่เรา จะน้อยลง ให้มีขีดพอ แต่ทางโลกเขาไม่มีพอ มีแต่เพิ่ม เหมือนปากกรวย ไม่มีที่สิ้นสุดหรอก

       อย่างที่คานธีพูด สมบัติในโลกนี้ มีพอให้แบ่งกันแบ่งใช้ ไปได้ชั่วนิรันดร์ แต่ทรัพยากร ในโลกนี้ ไม่มีพอ สำหรับคนโลภ เพียงคนเดียว

       สุขัลลิกะมันไม่มีพอ ไม่จบ อัตตกิลมถะ ก็ไม่พอไม่จบ มันเป็นปากกรวย แต่ธรรมะ พระพุทธเจ้า มีสิ้นสุดที่ก้นกรวย หมดได้ที่อรหันต์ ชีวิตมันจะมีสุขสงบ ไม่ต้องสุข อย่างโลกีย์ เราสามารถลดได้ ก็เรียกว่าไม่มี วีตะราคะ - โทสะ – โมหะ ก็คือทิศทางไม่มี จนกระทั่ง สุดท้ายไม่มีเหลือเลย ลาภเราก็พอแล้ว พออาศัย เราหมดกิเลสอร่อย เรากินเอาธาตุ ที่จะไปใช้กับร่างกาย ให้พอเหมาะ ปัจจัยเสื้อผ้า ก็ไว้กันอุจาด กันแมลง ที่พัก ก็พอสมควร พอหลบฝนแดดหนาว แม้จะกระเบียดกระเสียนบ้าง ก็ไม่เดือดร้อนใจ ส่วนยารักษาโรค เราก็มีพอเหมาะ เราไม่ใช้อย่าง ยาเสพติด อย่างเช่น ติดยาดม ยาลม ยาหอม ที่กระตุ้นประสาท แม้ไม่แรงจนตาย แต่ก็ติดไปจนตาย ในทิศทาง พระพุทธเจ้านั้น ให้ลดละ อย่างเช่นบุหรี่ ไม่ตายทันที แต่ถึงขีด ก็ตายเหมือนกัน หรือ เครื่องดื่มชูกำลัง คนรู้แล้ว ก็ไม่ต้องไปโด๊ป ก็กินเอาธาตุ

       ปัจจัย ๔ เราก็มีพอ ส่วนเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆอีก ไฟฉาย แว่นตา คอมพิวเตอร์ เราไม่ได้ใช้เพื่อ ล่าโลกธรรม เราทำใช้เป็นอุปกรณ์ที่ดีขึ้น เร็วขึ้นมากขึ้น แต่ไม่ได้ทำ ให้มันมาก เพื่อไปโกยกำไร เอาเปรียบมากขึ้นอีก เราไม่ทำแบบทุนนิยม เราทำเพื่อ คุณค่าประโยชน์ ใครแย่งทำ คนอื่นทำได้ดี ก็ให้เขาทำ เราไม่เป็นหนี้ พึ่งตนเองรอด ทำเพิ่มทำเกิน เพื่อประโยชน์ท่าน เรามีจิตสันตุฏฐี เป็นจิตเพียงพอ พวกเรายังไม่มีตัวนี้ อย่างเที่ยงแท้ สมบูรณ์ เพราะเรายังมีเชิง อยากได้มาก เป็นของตน ได้โลกธรรมเพิ่มขึ้น

       เราต้องอ่านอาการ อารมณ์ต้องการของตน ให้ออก มันเป็นนามธรรม ไม่มีตัวตน ใช้อาการ ลิงค นิมิต ในการกำหนดรู้ อย่าง ๘๗๐๕ เขาแย้งว่า นามก็นามสิ รูปก็รูปสิ เขาไม่มาปนกัน เขาเย้ยพ่อครู แต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านว่า นามคือ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ นี่แหละคือ นามรูป เขาก็ไม่รู้ เขาเรียนมาในมิติ เพียงเท่านั้น

       คำว่ารูป นี่คือสิ่งที่ถูกรู้ เป็นกายในกาย เป็นเวทนาในเวทนาแล้ว ถ้าคุณยึด มหาภูตรูป เป็นเรา เป็นของเรา เช่นทรัพย์สมบัติ ยึดว่าเป็นของเรา ถ้ามันตกไป เป็นของคนอื่น เราก็ยังจะยึดว่า ต้องเอาคืนมาให้ได้ ต้องเอามาให้ได้ มากกว่าเก่าอีก แต่ถ้าคนไม่ยึดก็ว่า เขาเอาไป ก็เอาไปสิ แบ่งแจกกันไป เราก็ทำขึ้นมากิน มาใช้ใหม่ ถ้าไม่หัดฝึก อ่านนามธรรม ความยึดเป็นเรา เป็นของเราให้ออก มันเป็นนามธรรม ไม่ใช่รูปรูป

       คุณไปปั้นวิมานชั้น ๗ ปั้นเอาเอง เป็นนิมมานรดี คุณต้องปั้นสร้างให้ได้ ตามที่ปั้น ต้องมีเพชร มีทอง ตามที่คุณฝัน ปั้นสร้างให้เหมือนกับ ที่ตนปั้นเอา จากนาม มาเป็นรูป เหมือนไอสไตน์ บอกว่า ต้องมีจินตนาการก่อน หรืออย่างดีไซเนอร์ ที่ปั้นแต่ง ให้หรูหรา ฟู่ฟ่ามากมาย

       คนอย่างพวกเรา ก็มาลดละไม่ต้องหรูหราฟู่ฟ่า เราลดแล้ว แต่ก็ยังมีอีกมากที่ติด จนกระทั่ง ลดละไปอีกนาน ให้น้อยลง จนสุดปลายกรวย ให้สูญได้ ก็ขยันพากเพียร ทำงานสาระ เป็นปัจจัยอาศัย ในหมู่เรา

       คนในโลกนี้ ถ้าคุณเห็นว่า ทำนาปลูกข้าวนี้มันเหนื่อย หนีไม่ทำนาหมด พ่อครูว่า พ่อครูก็ต้อง ไปทำนา เพราะอาหาร เป็นหนึ่งในโลก เพราะคนถูกหลอก ไปทำอย่างอื่นหมด ผู้เห็นความสำคัญ ก็จะมาทำ แต่พวกเรา ก็พอมีเป็นไป มาทำนา กันอยู่ แต่ถ้าไม่มีใครทำ พ่อครูก็จะมาทำนาเอง

       ตอนนี้พ่อครู ก็มีการเชื่อมคนโลกๆ ในระดับสูง ก็เพื่อดึงให้เขามาลดละ พาดึงให้เขา ลงมาสู่สัจธรรม ไม่ใช่ลอยฟุ้งไปตามเขา เป็นลักษณะศิลปิน หรือช่าง หรือวิศวกร พระพุทธเจ้า เป็นวิศวกรเอกของโลก ให้คนมาเป็น คนโลกุตระได้ ไม่อย่างนั้น จะไปหา ปากกรวย ไปหาโลกียะหมด

       พ่อครูพาทำมา ก็ต้องตรวจสอบตลอดว่า ได้อย่างที่พูดนี้หรือไม่ แต่ก็ประมาณ สัดส่วน ในการเชื่อมต่อ กับข้างนอก พวกเรามีลึกๆ รู้ว่า คนนี้เขามีลักษณะโลกๆ กลัวว่า พ่อครู จะถูกฉุดไป เขาไม่เชื่อมือพ่อครูว่า จะดึงเขามาได้ แต่บางคน ก็เชื่อมือพ่อครู ว่าเอาโลด ตามพ่อครู พ่อครูก็ประมาณ ไม่ประมาท บางคน เขาเคี่ยวเหลือเกิน มาสู้ไม่ได้ ก็ประมาณอยู่

       ตอนนี้ มีการถ่วงต้านกันอยู่ ก็ปราถนาดีอยู่ ผู้ที่จะดึงออกนอก กับคนจะดึง เข้าหาใน ก็ดึงต้านกันอยู่

       อาศัยแกน ที่มีทุนเพียงพอ ถ้าให้ทางโน้น ดึงไปก็ไม่ได้ เหมือนคนตกบ่อ ถ้าเราไม่ประมาณ จะไปช่วย อาจตกบ่อได้ ต้องเผื่อไว้ ถ้าประมาท หัวทิ่มบ่อ ตายทั้งคู่ ต้องใช้การประมาณจริง ถ้าไม่มีผลได้สัก ๗๐-๘๐% ไม่ทำหรอก เพราะรู้จักพอแล้ว แต่ก็ไม่ได้ดูดาย ก็ช่วยเหลือผู้อื่นด้วย อย่าหลงดีอวดตน จะพลาดได้ การไม่เผลอ ปล่อยปละ ละเลย ก็ดีแล้ว พ่อครูทำก็อย่าตามใจหรอก แต่พ่อครูจะตัดสินเอง ทุกวันนี้ ก็เป็นไปได้หรอก ที่ทำมา ก็ยังไม่พลาด มี error บ้าง

       ยกตัวอย่าง มีคนว่า พ่อครูประมาณพลาด ทำให้เขาติดคุก ซึ่งไม่ใช่ เช่นพระพุทธเจ้า ที่โดนหิน กลิ้งมาทับพระบาท ห้อเลือด หรือมีคนมอมเหล้า ให้ช้างมาทำร้าย ก็ไม่ใช่ คำณวนพลาด แต่อย่างที่พ่อครูถูกจับ เราก็ได้หยุด ได้ฟักตัว ได้ถูกเขาจำกัดขอบเขต ทำให้เรา ได้สร้างภายใน และมีส่วนดีอีก ที่เปิดเผยไม่ได้ และที่สุดเราหลุดมา ตอนนี้ กฏหมาย ก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งรู้ตัว ก็สายเสียแล้ว เรารอดแล้ว เณรคำ จะทำอย่างนี้ไม่ได้ ยันตระ ก็ทำไม่ได้ เราทำได้เพราะ เรามีเหตุปัจจัย มากกว่านั้น และเรามีสัจจะ มากกว่านั้น

       ตอนนี้ปัญญาชน เข้าใจเรามากขึ้น แต่ก่อนหมิ่นหยาม แต่ตอนนี้ เข้าใจมากขึ้น ว่าอโศก เพื่อมวลมนุษยชาติ ทำเพื่อส่วนรวม เป็นทีมหรือหมู่ ได้ชัดมากกว่า NGO หน่วยใดๆ ซึ่งพวก NGO นี้ตั้งใจมาถ่วง ทุนนิยมหมด แต่พอทำไป ก็แปรเปลี่ยน แต่ของเราชัด มีมวลที่ใหญ่กว่าที่อื่น ทำให้เขา อาจเข้าใจผิด ว่าเราใหญ่ แต่ที่จริง เราเล็ก แต่เราออกไป เขาเห็นพลัง ที่มันมาก เพราะเรามีเวลาเหลือเยอะ เราไม่มีเวลาทำ เที่ยวไปทำ ส่วนตัว เราไม่สะสมเงิน เงินก็มาเป็น ส่วนกลางมาก ทั้งเวลา ทุนรอน แรงงาน เราเซฟไว้มาก ก็มีอัตราการก้าวหน้า ที่เป็นหน่วยสูง ที่โลกีย์เขาทำไม่ได้ แต่โลกียะทำได้ เขาถึงบอกว่า อโศกนี้รวย ไม่ต้องอะไร พวกลูกลุงของพ่อครู เขายังบอกว่า พ่อครูรวย แต่ที่จริง พ่อครูไม่มีอะไร มีแต่สาธารณโภคี คนเข้าใจยาก ต้องมีนักวิชาการ มาเรียง

       ลึกๆพวกเรารู้ว่า เรายังทำอะไรไม่ได้มาก แต่เราไม่สะสม เป็นของตัวเองมาก เอาไปรวมเป็นของ กองกลางมาก เรามีหมู่มวลมา ก็จะทับทวีก้อนโตขึ้น ไม่ว่าจะเงินทุน เงินหมุน ที่จะสะพัด เรื่องเศรษฐกิจ ในวงอโศก จะเห็นได้ว่า อัตราการก้าวหน้า มากขึ้น ดูเหมือนโม้ ดูเป็นไปไม่ได้ ก็ไม่มีปัญหา พิสูจน์ความจริงไป

       คุณอำนาจ หมายยอดกลาง ถามพ่อครู ให้ช่วยวิเคราะห์ สถานการณ์บ้านเมือง เราจะอยู่อย่างไร จะทำแบบเก่าหรือไม่?

       ตอบ ...จะรู้ไปทำไม อยู่อย่างขยันหมั่นเพียร มีพลัง ๔ ไป นอกนั้น ก็ดูลายแทง ดูนกหวีดไป พ่อครูไม่ได้เป็นคน เป่านกหวีดคนเดียว มีคนช่วยทำกันอยู่ แล้วคุณ อยากรู้ไป ก็เพราะอยากเป็นผู้นำ เพราะจะได้ทำนำหน้า ถามก็ดีแล้ว ตอนนี้ ยังไม่ต้อง ทำอะไร ไม่ต้องร่างแผนที่นโยบาย ให้เขาทำเหตุปัจจัยออกมา แล้วพ่อครู จะรวบรวม มาบอกพวกเรา เราไม่ต้องทำอะไรมาก ตอนนี้ มีคนทำมากแล้ว เราคอยเก็บ สิ่งที่เขาทำ มารวบรวม

       ตอนนี้ ประชาชนไทยตื่นแล้ว รู้ว่าจะทำอะไร สองคือสำนึกว่า ถ้าเราจะไปตีกิน ต้องไปหลงไหล ไม่ได้แล้ว ต้องหันทิศทาง ไปทางทวน หรือจะไปตามเขา พวกนี้ ก็เห็นว่า เขาตามมานานแล้ว มันไปใหญ่แล้ว พวกนี้ก็จะมีปัญญา ที่จะทำทวนมาบ้าง ก็พัฒนา ก้าวหน้าขึ้น ถ้ามันไม่มี มันก็ไม่เกิด หรือ มีน้อยก็เจริญช้า แต่ถ้ามีเพิ่มขึ้น เพราะผู้ที่ เห็นแก่สังคม ยังไม่ดูดาย ยังทำอยู่ แม้เราได้มาร่วมกับ สังคมที่ไม่ดูดาย ก็ทำอยู่แล้ว ส่วนพวกดูดาย ปล่อยให้สังคมฉิบหายก็มี แต่พวกที่รู้แล้วว่า การเป็นกลาง ต้องเข้าข้างคนดี ก็มี ไม่อย่างนั้น ก็ปล่อยให้ทางโน้น ดึงมวลไปเรื่อยๆสิ ตอนนี้ต้องตื่น และสำนึก และก็ลงมือ ปฏิบัติเพิ่มมาแล้ว

       ก็รอแต่ว่า มันจะถึงขีด อัตราการก้าวหน้า ของคนทิศนี้ จะขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งไม่เปิดเผยว่า เมื่อไหร่ เปิดแล้ว เดี๋ยวโจรรู้ตัวหมด เขาก็ทำกันอยู่ แต่พวกประมาท ก็จะทำออกมา เช่นคลิปลับ เป็นต้น แล้วมันจะเกิดแครป เกิดครบไปเรื่อย เพราะเขา ไม่หยุด ก็ต้องหลุดจริง เราจะพยายามชลอ สิ่งที่จะผลาญ เท่านั้นเอง

       โดยจิตวิญญาณ คนที่รู้ว่า ตนเองมีแรง จะชนะ และต้องการข่มอีกด้วย นี่คือ ความจริง ที่เขามี กิเลสจะก้าวหน้าไปที่ “หลงตัว” อธิบายเป็น ประมาทหมดเลย ต้องขีดประมาทนี่จะเกิดเอง

       ตอนนี้ใช้สูตร “ดูไป” ไม่ใช้ ดูไบ ต้องไปตีสูตรนี้ให้แตก สูตร ดูไป
       ทุกวันนี้ พ่อครูจะไปทำอะไร ก็พวกคุณคิดให้ทั้งนั้น ช่วยพ่อครูทำงานอยู่ นอกจาก จะขอเวลาส่วนตัว ไปขี้ไปเยี่ยวบ้าง....ฮา

       คุณอำนาจว่า พรุ่งนี้จะนิมนต์พ่อครู ไปเยี่ยมแปลงผัก ไม่ต้องไปบิณฑบาต

       พ่อครูว่า.... ไปเยี่ยมนี่ มีสองอย่าง คือ ติดคุกกับป่วยนะ ผักนี่มันติดคุก หรือป่วยนะ …ฮา.... พ่อครูว่า ถ้าไม่มาทางนี้ ก็ไปหากินกับจ๊กม๊กก็ได้ มุขพ่อครูนี้มาก ….. คนว่า พ่อครูสุดยอดเลย ... พ่อครูว่า พ่อครูนี่ใบอ่อนนะ.... ใบอ่อนนี่คือ สุดยอดนะ อย่าเข้าใจว่า ใบอ่อนนี้ จะเด็ดง่ายๆนะ บี้ขยี้ง่ายๆนะ แต่ใบอ่อนนี่ สุดยอดนะ

       ตอนนี้พ่อครู ก็ไม่ได้ไปเยี่ยมพวกเราหลายที่ ไม่ได้แก้ตัว แต่เพราะตอนนี้ มีงาน ที่จะต้องบันทึก ขยายความไว้ ไม่ใช่สภาพ ย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งเป็นอัลไซเมอร์ ชนิดหนึ่ง แต่มันเป็นเรื่อง ที่ต้องใช้อัตตะ ธรรมะ นิรุติ ปฏิภาณ ที่จะมาสร้าง องค์ประกอบสื่อ ขยายความ ตั้งแต่ศัพท์คำเดียว จนถึงศัพย์หลายคำ มาเป็นประโยค มาเป็นปริเฉท เรื่องราว เป็นเรื่องที่ ไม่มีมาก่อน และต้องมาแก้ สิ่งที่มีมาก่อน ที่โบราณาจารย์ ท่านว่าไว้ แต่ก็ไม่พยายาม ไปรื้อแก้ ทำอย่างไม่ประมาท เช่นโบราณกาล เขาคำณวนฤดูกาล ก็คำณวน สุริยคราส จันทรคราสได้ เพราะเขาถือว่า ดวงอาทิตย์อยู่กับที่ แต่ทุกวันนี้ ไม่ได้แล้ว เขาถือว่า ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ ต้องใช้สูตรใหม่ ที่แม่นคม ชัดขึ้น ….

จบ
      

 
ศุกร์ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ที่วังน้ำเขียว