_561008_รายการสงครามสังคมฯ ณ เวทีข้างทำเนียบ
โดยพ่อครู สมณะโพธิรักษ์
เรื่อง อำนาจสองอย่าง

 

        พ่อครูมาเทศน ์ที่ข้างทำเนียบ เป็นกัณฑ์ที่สอง ในวันนี้ จากที่เทศน์ไปแล้ว ในภาคเช้า ๑ กัณฑ์ เป็นการเบิกฤกษ์ การยกระดับการชุมนุม ของกองทัพธรรม ร่วมกับกองทัพประชาชน จากสวนลุมฯ มาที่ข้าง ทำเนียบรัฐบาล ประตู ๓

        พ่อครูว่า... เรื่องของสังคม ตอนนี้ต้องครบ ทั้งสงคราม ธรรมะ และการเมือง ชื่อรายการนี้ ตั้งไว้ครบ วันนี้คงต้องอย่างนี้... เห็นมีคลิปออกอากาศ คนเอาหัวไปไว้ ในปากไอ้เข้ มันจะงับหรือไม่ ก็ไม่รู้ เราก็คล้ายๆกัน เอาหัวเข้าปากไอ้เข้

        ตอนเช้า ได้เทศน์ปูพื้น เรื่องการเมืองไป... ตอนนี้ก็เลย พยายามกระชับ เท่าที่ จะเป็นไปได้ ตอนเช้านี้ ได้พูดเรื่องอธิปไตย เขาก็พูดกันว่า การเมืองคือ การแสวง หาอำนาจ ในวิชารัฐศาสตร์ ว่าไว้เลยว่า ผู้ใดได้อำนาจ ก็มีหน้าที่ จัดการประชาชน เขาก็ต้องสร้างอำนาจ ระบอบประชาธิปไตย คือระบอบการเมือง ของประชาชน โดยประชาชน  เพื่อประชาชน

        เขาก็ทำอย่างไร ก็เพื่อให้ได้สส. เสียงส่วนมาก เพื่อได้อำนาจ เผด็จการรัฐสภา เขาก็หาวิธี ทำทุกวิถีทาง ให้ได้สส. จำนวนมากที่สุด ในสภา มันมีเหตุปัจจัย มากมาย เมื่อเลือกตั้ง เมื่อไหร่ ก็ได้ตัวแทน มากที่สุดในสภาฯ ขณะนี้ก็มีหลงจู๊ ที่ทำสำเร็จ มาตั้งแต่ปี ๔๔​ จนเขามั่นใจว่า ทำได้ อย่างที่เขาคิดเลย

        จึงเป็นอำนาจที่ไม่ชอบด้วยธรรมะ ที่มันเป็นอำนาจฉ้อฉล คำว่าอำนาจนี้ สำคัญมาก ถ้าไม่สามารถ จะสร้างอำนาจ ให้เป็นอำนาจที่ดี ที่ให้เป็นอำนาจ เขาเรียกเป็น ภาษาอังกฤษ ถ้าเราไม่สามารถ สร้างอำนาจให้ดี เป็นอำนาจ ที่เป็นธรรม

        อำนาจ มีภาษาอังกฤษ หลายคำ ที่บอกลักษณะ เช่น Power energy force Sovereign Power  คืออำนาจสูงสุด คือ supreme เป็นอำนาจสุดยอด dependent ลอยตัวสูงสุด

        ในAuthority จะมีอำนาจแตกต่างจาก force
        force เป็นลักษณะ พลังอำนาจเผด็จการ ข่มขี่ บังคับ ยัดเยียด ครอบงำให้จำนน ในไทย เป็นอำนาจแบบนี้ ในตอนนี้ ที่เขาเรียกว่า ประชาธิปไตย ผู้ที่ได้อำนาจขณะนี้ เจ้าของอำนาจ ใช้แบบ Force ให้จำนน ตามความมากหรือน้อย เขาก็อ้าง ความมาก แต่อ้างแล้ว กดขี่บังคับ ไม่ได้เป็นอำนาจ ที่เขายกให้ แต่เป็นสั่งการเอง ชี้ สั่ง ที่เขาทำนี้ จึงเข้าข่าย เผด็จการ

        ถ้าอำนาจที่กดขี่บังคับ ครอบงำ มากหรือน้อย ถ้ามีน้อยเท่าใดลงมาๆ อำนาจเป็น นามธรรม ชนิดหนึ่ง เป็นตัวสำคัญมากเลย พระพุทธเจ้านี่ มีอำนาจ เต็มรูปเลย มี Authority ไม่มี Force เลย แต่ Force สามารถพัฒนาได้ โดยลดอำนาจ กดขี่ลง จะเป็นอำนาจ ที่ดีขึ้น จนเป็นอำนาจ โดยธรรม เป็นเจ้าของอำนาจ แต่คนยกให้เอง เช่น

        ชัดๆคือ อำนาจในประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ตามสากลเลย พระประมุข ของประเทศ ประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข กษัตริย์ทรงมีอำนาจ เป็นรัฐาธิปัตย์เลย มีอำนาจสูงสุด ไม่ว่าประเทศ ที่ปกครอง ระบอบไหน จะมีกษัตริย์หรือไม่ก็ตาม จะมีประชาชนเ ป็นเจ้าของอำนาจใหญ่ แม้ประเทศที่มี พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขก็ตาม ประชาชน จะเป็นผู้มี อำนาจสูงสุด ในมาตรา ๑ ประเทศไทย เป็นราชอาณาจักร อันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกไม่ได้

        ส่วนมาตราที่ ๒ ของรัฐธรรมนูญ.. ประเทศไทย มีการปกครอง ระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข

        ประมุข แปลว่าหัวหน้า ประชาธิปไตย คืออำนาจ เป็นของประชาชน แล้วมี พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข คือหัวหน้า เช่นโดยความเข้าใจ ทั่วไปแล้ว ประเทศ จะต้อง ปฏิบัติตามหลัก ของประเทศ คือกฏหมาย รัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจสูงสุด ในรัฐธรรมนูญ ระบุเช่นนี้ ก็ต้องปฏิบัติ ตามรัฐธรรมนูญ

        มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตย เป็นของประชาชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็น ประมุข ทรงใช้อำนาจนั้น ผ่านทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล อำนาจนี้อยู่ในกรอบ คนเข้าใจว่า มันมีอำนาจจริง แล้วคนนั้น ใช้อำนาจ อย่างเผด็จการ เผด็จการ คือใช้อำนาจ โดยตน เป็นเจ้าของอำนาจ ยกตัวอย่าง เช่น อำนาจของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นประชาธิปไตย แล้วใช้อำนาจ ได้อำนาจ แล้วไปแก้ รัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจเผด็จการ เต็มรูปแบบเลย จนกระทั่ง กลายเป็นพรรคเดียว ของประเทศ เรียกว่า พรรค นาซี มีคนไทยลอกเลียน กำลังลอกเลียนไปเรื่อยๆ

ที่เราออกมาทุกวันนี้ ก็มาต้าน ไม่ให้อำนาจอย่างนี้ เกิดในไทย ใช่ไหม คนที่ไม่เชื่อ โดยปัญญา เขาก็มีอยู่จริง

        หมู่หนึ่งคือเชื่อว่า ผู้ที่สร้างอำนาจนี้ เลียนแบบฮิตเลอร์อยู่ ไม่เชื่อ เขาเชื่อว่าบริสุทธิ​์ เขาเชื่อว่าเป็นประชาธิปไตยที่ดี ทำเพื่อประชาชนจริง ก็มีในไทยอยู่ และกำลัง ครองอำนาจ ในประเทศไทยอยู่  อำนาจนั้น ใช้ผ่าน สภาฯ ก็เป็นของเขาแล้ว เขาผ่าน ครม. อำนาจบริหารด้วย คุมไว้หมด แล้วกำลังจะใช้วิธีคุมตุลาการอีก เขากำลังสร้าง อำนาจนี้ขึ้นไป แต่ในโลก ที่ประชาธิปไตยฯ พระมหากษัตริย์ ใช้อำนาจนั้นได้ ทุกประเทศ ยอมรับว่า พระประมุข เป็นผู้ถือว่า มีอำนาจสูงสุด เป็นรัฐาธิปัตย์ สูงกว่า อำนาจใดๆด้วย เรียกว่า Supreme Law เลย

        แต่ในหลวง ไม่พยายามใช้เผด็จการ ไม่ใช้ Force เลย ท่านใช้อำนาจได้หลายอย่าง แต่ท่านไม่ใช้ ท่านเคารพประชาชนจริง แต่ผู้ที่ครองอำนาจ อยู่ขณะนี้ กำลังพยายาม ควบคุมอำนาจ ในประเทศให้หมด เช่นข้าราชการ ที่ควรเป็น ผู้รับใช้ประชาชน แต่กลับมาเป็น นายประชาชน และเขาก็ควบคุม แทบจะไม่เหลือแล้ว ตอนนี้

        ความเป็นอำนาจแบบ Force ในคนสร้างมาด้วย โลกธรรม มีวิธีการซับซ้อน เล่ห์กลทุจริต ประกอบด้วยกิเลส จนคนอื่น ตกอยู่ใต้อำนาจเงิน ลาภ ยศ สรรเสริ​ญ หรือความสุข ที่เขาประเคนให้ เพื่อหลอกล่อเอาใจ ใช้ประชานิยม มีกลเม็ดเด็ดพราย ในการหาเสียงเผยแพร่ ให้ประชาชน หลงผิดว่า เขานี่แหละ คือผู้มาช่วยโลก ช่วยสังคม จนพ่อครู ต้องออกโศลกว่า เลวที่สุดในแผ่นดิน คือหากินบนคำว่า ช่วยเขา ประชาชน ก็หลงว่า เขาคือผู้มาช่วยประชาชน เขาทำสำเร็จ คนหลงเชื่อเขาส่วนหนึ่ง

        ในไทยตอนนี้ มีสองขั้วใหญ่ ขั้วที่กำลัง ชิงอำนาจบริหาร ตุลาการ ซึ่งพระเจ้าอยู่หัว ท่านมีอำนาจนี้อยู่แล้ว แต่ท่านไม่พยายามใช้

        เขาใช้ประชานิยม โดยการหลอกว่า ช่วยประชาชน จนคนหลงเชื่อสนิท

        แต่อาตมาก็ยังเชื่อว่า เขาเป็นที่รักของคนในประเทศ เท่าพระเจ้าอยู่หัว ก็รออยู่ว่า ผู้ที่ไม่เชื่อ ออกมา แสดงตัวหน่อยได้ไหม คือมาเลือกข้าง คือข้างที่ เขาก็ยกย่องเขา บางทียกย่อง สูงส่งกว่าในหลวงเลย มีการลบหลู่ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่เสียดาย ผู้มีหน้าที่ ไม่จัดการ เช่น ในเว็บไซด์ ผิดกฎหมายด้วยนะ

        ส่วนคนกลางๆ ก็ไม่เอาทั้งฝ่ายอำนาจนี้ และอีกด้าน เขาว่าเขาเป็นกลาง แต่วิเคราะห์แล้ว พวกนี้มีสองอย่างคือ ไม่รู้หรือโง่ ไม่รู้ว่า ควรต้องไปอยู่ช่วย อำนาจด้านไหน ซึ่งในประเทศ กำลังชิงอำนาจนี้จริง ถ้าไม่รู้ตัวแล้ว ประเดี๋ยวก็รู้ ถ้าอำนาจในหลวง พ่ายแพ้ ประเทศไทยเสร็จแล้ว เสร็จเขาเลย ตอนนี้ ล่อแหลมมาก ถ้าเราไม่พยายาม รู้สึกตัว ไม่เท่าทัน แล้วก็มา ทำอำนาจประชาชน ทำอำนาจ ประชาธิปไตย อาตมาก็บอกบ่อยๆว่า ประชาธิปไตยคือ ประชาชน ออกมาแสดงตัว ๑ คน ๑ เสียง ล้านคน ล้านเสียง เป็นอำนาจที่ ๑ เลย แต่การเลือกผู้แทน เป็นอำนาจ ระดับที่ ๔ แต่อำนาจที่ออกมา ตัวเป็นๆ มานั่ง นี่คือ มาแสดงอำนาจ อธิปไตย ลำดับที่ ๑ แล้วถ้า เราจะบอกว่า อำนาจที่ ๒ คือในหลวง เพราะในหลวง ก็จะยกให้ อำนาจใหญ่สุด เป็นของ ประชาชน เหมือนสากล ยกตัวอย่างในหลวง จะเสด็จอเมริกา ที่เขาไม่มีในหลวง เขาก็ต้อง ต้อนรับท่าน ในฐานะที่เป็น ผู้มีอำนาจสูงสุด ของประเทศ ไม่ทำไม่ได้ แม้เขาไม่มี พระมหากษัตริย์ก็ตาม เขาก็ต้องรับไป ตามบท นี่คือ อำนาจสูงสุด ของสากล

        ขณะนี้อำนาจของในหลวง กำลังถูกสั่นคลอน อย่างมาก ทั้งที่พ่อครู ไม่เชื่อว่า คนไทย จะมอบอำนาจ แก่บุคคล ที่มาชิงอยู่นี่ เขารวมพวก ที่เชื่อและนับถือเขา แม้พวกที่ นับถือเขา ก็แบ่งรับแบ่งสู้ว่า เขาเทิดทูนในหลวง แต่ลึกๆ ในหมู่ที่เขายกอำนาจ ให้คนผู้นี้ ถามจริงๆ เขาก็ยกอำนาจ ให้ในหลวงเหมือนกัน แต่พฤติกรรม มันชัดเจน ทุกอย่างเลย อมภูเขา เอเวอเรสต์ มาพูดก็ไม่เชื่อ เพราะพฤติกรรม มันส่อเจตนาชัด

        ก็ขอให้พวกเรา ใช้วิจารณญาณ เหตุการณ์ตอนนี้ เขากำลังล้ม รัฐธรรมนูญ สร้างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้เป็นแบบฮิตเลอร์ แล้วจะริดรอน พระราชอำนาจ อย่างไรก็ได้ ถ้าเขาผ่านอันนี้ จะออกกฎหมาย มาริดรอนอย่างไร ก็ได้เลย สุดท้าย ประเทศไทย ก็จะไม่มี หรือมีในหลวง เป็นเพียงสัญลักษณ์ จนกว่า ราชวงค์จะโรยรา ดังหลายประเทศ ที่เป็นเช่นนั้น มันลอกเลียนแบบกันมา

        จะทำอย่างไร เราจะพยายาม สร้างอำนาจอย่าง Authority มาจากรากศัพท์ คำว่า Author ซึ่งแปลว่า ผู้แต่งหรือเจ้าของ เป็นผู้สร้างสรร เหมือนพระเจ้า แต่ในความหมาย ลึกๆนั้น ต่างจาก Force ที่เป็นการบังคับ กดขี่ เป็น Commander ถ้าเป็น Forced คือ ถูกบังคับ ถูกบีบเลย เป็นการใช้กำลัง โดยพละการ คือ Forcible เป็นการใช้ พยัญชนะ มาอธิบาย ลักษณะอำนาจ

        ส่วน Authority มีความหมาย เชิงอีกอย่าง ไม่บังคับ คำว่า Authorize คือ ยินยอม มอบอำนาจให้ เป็นลักษณะ ตามธรรมชาติ ของการยินดี ถ้าใครมีอำนาจนี้ คนเห็นว่า ผู้มีอำนาจนี้ คนก็ยอมยกให้ เหมือนพระพุทธเจ้า คนก็ยอมยกให้เลย ท่านจะบัญญัติ ศีลหรือวินัย คนก็ยกให้ท่าน บัญญัติเลย แล้วสั่งห้ามแก้ ห้ามเปลี่ยนแปลงด้วย คนก็รับได้เลย นี่คือ Authority คนก็ให้สามารถรับได้ เพราะเชื่อมั่น ในพระองค์ ไม่ใช่ท่านจะมา ใช้อำนาจบังคับ หรือมีอคติ ผู้ใช้อำนาจนี้ ก็เรียก Authoritative มีลักษณะ มีหลักฐาน พิสูจน์ยืนยันได้ อย่างในหลวง หรือพระพุทธเจ้า เขาจะเอาไปพูดได้ว่า พระพุทธเจ้านี่ จอมเผด็จการ แต่ในหลวงเรา ก็มีลักษณะอำนาจ วาสนาบารมีเลย ในวันออก มหาสมาคม ก็ออกมา เต็มลานพระรูปฯ เลย

        ถ้าเอากันจริงๆไหมว่า จะเอาฝ่ายในหลวง หรืออีกฝ่าย ตอนนี้ เราก็เป่านกหวีด กองทัพธรรม ร่วมกับ กองทัพประชาชน เพื่อยืนยัน ให้เกิดปรากฏการณ์นี้ ให้เกิดขึ้นมา เป็น Phenomemology คนไทย ที่จะยืนยันอธิปไตย ก็ออกมารวมกัน ให้ปรากฎเลย พรุ่งนี้ มาให้เต็มนี่เลย เป็นระยะเคี่ยวข้น ทางโน้น จะกระชับพื้นที่ เราก็ขยับ ออกไปได้เลย ก็ไม่รู้ว่า สื่อที่ออกไปนี่ จะออกเต็ม ตามที่พูดนี้หรือไม่ อาจโดนรบกวนได้ เขาทำได้ ถ้าแน่จริง ไม่ต้องรบกวนเราสิ คุณได้เปรียบเรา อยู่แล้ว เรามีสื่อน้อยอยู่แล้ว เอาเปรียบกัน หลายต่อ แม้เอาเปรียบหลายต่อ เราก็ไม่ว่า เราไม่มีอำนาจ เราไม่เคยใช้ Force เลย เราใช้แต่ Authority ตามสัจธรรม

        อย่างพระพุทธเจ้า ท่านตรัสเลยว่า จะไม่ใช้อำนาจใดๆเลย ท่านมาเปิดเผยศาสนา โดยมาบอก ความจริง

ภิกษุทั้งหลาย ! พรหมจรรย์ เราประพฤติ มิใช่เพื่อ... หลอกลวงคน ให้มาเคารพนับถือ (น ชนกุหนัตถัง) มิใช่เพื่อเรียกคน มาเป็นบริวาร (น อิติ มังชโน) มิใช่เพื่ออานิสงส์ เป็นลาภสักการะ และเพื่อเสียงสรรเสริญ มิใช่เพื่อจะได้เป็นเจ้าลัทธ หรือ ค้านลัทธิอื่นใด ให้ล้มไป มิใช่เพื่อให้มหาชน เข้าใจว่า.. เราได้เป็น ผู้วิเศษอย่างนั้น  ก็หามิได้
        ภิกษุทั้งหลาย ! ที่แท้ พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติเพื่อสำรวม เพื่อละ, เพื่อคลายกำหนัด, เพื่อดับทุกข์สนิท ฯ

        เห็นลักษณะอย่างนี้ ในในหลวงจริงๆ เห็นแล้วสงสารพระองค์ (พูดแล้ว เหมือนเตี้ย อุ้มค่อม) เห็นว่า ท่านบำเพ็ญ สองลักษณะใหญ่ ของพระโพธิสัตว์ คือ เตมีย์ใบ้ กับ พระมหาชนก จนพระชนมายุก็มากอย่างนี้ ทรงมีอะไร ที่ไม่เป็นตามวัยนัก แล้วก็ ท่านก็ยังทำงานอยู่ ยังว่ายไป ตามที่ท่านสามารถ เหมือนพระมหาชนก ว่ายอย่าง ไม่เห็นฝั่ง ทรงช่วยประชาชน ตลอดเวลา แล้วท่านก็เป็น เตมีย์ใบ้ จะตรัสแต่ละที ก็อย่างเกรงใจบท เกรงใจผู้นั้นผู้นี้ เกรงใจผู้จะสร้างอำนาจ ตรัสออกมา ให้เกียรติแก่ คนทุกคน ก็ชื่นชมบูชา ในพระจริยาวัตรนี้ ถ้าใครเชิดชูในหลวงอยู่ ก็ออกมา ไม่ได้โหนในหลวงนะ แต่อธิบายสัจธรรม

        ทุกคนนั่งอยู่ที่นี่ ใครก็อยากได้ในหลวง ในหลวงอยู่ในธนบัตร แต่ธนบัตร ไม่มี เป็นของอาตมา สักใบ มีมาก็ผ่านไป ให้ทำประโยชน์ และจะไม่ใช้ธนบัตร ที่เขามา ทำบุญกับอาตมา ตั้งใจเป็นปณิธานเลยว่า แม้ไม่มีข้าวกิน หิวข้าว เจ็บป่วยจะตาย และมีธนบัติ ค้างอยู่ที่อาตมา ก็ไม่ใช้เพื่อตัวเอง ให้ป่วยตายเลย แล้วจะมาโหนในหลวง อย่างไร แม้ธนบัตรก็สละ และลาภ ยศ สรรเสริ​ญ อาตมาสละออก หมดแล้ว

        อยากให้เข้าใจ แล้วปฏิบัติ ถ้าผู้ใดเชิดชูในหลวง และอยากรักษาอำนาจ ให้ในหลวง ก็ออกมา แสดงอำนาจ อธิปไตย

        อำนาจพระเดช ไม่ยั่งยืน เท่าพระคุณ Authority by force is not enduring than force by kindness คืออำนาจโดยพระเดช ไม่ยั่งยืนเท่า อำนาจพระคุณ ในหลวงไม่ใช้พระเดช แต่หลายคน ใช้อำนาจพระเดช จนคนกลัวลาน เขาเก่งจนคนกลัว คนที่กลัว คือคนตก ภายใต้อำนาจ ลาภยศ สรรเสริญ สุข จึงสยบให้อำนาจนี้ มากดหัว มา Forcible โดยพละการ และเสีย ท่าน จะว่า คนที่สามารถ ใช้อำนาจนี้ จนคนเกรงกลัว ก็เก่งนะ แต่อาตมา ไม่นิยมชมชื่น

        ถ้าใครจะไปสร้างอำนาจแบบนี้ อย่าทำเลย ไม่น่าทำเลย สำหรับรสนิยม อย่างอาตมา ส่วนใคร จะสร้างอำนาจ Made a forcible ก็เชิญ

        สรุป อำนาจที่มีอยู่ในสังคมโลก มีอำนาจ ที่พระพุทธเจ้า ตรัสไว้แล้วว่า มีอำนาจของ โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย

        โลกาธิปไตย คืออำนาจโลกธรรม ถ้าใครสร้างอำนาจ ด้วยสิ่งนี้ ก็เป็นโลกาธิปไตย แล้วถ้าสร้างตัวเอง ให้มีอำนาจซ้อน โดยใช้โลกธรรม คือฉลาดแกมโกง เก่งฉิบหายเลย ก็เป็นอัตตาธิปไตย ซ้อนในคนๆนี้อีก

        ส่วนธรรมาธิปไตย ต้องไม่เป็นทาสโลกธรรม และไม่เป็นทาส อัตตาตัวตน ของตนด้วย อย่างในหลวง และพระพุทธเจ้านี่ ท่านมีอำนาจแต่ท่านไม่ใช้ คนอื่น ยกอำนาจ มอบให้ท่าน อย่างเชิดชูบูชา โดยไม่ต้อง ใช้อำนาจ กดขี่ใดๆเลย ท่านได้ Authority เองเลย

        คนลำบากลำบนทุกวันนี้ เพราะเป็นทาสโลกธรรม แต่ไม่รู้ตัวเองด้วย ไม่รู้เรื่อง อัตตาเลย ดีไม่ดีสอนเรื่อง อัตตากันไม่รู้เรื่อง ล้างอัตตากันไม่เป็น เลยเต็มไปด้วยอัตตา และโลกธรรม ซ้อนกัน อธิปไตยในโลกนี้ เลยเป็นอธิปไตย บ้าๆ บวมๆ ผีบ้าอะไร ไม่รู้

        เราจำเป็นต้อง สถาปนาการเมือง ลงไปในการเมือง และการศึกษา ต้องสร้าง การศึกษา ให้คนมีธรรมะ ในตนให้ได้ ความรู้ทางโลก เราไม่ดูถูก ก็ให้รู้เลี่ยงตน แต่ความรู้ ทางธรรมนี้ ประเสริฐกว่า ทุกวันนี้ อาตมาไม่ได้ทำงาน เลี้ยงตนเลย แต่ธรรมะ เลี้ยงอาตมาไว้ได้ด้วย อาตมาไม่ทำอาชีพ แล้วก็สอนคน ให้มาช่วยตนเอง จนไม่มีตัวตน ทำงาน ช่วยคนอื่น ทำงานฟรี แล้วทำได้สำเร็จ ในหมู่ชนชาวอโศกด้วย ในประเทศไทย มีแล้ว ชุมชนอโศก ทำงานฟรีทุกคน ไม่ต้องรับรายได้ นี่คือสิ่งสุดยอด ของธรรมะ พระพุทธเจ้า ไม่ตกอยู่ใต้โลกธรรม และตัวเองก็ต้อง ไม่มีอัตตา เรียกร้องเพื่อตนอีก

        ในหลวงตรัสว่า ให้เอาแบบคนจน เอาเศรษฐกิจพอเพียง ขาดทุนคือกำไร แต่ผู้มีหน้าที่ ทำไม่กระดิกหู น่าเสียดาย ที่ไทยเรา มีทั้งพุทธและในหลวง แต่ก็ใกล้เกลือ กินอึกัน ไม่อยากเรียกว่า ใกล้เกลือกินด่าง แต่ไม่ใช่ มีเกลือไม่กินเกลือ แต่ไปกินอึ กินอึนี่ ไม่ใช่คนนะ ไม่ได้ด่าใครนะว่า เป็นอะไร หมูก็กินอึ มันชอบนะ....

จบ  

 
๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ ภาคค่ำ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ประตู ๓ กทม.