561106_รายการสงครามสังคมฯ ที่เวทีผ่านฟ้าฯ
พ่อครู สมณะโพธิรักษ์

เรื่อง สงครามโลกุตระ ชนะด้วยการแพ้

 

        พ่อครูจัดรายการสงครามฯ เป็นครั้งแรก ที่เวทีผ่านฟ้าฯ ซึ่งกองทัพธรรม และกปท. ได้ย้ายการชุมนุม จากที่สวนลุมฯ มาอยู่ที่บริเวณสะพาน ผ่านฟ้าลีลาส ตั้งแต่วันที่ ๕ พ.ย. ๕๖

        เป็นสนามรบที่ก้าวหน้า ในยุคอาริยะ ยุคศิวิไลซ์ เป็นยุคที่ไม่ใช่รบ อย่างเจ็งกิสข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราช ที่รบอย่างเอาอาวุธยุทธภัณฑ์ ฆ่าแกงกัน ล้มตายกันเป็นเบือ แต่เป็นยุคของมนุษย์ มนุษย์คือ ผู้มีใจสูง มีปัญญารู้ความแท้จริงว่า โลกต้องการ ความสงบ สุภาพ เรียบร้อย อหิงสา ไม่ต้องการความรุนแรง โลกสากลรู้กัน แต่ยังทำไม่ได้ ยังมีการรบ ยังมีการสร้างอาวุธ มีการซื้ออาวุธ มาป้องกันประเทศ หลายประเทศซื้อไป ก็ไม่ได้ใช้ ก็ตกรุ่น เก่า ทิ้งไป แล้วซื้อใหม่ๆๆ แต่ยุคเจริญแล้ว ไม่ต้องใช้อาวุธ ยิงกันฆ่ากัน การฆ่ากันทำร้ายกัน ด้วยเรี่ยวแรง ถือว่าตกยุคแล้ว ยุคนี้มีแต่จะช่วยกัน คนล้ม ก็ช่วยกันประคอง ให้ลุกขึ้นมา ไม่ว่าจะใครล้ม หรือศัตรูล้มก็ตาม เราก็ต้องช่วย ประคองกันขึ้นมา ไม่ใช่ไปซ้ำเติม ว่าคนนี้ คือคนที่เราต้องฆ่าแกง แบบกระทืบซ้ำนั้น ป่าเถื่อนตกยุค ยุคนี้โลกทั้งโลก เข้าใจแล้ว แต่เขายังทำกันไม่ได้

        เชื่อว่าประเทศไทย จะเป็นประเทศที่นำร่อง ทำได้ก่อนประเทศอื่น และก็เชื่อว่า จะเป็นความจริงด้วย แม้อาตมา จะแต่งเพลง “เพ้อ” ซึ่งมีสองเวอร์ชั่น แบบที่แต่งมา แต่แรก ในปี ๒๕๑๒ ใช้ในหนังโทน ชื่อว่า เพลงกระต่ายเพ้อ วันนี้คุณอัญชลี ไพรีรักษ์ ก็นำมาใช้ เพลงนี้ติดหูเขาอย่างไร ก็ไม่ทราบ ซึ่งเพลงกระต่ายเพ้อนี้ เป็นแบบแรก ที่มีเนื้อหา ความรักแบบโลกีย์ แต่พออาตมา มาบวชแล้ว ก็มาใส่เนื้อหาใหม่ ทำนองเดิม ก็เป็นธรรมะเลย ให้เห็นสัจธรรมว่า คนเราเพ้ออะไร เพ้อในโลกธรรม

        สงครามครั้งนี้เป็นสงครามสมัยใหม่ เป็นสงครามแข่งกัน ใครเป็น พระองคุลีมาลก่อน ชนะ เป็นพระองคุลีมาล คือเข้าใจแล้วว่า ความประเสริฐ เลิศยอด ของมนุษย์ คือความหยุดโหดร้ายรุนแรง หยุดทุจริต หยุดชั่ว เอาเปรียบเอารัด หยุดใช้เล่ห์เหลี่ยม กลโกง หลอกล่อ แต่จะต้อง ให้เป็นคน มีน้ำใจเสียสละ ช่วยเหลือ เกื้อกูล พึ่งพากัน คนมีความสามารถ มีกำลังมาก ช่วยคนมีกำลังน้อย เป็นพลังเย็น โอบอุ้ม มหาจักรวาล

        อาตมาพาทำงานนี่ พยายามทำให้เรียบร้อย ไม่ทำรุนแรง ไม่พยายาม เป็นสาเหตุ หรือชนวน ให้เกิดความรุนแรง เราทำมาตลอด ตรงหน้าเรานี่ ที่ลานพระบรมรูป ทรงม้าฯนี่ เมื่อวันที่ ๒๔ พ.ย. ๕๕ ที่ผ่านมา ในวันนั้น ที่พากันออกมาทำงาน ร่วมกับ เสธ.อ้าย เสร็จแล้ว เราก็ชนะรายทาง ทำให้ไม่เกิด ความรุนแรงได้ คือเห็นแล้วว่า ขืนทำต่อไป รุนแรงแน่ ขนาดพระๆเจ้าๆ เขายังไม่ไว้หน้า ซัดเลย ก็เจอเข้าเต็มเปา อาตมาว่า คนจิตใจเช่นนี้ อย่าไปล้อเล่นกับเขาเลย คนเขาก็หาว่าเราแพ้ ก็ไม่เป็นไร เขาจะมองตื้นๆ ก็ไม่เป็นไร ทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลง

        แล้วเราชนะรายทาง มีการเปลี่ยนแปลง อย่างตำรวจ เขาก็ออกโฆษณา อันนี้ไปทั่วเลย... คือที่พูดนี้ ไม่ได้ยกเมฆ ตำรวจเขาออกป้าย เหมือนกับที่เรา ไปข้างทำเนียบ เขาหาว่า เราไปปิดถนน เล่นเล่ห์ ทั้งที่เขาเอง เขากั้นปิดถนนเอง ตำรวจมา ไม่รู้กี่หมื่นคน ขึงพรืดปิดถนน แล้วใส่ความว่า กองทัพธรรมปิดถนน แต่คราวนี้ เขาว่าอย่างนี้... เขาบอกว่า... เขาเขียนป้ายว่า

“คนที่ถูกกลั่นแกล้ง ยอมให้อภัยแล้ว พวกคุณ ยังไม่หยุดอีกหรือ? ขอให้คนไทยทุกคน ให้ใช้ดุลยพินิจ ด้วยใจเป็นธรรม ประเทศจะเดินต่อไปได้”

พ่อครูว่า ไม่รู้ว่าใครแกล้งใคร แล้วคนที่ให้อภัยนี่ใคร ต้องรู้สัจจะว่า คนกระเหี้ยน กระหือรือคือใคร? เขาหาว่า เราประท้วงนี่แหละ คือพฤติกรรมไม่หยุด คือการบุกรุก อย่ามาตีกิน ตื้นๆ พูดให้เด็กอมมือฟังนะ เขาว่าพวกเรามาทำอย่างนี้ ประเทศเลย เดินต่อไปไม่ได้ แล้วไอ้ที่ประเทศ มันเดินต่อไปไม่ได้นี่ มันเพราะใครกันแน่? ที่เป็นตัวเหตุใหญ่ ตอนนี้คือใคร ทำไมไม่มองตนเอง กลับไปโทษคนอื่นตลอด เขาไม่รู้ จริงๆ หรือว่า ตัวเหตุใหญ่คือใคร? เราประท้วงให้คุณหยุด แต่คุณยัง ไม่เคยหยุดเลย คุณยังตีกิน นิรโทษกรรมอยู่เลย อะไรต่างๆนานา

        เสืออยู่ในกรง บอกกวางว่า เจ้ากวางน้อยเอ๋ย ปล่อยข้าเถอะ นิรโทษกรรม ข้าเถอะ เมตตาข้าเถอะ แต่เสือนี่ มันกินสัตว์มานับไม่ถ้วน  จนจะหมดป่า แล้วนะ เสือกำลังดิ้น หาทางออก ก็เลยอ้อนใหญ่เลย เมตตาข้าเถอะน่า ข้ารับรองว่า ถ้าได้ออกนอกกรง นิรโทษกรรม นี้แล้ว ข้าสัญญาว่า จะไม่กินเจ้าตลอดชีวิต  แล้วเสือบอกว่า จะเปลี่ยนชาติ มาเป็นชาติมังสวิรัติ แล้วสัตว์ป่า จะเชื่อไหมหนอว่า เสือจะมากินหญ้า เหมือนกวางแล้ว ใครจะเชื่อ เสือเจ้าเล่ห์หนอ นี่คือวิชามาร ที่เขาใช้อยู่ตอนนี้ มันก็เป็นเรื่อง ที่เป็นการรบ หรือสงคราม ที่ดีมากเลย ท่าทีเขาดี ดีตรงไหน? ดีตรงที่เขารู้ว่า สำนึกเขารู้ว่า ต้องอภัย สงบ หยุดความรุนแรง เขาหยุดรุนแรงพอได้ แม้แต่ตำรวจ ก็เปลี่ยนท่าที นี่คือ ชนะรายทาง ของเรา ไม่อย่างนั้น เอาแบริเออร์สองเมตร มาขู่แล้ว มายืนคุมหมดแล้ว แต่ตอนนี้ ประชาชนตื่นแล้ว รู้ในปัญญาของประชาชน ว่าใครถูกใครผิด ใครดีใครชั่ว ใครจริงกว่ากัน เรากำลังรบด้วย เอาจริงกว่าถูกกว่า มาสู้กัน

 

        อาตมาทำพระปางนี้ เรียกว่า สมเด็จปู่วิชิตอวิชชา  วิชิตอวิชชา แปลว่า ชนะอวิชชา ตอนนี้เรากำลังรบ อยู่กับข้าศึก คืออวิชชาของมนุษย์  สงครามต้องมีแพ้มีชนะ แต่สำหรับ เรานั้น มันลึกซึ้งซับซ้อน เรียกว่า สัจจะย้อนสภาพ ขอให้เราทำสิ่งดี กรรมจบแล้ว เขาอาจมองไม่ออก พฤติกรรมเราดูเหมือนแพ้ ก็ไม่เป็นไร เหมือนยกตัวอย่าง กรณี เสธ.อ้าย หรือกรณี ครั้งที่พล.อ.ปรีชา พาถอยจากข้างทำเนียบ กลับสวนลุมฯ แล้วก็เกิด การขัดแย้ง จนเกิดกองทัพอุรุพงษ์  มันเป็นเหตุปัจจัย เหลือเชื่อ ทำไม มันต้องเกิดเช่นนั้น เพราะมันต้องเกิด

        เรามาสร้างรูปแบบใหม่ ของสงคราม ที่รบรากันด้วย สงครามแบบใหม่ เป็นสงคราม โลกุตระ ชนะกันด้วยการแพ้ ใครแพ้ก่อน คนนั้นชนะ แพ้คือ ไม่ทำอะไร รุนแรง สู้กันด้วย การไม่รุนแรง เช่นคานธี พาพลเมือง สู้กับอังกฤษ มีทหาร มีอาวุธ เขาจะตี จะทำร้าย ก็ไม่ให้ยกมือป้องกัน ไม่ยกมือรับเลย ตีก็ตีไป โลกคือสามัญที่ว่า ใครทำลายคนอื่น ให้ยับเยิน คนนั้นชนะ สมัยนี้ คนทำให้ยับเยิน คือคนแพ้ สมัยนั้น คานธี กอบกู้ชาติ ด้วยการรบ อย่างอาริยสงคราม อาตมามั่นใจ ประเทศไทย ต้องทำได้ ช่วยกันหน่อย จะใช้เวลานานเท่าไรก็ได้ มันเร็วได้ก็ดี มันเร็วได้ เพราะคนตื่น ไม่ใช่ตื่นตระหนกนะ แต่ตื่นเกิดปัญญา เกิดแสงสว่าง รู้สัจธรรม คนที่ย่ำคนล้มแล้วชนะ นั่นมันเก่าแล้ว แต่คนไม่ย่ำคนแพ้ นี่คือ คนหมดเชื้อ เดรัจฉานแล้ว คนมีเชื้อเดรัจฉาน ก็ต้องใช้ เรี่ยวแรง ข่มขู่ ผู้ใดเสียสละ ผู้ใดช่วยเหลือ เกื้อกูลกันคนนั้นชนะ

        ถ้าเราสามารถสร้าง ให้เป็นรูปธรรมได้ พูดแล้วพูดอีกว่า เราจะมาต่อสู้กันใน Neo Protest มาประท้วง ด้วยความสงบ สันติ อหิงสาต่างๆ ทำมาตลอดเวลา แล้วชนะรายทาง มาเรื่อยๆ มีปรากฏการณ์ ความจริงเห็นมาเรื่อยๆ แม้ปัจจุบัน เรามายึดพื้นที่นี้ได้ โดยสงบ ก็คือเจริญ ตำรวจก็เข้าใจเพิ่มขึ้นว่า เราไม่ได้มาผิดนะ มาอย่างถูกต้องนะ เป็นหน้าที่ ของประชาชน อย่างสากล แต่ก่อน เขาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ข่มตลอด เอาตำรวจ มาข่มขู่ มีเรี่ยวแรงอุปกรณ์อะไร ก็เอามาแสดงขู่เลย ฟ่อๆๆ จนพวกเรากลัว ไม่ออกมา ไม่กล้าออกมา กลัวเดือดร้อน

        มาวันนี้แล้ว เขาเข้าใจบทบาท ลดความรุนแรง ที่เขาแสดงออกมา บอกว่า เราเป็น องคุลีมาล เธอสิยังไม่หยุด ทำอย่างพระพุทธเจ้าเลยนะ ก็สนับสนุนให้ทำ แต่เราต้อง สงบยิ่งกว่า ความสงบ จะสยบความรุนแรง ไม่ใช่ในหนังจีน แต่มนุษยชาติจะทำได้ ใครจะมาช่วยทำ ก็มาเลย

        มวลชนที่จะมาแสดงพฤติภาพ ถ้าประชาชน ตั้งแต่ลานพระรูปฯ เต็มจาก ราชดำเนินนอก ราชดำเนินใน ไปถึงสนามหลวงเลย แล้วสงบ อาตมาว่า แล้วคอยดูกันว่า จะสยบ ความเคลื่อนไหว แล้วจะสยบศัตรู ได้หรือไม่ ก็รออยู่นะ อย่างที่คุณอัญชลีว่า ในเพลง กระต่ายเพ้อ ว่า เฝ้าแต่รอ ร้อ รอ...รออะไร รอประชาชน ออกมา รวมตัวกันที่นี่ ทุกวันนี้ เป้าของประเด็น ที่คนไทยไม่ชอบใจ มีเป้าเดียว

        อย่างที่คุณคือเสือ คุณต้องถอดเขี้ยวเล็บ ถอดกล้ามเนื้อ ถอดกำลังสิ ว่าคุณหยุดจริงๆ ให้กวาง มาทำงานแทน เสือหยุดแล้ว มาถอดเขี้ยวเล็บกล้ามเนื้อ ที่มีมาแต่ปางไหน แล้วยัง มาใช้เล่ห์ สุดท้ายอีก ว่าปล่อยเราไปเถอะ แล้วเราจะไม่กินเธอเลย ตลอดชีวิต ไม่เอาหยุด ให้กวางมาทำบ้างสิ เพราะยังไงๆ กวางเขาก็ไม่มีเขี้ยวเล็บ ไม่ไปขย้ำใครหรอก ไม่ทำร้ายใครหรอก ให้เขาทำสิ

        ที่ว่า Set Zero คุณต้องทำให้สูญก่อนสิ เรานั้นซีโร่อยู่แล้ว เราไม่ไปทำร้ายใคร อยู่แล้ว แต่คุณนั่นแหละ ทำอยู่ มีพฤติกรรม ลักหลับอยู่ คือใช้กำลังคนหมู่มาก มาข่มขืนนะ ทำทีว่าไม่ให้ใครรู้ แต่พฤติกรรม ก็คือข่มขืนนะ นี่คือ ความแฝง เล่ห์เหลี่ยมอยู่

        สรุปคือ สิ่งที่เขาไม่ไว้ใจ ให้คุณพักก่อนได้ไหม ให้คนอื่นมาทำสิ ถ้าเขาทำไม่ดี ก็ค่อย ให้เขาหยุดสิ แต่นี่เอาเปรียบอยู่นะ

        ตอนนี้เป็นสงคราม ธรรมาธรรมะสงคราม ไม่ใช่สงครามแบบเก่า อย่างเจ็งกิสข่าน ใครตกยุค ก็ต้องบอกว่า ตื่นได้แล้ว ตั้งแต่คานธี ทำสำเร็จมาก่อน ใครไม่ทำร้ายทำลายใคร ใครเอา ความถูกต้องกว่า มาใช้ก็ชนะ เรามาทำงานครั้งนี้ เราไม่ใช้คำว่า สู้ไม่สู้ สู้ๆ แต่ว่า เราจะใช้คำว่า จริงไม่จริง ใช่ไม่ใช่ เราเอาชนะกันด้วย ความจริง ความถูกต้อง ยาวให้เป็นฯ เพื่อให้คนไทยตื่นรู้ มาแสดงรัฐาธิปัตย์ ไม่ใช่อำนาจของ รัฐบาลนะ แต่รัฐาธิปัตย์ คืออำนาจของคน ทั้งประเทศ แต่ตอนนี้ รัฐบาลริบอำนาจไปใช้อย่างผิด นิติรัฐ นิติธรรม อำนาจของรัฐ คืออำนาจของประชาชน โดยเฉพาะ อำนาจของรัฐนี่ ในประเทศไทย มีประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข อำนาจอยู่ที่ ประชาชน พระมหากษัตริย์ ก็เป็นประชาชน แต่เป็นหัวหน้า ประชาชน มีอำนาจตาม มาตรา ๓ ของรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจ แทนประชาชน ผ่านสามสถาบัน

        รัฐาธิปัตย์ คืออำนาจของประชาชน กับพระเจ้าอยู่หัว เป็นประชาธิปไตยสองขา อำนาจอันหนึ่ง มาจากจิตวิญญาณ ที่ส่งต่อเนื่องกันมา อย่างประเสริฐสุด ประชาธิปไตย ที่มันเกิดแต่แรก คือที่อังกฤษ เป็นประชาธิปไตยสองขา แล้วเขาก็รักษา จารีตวัฒนธรรม ได้เยอะเลย แม้ทุกวันนี้ เขาก็ไม่ต้องมีรัฐธรรมนูญ เขายอมรับในจารีต เป็นประเทศที่มี รัฐาธิปัตย์อยู่ได้ ทั้งที่เป็นผู้หญิง เป็นกษัตริย์ ส่วนอเมริกา เป็นประชาธิปไตยขาเดียว ไม่มีการต่อเชื้อ ทางจิตวิญญาณเลย

        อย่างในหลวง มีจิตวิญญาณหนึ่งเดียว ไม่ได้ทรงหาเสียงเลย แต่ทรงงาน มาตลอด เพื่อมนุษยชาติ เพื่อปวงชน เราเห็น โลกเห็นรับรู้ นอกจากคนตาบอด ที่ไม่รับรู้ ไม่เทิดทูน คนไทยทั้งประเทศ ยังเคารพเชิดชูบูชา ไม่ได้เชิดชูเพราะ ติดตัวบุคคล แต่ท่าน มีพฤติธรรม ทรงงานเพื่อประเทศชาติประชาชน อย่างเลิศยอดเลย ด้านจิตวิญญาณ ได้มาอย่างแท้จริง ไม่ต้องหาเสียงเลย ประชาชนยกให้ เป็นของจริง

        ผู้จะใช้อำนาจบาตรใหญ่ ใช้อำนาจโลกธรรมขู่ไว้ ใช้โลกธรรมสร้างอำนาจเห็นๆ แต่ในหลวงไม่ใช้เลย เมืองไทยยังมีคนเข้าใจ เราจะใช้การทำงานช่วยคน อย่างในหลวง ทรงงานเป็นอำนาจ

        ท่านเป็นพ่อ จะทำอย่างไรกับลูกชั่ว เดี๋ยวเขาหาว่าลำเอียงได้ ดังนั้น ลูกดี ต้องมาช่วยพ่อ ปรามลูกชั่ว ให้ลูกชั่ว ยอมรับว่าผิด ไม่มีฆ่าแกงกัน ทะเลาะกัน ถ้าจบได้อย่างนี้ คือสงบเรียบร้อย ยิ่งกว่าปรองดองปูดองด้วย คนผิดต้องรู้ตัว แล้วหยุด ให้คนดี มาทำแทนสิ

        เราก็พยายามเปิดเผย ขณะนี้ แม้แต่ผู้พิพากษา ๖๓ คนรวมตัวกัน ออกมาแถลงว่า กฎหมาย นิรโทษกรรมนี้ ผิดนิติรัฐ นิติธรรม เท่ากับพิพากษาประกาศสู่สาธารณชน รู้ตัวไหมว่า ตนเองผิด ตัดสินแล้วนะ ถ้าเป็นประเทศอื่น เขาออกไปอย่างหน้าใสๆแล้ว แต่นี่ด้านอยู่ อย่างหน้าดำเลย เราก็รออยู่ที่นี่แหละเป็น กลุ่มประชาชน ปักหลัก เพื่อให้คน ที่เข้าใจ ในเสียงประชาชน ออกมา ๑ คน ๑เสียง ล้านคน ล้านเสียง ออกมา ใครจะอยู่ไหน ก็ออกมา รวมกันที่นี่แหละ ถ้ามากันมาก ขนาดคน จากสนามหลวง จนจรดลานพระรูปฯ ก็มากัน แล้วให้เขาคำณวนกันสิว่า มีจำนวนคนเท่าไหร่ จะนับผิด ก็ตามนับได้ น้อยกว่าความจริงอย่างไรก็ตาม

        เราจะทำความจริงให้ปรากฎ จนคนตาบอดเห็นได้ มาช่วยกัน อาตมาว่า เป็นปรากฏการณ์ ของสังคมไทย ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ นักศึกษา นร. วัยรุ่น สายบันเทิง ตลกก็ออกมาก กำลังขานเป็นเสียงเดียวแล้ว มาผนึก ถ้าไม่ออกมา เอาแต่เชียร์ อยู่ในบ้าน ไม่มีใครเห็นนะ อยู่แต่ในบ้าน ออกมาหน่อยได้ไหม

        เราไม่อยากพูดว่า เราออกมาก่อนแล้ว สู้ทนมานานแล้ว อย่างน้อยที่สุด ในเวลา เช่นนี้ เลิกงานเลิกกิจ ก็มารวมตัวกันที่นี่ ห้าโมงเย็น เป็นต้นไป แสดงมวลปรากฏ แล้วสี่ทุ่ม ค่อยกลับก็ได้ มาแสดงคะแนนเสียง ประชาธิปไตย ประชาชนไทย ช่วยกันหน่อย ได้ไหม

        สมเด็จปู่วิชิตอวิชชา จะพาเราทำ อย่างสงบ สันติ อหิงสา อาจให้ท่านวิศิษฐ์ มานำ ทำเจโตสมถะ เพื่อให้มีพลังรวม ที่สงบ ผู้ที่มีอารมณ์รุนแรง จงช่วยกัน ทำอย่างสงบ การทำสงครามนี้ ต้องช่วยกันให้สงบ อย่าทำอย่าง ใครมาก็ฆ่าแกงกัน อย่างนั้นตกยุคแล้ว เราต้องทำ อย่างนำสมัย ที่อื่นเขาทำร้ายกัน บางทีเผา เราไม่ทำอย่างนั้น ไม่ทำอย่างตกใจ แล้วเผา ตกใจแล้วเข้าห้าง เอาของเขา อย่างนี้ลัทธินี้ เราไม่เอาแล้ว คนมีความคิดเช่นนี้ มาบริหาร เราก็ไม่เอา คุณไปถอดเขี้ยวเล็บก่อน คุณหยุดเสีย ถ้าไม่หยุด คุณก็ไปอยู่ กับฝ่ายอื่นเสีย

        ประชาชนส่วนใหญ่ เป็นผู้รักสงบ จริงไหม แล้วช่วยกันออกมา แสดงคะแนนเสียง ที่นี่จะเป็นที่แสดงว่า ประชาชน เป็นรัฐาธิปัตย์ ของประเทศ ถ้าประชาชน ออกมา ตั้งแต่ห้าโมง ถึงสี่ทุ่ม ทยอยกันออกมา แม้แต่ในต่างจังหวัด ก็ช่วยกันทำ ที่ต่างจังหวัด ได้รวมกันทำ

        ถ้าประชาชน ออกมาแสดงกันมากพอ ทุกอย่าง ก็จะมารวมกัน ที่นี่หมด แม้แต่ศาล นักวิชาการ วัยรุ่น บันเทิง ตลก แม้แต่ทหาร ถ้าเอาอาวุธออกมา ก็ไม่เอา แต่ถ้าออกมา อย่างประชาชน ช่วยกัน ก็มาเลย แม้แต่พระสยามเทวาธิราช ก็จะออกมาช่วย

        สิ่งที่ชัดเจนที่สุด คือประชาชน เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เราเห็นว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ควรก็มา สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้ไม่ควร เราก็ไม่ให้ทำต่อ ทำประเทศฉิบหาย มาหลายปีแล้ว ต้องหยุด เด็ดขาดเลย ให้กลุ่มใหม่ มาทำงาน คนไทยไม่โง่ แต่เขาเข้าใจว่า คนไทยกินหญ้า กินแกลบ ตลอดเวลา จะดูถูกกัน มากไปแล้ว.

จบ  

 
๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ที่ เวที สะพานผ่านฟ้าลีลาส กทม.