561109_เทศน์กัณฑ์พิเศษ พิธีอัญเชิญสมเด็จปู่ วิชิตอวิชชา
ณ เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
พ่อครู สมณะโพธิรักษ์
เรื่อง สยามเทวาธิราชิทธิ

       
        วันนี้จะเป็นวันที่จะมี การทำพิธีการพิเศษ เกี่ยวกับพระพุทธรูปนี้ อาตมาเรียกว่า สมเด็จปู่วิชิตอวิชชา แปลว่า ผู้วิชิตความโง่อันแสนฉลาด อวิชชาแปลว่า ความโง่  คนในโลก ยิ่งฉลาดยิ่งเลวร้าย คือเฉโก แปลว่าฉลาดแกมโกง ยิ่งฉลาดยิ่งเลว ยิ่งเอาเปรียบ ข่มขี่ ดูถูก หลอกลวง อำพราง เปิดโทรทัศน์ดู ช่องแดงๆ ที่แดงไปหมดทุกอย่าง เขาฉลาดจริงๆ เราพูดอะไร เขาพลิกกลับ โต้ต้าน พูดกลับได้ทุกประเด็น ทุกมุม เขาตีที่เราพูด ให้ผิดได้หมดเลย ฉลาดฉิบหายเลย นี่ชมนะ แต่ฉลาดแบบนั้น มันพาฉิบหายจริงๆ ก่อนอื่น จะขอพาทำพิธี เพื่อเบิกฤกษ์ บอกก่อนเลยว่า ที่คลุมผ้า อยู่บนเวทีนี่ อาตมาไม่นึกเลยว่า จะมีปาฏิหาริย์ สำเร็จได้ทันวินาทีนี้ เรียกว่า เข็มขัดสั้นเลย คือคาดไม่ถึงเลย ว่าจะสำเร็จได้

        อาตมาเคยบอก อจินไตยอย่างหนึ่ง ในเรื่องของรูปกับนาม ที่จะลงตัวได้ เป็นเรื่อง ตถตา เช่นพระพุทธเจ้า หรือมหาโพธิสัตว์ จะอุบัติในโลก แผ่นดินจะไหวไหม แล้วมีคน ล้วงความลับว่า ตอนอาตมาเกิด แผ่นดินไหวไหม? อาตมายังไม่ใช่ มหาโพธิสัตว์ แต่อาตมา ไปปักกลดครั้งแรก ที่ปฐมเจดีย์ แผ่นดินไหว แล้วตอนนั้น ได้รับ พระบรม สารีริกธาตุมา ๑๒ องค์ บิณฑบาต จากหน้าสะพานเจริญศรัทธา มีคนร้องไห้ แล้วบอกว่า เจอแล้วๆ ตอนนั้น ถ้าใครรู้จักสมณะอโศก บิณฑบาตนั้น ทึ่งทุกคนแหละ คนนี้เขาก็รับ สัมผัส ก็เกิดอารมณ์นี้จริงๆ แล้วก็ควักตลับ ใส่พระบรมสารีริกธาตุ ก็บอกว่า ดิฉันฟูมฟัก รักษาสิ่งนี้ มาตลอดชีวิต ดิฉันเจอแล้วว่า คนที่ควรมอบให้ อาตมาก็ยังซักเลยว่า อะไร? แต่พอมาปักกลด ก็เอาออกมาดู ก็พบว่าเป็น พระบรมสารีริกธาตุ ตอนนั้น แผ่นดินไหวเลย แต่ไม่ได้ไหว ที่นครปฐมนะ ทั้งรูปและนาม จะต้องลงตัวกัน เป็นเหตุปัจจัย พระพุทธเจ้า จะประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพานก็ต้อง วันเพ็ญเดือนหก สิ่งเหล่านี้ เกินที่มนุษย์ จะคำนวณ เป็นตถตา ไม่มีใครบิดเบี้ยว สัจธรรมได้

        ที่อาตมาทำมา ก็รู้สึกว่า จะมีเหตุการณ์ลงตัว อาตมาไม่ได้วางแผนไว้ ทำงานแบบ No planning no project ทำงานตามเหตุปัจจัย ตรงหน้า ให้มีความก้าวหน้า ไม่ต้องมาก ก็ได้ เป็นเรื่องของ สมรรถนะ อุตสาหะ 

        จากนั้นพ่อครู ได้เดินไปเปิดผ้าคลุม สมเด็จปู่วิชิตอวิชชา เผยให้เห็น องค์สมเด็จปู่ฯ สีทองอร่าม ยืนเด่น อยู่บนเวทีผ่านฟ้าฯ จากนั้นพ่อครูฯได้พาหมู่สมณะ กราบสมเด็จปู่ฯ จากนั้นพ่อครู ได้กล่าวบทกวี

        ชื่อว่า...สยามเทวาธิราชิทธิ
        กษัตริย์ไทยองค์ที่แท้     ทรงธรรม
เทินพระสฤษฏ์กรรม          ผ่านเผ้า
ครองธรรมพิชิตสำ-          เร็จราช กิจแล
ชนสยามกรานกราบเกล้า     จรดเบื้องบาทยุคล
        ชนไทยทุกถิ่นถ้วน    รำลึก
ทิวะประสูติสำนึก             ธ ไท้
วันเฉลิมพระชนม์ตรึก        ชนตริ ตลอดแฮ
ว่าพระวรคุณไซร้             เทิดไท้นิรันดร์นาม
        สยามเทวาธิราชนั้น   เหนือไท
วิศิษฐ์วิเศษสมัย              วิสุทธิ์ล้ำ
เปรียบปราชญ์แห่งราชใด     เสมอสุด แล้วเอย
พระสถิตไทยอยู่ค้ำ           คู่ฟ้าดินสลาย
        นิมิตหมายมิต้อง      เสริมกิดา การเลย
ล้นหลากพระทรงมา          สุดแล้ว
องค์เองราชกิจหา             ใดเปรียบ
พระมิต้องพร้องแผ้ว          ผ่องพ้นคนเห็น
        ทุกข์เข็ญใดผ่านด้วย  พระบารมี
ที่สุดแห่งกาลกลี              สุดร้าย
เทวธิราชแห่งสยามจี-        รกิจ เถิดเทอญ
ช่วยสยามพ้นให้คล้าย        แต่กี้บุพพกาล
        อธิษฐานแต่จิตล้วน   บริสุทธิ์
ทำสุดดี สุทธิดุจ               จิตพระเจ้า
ร้ายใดอย่าเหลือผุด            เกิดแก่ ไทยเลย
เทวธิราชแห่งสยามเฝ้า        ปกป้องปวงไทย
        ถวายไท้ทุกเลือดเนื้อ  วิญญาณ
ทูลเทิดศิรกราน               สุดเกล้า
โปรดเถิดช่วยลูกหลาน        คืนสุข
บารมีพระผ่านเผ้า            จรดฟ้าคลุมดิน
        ข้าพระพุทธเจ้า น...เราคิดอะไร
         (สไมย์ จำปาแพง ประพันธ์)
            .. ๒๕๕๖    

(ระหว่างการอ่านบทกวี มีเสียงคนจุดพลุดังขึ้น โดยไม่ได้นัดหมายมาก่อน).... หลังจากบทกวี พ่อครูได้พาหมู่สมณะ เปล่งกล่าวบูชา พระพุทธเจ้า จากนั้น เปล่งกล่าว พุทธังประสิทธิ ธัมมังประสิทธิ สังฆังประสิทธิ สาธุ สาธุ สาธุ แล้วจึงพากราบ สมเด็จปู่ฯ เป็นอันเสร็จพิธี

        จากนั้นพ่อครูได้เทศนาต่อ...
        เมื่อกี้นี้ คงได้ฟังกวี สยามเทวาธิราชิทธิ... อิทธิหมายถึง สิ่งพิเศษอย่างหนึ่ง อันนี้เป็น อาศิรพจน์ เขียนขึ้นเพื่อ ถวายพระพรในหลวง ในวันพระราชสมภพ ๕ ธันวาคม ที่ใกล้จะถึงนี้

        กษัตริย์ไทยองค์ที่แท้     ทรงธรรม
เทินพระสฤษฏ์กรรม          ผ่านเผ้า
ครองธรรมพิชิตสำ-          เร็จราช กิจแล
ชนสยามกรานกราบเกล้า     จรดเบื้องบาทยุคล

        นี่คือบทที่ ๑ ของกวี คือกษัตริย์ต้องทรงธรรม มีทศพิธราชธรรม เป็นอย่างน้อย ทศพิธราชธรรมนั้น ขยายความของ ธรรมะ ๑๐ ประการ ละเอียดลึกซึ้ง ท่านจะมี อย่างแท้จริง

        ชนะโดยธรรมนั้นลึกซึ้ง มาถึงยุคนี้ คนเห็นความชนะไม่ได้ เขาเห็นความชนะ เป็นความแพ้ อย่างในหลวง ท่านดูเหมือน แพ้มาตลอด ครองราชย์ ครองธรรมมาตลอด ใครไม่รู้ลึกซึ้ง ก็ว่าท่านแพ้ แต่หลายอย่าง เป็นสิ่งสูงเกินไป ที่คนจะรู้ได้ เช่นท่านบริหาร แบบคนจน ไม่เอาก้าวหน้า อย่างที่เขาก้าวหน้า ท่านว่า มันเป็นการถอยหลัง และถอยหลัง อย่างน่ากลัวด้วย เป็นคำตรัส ที่ต้องเห็นใจคนฟัง มันเป็นสิ่งที่ เป็นภูมิธรรม ไม่ธรรมดา ท่านตรัส เศรษฐกิจพอเพียง และแบบคนจน ตรัสซ้ำอีกว่า ขาดทุนของเรา คือกำไรของเรา ในสิ่งที่พระองค์ ทรงผ่านมาถึง ๖๐ กว่าพรรษานี้ สุดยอดแล้ว 

        คนไทยเรา ผู้มีภูมิปัญญาแท้ จะเคารพเทิดทูนท่าน ยกย่องท่าน แม้แต่คนต่างชาติ สหประชาชาติ ต้องให้ จารึกพระเกียรติยศให้ท่าน โดยคุณโคฟี่ อันนัน นำมาถวาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล่น หรือ แกล้งยกยอปอปั้น ถ้าเขาจะยกยอปอปั้น เขาก็ทำไปเยอะแล้ว อย่างดร. ดุษฏีบัณฑิต กิติมศักดิ์ มันเฝือไปหมดแล้ว แต่นี่ไม่ใช่

        คนเกือบทั้งโลก นับถือพระเจ้า แต่แม้ชาวพุทธ ที่เป็นอเทวนิยม แต่เข้าไม่ถึง ก็นับถือพระเจ้า คนที่เป็นพุทธ ที่เป็นอเทวนิยมนั้น ไม่ได้ไม่นับถือพระเจ้า พระพุทธเจ้าตรัส ในพระไตรปิฎก เยอะแยะ แต่คนเข้าใจไม่ได้ มีฤทธิ์ไหม มีสิ แต่ฤทธิ์นั้น ลึกซึ้งซับซ้อน คนที่จะได้ฤทธิ์ ของพระเจ้านั้น ต้องช่วยตนเองก่อน พระเจ้า จึงจะช่วยคุณ พระเจ้าจะไม่ช่วยคนเลว ที่ไม่ช่วยตนเองก่อน  คนอ้อนวอน ร้องขอ พระเจ้าช่วยนั้น เมินเสียเถอะ ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนช่วย ผู้ใดประพฤติธรรม สมควรแก่ธรรม นั้นอันเดียวกับ ธรรมย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรม (ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจาริง) อันเดียวกันกับ ผู้ช่วยตนเองก่อน แล้วพระเจ้าจะช่วย ไปอ้อนวอนขอ เท่าไหร่ แต่ไม่ทำดี สมควรแก่ธรรม พระเจ้าไม่ช่วยหรอก

        ราชะไม่ได้หมายถึง ในหลวงองค์เดียว แต่ว่าคือ ประชาชนและในหลวง โดยมีในหลวง เป็นหัวหน้า ในสมัยโบราณก็มี ไม่เรียกกษัตริย์ แต่เรียกหัวหน้าเผ่า

        ในหลวงครองราชย์ พศ.๒๔๘๙ ตอนนั้น อาตมาอายุ ๑๒ ขวบแล้ว ทุกอย่าง ที่ผ่านมา สำเร็จด้วยพระบารมี แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ท่านตรัส บอกแล้วว่า เราไม่เคยผิด คนก็มักยุแหย่ ให้ท่านทำผิด

        ประเทศไทย เสื่อมเลวร้ายมากแล้ว เพราะคนชั่วคนเลว ทำให้เสื่อม แล้วจะปล่อย ให้คนเลว ที่ชื่อว่าคนไทย ทำให้เสื่อมมากกว่านี้ หรืออย่างไร ขนาดนี้ ก็ขายขี้หน้า มากแล้ว ยุคนี้เมืองไทย ไม่ควรเสื่อมถอย มากขนาดนี้ เพราะยังมี พระสยามเทวาธิราช ให้ทรงลุยได้แล้ว ช่วยสยาม ให้กลับคืน สู่สภาวะปกติ เหมือนสมัย พ่อขุนรามคำแหงเถิด พวกเรา มาพร้อมกันที่นี่ อธิษฐานแต่จิต ล้วนบริสุทธิ์ ผู้ที่ได้ยินอยู่ที่ใด ให้มาๆๆๆ ภายในคืนนี้ พรุ่งนี้ ให้มาพร้อมกันเถิด

        จิตพระเจ้า มีพระกรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระปัญญาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ เราก็จะมาทำจิต พระเจ้าอย่างนั้น ให้ร้ายใด อย่าเหลือผุด แก่ไทยเลย เทวาธิราชสยาม เฝ้าปกป้องปวงไทย ถวายไท้ ทุกเลือดเนื้อวิญญาณ

        นี่คือ ปรากฎการณ์ของ ประเทศชาติ คนที่ไม่รู้เรื่อง ก็ทำมาหากินไป คนที่มี ทุกข์ร้อนครอบครัว หรือเจ็บป่วย ตามวิบากของเขา มีเยอะ แต่คนที่แข็งแรงดี มีความรู้สามารถ แต่ไม่เอาภาระสังคม ที่ตนอยู่ ได้แต่เอาความสามารถตน ตักตวง แสวงหา ความสุขใส่ตัว บ้านเมือง จะเดือดร้อน อย่างไรไม่สน  คนอย่างนี้ ใจร้ายใจดำ ได้อะไรจากสังคม แต่ไม่ลงมือ ช่วยอะไรเลย คนนี้คือคนเลว

        คนเป็นสัตว์โขลง แม้เดรัจฉาน ก็ไม่เลวเหมือนคน มันไม่เอาเปรียบกัน มันไม่มี ความรู้ สามารถมาก แล้วกอบโกย เอาเปรียบ อาศัยคนอื่นหากิน รีดลาภยศ สรรเสริญกาม จากผู้อื่น คนนี่ทำยิ่งกว่า เดรัจฉาน นี่แสดงสัจธรรมนะ ที่พูดนี่ เพื่อให้คนเลว บางคน รู้สึกบ้าง กรรมที่ทำไปแล้ว ก็เป็นเสร็จ มีนรกแน่ๆ ไม่ได้แช่ง ไม่ได้ใส่ความ แต่พูดสัจธรรม กรรมเขาทำ เป็นอันทำ ทำเท่าไหร่เมื่อใด ก็เป็นของเขา ไม่มีระเหย ระเหิด จนกว่า จะสิ้นวิบาก จนกว่า จะปรินิพพาน จึงสิ้นวิบาก แม้พระพุทธเจ้า ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว วิบากยังตามมา เล่นงานเลย จะหมดก็ต่อเมื่อ ดับขันธ์ ปรินิพพาน หมดอัตตภาพ สิ้นวิบากแล้ว ถ้ายังอยู่ มีอัตภาพตราบใด ก็ยังมีวิบากอยู่ เช่น ท่านต้อง ไปปฏิบัติผิด อยู่ในป่า ๖ ปี ที่จริงท่านมี พุทธการกธรรมแล้ว คือมีภูมิ เป็นพระพุทธเจ้าได้แล้ว แต่ยังต้อง ใช้วิบากอยู่ ๓๕ ปี เป็นฆราวาส ๒๙ ปี ออกป่าอีก ๖ปี ซึ่งท่านตรัส ในพระไตรฯว่า เป็นการปฏิบัติผิด ไปใช้หนี้บาป ที่ไปละเมิด พระพุทธเจ้า องค์หนึ่ง ชื่อกัสสปะ ตอนนั้นท่านชื่อ โชติปาละมานพ ไปกล่าวตู่ พระพุทธเจ้า กัสปะว่าท่านจะไม่ได้โพธิญาณ จากการนั่ง ใต้ต้นไม้นี้หรอก... จึงเป็นวิบาก ให้ท่านต้องบำเพ็ญ ทุกรกิริยา ในป่า ๖ ปี ท่านยังไม่รู้พุทธธรรม ไม่มีโลกุตรธรรม แบบพุทธ จนท่านระลึกชาติได้ จึงได้รู้ว่า ตนเป็นใคร เจอพระพุทธเจ้า มากี่องค์ ได้บำเพ็ญเกิดมา เป็นปัจเจก เป็นสยังอภิญญา เป็นสยัมภู มาเท่าไหร่ จนมีพุทธธรรมเต็ม เป็นความรู้อันเก่า ที่ท่านบำเพ็ญมาแล้ว อยู่ในอัตภาวะของท่าน ในวันที่ ระลึกชาติได้ แล้วนำสิ่งนั้น มาเปิดเผย ท่านได้ปฏิญาณตนว่า เป็นพระพุทธเจ้า ก่อนวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ท่านก็ยังไม่ประกาศว่า ท่านเป็นพระพุทธเจ้า ทั้งที่มีคน ทำนายว่า ท่านจะเป็น พระพุทธเจ้า ท่านมีองค์ประกอบว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ไปบำเพ็ญ ทุกรกิริยา หนักที่สุด เท่าที่คนจะทำได้ แต่ท่านก็ไม่ประกาศตนว่า เป็นพระพุทธเจ้าได้

        ถ้าเมืองไทย เข้าใจศาสนาพุทธได้ถูกต้อง จะไม่ปล่อยให้ ทักษิณเกิด แต่นี่ทักษิณ เกิดได้ เพราะความเข้าใจคุณธรรม ที่เป็นพุทธธรรมไม่ถูก ผู้ที่ไปบริหาร บ้านเมือง ก็ได้ความรู้ มิจฉาทิฏฐิ จึงเกิดบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ เพราะอาจารย์ที่สอน ศาสนาพุทธนั้น สอนผิดๆ มาตลอด จึงได้ลูกศิษย์อย่างนี้ไง ที่พูดนี้ ไม่ได้พูดเพื่อ หาบริวาร หรือ เพื่อล้มล้าง ลัทธิใดนะ แต่พูดเพื่อ ให้รู้สัจธรรมกัน

        อาตมาไม่ใช่นักพยากรณ์ นักทำนาย  แต่พูดได้แค่เพียงว่า รูปและนาม ต้องลงตัว สัจธรรมต้องลงตัว มันเหมือนจะไม่ลงกัน เป็นสัจจะย้อนสภาพ สิ่งที่เป็นสองอย่าง เช่นดำกับขาว แต่ดำกับขาว เป็นหนึ่งเดียวกันได้ แปลก เป็นสัจจะย้อนสภาพ  เช่น มันเป็นไปได้อย่างไร พล.อ.ปรีชา รบมาไม่เคยแพ้เลย ชนะมาตลอด แต่มาผนึกกับอาตมา สมณะโพธิรักษ์ รบมา ๔๐ ปี แพ้มาตลอด ไม่เคยชนะเลย แต่มาผนึก เป็นหนึ่งเดียว กันแล้ว บัดนี้  จะเรียกว่าแพ้หรือเรียกชนะ ไม่มีคำเรียกเลย แต่พูดว่าเป็น Final decision เป็นการตัดสินใจ ครั้งสุดท้าย ขั้นหนึ่ง ที่อาตมาเข้าใจ มั่นใจว่าเป็น Finale เป็นสงคราม ครั้งสุดท้าย ตอนจบ เพราะฉะนั้น มาช่วยกัน สร้าง Finalize มาสร้างให้สำเร็จ ให้ถึงที่สุด ให้ได้ อาตมามองอย่างนั้น ใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม

        เราต้องแสดงอธิปไตย ที่เป็นของประชาชน ให้ประจักษ์ คน ๑ คน ๑ เสียง, ๑๐๐ คน ๑๐๐ เสียง, ล้านคนล้านเสียง, ๑๐ล้านคน ๑๐ ล้านเสียง ออกมาตัวเป็นๆเลย ตอนนี้ ต้องการ หน้าตาบุคคล ๑ คน​ ๑ เสียง จะมีล้านคนล้านเสียง ให้เห็นหน้าบ้างไหม นี่ Finale แล้วนะ มันสุดท้ายแล้วนะ

        ก็ให้สัญญาณไปว่า ผู้ใดที่รู้จัก กตัญญูกตเวที แม้เล็กแม้น้อย ก็ต้องกตัญญูกันบ้าง คุณอาศัย ประเทศมา ๑๘ ขวบขึ้นไป เรียกว่าเดียงสาแล้ว คุณก็ได้อาศัย ประเทศนี้มา ๑๘ ปีแล้ว ยิ่งอายุมากกว่านั้นก็อาศัย มากกว่านั้นอีก จะกตัญญูกตเวที ประเทศชาติ สักครั้งหนึ่ง ในชีวิต ได้ไหม?

        เราบอกตรงๆว่า เราต้องการคุณ เราต้องการคุณมาแสดง เสียงสวรรค์ของ รัฐาธิปัตย์ คุณเป็นอำนาจ ที่ยิ่งใหญ่ของรัฐ ไม่ใช่อำนาจยิ่งใหญ่ ของรัฐบาล รัฐบาลเป็นเพียงตัวแทน รับใช้ประชาชน ไปอภิบาลประเทศ ชั่วคราว แต่หลงตัวว่า เป็นเจ้าของประเทศ ไปยึดอำนาจ ประชาชนเสียนี่ แล้วจะทำอย่างไร ฉันก็ทำ ออกกฎหมายมา ทำตามใจ จะทำอย่างไรก็ได้ แล้วก็หลงตัวเองว่า ฉลาด คนโง่ๆ อย่างโพธิรักษ์อย่างนี้ ก็ยังรู้เลย ไม่ได้มีปริญญา สักใบเลย ไม่ได้จบนิติศาสตร์เลย ยังรู้เลยว่า ทำอย่างนี้มันผิด แล้วผู้รู้ ท่านบอก ผู้พิพากษา ๖๓ องค์ ออกมาบอกแล้วว่า ท่านผิด ในจอแดง เขาเอาไปพูด กลับตาลปัตเลย กลับดีเป็นชั่วหมดเลย ฉลาดฉิบหายเลย ทำให้เกิดความฉิบหาย พูดดำให้เป็นขาว พูดขาวให้เป็นดำหมดเลย

        พวกนักโต้วาทีนี่ เขาโต้กันจนว่า ขี้ดีกว่าข้าวได้ เขาพูดเก่ง จนกรรมการ ต้องให้พวกพูดว่า ขี้ดีกว่าข้าวชนะ แล้วเราจะเชื่อน้ำมนต์ คนพวกนี้ได้อย่างไร

        เขาล่าลาภล่ายศ ก็ได้ลาภยศกัน แต่อาตมานี่ ไม่ได้อะไรเลย ล่าสัตว์ก็ไม่เป็น ล่าลาภยศ ก็ไม่เป็น แต่มีความจำเป็น ต้องล่าเวลา ไม่รู้จะทำอย่างไร แก่ไม่ทันเลย ก็เลย ต้องยอมว่า ไม่แก่ก็แล้วกัน

        สรุปตรงที่ว่า ตอนนี้ประเทศชาติต้องการ
. เราต้องการมวล
. เราต้องการความถูกต้อง ไม่ตลบแตลง ไม่โกหกตอแหล ไม่มอมเมาชาวบ้าน
        อาตมาอยากรู้ความจริงว่า คนไทยส่วนใหญ่ ยังอยากจะถูกหลอก ถูกครอบงำ หรือไม่? ขณะนี้ มันมีอยู่สองฝ่าย คือ ฝ่ายพระเจ้าอยู่หัว กับฝ่ายทักษิณ คนไทยเอ๋ย คุณจะอยู่ ข้างไหน ใครจะเอาพระเจ้าอยู่หัวมา  ใครจะเอาทักษิณไป ที่พูดนี่ ไม่ได้โหนในหลวง แต่อยู่ข้าง ความถูก ความจริง อาตมาแสดงความจริง ของอาตมา ที่เข้าใจว่า ในหลวงถูก ทักษิณผิด ใครจะตัดสินอย่างไร ก็อิสรเสรีภาพ

        ตอนนี้อาตมาถึงบอกว่า ต้องการมวล ที่แสดงรัฐาธิปัตย์ คำว่ารัฐาธิปัตย์ ไม่ได้หมายถึง อำนาจของรัฐบาล แต่ในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒  ประชาชนเป็นเจ้าของ อำนาจอธิปไตย หรือรัฐาธิปัตย์ อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ทรงเป็นหัวหน้า คำว่ารัฐาธิปัตย์ คือ พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประชาชน แต่เป็นหัวหน้าประชาชน จึงให้ท่านใช้อำนาจ แทนประชาชน ผ่านมาตรา ๓ ไง

        รัฐาธิปัตย์ จึงเป็นของประชาชนหรือในหลวง จะเกิดลักษณะ สองเป็นหนึ่ง คือ One for all All for one มา ทั้งหมดมาเลย มาเป็นหนึ่ง มาเป็น ONEประชาชนกับในหลวง เป็นหนึ่งเดียวกัน  One for all All for one ต้องจำทนเป่านกหวีดแล้ว ในสองความหมายนี้ ต้องการมวลประชาชน ณ ปัจจุบันนี้เป็น Phenomena เป็นปรากฏการณ์จริงๆ มาสิ มาๆๆๆๆ จะมีเท่าไหร่มาวันนี้มาทัน ใครมาได้มาเลย อยู่ต่างจังหวัด เครื่องบิน เที่ยวสุดท้าย มาได้มาเลย ใครจะมา ด้วยวิถีทางใดก็ตาม เหาะได้ ก็เหาะมาเลย มารวมกัน ในคืนนี้ จนถึงรุ่งเช้า มากันเต็มเลย ถ้าจะเกิด ราชประชาสมาสัย คือประชาชนแล้วราชะ เมื่อพระสยามเทวาธิราช จะมาปรากฏ สร้างฤทธิ์ให้เห็น แล้วสยามเทวาธิราชิทธิ จะเกิด  พระวิชิตอวิชชา มาแล้ว... ผู้วิชิตอวิชชามาแล้ว งานนี้เป็นงาน ปราบอวิชชา ปราบความโง่ ของคนโง่ หมดเวลาแล้ว ...เอวัง        
       

 
๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ที่ เวทีสะพานผ่านฟ้า กทม.