561112_เทศน์หลังเดินธรรมยาตราถวายฎีกา สำนักพระราชวัง
พ่อครู สมณะโพธิรักษ์

เรื่อง ราชประชาสมาสัย

 

       ตอนนี้เรา เรารอเพื่อนไทย ที่จะมาร่วมแสดง รัฐาธิปัตย์ คือคนมา ลงคะแนนเสียง ให้แก่ ปฏิวัติประชาชน ครั้งนี้ เป็นการปฏิวัติ โดยประชาชน ที่สงบสันติ ครั้งแรก ของโลก ไม่มีอะไร ที่จะมาทำให้ระแคะระคาย อะไรเลย แม้แต่รัฐบาล หรือตำรวจ

       ตอนนี้ ขอเข้าทรงนิติกร ลำลอง ขอเชิญองค์นิติกร ลำลองมาลงองค์ มาตอบ คำถามว่า ประชาชน ปฏิวัติได้อย่างไร ในนัยของรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ มีดังนี้ ขอเชิญ คุณปรีชา พูดลำลองไปก่อน

       เมืองไทยเป็นประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข และรัฐาธิปัตย์ คืออำนาจรัฐ เป็นอย่างไร ในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒ และมาตรา ๓ ว่าไว้ว่า

- มาตรา ๒ (รูปแบบการปกครอง) ประเทศไทย มีการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
- มาตรา ๓ (อำนาจอธิปไตย) อำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้น ทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่ง รัฐธรรมนูญนี้ การปฏิบัติหน้าที่ ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้ง องค์กร ตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไป ตามหลักนิติธรรม

       สากลยอมรับกันว่า ความจริงแท้ ที่เป็นความมั่นคงแห่งชาติ ที่เป็นกฎหมาย สูงสุด Nation security เหนือกว่า กฎหมายนิติธรรม The rule of law หรือรัฐธรรมนูญ Principle law หรือ กฏหมายทั่วไป Common law ซึ่งกฎหมายระหว่างประเทศ รับรองระบุไว้ ดังที่จะขอให้ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อ่านให้ฟัง เป็นภาษาอังกฤษ

       พล.อ.ปรีชากล่าวว่า... เมื่อวานนี้เราได้ทำการ ปฏิวัติประชาชน ด้วยเหตุผล ที่จะให้ทัน ก่อนการตัดสิน ของศาลโลก คำตัดสินของศาลโลก ไม่มีผลต่อประเทศไทย และ ไม่มีเหตุผล ที่จะทำตามรัฐบาล ที่ไม่ชอบธรรม และรัฐบาลของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ภายใต้ทักษิณ เป็นภัยต่อ ความมั่นคง ของชาติอย่างยิ่ง ทหารและข้าราชการ ไม่ต้องทำตาม คำสั่งรัฐบาลนี้ ให้รอคำประกาศของ คณะปฏิวัติประชาชน

       พ่อครูว่า... การรบของพล.อ.ปรีชาทุกครั้งมา ก็ต้องเป็นการรบ ครั้งสุดท้าย A Final Decision แล้วก็สำเร็จ รบมาไม่เคยแพ้ สักครั้งเดียว ตรงข้ามกับโพธิรักษ์ รบมามีแต่แพ้ ไม่มีชนะเลย เป็นลักษณะ๒อย่าง เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็น One for all All for one

       พ่อครูว่า...กฏหมายรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายหลัก ของบ้านเมือง แต่อังกฤษ เป็นต้นแบบ ประชาธิปไตย ที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ แต่บริหารแบบ ไม่มีรัฐธรรมนูญ มาตลอด เรียบร้อยดี เป็นประชาธิปไตยสองขา สิ่งที่มี ถือว่าต้องมีสอง และสอง ต้องเป็นหนึ่ง เป็น Two in One อย่างในหลวงว่า สามัคคี และอาตมาว่า ความสามัคคี คือ ความขัดแย้ง อันพอเหมาะ จะไปหา ที่ไม่ขัดแย้งกันเลย หาไม่ได้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความจริง มีสิ่งเดียว ใครยึดความจริงนั้น ก็ยึดคนเดียว แต่ถ้ามีสองคน ก็ยึดกันคนละอย่าง แต่ถ้าปรองดองกันได้ ก็สมบูรณ์คือ Two in one ไม่มีหนึ่ง ไม่มีสอง จึงเรียกว่า One for all All for one หรือในบาลี ของพระพุทธเจ้าว่า เอโกปิ หุตวา พหุธา โหติ คือหนึ่งเดียว สามารถเป็นหลายคนได้ พหุธาปิ หุตวา เอโก โหติ คือทั้งหลายทั้งมวล รวมเป็น หนึ่งเดียว

       เป็นลักษณะที่ สองหรือหลายอย่าง รวมเป็นหนึ่ง ... มาต่อความว่า
มาตรา ๒ (รูปแบบการปกครอง) ประเทศไทย มีการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
และ มาตรา ๓ (อำนาจอธิปไตย) อำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้น ทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่ง รัฐธรรมนูญนี้ การปฏิบัติหน้าที่ ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้ง องค์กร ตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไป ตามหลัก นิติธรรม

        แม้นักกฎหมาย ก็มาท้วงว่า คำว่า ประชาชนปฏิวัติ ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ อย่างนั้น แต่รัฐธรรมนูญ มีหลายมาตรา มีระบุไว้ว่า ประชาชนมีสิทธิ์ปฏิวัติ ตอนนี้ไม่ว่า รัฐสภา ประธานสภา รองประธานสภา ขาเกขาหักหมดแล้ว ผู้บริหาร เกินกว่าเน่าอีก ยึดอำนาจ ไม่ฟังเสียงใครเลย สารพัดที่จะทำตามใจ หัวหน้าผู้บริหาร มีแต่จะไป Cat walk แล้วไม่รู้ว่า การทำแบบนั้น ใช้เงินประชาชน แล้วที่ไปนี่ ไปตกลงส่วนตัว ทำ MOU ส่วนตัวอะไรบ้าง
      
       รัฐบาลได้ทำผิด อย่างเอาแดง ไปล้อมศาล กดดันศาล รัฐบาลก็ไม่ทำอะไร ตำรวจ ส่งเสริมด้วย ทำอย่างน่าเกลียดด้วย ล่าสุด เขาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๙๐ สามารถ ที่จะทำสัญญา กับต่างประเทศโดยไม่ผ่านสภา เท่ากับสภานี้ มีแต่พาลชน ไม่มีบัณฑิต มาตรา ๓ นี้ เขาผิดไปมากแล้ว ทำทุจริต อกุศลหลายอย่าง การปฏิบัติของรัฐบาล รัฐสภา ไม่ถูกตามหลัก นิติธรรม และไม่มีรัฐธรรมนูญ บทไหน ที่ห้ามประชาชนปฏิวัติ

       และในมาตรา ๗ นั้น ….. ก็จะต้องเกิด ราชประชาสมาสัย ตอนนี้ เราได้ปฏิวัติ และ ได้ทูลเกล้าถวาย ให้ทรงมี พระราชวินิจฉัยไปแล้ว

       สากลของพระมหากษัตริย์ เป็นอย่างไร... ตามที่ให้คุณปรีชา อ่านนำไปแล้ว อย่างในอังกฤษ มีประชาธิปไตย แบบจารีตประเพณี ก็ทำมาได้สงบสุข เรียบร้อย

       พระมหากษัตริย์ ร.๗ ท่านถูกริบอำนาจ แล้วท่านก็ได้ตรัสไว้ว่า ท่านมอบอำนาจ ให้ประชาชน แต่นี่มันเป็น การปกครอง แบบกฎหมู่ แล้วเขาก็เอา พวกแดงออกมา แล้วบอกว่า เป็นประชาธิปไตย แต่ไม่เชื่อว่า แดงถูกหลอกถูกจ้าง มามากมาย พวกเรา ไม่ล่อลวง ไม่บังคับ ไม่ได้จ้าง แต่หนูเปล่าชวนนะ เขามาเอง ใช่ไหม? อาตมา ไม่ได้ชวนนะ พวกคุณมากเอง?

       ถ้าประชาชนไทยได้ยินนี่ ก็เอาไปเป่าประกาศ ตามที่คุณสุเทพได้ประกาศว่า ให้หยุดงาน หยุดเรียน มากันภายใน ๑๓ ถึง ๑๕ นี้ มากันให้เต็มๆๆๆ ถนนราชดำเนิน แล้วขยาย ไปสู่รอบๆได้ แดงเอ๋ยแดง เป็นพี่คนโต จริงหรือเปล่า คุณคือประชาธิปไตย แล้วเขาคุยว่า เป็นมวลส่วนใหญ่ ของประชาชน มาตัดสินกันว่า มวลส่วนไหน เป็นประชาธิปไตย ใครเห็นความสำคัญ เต็มใจก็มา เสียสละเต็มที่ มาแสดง ประชาธิปไตย ที่เป็นรัฐาธิปัตย์ ไม่ใช่รัฐบาลาธิปัตย์ อย่าสับสน ตีกิน อำนาจของรัฐบาล จะยิ่งใหญ่กว่า อำนาจของ ประชาชนได้หรือ

       อย่างคุณสุเทพประกาศว่า นัดหยุดเรียน หยุดทำงาน มาประท้วงร่วมกัน ต้องพิสูจน์อำนาจ ต้องเปลี่ยนผ่าน ผ่องถ่าย ทำให้ประชาธิปไตย ลือลั่นไปทั่วโลกเลย ถ้าใครรุนแรง มีมือที่ ๓ มา ก็มั่นใจว่าไม่ใช่พวกเราแน่ ถ้าเกิดความไม่สงบที่นี่ ก็เพราะว่า เป็นจากกลุ่มอื่น ถ้างวดนี้สำเร็จ เลือดไม่ตก แม้แต่หยดเดียว นับว่าสวยงามอย่างยิ่ง

       ผู้ใดเกิดปัญญา อย่างองคุลีมาล ที่เคยถูกความชั่วเข้าสิง แล้วเปลี่ยนใจได้ กลับใจได้ องคุลีมาลก็วิ่งตาม พระพุทธเจ้า แต่วิ่งตามไม่ทัน แล้วตะโกน สมณะหยุดก่อนๆ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า เราหยุดแล้ว แต่เธอสิ ยังไม่หยุด ก็ยิ่งยั่วองคุลีมาลสิ ก็นึกว่า พระพุทธเจ้าโกหก เดินอยู่แล้วแต่บอกว่า เราหยุดได้อย่างไร แล้วพระพุทธเจ้า ก็บอกว่า เราหยุดทำชั่วแล้ว แต่เธอสิยังไม่หยุด

       อาตมาสมณะนะ คือผู้สงบ อาตมาแสดงอย่างนี้ เป็นสัจจะย้อนสภาพ อาตมา แสดงดำ แต่ที่จริง ใจขาว แสดงดำ ให้กลมกลืนกับโลกเขา ทำนองเดียวกับ พระมาลัย ลงไปในนรก หรืออย่าง อรหันต์จี้กง ก็ไปโปรดขี้เหล้า ก็กินเหล้าไปกับเขา ท่านไม่ได้ ติดเหล้าหรอก ท่านฝืนด้วยซ้ำ อาตมาแสดง อย่างศิลปิน ตุ๊กตาท้อง

       ในมาตรา ๖๘ ถึง ๗๑
- มาตรา ๖๘ (วรรคหนึ่ง) "บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้าง การปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มา ซึ่งอํานาจ ในการปกครองประเทศ โดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไป ตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญนี้ ... มิได้"

_มาตรา ๖๘ (วรรคสอง) "ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใด กระทําการ ตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทําดังกล่าว ย่อมมีสิทธิ เสนอเรื่อง ให้อัยการสูงสุด ตรวจสอบข้อ เท็จจริง และยื่นคําร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการ ให้เลิกการกระทํา ดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือน การดําเนินคดีอาญา ต่อผู้กระทําการดังกล่าว”

_มาตรา ๖๙ (การต่อต้านโดยสันติวิธี) บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้าน โดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไป เพื่อให้ได้มา ซึ่งอำนาจ ในการปกครองประเทศ โดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็น ไปตามวิถีทาง ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

       เราทำสำเร็จแล้ว อย่างสันติวิธี รอแต่ในหลวง จะทรงพระวินิจฉัยเท่านั้น รอสัก สองสามวันนะ พรรคการเมือง ก็ต้องมารวมกับเรา เพราะประชาชน ต้องมารวมกับ ประชาชนที่นี่ ตอนนี้ รวมกันอยู่แล้ว เชื่อมโยงกันอยู่แล้ว เป็น One for all All for one อยู่แล้ว เป็นแฝดนะ แต่หนึ่งเดียว แฝดนะเหมือนกันนะ แต่คนละคนนะ

       เราอยู่ในนิติรัฐนิติธรรม มากกว่ารัฐบาลนะ โดยเฉพาะ มารวมตัวกันนี้ มีความผิด น้อยกว่า คณะรัฐบาลนะ อันนี้คือ เหลือสุดท้าย ราชวินิจฉัย เท่านั้น เป็นสุดท้ายแล้ว เข้าใจนะ เอารัฐธรรมนูญ มากางพูดตามประสา นิติกรลำลอง

       มาตรา ๗๐ “บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ การปกครอง ในในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญนี้”

ส่วน มาตรา ๗๑  บอกว่า บุคคลมีหน้าที่ ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ชาติ และ ปฏิบัติตามกฎหมาย

       ข้าราชการคือนักการเมืองประจำ คือผู้รับจ้างทำงาน ให้ประชาชน เป็นลูกจ้าง ของประชาชน แต่เขากลับเอา ตำแหน่งหน้าที่ ไปคอรัปชั่น โกงกิน ผู้ทำถูก ก็ยกเว้น แต่คนทำผิด ต้องถูกอาตมาว่าแน่นอน ข้าราชการ ได้สะสมความผิด ไว้มากเหลือเกิน ต้องใช้คำว่า ล้างบางๆๆ ต้องกวาดล้าง ปฏิรูปประเทศไทยเลย

       มาเข้าสู่ประเด็นว่า... คำว่ากฏหมาย หรือรัฐธรรมนูญ ก็แล้วแต่ หลักที่ใช้ Majority rule ก็ใช้เสียงส่วนใหญ่ แต่เขาก็ใช้ Minority right เป็นสิ่งคานอำนาจ เช่น ประชาชน ส่วนใหญ่ ในโลก คนส่วนใหญ่ในประเทศไทย มีกิเลสมากกว่า คนมีกิเลสน้อย ถ้าให้คน มีกิเลสมาก ออกเสียงส่วนมาก กิเลสก็ชนะสิ แล้วมันจะดีได้อย่างไร มันต้องเลือก คนที่ มีกิเลส น้อยหน่อย เอาไปเข้าสภา แต่เราปล่อย คนกิเลสมากเข้าสภา ก็ฉิบหายใหญ่เลย ไปวางค่ายกล ไปแสดงอำนาจ ไว้หมดเลย ทุกกรมกอง

       เมื่อมีสิ่งบริสุทธิ์เกิด เราก็ควรเลือกคนดีเข้าสภาฯ ให้เป็นระบอบที่ดีสุจริต โดยต้องให้ทำ ตามหลักสากล เรื่อง กฎหมาย กับพระราชอำนาจ

       ตามหลักสากล ที่เป็นความจริงแท้ (Reality) ความมั่นคง แห่งชาติ เป็นกฎหมาย สูงสุด (Nation Security is Supreme Law) เหนือกว่าหลัก นิติธรรม (The Rule of Law) เหนือกว่า กฎหมายหลัก คือรัฐธรรมนูญ (Principle Law) และเหนือกว่า กฎหมายสามัญ (Common Law)

       โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ได้รับรองไว้ ในหนังสือ International Law Vol.1 peace โดย H.Lauterpacht Q.C.LL.D.F.BA. (Third Impression 1958)  page 758-761
แปลได้ใจความว่า...

       “ทุกระบอบกษัตริย์  กษัตริย์ดำรงสถานะ เป็นตัวแทนแห่ง อำนาจอธิปไตยแห่งรัฐ  ด้วยเหตุนี้ จึงทรงดำรง เป็นองค์รัฎฐาธิปัตย์ เป็นความจริง ที่กฎหมาย ระหว่างประเทศ ให้การยอมรับ

       ถึงแม้กฎหมาย ภายในประเทศ จะมีข้อความ ที่แตกต่างกัน กับในบรรดา ประเทศ ทั้งหลาย ประเด็นนี้ ไม่ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้น กฎหมาย ระหว่างประเทศ ให้การยอมรับ ระบอบกษัตริย์ทั้งหลาย มีอำนาจดังกล่าว เท่าเทียมกัน  ถึงแม้ว่าตำแหน่ง พระมหากษัตริย์ ที่ปรากฏ ในรัฐธรรมนูญ จะมีความแตกต่างกัน และขึ้นกับกฎเกณฑ์ ที่กำหนดเอาไว้ ในรัฐธรรมนูญ แตกต่างกัน...

       ผลที่เกิดขึ้น ตามที่กล่าวไว้แล้ว ให้การยอมรับว่า ระบอบกษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ ในฐานะ ประมุขแห่งรัฐ อย่างแท้จริง และตลอดกาล ชั่วนิรันดร...”

       เมื่อพระมหากษัตริย์ ทรงดำรงฐานะ เป็นตัวแทนแห่งอำนาจ อธิปไตยแห่งรัฐ และเป็น องค์รัฏฐาธิปัตย์ ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ (The Head of State) จึงทรงถือ ความมั่นคงแห่งชาติ คืออธิปไตย ของปวงชน เป็นกฎหมายสูงสุด (Supreme Law)
อยู่เหนือหลักนิติธรรม (The Rule of Law)
หลักนิติธรรม อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ (Principle Law)
และรัฐธรรมนูญ อยู่เหนือกฎหมายสามัญ (Common Law)

       พระมหากษัตริย์ จึงทรงใช้กฎหมายสูงสุด โดยมีกองทัพ อันเป็นกำลัง เป็นฐาน แห่งอำนาจ ปฏิบัติกฎหมายสูงสุด  เพราะพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นจอมทัพ.

       ตอนนี้ประกาศปฏิวัติแล้ว เกิดสุญญากาศ การปกครองแล้ว เกิดสุญญากาศ ในประเทศไทยแล้ว อำนาจนี้ อยู่ในมือในหลวง ท่านจะทรงใช้อย่างไร อยู่ที่ในหลวง นี่คือ จบลงด้วย ภาคปฏิบัติ ไม่มีบทบัญญัติ ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ก็จริง แต่ว่าก็มี กฎหมายสากล ระบุไว้อยู่ ขอให้การชุมนุมกัน ทั่วประเทศ สงบสุข อย่าเกิดความรุนแรง จนกว่า เรื่องนี้ จะสงบเรียบร้อยไปได้ เป็นความสวยงามจริง

       กษัตริย์คือ ผู้มีอำนาจเป็นใหญ่ในหมู่ แต่ประมุขก็คือแปลว่า ผู้เป็นใหญ่ในหมู่ เหมือนกัน เรียกสองภาษา แต่เหมือนกัน ในนัยสำคัญ ทั้งกว้างและลึก ส่วนกษัตริย์นั้น ภาษานี้ แต่ก่อนอาจเรียก ขุน พระยา หัวหน้าเผ่า สมัยก่อนก็เรียก พ่อขุน เรียกสุลต่าน เป็นผู้ที่เรา ให้อภิสิทธิ์ หลายอย่าง ต้องยกให้ เพื่อความสะดวก เพื่อทรงไว้ ซึ่งกิจที่สำเร็จ ได้สมบูรณ์ เช่นระบุว่า พระมหากษัตริย์ ทุกพระองค์ เป็นจอมทัพ แต่ในหลวงของเรา สุดยอด ไม่ได้ใช้อำนาจนี้เลย ทำให้แม่ทัพ ทำตัวใหญ่กว่าจอมทัพ แต่ตอนนี้ อย่านะ ตอนนี้อำนาจ ไปอยู่กับในหลวงแล้ว เป็นราชประชาสมาสัย ประชาชนกับในหลวง ร่วมมือกัน อย่างสนิทแล้ว ตามนิติธรรมแล้ว อยู่ในช่วงโอกาส ที่เป็นสุญญากาศ ทางการเมืองแล้ว

       เหตุการณ์ยังไม่จบ เราต้องออกมาแสดง เสียงประชาชน กี่ล้าน ก็ออกมาได้ มากเท่าที่จะมากได้ ทุกอย่าง จะเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด Absolute ultimate ขอบคุณทุกคน ที่มา และกำลังจะมา ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ ...เอวัง

 

 
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ที่ เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กทม.