|
||
พ่อครูจัดรายการที่ เวทีผ่านฟ้า คนเดียว...ทางตำรวจนครบาล ส่งหนังสือมา ... พระพุทธเจ้าสอนเราว่า แม้แต่ศัตรู เราก็อย่าไปโกรธเคือง คนทำไม่ดี ทำอกุศล เขาก็บาป ก็ทุกข์ของเขาแล้ว โดยสัจจะ อย่าไปสร้างกิเลส ใส่จิตตนเอง ก็ขอแจ้ง ให้ทราบว่า ตำรวจจะมา ก็ช่วยให้ความสะดวก คืนแก่เขา ต่างคน ต่างเอื้อเฟื้อ เกื้อกูลกัน จะมาพูดถึง เรื่องการชุมนุมของเรา เป็นการชุมนุม การเมือง ที่งดงามจริงๆ แสนที่จะงดงาม มีพัฒนาการ ของสัจธรรม ไม่ว่าจะการเมือง หรือทางธรรม ทางสังคม ไม่ใช่สังคมธรรมดา แต่เป็นสังคมโลกเลย การเมืองเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นของ มนุษยชาติ ที่รวมกัน ในบ้านเมือง พลเมือง ถ้าอยู่กัน อย่างพี่น้อง ช่วยเหลือกัน พึ่งเกิดแก่ เจ็บตาย กันได้ อย่างแท้จริง นั่นคือ สังคมอาริยะ ไม่ใช้คำว่าอารยะ ตามสากลเขาพูด หรือ มีอีกคำว่า อริยะ อาตมาก็เอาสองคำ คือคำว่าอารยะ กับ อริยะ มารวมกันเป็น อาริยะ คำว่าอารยะ คือความก้าวหน้า แบบ Progressive ส่วนอริยะ มีแนวโน้มเป็นแบบ อนุรักษ์นิยม Conservative ในหลวงเราตรัสว่า ไม่เอาแบบก้าวหน้า อย่างเขา ส่วนพวกฤาษี ก็หนีเข้าป่าเขา สุดโต่งไปอีกข้าง เราปฏิเสธไม่ได้ว่า สังคมคน เป็นหมู่เป็นโขลงที่ใหญ่ อยู่กันเหมือนมด ตัวปลวก ซึ่งเขาก็อยู่กันอย่าง มีสัญชาติญาณ แต่คนทำไม เป็นอย่าง มดปลวกไม่ได้ ที่อยู่กัน อย่างสงบ เป็นระเบียบ ทำหน้าที่ เพราะมันไม่หลง ลาภยศสรรเสริญ เสพกามคุณ หรือ มีศักดิ์ศรี มีอัตตากันมาก ก็เลยทำงานไม่สำเร็จ ถ้างานชุมนุมนี่ ลดศักดิ์ศรีนี่ รับรองว่า เผด็จศึก ได้จริงๆ แล้วจะเผด็จศึกได้อย่างไร ก็ด้วยอาริยธรรม คำว่าอาริยธรรมของประชาธิปไตยนั้น มีสองจุด คือ ความจริงใจของพวกเรา เขาเข้าใจผิด หาว่าเราเป็น สายล่อฟ้า ให้ทหาร ออกมาปฏิวัติ คุณที่เข้าใจอย่างนั้น ปัญญายังตกยุค อยู่เลย เราไม่เอานะ ต้องสงบ เรียบร้อย แล้วใช้คุณงามความดี ถูกต้องทำ ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมา ให้มากๆ หมดๆ ถ้าคุณร้อนๆ เราไม่ร้อนกับคุณ และไขความจริงออกมา คนผิดต้องแพ้ คนถูกต้องชนะ เราใช้คำว่า อาริยะ ไม่เอาอารยะ ที่ก้าวหน้า อยากเป็นจ้าวโลก ถ้าทุกประเทศ ทั่วโลก หยุดสร้างอาวุธกันได้ ก็สุดยอดเลย สัตว์มันไม่เหลือบ่า กว่าแรง มันไม่กัดกันนะ ทำไมคน จะเลวกว่าสัตว์ ขีดความเจริญนั้น ต้องเข้าใจให้ดี ที่เรามาทำนี่ มาแก้ไข ความไม่ตื่น ตกยุคแห่งอาริยธรรม ตอนนี้เราทำงานนี่ ไม่เอาฆ่าแกง คว่ำ ทำร้ายทำลายกัน เรามาต่อสู้ เป็นมวล เป็นคะแนน ไม่เอาอย่าง ดิ้นพลาด แล้วเลือดตก ยางออก ตายอย่างนั้น ไม่เอา อย่างพวก มิลักขะ หรือเดรัจฉาน ที่จริง เดรัจฉานบางอย่าง ยังดีกว่าคน ที่มันรู้จัก เขตแห่งความพอ แต่คนนี่ จะไม่พอ ล่าโลกธรรม อย่างไม่เคยพอ นี่เลวกว่าสัตว์ มีคำถามแทรกมาว่า แล้วทหารตำรวจ ถ้าไม่ให้เอา รถถังกับปืน ออกมา แล้วจะให้ ทำอะไร จะให้อยู่เฉยๆ ก็ไม่อยากอยู่ แล้วจะช่วยได้อย่างไร? พ่อครูว่า..ก็ออกมาร่วมกับประชาชน ตำรวจก็รักษา ความสงบภายใน ทหาร ก็รักษา ความสงบภายนอก เมื่อเราเป็น ประชาชน ประชาชนสงบ แล้วคุณก็ควร วางอาวุธ มาทำหน้าที่ เป็นการ์ด เป็นผู้คอย ระมัดระวังภัย เป็นผู้รับใช้สังคม ต้องมีหน้าที่ ความรู้ ที่เรียนมา ก็จะได้เอามา บริการประชาชน มาปกป้อง ประชาชน หน้าที่ตำรวจ มีหลายหน้าที่ ไม่ต้องเอาอย่าง ทำร้ายทำลาย แต่ตำรวจ ต้องทำหน้าที่ ได้หลายอย่าง ที่จะบริการ ประชาชน เช่น จราจรเป็นต้น ก็มาตรวจสอบสิ เมื่อเราสร้างความเจริญได้ ทหารตำรวจ ก็เป็นประชาชน ว่างๆก็ไปช่วย ทำถนน ต้องการแรงงาน เมื่อไม่มีการรบ ก็ไปทำสัมมาอาชีพ ส่งเสริม สนับสนุน สิ่งที่ถนัดทำได้ ต่างคน ต่างช่วยกัน คนละไม้ คนละมือ คนที่มีความรู้ ทฤษฏีกสิกรรมดี แต่ไม่ได้ลงมือทำ กับคนที่ได้ลงมือ ทำนา ได้ข้าวกินได้ สองคนนี้ จะให้ราคาใคร สูงกว่ากัน พวกที่คิด แต่ไม่ทำ นี่คือ พวกเหยียบย่ำ ทำลาย แล้วไปยกตน ข่มท่านอีก ที่จริง คนทำเป็น ทำเก่งนี้ สูงส่งกว่า คนคิดเก่ง สัตว์เดรัจฉาน คิดไม่เก่ง แต่เอาตัวรอดได้ มาแต่นาน แต่คนที่คิดได้ดี ทำไม่เก่ง เอาตัวเองไม่รอด แต่เราพาชาวอโศก มาอยู่รอดได้ แรงงาน ความสามารถเรา เกินกิน เกินใช้ ได้งานการ เรามีสัมมาวาจา พูดเก่ง มีปัญญาแท้จริง มากหนัก ยิ่งสูงยิ่งดี ก็ยิ่งไม่เอา พระนี่แหละ คือตัวอย่างที่ดี ไม่สะสม ข้าวของมากมาย มักน้อย สันโดษ แรงงาน ก็มีมาก ทำมาก เหลือก็แจกจ่าย ให้แก่ คนแก่ คนป่วย คนพิการ เด็ก คนไร้สมรรถภาพ คน ๕ ชนิดนี้ ที่เราต้องช่วยเหลือ ส่วนพวกขี้โกง ขี้เกียจนี่ เราก็ต้อง ช่วยด้วย เขาอยู่ในสังคม เช่นกัน คนมีหลายแบบ ในสังคม ต้องมีอยู่ ตามธรรมชาติ ธรรมดา เราบังคับไม่ให้มี ไม่ได้ ชีวิตนั้น ไม่ได้มีอะไรมาก ต้องมารู้จัก สัจธรรม จะเข้าใจชีวิต มนุษยชาติ หมดกิเลสแล้ว คุณก็มีแต่ประโยชน์ ต่อสังคม คุณเป็นอรหันต์ แล้วก็เกิดอีกกี่ชาติ ก็จะมีแต่ ช่วยเหลือโลก เป็นความยิ่งใหญ่ ในความรู้นี้ คือสัจธรรม ที่แท้จริง ค้านแย้งไม่ได้ ถูกต้องที่สุด แม้ใกล้กลียุค พวกเรายังสามารถเป็นได้ ไม่เชื่อว่า อโศกจะฝ่อลงไป แต่มีแต่ จะพัฒนา ก่อนขึ้นมานี้ ท่านฟ้าไท เล่าให้ฟังว่า เด็กเราจบออกไป ไปแต่งงานมีลูก แล้วมาบอกว่า หนูรู้แล้วว่า ความเศร้าหมอง เป็นอย่างไร อยากกลับมา ทำอย่างไร หลายคนไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ไปเชื่อกิเลส ก็ทุกข์ทุกคน แล้วก่อเวรภัยแก่ตน และ สังคมด้วย เป็นตัวทำภาระแก่ตน และสังคมด้วย กิเลสพาเป็น พวกเราได้พัฒนา มาถึงวันนี้ เห็นรูปลักษณ์ ของสัจธรรม ดีขึ้นเรื่อยๆ คนไทยนี่ ยังหวังว่า การปฏิวัติ โดยประชาชน ครั้งนี้ จะชนะได้เป็น A Best Model ของโลก เรียบร้อย คนแพ้ก็แพ้ แล้วก็ยอมรับผิด ขอยอมอย่างสงบ เรียบร้อย สวยงาม จะทำอย่างไร ประชาชน ต้องออกมา แสดงคะแนนเสียงสดๆ ประชาชน ที่ออกมาประท้วง ตัวเป็นๆ นี่คือ คะแนนเสียงสดๆ ยิ่งกว่าการไปเลือกตั้ง หรือว่าที่ผู้ว่าฯ กำลังบังคับ หรือ จ้างคน มาชุมนุม แข่งกับพวกเรา ได้ข้อมูลมาว่าอย่างนี้ อย่างนั้น มันมวลเก๊ๆ ไม่ศักดิ์สิทธิ์เลย แล้วจะชนะ ไปทำไม อย่างทุจริต พวกเราชนะ อย่างใสสะอาด มารวมกันได้ ถ้าถึง ๕ ล้าน ชนะแน่ แล้วจะเป็น แห่งการปฏิวัติ โดยประชาชน ปฏิวัตินั้น แต่ละประเทศ ล้วนเลือดตก ยางออก เคยดูหนังจีน ก็มีการใช้ ความสงบ สยบความรุนแรง จอมยุทธใหญ่ๆ จะไม่ใช้อาวุธ แต่หนังจีน จะไม่เห็น ชนะซะที แต่ในเมืองไทยนี้ จะชนะได้นะ เป็นสยามเทวาธิราชิท เป็นปาฏิหาริย์ ทางจิตวิญญาณ เป็นอาริยชน ที่แท้จริง เป็นศิวิไลซ์ นำโลกเขาเลย ตอนนี้สามกลุ่ม รวมกัน ตั้งแต่กำแพงคอนกรีต ที่มัฆวานไป ถ้าตำรวจ ถอนกำแพงไป ยิ่งสวยงาม เราไม่ก่อความวุ่นวาย เดือดร้อนเด็ดขาด ถ้าถอนกำแพง คอนกรีต ออกไปซะ แล้วก็ให้เรา ทะลุถึง ลานพระรูปฯ แล้วจากลานพระรูป เต็มไปถึง สนามหลวง ก็จะไชโยโห่ฮิ้ว กันแน่นอน ตอนนี้เข้าใจกันหมดแล้ว ทั้งของ คปท. และที่ประชาธิปไตย ส่วนที่ผ่านฟ้า เข้าใจแล้ว ทำให้ระบือ ไปทั่วโลกเลย ถ้าทำได้สำเร็จ จะเกิดราชประชาสมาสัย ทำได้ ท่านจะสบายพระทัย มากเลย ให้ในหลวงช่วยไว้ เป็นสัจจะ ที่สุดยอดแล้ว ถ้าเราออกมา ครั้งนี้ชนะ แผ่นดิน ก็ไม่เสีย ที่คาราคาซัง อยู่ที่ศาลโลก พิพากษาอยู่ ก็ไม่เสีย เพราะจะตรงกับ ที่เราประกาศ ปฏิวัติประชาชน ในวันที่ ๑๑ พ.ย. ๕๖ ประกาศไปแล้ว เขาก็เห็นว่า เป็นเรื่องตลก ตกยุค แต่เราว่า เราล้ำยุค เขาตามไม่ทัน จึงมีคำถามว่า เราไม่รับศาลโลก แต่เราทำตาม ให้รู้ว่า กฎของโลก เป็นอย่างไร เป็นผลของ สัจธรรม รับรองว่า คณะนี้ได้ปฏิวัติ อย่างสงบ เรียบร้อย เอาความถูก มาตัดสิน ถ้าเราผิด คุณก็ว่ามา ให้ตุลาการ ตัดสินให้ชัด ไม่เบี้ยวไม่ผิด ผิดเราก็รับผิด ถ้าผิดแล้ว ไม่รับผิด ก็ชั่ว ถ้าประชาชนเข้าใจว่า อธิปไตย หรือ ประชาธิปไตย คือ Sovereign คือหนึ่งหัว หนึ่งเสียง หนึ่งหัวหนึ่งคน เราเป็นเอกราช เป็น Dependent คุณตัดสิน ด้วยปัญญาของคุณ หนึ่งคนหนึ่งเสียง ประเทศไทยนี้ ก้าวหน้ามากไป ที่อื่นเขามีมวล มามากแต่คุมกันไม่ได้ ของเรานี้ยืนยัน นานวันนานปี แม้บางแห่ง จะเป็นม็อบลูกโป่ง กลางวันยุบ กลางคืนโป่ง ก็ตาม แต่ของเรานี้ ไม่ค่อยยุบ เป็นมวลเสถียร ยุบน้อยกว่า ถ้าเราใช้ เวลานาน ก็นิ่งได้ เป็นปุริสภาวะ แต่ถ้ายังยุบเข้าออกอยู่ นี่ก็คือ อิตถีภาวะ นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า พิษน้อยหยิ่งโยโส แมงป่อง ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี เราได้ทำมา ถูกต้องสัจธรรม เราทำเหนือกว่า ต่างประเทศ ในมุมของเรา สงบได้มากกว่า แต่ของเขา มีมุม ที่มวลมากกว่า แต่ความสงบ เขาทำไม่ได้ เราพยายาม ชนะรายทาง พัฒนา Neo protest เอาความถูกต้อง เป็นตัวตัดสิน และตุลาการ ก็เข้าใจ ช่วยตัดสิน หลายทีแล้ว เอารัฐบาลสมัคร สมชายออก คราวนี้ก็ยังเชื่อว่า ตุลาการ จะร่วมสัจธรรม เอาความถูกผิด ตัดสินให้เที่ยงธรรม แสดงความเจริญ แท้จริง ของอาริยชน เราทำความสงบ ความจริงได้แล้ว เราถูก เหลือแต่มวล คนผิดต้องหยุด ตุลาการ ช่วยหน่อย เราทำความสงบได้ เหลือแต่มวลจาก Minority right ให้เป็น Majority right เราทำได้มากพอ อย่างแท้จริง จะเป็นเอกของโลก ทำได้ก่อน ประเทศไหน สงบและถูกด้วย เป็นอำนาจ ประชาชน มาแสดงหัวคะแนน อำนาจอธิปไตย เบอร์หนึ่ง ที่มีในหลวง ที่ท่านก็เป็นประชาชน ประชาธิปไตย ต้องมีสองขา กายกับจิต มีในหลวงกับประชาชน เราเคารพ ในหลวง เพราะความดีงามของท่าน เป็นวิญญาณ ที่สุดประเสริฐ สุดยอด สมบูรณ์แบบ เป็นจิตวิญญาณพระเจ้า อันนี้ทาง ประชาธิปไตยขาเดียว เขาไม่มี เขาไม่มีการสืบทอด สั่งสมบารมี แต่อันนี้เรามีต้นทุน สะสมมา ธรรมดาสัตว์เดรัจฉาน สัตว์โลก ก็จะมีสิ่งนี้ เหลือแต่ตอนนี้ เราจะทำอย่างไร ให้มวลประชาชน ออกมาแสดงปริมาณ ส่วนคุณภาพ เราทำถูกต้องมาแล้ว ผู้ผิดตอนนี้ ก็ไม่ข้องแวะ ยกตัวอย่าง เรื่องพลังงาน เราด่าแล้วด่าอีก แต่ไม่กล้า ฟ้องกลับว่า หมิ่นประมาท เพราะถ้าฟ้อง จะถูกเปิดโปง ถ้าเขาไม่ผิดจริง ก็ต้องฟ้องกลับ หมิ่นประมาท นานแล้ว แต่ไม่ฟ้อง เพราะหมิ่นประมาท ขืนฟ้อง ก็ประจานตนเอง เพราะมันจริง เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็แสดงความจริงแล้ว เรากำลังทำความสงบ สยบความเคลื่อนไหว ให้เกิดชนะ อย่างสวยงาม เป็นปุริสภาวะ ยกตัวอย่าง หมาตัวที่ชนะ มันจะนิ่ง ตัวที่แพ้ จะหงายท้องนิ่ง แล้วมันก็ แหง๋งๆๆๆ แต่ตัวชนะ จะนิ่ง ความเป็นเอกนี่ จะนิ่ง อำนาจนั้นมีแบบ Force เราไม่เอา แบบนั้น เราเอาแบบ Authority ครั้งนี้อาตมา จะไม่หยุด ใครทำให้สะดุด ก็เป็นบาป ของเขา แต่เราจะทำต่อแน่ หยุดตอนนี้ เราก็ต้องยอม ไม่ต้องพูดถึงฆ่าแกง เราก็ต้อง ยอมอยู่แล้ว อย่างเอารถถังมา ตอนนี้ เราก็ต้องหยุด หรือตำรวจ เอาปืนมายิงเรา ตอนนี้ เราก็กลับบ้านเลย ไม่ต้องสู้ แพ้เป็นแพ้ เรามาถึงขั้นนี้แล้ว ตอนนี้เรื่องสำคัญ คือของตัวเป็นๆ หัวเป็นๆ ออกมารวมกัน ให้มากๆๆๆ ฟังประโยคนี้ก่อน ถ้าไม่มากันให้มืดฟ้ามัวดิน ไทยถูกผีร้ายกลืนกิน สิ้นชาติแน่ๆ นัดวันว. เวลาน. ออกมาพร้อมพรึ่บกัน ทั่วประเทศเลย เป้าหมายเป็น เอกภาพแล้ว คือ โค่นระบอบทักษิณ จะมีกี่กลุ่ม ก็แล้วแต่ มารวมคะแนนเสียง เป็นการเมือง ข้างถนน ทั้งนั้น แต่ในสภา เป็นอำนาจ ที่เรามอบให้ เป็นตัวแทน เท่านั้น แต่เขาริบอำนาจเรา ไปหมดเลย ดังนั้น เราต้องออกมา รวมตัวกัน ทวงคืน อำนาจประชาชน ทำให้เป็น Majority right เพราะเรามี Minority right แล้ว ที่เขาว่า การเมืองนอกสภา ไม่ใช่การเมือง นี่คือ ความเข้าใจผิดว่า การเมือง ต้องอยู่ในสภานั้น พระพุทธเจ้าสอนว่า สภาต้องมีบัณฑิต ในสภา ไม่ใช่แดนหากินส่วนตัว แต่คือ แดนที่ไปเสียสละ ให้ประชาชน ไม่ใช่แหล่ง กอบโกย สภาเป็นแดน มาเสียสละ ให้หมดตัวตน นี่คือ พระพุทธเจ้าสอน ถ้าไม่มากัน ให้มืดฟ้ามัวดิน ไทยถูกผีร้าย กลืนกินสิ้นชาติแน่ๆ ...จบ
|
||
|