561211_พ่อครู สมณะโพธิรักษ์ เทศน์หน้าประตู ๕ ทำเนียบฯ
เรื่อง สิทธิในการปฏิวัติของประชาชน

 

        เรื่องไม่เคยเกิดก็เกิด เรื่องไม่เคยมีก็มี เรื่องไม่เคยเห็น ก็ได้เห็น มีคนถามว่า จะจบอย่างไร?  เป็นเรื่องใหม่ในโลก ไม่เคยเกิดมาก่อน คนที่ไม่สงสัยสิแปลก เพราะคน คิดไม่ทัน

        ที่เราทำนี่ เป็นการศึกษาเรียนรู้ เป็นเรื่องระดับอาริยะ ไม่สามัญทั่วไป ที่เขาเคยทำนี้ เป็นแค่ ระดับโลกีย์ แต่นี่เราทำ เหนือโลกีย์ เป็นระดับ Supra-mundane

        เกินโลกีย์สามัญ เป็นระดับวิสามัญ ไม่ปุถุชน เพราะทวนกระแส คนละเรื่อง กับที่เป็น สามัญมนุษย์ทั่วไปที่เป็น

        เป็นเรื่องใหม่ ที่จะต้องซับซาบว่า อย่างนี้ก็มีอยู่ด้วยหรือ เป็นเรื่องต้องใส่ใจ

        ผู้ที่ได้มานี้มาร่วม ถือว่าได้กำไร เพราะเป็นเรื่อง สัมผัสจริง คนข้างนอก จะไม่มี ความรู้สึกร่วม เราจะได้รู้จิตวิญญาณ ที่ได้สัมผัส เกิดอารมณ์ร่วม มีจิตเชื่อมโยง สัมพันธ์ เป็นใจ เอื้อเฟื้อกัน ซึ่งบางคนในชีวิต ไม่เคยเกิด มีน้ำใจเอ็นดู

        แม้การเสียสละ แต่ก่อนเราก็ไม่เคยเป็น แต่ตอนนี้มาร่วม ก็เกิดอาการเช่นนี้ เป็นเรื่องแปลก ไม่เหมือนทุกครั้ง แม้แต่แค่คนที่ ออกมารวมกัน หลักฐาน คนก็บอกว่า คนออกมาชุมนุม ครั้งนี้ มีตั้ง ๕ ล้านคน มีคนบอกว่า BBC มี ๕.๗ ล้านคน แต่ค้นไปก็ว่า เขาคำนวณจาก ภาพถ่ายดาวเทียม BBC ได้ ๕.๗ ล้านคน ส่วน CNN ได้ ๕ ล้านคน ส่วนในวันที่ ๒๔ พ.ย. ๕๖ มีคนไทย คำนวณว่าได้ ๒,๓๖๗,๔๗๕ คน

        คนห้าล้านมาแล้ว ไม่เกิดเรื่องวุ่นวาย บาดเจ็บ ไม่เดือดร้อนรุนแรง แล้วออกมาต่อสู้ เพื่อประท้วง ขออำนาจ คืนจากรัฐบาล เป็นเรื่องใหญ่นะ ต่างประเทศ ตายกันมากมาย แต่ไทยไม่มี เป็นเรื่องที่ ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

        มีนักรู้ทางสังคม ได้คิดค้นเขียนมา
ในหลวง ร., ลินคอร์น, จอห์นล็อค เกี่ยวกับการปฏิวัติ และอำนาจรัฐ

        พระราชหัตถ์เลขา สละราชสมบัติ ในพระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2477 ที่ว่า

"ข้าพเจ้ามีความเต็มใจ ที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้า อยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎร โดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้า ไม่ยินยอม ยกอำนาจ ทั้งหลาย ของข้าพเจ้า ให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้น โดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียง อันแท้จริง ของประชาราษฎร"

        ตอนนี้พฤติกรรมของรัฐบาลนี้ ค้านแย้งกับที่ ในหลวงตรัสไหม? ไม่ใช่แต่ อำนาจของ คณะรัฐบาลเท่านั้น ผู้ที่เป็นข้าราชการ ก่อนก็ได้ร่วมมือ ยึดอำนาจ ไปจากประชาชน ยังไม่ทำตาม สิ่งที่ควรเป็น ขบถต่อที่ในหลวง ให้มอบอำนาจ แก่ประชาชน

        คำปราศรัยของ อับราฮัม ลินคอล์น ในวันเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดี ปีพ.ศ 2404...

" This country, which its institutions, belongs to the people who inhabit it. Whenever they shall grow weary of existing government they can exercise their constitutional right of amending it, or their revolutionary right to dismember or overthrow it. "

แปลเป็นไทย "ประเทศนี้, กับทั้งสถาบันทั้งปวง ของประเทศ, เป็นของ ราษฎร ผู้ซึ่งครอบครองอยู่ เมื่อใดราษฎรรู้สึก ไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่บริหารอยู่ เมื่อนั้น ราษฎร ย่อมใช้สิทธิของตน ตามรัฐธรรมนูญ ทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือใช้สิทธิ แห่งการปฏิวัติ เพื่อปลดหรือขับไล่ รัฐบาลนั้นเสียได้"

... ผู้รู้ผู้เจริญแล้ว เขาชัดเจน ทุกอย่าง แต่ผู้ที่ยึดมั่น ถือมั่นอยู่ ก็ดึงดัน ประชาชนก็ต้อง อดทนต่อไป ให้สวยงาม ไปตลอด

         หลักการให้สิทธิประชาชน ขัดขืนอำนาจรัฐดังกล่าว ถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ อันสำคัญ ในระบอบ เสรีประชาธิปไตย ตามแนวปรัชญาของ จอห์น ล็อค ที่กล่าวว่า

 "ประชาชนมีสิทธิ ทำการปฏิวัติ ต่อต้านรัฐบาล ที่มาจาก การเลือกตั้ง ในเมื่อรัฐบาลนั้น ใช้อำนาจ เพื่อผลประโยชน์ ของตัวเอง การที่ประชาชน มีสิทธิเช่นนี้ จะเป็นเครื่อง ค้ำประกันว่า รัฐบาลที่มาจาก การเลือกตั้ง จะไม่กล้าใช้อำนาจ ตามอำเภอใจ โดยไม่ฟัง เสียงประชาชน"

.......... พ่อครูว่า เราทำไปเถอะ จนกว่ารัฐบาล จะหายง่าน หายโด้

        ตามหลักการของ จอห์น ล็อค ที่ยึดถือปฏิบัติกัน โดยทั่วไป ในประเทศ เสรีประชาธิปไตย ที่พัฒนาแล้ว รัฐบาลเป็นเสมือน ผู้ดูแลผลประโยชน์ ของประชาชน ประชาชน เป็นเจ้าของ ผลประโยชน์ และเจ้าของอำนาจการปกครอง ซึ่งได้มอบอำนาจ ให้รัฐบาล ผู้เป็นตัวแทน จากการเลือกตั้ง เป็นผู้ใช้อำนาจนั้น แทนประชาชน ในการปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน ความมั่นคง ปลอดภัย และสิทธิเสรีภาพ ของปวงชน แต่เมื่อใดก็ตาม ที่รัฐบาล ทำหน้าที่ดังกล่าว บกพร่อง หรือทำเกินขอบเขต อำนาจหน้าที่ ที่ประชาชน มอบให้ ตามสัญญาประชาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรัฐบาลนั้น ใช้อำนาจ แสวงหา ผลประโยชน์ ใส่ตนเอง และทำให้ประชาชนเสียผลประโยชน์ เมื่อนั้น ก็ถือได้ว่า รัฐบาล หมดความชอบธรรม ที่จะใช้อำนาจ บริหารบ้านเมือง ไปโดยปริยาย อำนาจ การปกครอง ก็จะกลับคืนมา เป็นของประชาชน นั่นหมายความว่า รัฐบาลที่ทุจริต จะต้องสลายตัวไป ก่อนที่ประชาชน จะได้รับความเสียหาย...

        ล็อค เน้นย้ำว่า สังคมหรือชุมชน ไม่ใช่สิ่งเดียวกับรัฐบาล เมื่อรัฐบาล สลายตัวไป สังคม ก็ยังคงมีอยู่ ถึงไม่มีรัฐบาล มนุษย์ก็อยู่ร่วมกัน เป็นสังคม หรือชุมชนอยู่แล้ว ตามสภาวะ ธรรมชาติ ที่เคยอยู่ร่วมกัน อย่างสงบสุข ตามอัตภาพ ก่อนที่จะมี รัฐบาล เสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น สังคมหรือชุมชน ยังสามารถ มีการกระทำร่วมกัน เพื่อจัดตั้ง รัฐบาลขึ้นใหม่ ที่ตอบสนองเจตจำนง ของประชาชน ได้ดีกว่า..........

        แต่ในทางปฏิบัติ รัฐบาลที่ฉ้อฉล มักไม่ยอมสลายตนเอง และดึงดัน ละเมิดขอบเขต ของอำนาจ ที่ประชาชนมอบให้ ทำลายผลประโยชน์ และสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน ตามอำเภอใจ จนก่อให้เกิด สภาวะสงคราม กับประชาชน ดังนั้น ประชาชน ผู้เป็น เจ้าของอำนาจ การปกครองที่แท้จริง จึงมีสิทธิ ในการป้องกันตนเอง จากการประทุษร้าย ของผู้ดูแล ผลประโยชน์ (รัฐบาล )ที่ทรยศต่อประชาชน นั่นก็คือ ประชาชน มีสิทธิ ที่จะขัดขืน หรือปฏิวัติรัฐบาล ที่ประชาชน เลือกตั้งมากับมือ นั่นเอง..........

        มีผู้คัดค้านว่าการให้สิทธิประชาชนทำการขัดขืนปฏิวัติได้ จะทำให้รัฐบาล ขาดเสถียรภาพ  ล็อคให้เหตุผลโต้แย้งว่า โดยปกติวิสัยแล้ว ประชาชน ไม่นิยม การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือต่อสู้กับอำนาจรัฐ ที่มีกำลังอาวุธ ยกเว้นรัฐบาลนั้น กระทำผิด อย่างใหญ่หลวง เท่านั้น....

        มีผู้คัดค้านอีกว่า สิทธิการปฏิวัติของประชาชน ดังกล่าว จะนำไปสู่ สงคราม กลางเมือง และกลียุคนั้น ล็อคโต้แย้งว่า คนบริสุทธิ์ ที่ถูกโจรปล้น ไม่ควรต่อสู้ ขัดขวาง เพียงเพราะ จะทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือการนองเลือด กระนั้นหรือ ล็อคยืนยันว่า ถ้าเกิดสงคราม กลางเมืองขึ้น จะต้องโทษว่า ต้นเหตุคือ ฝ่ายรัฐบาลอธรรม ที่คุกคามสิทธิ และผลประโยชน์ ของประชาชนก่อน อีกประการหนึ่ง ล็อคให้เหตุผลว่า การอยู่ภายใต้ การใช้อำนาจ เผด็จการ ของรัฐบาลเสียงข้างมากนั้น เลวร้ายเสียยิ่งกว่า การอยู่ในสภาวะ ธรรมชาติ ที่ไม่มีรัฐบาล การกลับคืนสู่ สภาวะธรรมชาติ หรือชุมชนดั้งเดิม ที่ไม่มีรัฐบาล.....

        ดังนั้น สิทธิปฏิวัติของประชาชน จึงเป็นทางเลือก ที่ชอบด้วยเหตุผล และเป็นสิ่งที่ ชอบธรรม อย่างยิ่ง!!! ....

        อย่างไรก็ตาม ล็อคเห็นว่า การให้สิทธิแก่ประชาชน ที่จะทำการขัดขืน ปฏิวัติ เป็นวิธี ที่ดีที่สุด ที่จะป้องกัน ไม่ให้รัฐบาล ลุแก่อำนาจ ปราบปรามประชาชน กล่าวคือ ถ้ารัฐบาล ในระบอบประชาธิปไตย รู้ว่าประชาชน มีสิทธิที่จะ ทำการปฏิวัติได้ รัฐบาล ก็จะระมัด ระวัง การใช้อำนาจ ให้อยู่ในกรอบของ สัญญาประชาคม (รัฐธรรมนูญ) การปฏิวัติ ของประชาชน ก็จะไม่เกิดขึ้น

... .. แต่นี่ เขาไม่ระมัดระวังเลย ทำอย่างหน้าด้าน ง่านโด้ น่าเกลียดมากเลย

        ทัศนะดังกล่าวนี้ เป็นแก่นความคิดแบบ เสรีประชาธิปไตย ที่มีอิทธิพลอย่างยิ่ง ต่อวิวัฒนาการ ของระบอบ ประชาธิปไตย ในอารยประเทศ ที่มีการพัฒนา ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ที่ก้าวหน้า ประเทศเหล่านี้ เห็นการชุมนุมประท้วง ของประชาชน เป็นสิ่งที่ชอบธรรม และยอมรับได้ รัฐบาลยอมลาออกหรือ ยุบสภาบ่อยครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยง การปะทะรุนแรง กับประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจ การปกครองที่แท้จริง สังคมประเทศ ที่มีประเพณี ที่รัฐบาล ยอมลาออก หรือยุบสภา เป็นเรื่องปกติ ยิ่งทำให้ ประเทศเหล่านี้ มีเสถียรภาพ ทางการเมือง ในระบอบประชาธิปไตย อันเป็นพื้นฐาน สำคัญ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ และการดำรงอยู่ร่วมกัน ของประชาชน ทุกหมู่เหล่า อย่างสงบสุข และยั่งยืน.....

        นี่เราได้ศึกษาเล่าเรียนกับผู้รู้ ที่เขามีความเข้าใจลึกซึ้ง .ธานินทร์ กรัยวิเชียร แสดง ปาฐกถาพิเศษ ว่าจงยึดมั่น ในความยุติธรรม โดยกล่าวถึง พระราชดำรัส ที่พระบาท สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ได้ตรัสไว้ว่า... ความยุติธรรมนี่คือ ทำอะไรที่ให้ถูกต้อง ตามธรรมะ คือยุติธรรม ถ้าฟังดู ก็ยุติในธรรม ยุติในความดี ความถูกต้อง ของผู้พิพากษา โดยเฉพาะ ผู้พิพากษาสูงสุด ต้องรักษาความดี ความถูกต้อง ถ้าท่านได้รักษาไว้ ตามปฏิญาณตนนี้ ก็เชื่อว่า ความสุขสงบ ก็จะเกิดขึ้น ถ้าผู้รักษาความยุติธรรม ไม่รักษาความยุติธรรม ประเทศชาติ ก็จะวุ่นวาย ความยุติธรรม คือมีเหตุผล มีความรับผิดชอบ ต่อสังคม เป็นว่า เป็นสิ่งที่ ถูกต้องในสังคม ทรงชี้แนะว่า ในกรณีที่กฏหมาย ขัดแย้งกับ ความยุติธรรม นั้น ความยุติธรรม ต้องมาก่อน กฏหมายเป็นเพียง เครื่องมือ ในการรักษา ความยุติธรรม จึงไม่มี ความสำคัญไปยิ่งกว่า ความยุติธรรม จะถือว่า ความยุติธรรมนั้น มาก่อนกฏหมาย และ อยู่เหนือกฏหมาย เรื่องนี้พระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทาน แก่ผู้มีหน้าที่ ในกระบวนการ ยุติธรรม กฏหมายเป็นเพียงปัจจัย ในการรักษา ความยุติธรรม ซึ่งสอดคล้องกับ หลักกฏหมายธรรมชาติ

        แม้แต่ในคำตัดสินของ ศาลรธน. ที่ได้ตัดสินคดี พรบ.ที่มาของสส. และสว... บางส่วนว่าไว้ว่า...

        อย่างไรก็ดี ภายใต้การปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย แม้จะให้ถือเอามติ ฝ่ายเสียงข้างมาก เป็นเกณฑ์ก็ตาม แต่หากละเลย หรือใช้อำนาจ อำเภอใจ กดขี่ ข่มเหง ฝ่ายเสียงข้างน้อย โดยไม่ฟังเหตุผล และขาดหลักประกัน จนทำให้ ฝ่ายเสียงข้างน้อย ไม่มีที่อยู่ที่ยืน ตามสมควรแล้วไซร้ จะถือว่า เป็นการปกครอง ในระบอบ ประชาธิปไตย ได้อย่างไร หลักนิติธรรม จึงเป็นหลักการพื้นฐานสำคัญ ของกฎหมาย ที่อยู่เหนือ บทบัญญัติ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งรัฐสภาก็ดี คณะรัฐมนตรีก็ดี ศาลก็ดี รวมทั้ง องค์กร ตามรัฐธรรมนูญ และ หน่วยงานต่างๆ ของรัฐก็ดี จะต้องยึดถือ เป็นแนวทาง ในการปฏิบัติ

        เรื่องที่นำมากล่าวนี้ ดูเหมือนซ้ำ เหมือนน่าเบื่อ แต่พยายาม ตั้งอกตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษา ที่เราทำมานี้ เราชนะมาตลอด รายทาง เป็นความเจริญก้าวหน้า มาตลอด เรารักษา การชุมนุม ประท้วง ถูกรธน. ตลอด เราต่อต้าน โดยสันติวิธี ปราศจากอาวุธ ทำได้ยาวนาน เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ผู้ได้มาร่วม ก็อนุโมทนาสาธุ เป็นเรื่องสังคมศาสตร์ สมบูรณ์แบบ

        แม้เราจะเป็นจุดเล็กๆ ในขอบฟ้ากว้าง แต่เราก็ได้ทำให้ บรรยากาศของ ประเทศชาติ ก้าวหน้า เป็นคุณานุคุณ ต่อประเทศชาติ อย่างแท้จริง ขอคารวะทุกคน สิ่งประเสริฐนี้ เป็นสิ่งดีมากจริงๆ แม้จบงานนี้ เราจะไม่บรรลุ ผลเป้าหมาย คืออาจจะทำให้ รบ.นี้ ล้มเลิกไม่ได้ เราปฏิวัติไม่สำเร็จ ตั้งคณะสภาประชาชน ไม่สำเร็จ วนกลับไปที่รบ.เดิม หรือเลือกได้มาใหม่ ก็ได้เหล้าเก่า ในขวดใหม่ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง อาจหนักกว่าเก่า ด้วยซ้ำ เพราะเขาย่ามใจว่า ประชาชนออกมา ตั้ง ๕ ล้าน ยังทำอะไรเขาไม่ได้ เขาไม่นึกว่า ประชาชนจะออกมาไม่ได้ ๕ ล้าน เขาใช้ Woman Touch มัน pretender มากเลย

        เขาทำให้คนที่ไม่รู้ทัน เชื่อได้ เราก็อดทนพัฒนาไป ประเทศนี้ ก็คนไทย เราก็ต้องตาย ในประเทศไทย นี่แหละ เรามีโอกาส จะพัฒนาประเทศ ก็ทำไป เรามีโอกาสอีก เราก็จะพากเพียรไป ใครจะท้อจะหยุด จะถอยก็ถอย แต่อาตมา ไม่หยุด ไม่ท้อ แค่พักยก เพราะไปไม่ได้ ตอนนี้จะรุนแรง เสียผล ก็พัก ได้โอกาสใหม่ ก็เอาอีก ใครจะช่วยอาตมาอีก ก็มา

        ถึงอย่างไรก็ตาม มันได้ผลได้ประโยชน์ อย่างแท้จริง แล้วพัฒนา อย่างสวยงาม ถ้าพวกเรา จะจบ ก็ต้องจบ อย่างสวยงาม ไม่เกิดเจ็บตาย ด่างพร้อย สมควรเลิกก็เลิก อย่าไปมี จุดมุ่งหมายว่า จะต้องชนะ ตายเป็นตาย ก็มีแค่คนเจ็บตาย ไม่ใครก็ใคร สังคมเรา น่าจะพัฒนา เป็นสังคมใหม่ เป็นสังคมอาริยะ ใครผิดแพ้ ใครถูกชนะ ใครชั่วก็แพ้ ใครดี ก็ชนะ แต่คนส่วนใหญ่ ไม่อยากแพ้ เพราะเขาจะหาว่าชั่ว แต่อาตมานั้นว่า ลึกกว่านั้นนะ เราดีหรือชั่ว เรารู้ แล้วจะมาว่า คนแพ้ต้องเป็นคนชั่ว คนถูกต้อง ก็ต้อง ชนะสิ อย่างนี้ มันตื้นไป เราต้องรู้จักพัก รู้จักเพียร รู้จักรุก รู้จักถอย

        ครั้งนี้เราก็ทำไป ทางคณะที่ได้พากเพียรทำไปนี่ มันเป็นของใหม่ ที่งดงาม ตลอดเวลา มาถึงวินาทีนี้ก็งดงามวิเศษ ไม่เสียหาย สำหรับพวกเรานะ เขายิ่งเสียหายเพิ่ม ตลอดเวลา ยิ่งง่านโด้ ตลอดเวลา เห็นจริงๆว่ายิ่งง่าน ยิ่งโด้หนัก เราก็ไม่พยายาม ละลาบ ละล้วง อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เบ่งอัตตา แอ็คเบ่ง อย่างโลกีย์ เราก็ไม่ทำ อย่างเขาหรอก

        อ่อนน้อมจนเห็นว่า สุดท้ายแล้ว สุดขีดแล้ว พอเถอะ มันได้แค่นี้ ต่อไป เราก็จะเหนื่อยเปล่า สูญเสีย ยังไงๆ ขีดความอดทน เราก็ได้มา เยอะแยะเลย ที่มานี่ ก็ร้อยพ่อ พันแม่ มาเป็นพี่น้องกัน ถึงเวลา ก็ดูแลกัน คนขี้เกียจ ก็เพิ่มความขยัน คนขยัน ก็ได้พัฒนาเพิ่มอีก ส่วนใครจะโง่ซ้อนโง่ก็แล้วแต่ เอาแต่กินแต่เต้น ก็ชั่วใครชั่วมัน ใครจะสั่งสมบาป ก็แล้วแต่ กรรมเป็นของๆตน

        แต่อาตมาเห็นว่า คนที่มาอยู่ที่นี่ มีน้ำใจมากขึ้น ขยันเพิ่มขึ้น เกื้อกูลกัน มีพฤติกรรมดี ก็รู้ว่าเราเจริญ ในกายวาจาใจ อันนี้คิดค่า ทางเศรษฐศาสตร์ มนุษยชาติ คุณธรรมนั้น ราคามันแพงมาก คิดหาค่า บ่ มิได้ อาตมามอง ตรงนี้เป็นหลัก ไม่ได้มองตื้นๆ

        จริงๆเราลงทุน วัตถุเยอะนะ เสียสละเยอะเลย มารวมกัน หลายคนไม่ได้ไป ทำงานผลิต ตามที่เคยทำ คนที่เสียสละ ทำอยู่ข้างนอก ก็ทำส่งมา คนในนี้ ก็ได้ทำเพิ่ม ได้ลาภโดยธรรม แต่ก่อน เราทำผลิตอันนี้ อยู่ที่บ้าน ได้ขายก็ได้เงิน แต่เรามาทำที่นี่ ไม่ได้เงินทอง แต่ว่าเป็นเศรษฐกิจ ซับซ้อน ที่สูงส่ง ทางจิตวิญญาณ แต่ก่อน เราต้องขาย เอากำไร แต่เรามาอยู่ที่นี่ เราไม่เอากำไร แต่สินค้าผลผลิต เราหมุนอยู่ในนี้ มันก็ไม่ ขาดแคลนนะ ไม่มีใครหิวโหย เดือดร้อน แม้ไม่สะดวก เหมือนอยู่บ้าน แต่ก็ได้ฝึกฝน อดทน

        สิ่งเหล่านี้ ชาวอโศก ได้อดทนฝึกฝน กินง่ายอยู่ง่าย มักน้อยสันโดษ มา เราจึงมา อยู่ที่นี่ได้ อย่างไม่ลำบาก จิตเราเป็นฌาน ได้ล้างกิเลส ไปบ้างแล้ว ฌานคือ การเผากิเลส ด้วยไฟ กองใหญ่ เป็นไฟที่มีพลังงานเผาไฟราคะโทสะโมหะ เป็นพลังงาน ทางนามธรรม จะเป็นฌาน อย่างสัมมาทิฏฐิ อย่างฌาน นั่งหลับตาทำสมาธิ ไม่ใช่ไฟฌาน เผากิเลส เป็นมิจฉาทิฏฐิ หรือมิจฉาทฤษฎี เป็นการนั่งกดข่ม หลอกจิตให้นิ่งไป  ไม่ได้เรียนรู้ รายละเอียดของจิต ไม่ได้เรียนรู้ว่า จิตตัวไหนเป็นสมุทัย ไม่ได้เรียนรู้ว่า อย่างนี้เป็น สมถะวิธี อย่างนี้เป็นวิปัสสนาวิธี ไม่ได้ทำจรณะ ๑๕ จนเกิดฌาน

.     ถึงพร้อมด้วยศีล. .                  ๐๙. ปรารภความเพียร                   
๒.     คุ้มครองทวารอินทรีย์ *         ๑๐. สติอันเป็นอาริยะ . .
๓.     ประมาณในโภชนา                 ๑๑. ปัญญา *  .
๔.     ประกอบความตื่น                   ๑๒. ปฐมฌาน .
๕.     ศรัทธา (เชื่อมั่น) . .                 ๑๓. ทุติยฌาน
๖.     หิริ (ละอายต่อบาป) .               ๑๔. ตติยฌาน
๗.     โอตตัปปะ. (สะดุ้งบาป).        ๑๕. จตุตถฌาน
๘.     แทงตลอดในพหูสูต #

        หลักธรรมพระพุทธเจ้าลึกซึ้ง ไม่ได้สอน ให้ไปนั่งหลับตา เมื่อทำเพี้ยน ก็ไม่ได้ผล ของพุทธ ไม่เป็น พหุชนหิตายะ (เพื่อหมู่ชน เป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ (เพื่อความสุข ของหมู่ชน เป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ (รับใช้โลก ช่วยโลก)

        ประเทศชาติวุ่นวาย เสียหายล่มจม แต่ว่าศาสนาพุทธ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วอาตมา พามานี่ ก็หาว่าอาตมา มายุ่งอีก ก็มิจฉาทิฏฐิจริงๆ ประเทศ จึงเดือดร้อนอย่างนี้ เพราะมิจฉาทิฏฐิ ของพุทธ เลยไม่ได้ผล อย่างที่ควรจะเป็น

        มีผู้เข้าใจก็ทำตาม แล้วได้ผล ก็ได้ออกมาทำงาน อย่างพวกคุณ ที่ได้ฟังนี้ ก็จะเข้าใจ และ เห็นพฤติกรรมพวกเรา ที่ทำนี้มาจาก มโนกรรม ที่ออกมาเป็น กายกับวาจา คุณก็ได้รับ ซับซาบ โดยที่เขา ไม่ได้สอนคุณหรอก โดยธรรมชาติ แผ่ธรรมะแก่กันในที เป็นสัจจะ ไม่ได้พูดตู่เอา แต่เป็นเรื่องจริง ไม่เสียหายหรอก ที่เราได้อยู่ร่วมกัน ในแต่ละวัน

        ที่เรามานี่ ไม่ได้สร้างสรรอะไร แต่เราได้มาทำหน้าที่ปฏิวัติ จะทำได้แค่ไหน ก็แค่นั้น ถ้าทำได้ไม่สำเร็จ ก็ฝากไว้ก่อนเถอะโอฬาร เราได้แค่นี้ ก็เอาแค่นี้ก่อน เราก็มาทำใหม่ เราไม่ย่อท้อ เราก็สื่อสารกันไป ไม่หยุด เพื่อช่วยสังคม ตามที่เราเข้าใจ

        จะเน้นจุดที่ผิดพลาดมากคือ ...ประเด็นที่เข้าใจไม่ได้ คือ มันยังไม่เคยมี ว่าการปฏิวัติ ด้วยความสงบไม่ใช้อาวุธ ใช้คุณงามความดี มาเป็นบุญญาวุธ เราเอา ความถูกต้องดีงาม มาฟาดหัวเอ็ง เอ็งรู้บ้างไหม จะให้เอาปืนเอามีด มาฟาดหัวหรือไง ถึงจะยอม มันน่าจะเจริญ เป็นมนุษย์เสียที มีสัญชาติญาณเก่า ของสัตว์อยู่

        พิจารณาจริงๆ ว่าตัวเองผิดไหม ถอดความง่านโด้ ออกได้ไหม? (ง่านคือ โง่ยกกำลังด้าน ส่วนโด้คือ ด้านยกกำลังโง่) มันควรจะเข้าใจว่า ตนเองผิดจริงๆไหม ว่าเขาก็พยายาม ทำดีงาม เป็นประชาธิปไตย ที่สวยงาม เพื่อจะปรับปรุง การเลือกตั้ง ถ้าคน ที่ไปเลือกตั้งนี้ แต่ละคนเข้าใจจริงๆว่า คนนี้เป็นคนดีมีความสามารถ โดยไม่มี การบังคับ ไม่มีการซื้อ เป็นการออกเสียง บริสุทธิ์จริงๆ แล้วก็ได้ผู้แทนก็จะดี เป็นประชาธิปไตยที่แท้ แต่ความเป็นจริง การเลือกตั้งเป็นอย่างไร มีแต่การซื้อเสียง มีสารพัด เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวง เพื่อให้ฉัน ไปเป็นผู้แทน แล้วเราก็ได้ ผู้แทนอย่างนี้ ตอนนี้เป็นเครือข่าย การโกง ไปหมดแล้ว ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ถ้าแก ไม่ทำตาม ก็ไม่เจริญในอาชีพ มันเล่นกันอย่าง ไม่บริสุทธิ์สะอาด

        เรามาเปลี่ยนแปลง เสียทีเถอะ ยืนยันว่ารบ.นี้ ถ้าทำอีกก็ไม่เปลี่ยน อาจมีรู้สึกตัว มาหน่อย มีแต่จะหาทาง ให้เขาไม่จับได้ เขารู้นะว่า มันชั่วไม่ถูก เขาฉลาดเฉโกนะ ไม่ฉลาดวิชชา ก็ยืนยันตามจริง ของเขาอย่างนั้น ถ้าเลือกตั้งอีก ก็วนเวียน พายเรือในอ่าง แก้ไขไม่ได้ ที่สุดเราก็ต้องยอม จะทำหยาบคายกว่านี้ เราก็ไม่ได้ แต่ถ้าทำได้ เราก็ต้อง ช่วยกันทำ จนกว่าจะหมด สุดทางไป สุดท้าย ผู้ที่มาร่วมกันทำ ครั้งนี้ มีคณะเสนาธิการ คณะบริหาร กปปส. ทำกันแล้วก็สุดท้าย ยอมแพ้ เราก็หยุด ใครจะบอกว่า ยังไม่ถึงที่สุด ยังไม่ชนะ เหมือนที่เราพากัน ผ่อนสั้น ผ่อนยาว เราก็อยากชนะ ผู้นำเขาก็อยากชนะ เหมือนกัน แต่มันจำนน มันก็ต้องผ่อนหนัก ผ่อนเบา ไม่เช่นนั้น เราก็เสียพลังงาน มาทะเลาะกัน มันก็พร่อง ทำงานต่อไป ก็ไม่เจริญ เราต้องฉลาด อย่าทำให้สูญเสีย ควรให้เป็น พลังงานสูงส่ง เราต้องทำ จิตใจให้ดี

        พวกเราน่าจะให้เกียรติ ไว้ใจผู้ที่ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ว่าใช้ความรู้ความฉลาด สามารถเต็มที่ เราไม่ย่อหย่อน เราทำจริงจัง แต่เราทำได้แค่นี้ แต่ถ้าคุณคิดว่า คุณดีกว่า ก็เสนอแนะมา เราก็รับมาคิด แล้วเราก็จะได้ความรู้ ความคิดเพิ่ม หรือใครจะอาสามา ก็มา ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ

        ที่เราทำมานี่ อาตมาว่า เราทำบริสุทธิ์ เราทำเชิงโลกุตระ มากกว่าโลกียะ โลกุตระ ต่างกับโลกีย์ คือ โลกุตระ ไม่อยากได้โลกธรรม มาบำเรอตน แต่โลกียะ คือหวังจะได้ ลาภยศสรรเสริญ เป็นของตอบแทนหรือได้กามได้อัตตา เป็นของตอบแทน แต่ละคน ที่ตั้งใจมารวมกัน เป็นแกนนำ หรือกรรมการ เราไม่ได้ทำเพื่อ เสวยโลกธรรม ไม่ได้มี เจตนา แม้ยังไม่ใช่อรหันต์ บางคนอาจ มีเล็กมีน้อย แต่รวมแล้ว บริสุทธิ์ใจมากแล้ว มาตั้งใจหยุด สิ่งเลวร้าย เปลี่ยนสิ่งใหม่กว่าขึ้นมา ถ้าคุณอยากทำ มีความรู้ ความสามารถ หมู่กลุ่มให้ทำก็ควรทำ แต่ถ้าเราทำแล้ว จะได้ลาภยศสรรเสริญ​ ก็ต้องมี ความละอาย ที่จะทำ แต่ถ้าความเห็นหมู่ฝูงว่า คุณเหมาะสมที่สุด เราก็ไม่น่า จะสะดิ้งเกินไป เขาเห็น ความบริสุทธิ์ใจ ความสามารถของคุณ ก็อย่ากลัวจะถูกว่าว่ามาล่า โลกธรรม ถึงที่สุดแล้ว ก็รับเถอะ เพื่อให้เกิดประโยชน์ ต่อสังคม

        ในรธน. มาตรา ๑ (รูปแบบรัฐ)ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้
        มาตรา ๒ (รูปแบบการปกครอง) ประเทศไทย มีการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข

        อำนาจยิ่งใหญ่ เป็นของประชาชน เรียกว่า รัฐาธิปัตย์ ใครจะแย่งไปไม่ได้ อำนาจนี้ เป็นของประชาชน เราเลือกตั้ง ให้ไปเป็นรบ. แต่เขาก็เผลอริบอำนาจ ไปเป็นของ ประชาชน มันเลอะเทอะ อย่างนั้น ไปบริหารชั่วๆ ตุลาการตัดสินว่าผิด ก็ไม่ยอมรับ อย่างนี้ บ้าซ้อนบ้า

        พระมหากษัตริย์ ก็เป็นประชาชน แต่เรายกให้เป็นหัวหน้า มอบให้อย่างเต็มใจ พระมหากษัตริย์ พระองค์นี้ สุดยอด แห่งนักประชาธิปไตย 2,360,475 คน 2,360,475 คน ยิ่งกว่า มหาราช เรามอบอำนาจ ให้อย่างเต็มใจ สุดซึ้งเลย

        มาตรา ๓ (อำนาจอธิปไตย) อำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้น ทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญนี้ การปฏิบัติหน้าที่ ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้ง องค์กร ตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไป ตามหลักนิติธรรม

        แต่เมื่อสองสถาบัน คือรัฐสภาและบริหารทำผิด ศาลตัดสินแล้วเ ขาก็ว่า “หนูไม่รู้” เราก็มีสิทธิ์ ต่อต้าน โดยสันติวิธี ปราศจากอาวุธ เขามาไล่คุณออก คุณก็ว่ายอมแล้ว แต่ยอมที่ไหน ก็ยักไว้อยู่นะ ไม่ยอมออกอีก ไม่รู้ว่า เขามาไล่นะ

        สมมุตินะว่า คุณทำงานให้เจ้าของบ้าน เขาอย่างดีเลย เสร็จแล้วเจ้าของบ้าน เขาก็เห็นว่า คุณทำผิด เขาก็พยายามไล่ออก คุณก็บอกว่า ไม่ยอมออกนะ เพราะฉะนั้น เราเป็น เจ้าของบ้าน เลือกจ้างพวกคุณ มาทำงาน แล้วคุณก็มากบฏ ต่อเจ้าของบ้าน ทำไม ง่านนัก แถมบอกว่า คุณอย่ามาประท้วง กลับบ้านไปเถอะ แต่อันนี้มันบ้านเรานะ มาไล่เราไปอีก ...

 
๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ที่ เวที ประตู ๕ หน้าทำเนียบรัฐบาล กทม.