|
||
The greatest political uprising on earth เพราะเป็นการตื่นขึ้นมาปฏิวัติ ที่ยิ่งใหญ่ ในโลก เราทำมาเป็นการปฏิวัติ ที่สวยงาม เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดมาก่อน มี ๕ อย่าง ที่อาตมา ได้ประมวลมาคือ ๑. เป็นเรื่องใหม่ ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน แบบนี้ ๕. เป็นโลกุตระ ตุลาการภิวัตน์ เป็นเรื่องของคุณภาพ ความถูกต้อง ส่วนประชาภิวัตน์ เป็นเรื่องของปริมาณ มันแปลกที่ว่า ความสงบ มีอำนาจอย่างไร? ให้คู่ต่อสู้ ที่มีอาวุธมากมาย เราใช้ความดีงามอ่อนน้อม ช่วยเหลือเกื้อกูล เข้าต่อสู้จริงๆเลย อาจมีบกพร่องบ้าง แต่สรุปว่า งดงามมากเลย ทำให้สยบลงได้ เป็นการชนะ ที่เป็นไปได้ ภาคภูมิใจว่า สังคมมนุษย์เป็นไปได้ ถือว่าสังคมอย่างนี้ เป็นอาริยะ เป็นเครื่องชี้บ่งถึง ความเจริญของมนุษย์ ชนะด้วยธรรมาวุธ ซึ่งสุดยอดเลย เกิดความสงบ เป็นอาวุธ ในความเจริญ ก็เอาเนื้อแท้สัจธรรม มาขยายความรู้ ความจริง จนเขาไม่กล้าแพ้ มีแต่ดิ้นอย่างเดียว ที่เราเห็นได้ชัดเจน ความสงบนี้ เป็นอาวุธได้นะ เป็นอำนาจ ให้เขาจำนน เขาพูดไม่ออก เพราะเป็นความจริง ความดีงาม ถ้าเขารู้ว่า เขาถูกกว่าดีกว่า เขาก็จะต้องสู้ต่อ ถ้าเขาถือว่าเขาไม่ผิด เขาก็มีสิทธิ์ ต่อต้านได้ แล้วความต่อต้าน ด้วยความรุนแรงนั้น เขาสามารถทำได้ เราไม่มีอาวุธ ทำได้อย่างเขา เขามีตำรวจ แม้แต่อำนาจ ในทางความรู้ เขาก็ตะแบงกันอยู่ พยายาม มอมเมาคนอยู่ แต่ผู้รู้ ก็จะรู้ดีว่า อย่างไหนถูก แต่ว่ามันเจริญ คนสองฝ่ายสู้กัน คนแพ้ก็คือผิด แล้วก็ต้องยอม จะจบเมื่อไหร่ ก็บอกไม่ได้ . คือผู้ผิดเราไม่รู้ว่า เขารู้ตัวไหมว่าเขาผิด แต่เรา แน่นอนว่า เรายืนยันว่าเราถูก มันก็ต้องจบ ที่เขาผิด แต่ตอนนี้ เขารู้หรือไม่ ว่าเขาผิด ถ้าเขารู้ว่า เขาผิด ก็ยอมง่าย แต่ถ้าเขาไม่รู้ เขาก็คิดว่าเขาถูก เขาก็จะไม่ยอมง่ายๆ เพราะต่างฝ่าย ต่างว่าตนถูก แต่ถ้าเขารู้ว่าเขาผิด เราก็ต้องมาฉีกหน้ากิเลส ตอนนี้เขาไม่รุนแรงแล้ว รุนแรง ไม่ขึ้นแล้ว เราก็ต้องเอา พฤติกรรมที่ผิดมาชี้ กิเลสมันก็ต้องยอม เมื่อไหร่ กิเลสเขา อ่อนแรง แล้วเขามีความรู้ เขาก็ยอม พลังงงาน ความถูกต้อง เผาผลาญพลัง ความดีงามได้ เราก็ต้องพากเพียรต่อ ให้ถึงที่สุด ใช้ความดีงามบอกกัน เด็ก คนแก่ เราก็ต้องช่วยเขา คนพิการ เราก็ต้องช่วย สังคมโลกนี้ จะเป็นโลกุตระที่แท้ มีซ้อนว่า ถ้าเราทำแต่ดี ให้แก่คน ประเทศไทย ไม่ต้องมีอาวุธ ไม่ต้องมีกองทหาร ไม่ต้องมีตำรวจ มีแต่กองสงเคราะห์กันทั่วโลก เพราะเมืองไทย ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว เราก็ถั่วเฉลี่ย ไปช่วย ประเทศอื่นมาก เราทำแบบประโยชน์สูง ประหยัดสุด แต่ละคน มันน้อย สันโดษ แต่แรงงาน เราทำได้มาก ได้ผลผลิตมา ไม่สูญเสียพลังงาน ไปสร้างประโยชน์ทวีคูณ เจริญงอกงาม เป็นเศรษฐกิจ บุญนิยม เป็นค่าที่สูง ยังรอนักเศรษฐศาสตร์ ตื่นรู้ มาศึกษา เศรษฐศาสตร์ บุญนิยม เศรษฐศาสตร์ทุนนิยม กำลังแย่ ถึงทางตัน เพราะเอากิเลสมาผลักดัน ไม่มีลด ก็มีแต่เพิ่มกิเลส แก่งแย่งกัน ไม่มีเมตตา ฆ่ากันได้ เป็นผักเป็นปลา ใจดำอำมหิต โหดเหี้ยม เรามาทำแบบบุญนิยม รวมกลุ่มกัน ก็ยิ่งมีผลเหลือ ส่วนกลาง ก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้นๆ เราทำมาก เราไม่ได้เป็นเจ้าของเอง เหมือนนายทุน แต่เราทำให้ส่วนกลาง เรายิ่งให้ ได้มาก เพราะไม่มีใครยึดถือ เป็นเจ้าของ ให้ได้มาก เป็นประโยชน์สูง ประหยัดสุด เป็นเศรษฐกิจบุญนิยม ไม่กักตุนสะสม สะพัดได้เร็วได้ไว ถ้าเอามากองกัน ก็มีแต่สะสม ไม่เกิดผลดี แต่ถ้าเคลื่อนที่ ก็เกิดค่า เงินเป็นสิ่งแทนค่า สะพัดไป มีบทบาท หน้าที่ ธนบัตร เมื่อกองอยู่กับที่ ก็คือเศษกระดาษ แต่ถ้าเคลื่อนที่ ไปช่วยคนนั้น คนนี้ ก็จะกลับมีค่า ทับเท่าทวี เป็นเรื่องจริงของค่า พวกเราไม่ได้ยึดถือเสพแต่ตน เราทำงานได้ เราก็สะพัด เราไม่กลัวอด แม้เราไม่มีคงคลังมาก แต่เรามีขยัน กับสมรรถนะมาก เกิดแรงงาน คุณค่า ได้ทุกวัน ถ้าป่วยก็พัก แต่มีคนทดแทน คนป่วย มีไม่มากนักหรอก ในคอมมิวนิสต์ไปไม่รอด ที่ต้องล้ม เพราะคนทำงานให้มาก ก็เอาไปแจก ให้คน ไม่ทำงาน คนขี้เกียจ คนก็เลยขี้เกียจทำ สุดท้าย ก็มีแต่คนขี้เกียจ มากขึ้นๆ เพราะไม่ได้ทำ ด้วยใจจริง แต่ของเรา ที่ทำนี้ทำด้วยใจจริง ไม่ต้องมีใครมาจ้าง หรือมาบังคับ ก็ทำด้วย ปัญญา สังคมที่อุดมปัญญาอย่างนี้ อยากให้ไทยเป็นไหม? ก็ต้องมาสร้างสรร ช่วยกันทำ สังคมนี้ จะเป็นมหาอำนาจไม่ต้องรวย ไม่ต้องอวดโอ่ ไม่จำเป็นต้อง มาซื้อทองซื้อเพชร มาอวดโอ่กัน สิ่งที่คนเขายกว่ามีค่า เราก็รู้กับเขา เราเอามาใช้ประโยชน์ได้ ไม่จำเป็นต้อง เอามาอวดโอ่ โชว์ให้คน มานั่งปล้นจี้ คนเราฉลาด ไม่ต้องทำสิ่งเหล่านี้ คุณความดี ไม่ต้องโชว์ อวดโอ่หรอก นี่คือลักษณะซับซ้อน ของความจริง เป็นสังคมคนจน แต่อุดมสมบูรณ์ เครื่องกินเครื่องใช้ เราก็มีไม่ขาดแคลน เรามีของ ส่วนกลาง คุณเข้าใจว่า ทำแบบคนจน มากขึ้นไหม ส่วนตัวของแต่ละคนน่ะจน แต่ของส่วนกลาง ของประเทศรวย แต่เราก็ไม่ต้อง ไปอวดโอ่ แต่อย่างใด ค่าแรงงานของเรา คือตัวลดต้นทุน เราไม่เอาค่าตัว ค่าแรงงาน ไม่สะสม ก็ไม่มีกองไว้ส่วนตัวมาก แต่ให้แก่สังคมได้มาก เป็นสังคมเศรษฐกิจที่วิเศษ เป็นเรื่องสั่งสมบารมี ถ้าอยากได้ให้ตายหาไม่ขวนขายเอา สร้างไม่ถึง ก็ไม่ได้ ศาสนาพุทธนั้น เป็นศาสนาแห่งกรรม อย่าทำชั่ว ทำแต่ดี คนที่ทำดียังไม่ได้ดี เพราะทำดี ยังไม่มากพอ ข้อสำคัญคือ ชั่วอย่าทำ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะความดี ไม่ทำความเสียหาย แก่คุณ แต่ความชั่ว จะพาคุณเสียหาย ต้องพยายาม มีปัญญาให้ดี ยกตัวอย่าง คนเขารังเกียจ ความสกปรก แต่คนไม่ทำความสะอาด มันก็หมักหมม สกปรก เราก็ต้อง มีการป้องกัน เชื้อโรค เราจัดการได้ เชื้อโรคก็ไม่เกิดร้ายแรง เป็นสิ่งควรทำ ความเสียหาย บกพร่อง ก็ไม่เกิด เราต้องศึกษา ความถูกความผิด ความดีงาม ความเลว กิเลสนั้น พาเสียหาย แล้วเราก็โง่ นึกว่าตนฉลาด แต่ฉลาดโกงนั้นโง่นะ นึกว่าตนเก่ง แต่ที่จริงโง่ ฉลาดเอาเปรียบ นึกว่าตนเก่ง ก็ไปทำซ้ำ ทำซ้อน ยิ่งเหลิงยิ่งอวดเก่ง ยิ่งทำชั่ว เราได้ฝึกฝนไหม แล้วเข้าใจผิดว่า สิ่งที่ทำนี้ดี ยกตัวอย่าง จะเอาแต่ใจให้ได้ คนสะสม ความรวยนี่ชั่วนะ ไปพูดได้เลยทั่วโลก พูดที่ไหนก็ได้ คนเราจะรวยนี่ ๑.ต้องโกง ๒.ต้องเอาเปรียบ โกงนี่บาปหนักกว่าเอาเปรียบ เมื่อโกงได้มาก ก็บาปมาก มาเป็นบุญนิยมนี่ ให้มาขาดทุน ได้เท่าไหร่ ยิ่งได้บุญ หนักเข้า ให้หมดเนื้อ หมดตัวเลย ...พูดเหมือน น่ากลัวไหม?... แต่เราทำได้ แก่ก็มีคนเลี้ยง กินก็มีให้กิน พออยู่พอกิน พอเพียง ใช้หลักพระเจ้าอยู่หัว พวกเราได้พิสูจน์ มาเป็นสังคมแล้ว คุณไม่ต้องกลัวว่า อยู่กับอโศก จะตกงานเลย มีงานให้ทำ มากมาย ระวังจะขี้เกียจ เท่านั้น วันนี้มี 10 การประท้วงของโลก ที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ในวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ประเทศไทย ได้มีการชุมนุมทางการเมือง ที่ใหญ่ที่สุด ครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ การเมืองไทย เพราะมีประชาชน มาร่วมชุมนุม ประท้วง รัฐบาลไทย ถึงกว่า 5 ล้านคน จนสื่อต่างประเทศ ถึงกับกล่าวว่า ไม่เคยมี การประท้วง ครั้งไหน ที่จะเต็มไปด้วย ความสงบเรียบร้อย และปราศจากอาวุธ เหมือนการชุมนุม ครั้งนี้เลย และในช่วงนี้เอง ที่นิตยสาร TIME ได้จัดอันดับ 10 การประท้วงของโลก ที่เป็น สันติวิธี ได้อย่างน่าสนใจ มาดูกันว่า มีภาพไหน เหตุการณ์ใด ที่กลายเป็นภาพ ความทรงจำ ประทับใจ ของชาวโลก มาจนถึง ทุกวันนี้บ้าง 1. แคมเปญเพื่อสันติภาพ ในภาพทั้งคู่ กำลังสวมชุดอาบน้ำ อยู่บนเตียง พร้อมแปะข้อความ บนกำแพงว่า Hair Peace และ Bed Peace ตอนหลัง ทั้งคู่ยังได้ทำ แคมเปญนี้อีกครั้ง ที่เตียงในโรงแรม Montrea ซึ่งเป็นสถานที่ จอห์น เลนนอน และกลุ่มผู้สนับสนุน ได้ทำการบันทึกเสียง เพลง "Give peace a chance" ซึ่งเพลงนี้เอง ที่ต่อมาได้กลายเป็น สัญลักษณ์ ของการต่อต้าน สงครามเวียดนาม 2. ผู้ทรงอิทธิพลทางปัญญา 3.หญิงในชุดขาว 4.เกลือสันติภาพ อย่างไรก็ตาม ภาพของวงดนตรี ที่เล่นดนตรี และกลุ่มชาย ที่นอนหลับอยู่ ก็จารึกอยู่ ในความทรงจำ ของผู้คนว่า มีความเข็มแข็ง ที่ผาสุก สงบ อยู่เบื้องหลัง ของการเคลื่อนไหว ของสหภาพอเมริกาเหนือ ที่ใหญ่ที่สุด แห่งหนึ่ง ภายหลังพาร์คส์ จึงกลายเป็นที่รู้จักในฐานะ "mother of the civil-rightsmovement." หรือ แม่ของการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมือง ทั้งนี้ ดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เป็นผู้สนับสนุน การประท้วง ปราศจาก ความรุนแรง โดยยึดหลัก อหิงสา ตามแบบฉบับของ มหาตมะ คานธี นอกจากนั้น ยังสนับสนุน การร่างกฎหมาย เพื่อให้เกิดสิทธิพลเมือง ที่เท่าเทียมกัน ทุกสีผิว ในสหรัฐอเมริกา จนทำให้ท่านได้รับ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี 1964 ไม่มีใครรู้ว่า ชายคนในภาพนี้เป็นใคร บางคนบอกว่า เขาถูกฆ่าตายไปแล้ว ในขณะที่ บางส่วน ก็เชื่อว่า เขาหนีไปซ่อนตัว อยู่ที่ไต้หวัน แต่ไม่ว่า เขาจะเป็นใครก็ตาม สิ่งที่เขาทำ ก็ได้เป็นภาพตราตรึงอยู่ในใจ ของคนทั้งโลกแล้ว แม้การประท้วง ครั้งนั้น จะไม่สำเร็จก็ตาม การประท้วง ที่ได้รับการชื่นชม จะมีภาพที่เป็นสัญญลักษณ์ ทำให้คนประทับใจ พวกเรา ก็มาประท้วง ต้องการให้คุณ หยุดทำผิด เพราะคุณทำ ผิดพลาด มามากมาย เสียหาย แก่ประเทศชาติ มันก็เป็นความประเสริฐ ต่อสังคมประเทศชาติ นี่เป็นความเจริญ ของมนุษยชาติ สากลเลยของโลก .จบ |
||
|