_561217_พ่อครูและ อ.สมศักดิ์ที่มัฆวานฯ
เรื่อง เลือกตั้งกับเลือกไล่มีนัยต่างกัน

 

        พวกเรามาที่นี่ ได้มาทำสิ่งที่ดี มาช่วยคนละเรี่ยว คนละแรง หากคราวนี้ ทำได้สำเร็จ เรียบร้อยแล้ว จะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากเลย เมื่อรัฐบาล ทำสิ่งผิด ประชาชนก็ต้อง ออกมาดูแล คนเดียว ก็ออกมาประท้วงได้ ขอให้ออกมา อย่างสงบ ไม่รุนแรง มีหลักฐาน มีเหตุผลว่า เขาผิดอย่างไร จนเขาจำนน เขาก็เลิกได้ ประชาชนมีหน้าที่ ปกป้อง ประเทศชาติ ตามรัฐธรรมนูญ

        มาถึงวันนี้แล้ว ก็ต้องพยายามช่วยกัน ทำความเข้าใจกัน ที่ออกมากัน หลายล้านคน ก็ถือว่า ประสพผลสำเร็จ ตอนนี้สังคม ก็กำลังถกเถียงกันว่า จะปฏิรูปก่อน หรือ จะเลือกตั้งก่อน

        ตอนนี้ก็ขอแจ้ง ของดการจัดงาน โพชฌังคาริยสัจจายุ และ ว.บบบ.ไปก่อน เนื่องจาก ติดงาน มากู้ชาติครั้งนี้ เลื่อนไปปีหน้าเลย

        ตอนนี้สังคมกำลังเถียงกันเรื่อง จะปฏิรูปก่อน หรือจะเลือกตั้งก่อน มีตั้งหลายสำนัก ที่ถกกัน เถียงกันว่า สภาประชาชน ที่พวกเราจะตั้งนี่ พวกเขาก็เถียงว่า จะเอาประชาชน ที่ไหนมาตั้ง? ถ้าเขาตั้งผู้แทน เขาก็ให้ประชาชนเลือกตั้ง ก็มีวิธีการ ใช้กันมานานแล้ว แต่สภาประชาชนนี่ มันตั้งโดยอัตโนมัติ ของมันเอง ไม่มีบัญญัติในรธน. แต่ความเป็นจริงแล้ว มันมี ลักษณะที่ประชาชน มารวมกัน แล้วตั้งขึ้นเป็นกลุ่ม ตกลงกันว่า จะทำงานอะไร แล้วก็ทำงานกันได้เลย

        แต่มันยังไม่เคยเกิดมาก่อน เขาก็ว่ากันว่า สภาต้องเกิดจาก การเลือกตั้งผู้แทน ไปเป็น สภาผู้แทนราษฏร เท่านั้น อำนาจของประชาชน คือเลือกตั้งผู้แทน ไปทำงานแทน แต่เขาหลงไปว่า เป็นอำนาจของผู้แทน ผู้แทนหลงเอาเองว่า เป็นเจ้าของ อำนาจ ที่จริงอำนาจ เป็นของประชาชน ผู้แทนก็ทำหน้าที่ เท่าที่มีอำนาจให้ทำ ตามหน้าที่ แต่อำนาจนั้น ไม่ใช่อำนาจเต็ม อำนาจเต็ม เป็นของ ประชาชน คุณเป็นผู้แทน ก็ต้องไปทำ สิ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่เดือดร้อนใคร ทำได้ เช่นไปกวาดถนน ทำได้ ทำตามรธน.ด้วย ตามหมวดหน้าที่ สิทธิของประชาชน

        ที่จริงนายกฯนี้ เป็นอำนาจขั้นที่ ๖ แต่ดูเหมือนใหญ่ เพราะเขาตั้ง ให้มาทำหน้าที่ บริหารประเทศ มันรวมไว้หมด เขาก็เลยนึกว่าเขาใหญ่ ก็เลยหลงตนเองว่าใหญ่ เป็นเจ้านายคน ทั้งประเทศ เอาอำนาจอธิปไตย ของประชาชน เป็นของตน ที่จริง เป็นตัวแทนนี่ ทำหน้าที่รับใช้ประชาชนนะ ไม่ใช่ไปชี้ใช้ประชาชน ​เป็นความหลงผิด ที่สลับกัน ผู้หลงแบบนี้ ก็เลยนึกว่า ประชาชนที่จะออกมา ขออำนาจคืน ก็ไม่ได้ไม่มี ประชาชน จะทำไม่ได้ เขายึดอำนาจมาหมดแล้ว ประเทศไหน ไม่เอาเลือกตั้ง ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขาแย้งอย่างนี้มุมเดียว

        อาตมาขอแย้งว่า ตัวบุคคลประชาชน สดๆเป็นๆ ออกมายืนยันว่า เจ้าของอธิปไตย ตัวแท้ ออกมานี่ ไม่ใช่ประชาธิปไตยหรือไง ไม่ใช่นายกาธิปไตยนะ นี่มัน ประชาธิปไตยนะ ประชาชน มาแสดงอำนาจอธิปไตย สดๆ ตัวจริงเสียงจริง ที่เลือกตั้งนั้น กลโกง หลายชั้นอีก เราออกมามากมาย ยังไม่ยอม เขาเลือกตั้ง ก็ตั้งสภาได้ แต่นี่ประชาชน เจ้าของอำนาจ จะมาตั้ง สภาประชาชน ทำไมทำไม่ได้

        ประชาชนออกมาขออำนาจคืน เป็นสิ่งถูก คุณหมดสิทธิ์แล้ว เพราะได้ทำผิดแล้ว ทำไมทั้งง่านทั้งโด้

        ผู้แทนที่เราเลือกไปทำงาน สามารถตั้งสภาได้ แต่ว่าประชาชนตัวแท้ ไม่สามารถ ตั้งสภาได้ ฟังดูมันทะแม่งๆนะ

        มาตรา ๓ (อำนาจอธิปไตย) อำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้น ทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่ง รัฐธรรมนูญนี้

        อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทยนะ ประชาชน เป็นเจ้าของอำนาจ ตั้งสภาเองไม่ได้ แต่ผู้แทน ที่ประชาชน เลือกเข้าไปทำงานไม่กี่คน สามารถตั้งสภาได้ เวลาเขาเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิ์ ประมาณ ๔๘ ล้าน แล้วเวลาไปเลือกตั้ง ก็ออกมา ไม่ครบหรอก ที่ไปเลือกนี้ คนเขา ไม่เต็มใจไปเลือกก็มา เดี๋ยวนี้ ปรับโทษด้วยว่า ใครไม่ออกไปเลือกตั้ง ก็ผิดด้วย ไม่เต็มใจ แต่ต้องไป ต่างจาก พวกคุณทุกคน ที่มานี่ เต็มใจมานะ มันมีค่า ต่างกันนะ ผู้มาด้วยปัญญา มาอย่างเต็มใจนะ

         ๕ ล้านคนที่ออกมา ค่ามันน่าจะเท่ากับ ๕๐ ล้านคนนะ นี่คือ นัยละเอียด ที่เป็นความจริง วิธีการ ที่มาเลือกตั้งนี้ มันซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มีกลโกงต่างๆ นานา

        ประชาธิปไตยเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยตัวแทน แต่นี่เป็นประชาธิปไตย ทางตรง เลยนะ เราออกมา ขออำนาจคืน ประชาชน จะมาปฏิรูปใหม่นะ เห็นตัวเป็นๆ ของประชาธิปไตยไหม พวกคุณเป็นหนึ่ง ในองคาพยพ ของ ๕ ล้านคน มาตัวเป็นๆ กับหัวใจ เห็นตัวประชาธิปไตยหรือยัง? เขาก็เถียงถกกันว่า จะตั้งสภาประชาชน ได้อย่างไร?

        แล้วเขาก็เถียงแย้งตะแบงว่า ประชาชนมี่มา ๕ ล้านคน แล้วจะเอาเสียงอีก ๖๕ ล้านคน ไปไว้ที่ไหน?... ก็อยู่ที่ตัวคุณ นั้นแหละ แต่เขาไม่ออกมานี่ คนเหล่านั้น เขาไม่ออกมา ตอนไปเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ๗๐ ล้านคน และไม่ได้ไป ทั้งหมด ๔๘ ล้านคนด้วย ที่ไปเลือกตั้ง บางทีมีการบังคับด้วย ทั้งกองพัน ให้เลือกคนนี้ เป็นต้น

        คนที่ออกมา จะมาตามกฏหมาย หรือมาใช้สิทธิ์ ก็แต่ละกาละ แต่ละเรื่อง มันก็ต่างกัน โดยน้ำหนัก เนื้อหาคุณค่า เต็มใจต่างกัน ที่ออกมาแสดงสิทธิ์ทุกวันนี้ ก็มีนัย ต่างกัน คนที่ออกมา โดยไม่ได้บังคับ เป็นอิสรเสรี เป็นเนื้อแท้ของ ความเป็น ประชาธิปไตย ยิ่งกว่าการจำใจ หรือมีกฏบังคับ ให้ออกไปเลือกตั้ง

        คำว่าอิสรเสรีภาพ กับการถูกกำหนดโดยกฏบังคับ อิสรเสรีภาพ ย่อมเป็น ประชาธิปไตย มากกว่ามาตาม กฏบังคับ วันนี้เรามาเลือก การไล่ออก ไม่ใช่เลือกตั้ง แล้วเอาจำนวน คนละบริบท มาเทียบกัน จะได้อย่างไร เรื่องราวก็ ๒ ปีแล้ว คุณทำฉิบหาย เราก็มาไล่ออก แม้คนเดียว เขาก็มีสิทธิ์ไล่คุณได้ แม้เขาผิด ก็ไม่มีสิทธิ์ จับเขา คนก็ไม่เอาตามเขาเอง แต่ถ้ามันถูก คนก็เอาตาม มาเป็นแสน เป็นล้านได้ เรื่องเคยมีมาแล้วในโลก เริ่มจากคนเดียว

        ต้องเข้าใจเนื้อแท้ ของการออกมา อย่างเต็มใจ กับไม่เต็มใจ ก็ค่าต่างกัน การออกมา แสดง สิทธิไล่ออก กับสิทธิเลือกตั้งนั้น มีค่าต่างกัน การไปเลือกตั้งนั้น มีกฏหมายว่า ถ้าไม่ออกไป จะมีการตัดสิทธิบางอย่าง ก็เป็นการบังคับคนออกไป แต่ว่าการออกไป ไล่ออกนี้ เป็นสิทธิที่แสดงออก อย่างเต็มใจ ทำตามมาตรา ๒ และ ๓ ของรธน.

        มาตรา ๒ (รูปแบบการปกครอง) ประเทศไทย มีการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
        มาตรา ๓ (อำนาจอธิปไตย) อำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้น ทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญนี้      

        การเลือกตั้งผู้แทนนั้น คนตั้ง ๗๐ ล้านคน มาเลือกตั้งจริง ก็เพียงส่วนหนึ่ง ออกมาแค่ ๓๐ ล้าน ก็เต็มที่แล้ว เป็นกฏสากล ที่ระบุไว้ เป็นหน้าที่ แต่การชุมนุมนี่ อิสรเสรีเต็มที่ ออกมาชุมนุม รวมกันเห็นๆ ก็เหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นจำนวน ไม่มากกว่า พูดแล้วว่า ออกมา ๕ ล้านคน ก็เท่ากับ ๕๐ ล้านนะ เขาก็ว่า เขามีมากกว่า แต่คราวนี้ ออกมาซัก ๒๐ ล้านได้ไหม? หลักของเขาว่า  Majority rule แต่ผู้รู้ก็ว่า ไม่พอหรอก ต้องคำนึงถึง Minority right ทิ้งเขาไม่ได้ ต้องเอาเขามาเป็นปัจจัย ในการพิจารณาด้วย เช่น บุชกับกอร์ ที่เลือกตั้ง ในอเมริกา นายกอร์ได้คะแนนเลือกตั้ง มากกว่าบุช แต่เขามีวิธีเลือก ที่ลึกซึ้งอีก ปรากฏว่า บุช ชนะในการเลือกปธน.

        พวกเรามาตาม Minority right เรายืนยัน สิ่งถูกต้องควรเป็น มีหลักฐาน ยืนยันว่า คุณควรออกแล้ว แล้วออกมากันนี่ คนละเรื่องกับผู้แทน เราออกมาไล่นะ ทำไมง่าน อย่างนี้

        การออกมาชุมนุมประท้วง ด้วยปัญญาเห็นดีเห็นงาม ด้วยตนเอง ไม่ต้องขึ้นอยู่กับ อะไรของเขา แต่เป็นอิสรเสรี ที่สุดเลย ไม่ตกอยู่ในอำนาจใดๆเลย ที่มากดขี่แบบ Force เลย เป็นอำนาจของตนเอง เต็มๆเลย เรียกว่า independent เลย ยิ่งไทยเรา เป็นราชอาณาจักร นี่คือ เอกราชแท้ๆ เป็นที่สุดแห่งอำนาจ ที่เป็นไปโดยชอบ เป็น Authority ยิ่งมารวมกันมากๆ เป็นอำนาจเต็มที่ เรียกว่า Sovereignty Power

        ที่เขาทำการปฏิวัติส่วนใหญ่ ก็ทำด้วยอำนาจ Force ใช้กองทัพ คนก็ยอม เพราะกลัว แต่เรามาทำ ด้วยอำนาจโดยธรรม แสดงโดยสุภาพเรียบร้อย ให้รู้ว่าสิ่งนี้ไม่ดี ออกไปเถอะ อาจพูดแรงบ้าง แต่ไม่มีปืน ไม่มีรถถัง ไม่ใช้อำนาจ บาตรใหญ่เลย กลับไม่เข้าใจว่า นี่คือ แบบผู้ดี พอเขามาปฏิวัติ ด้วยอำนาจกองทัพ ก็กลับออกแฮะ ทั้งที่ผิดรธน. เป็นขบถนะ ถ้าไม่ชนะ แต่เราทำด้วยอำนาจ Authority ถูกตามรธน. มีเหตุผล หลักฐานอ้างอิง กลับไม่ให้ มันยังไงกันหนอ ที่ทำผิดๆ อำนาจบาตรใหญ่สู้ไม่ได้กลับยอม แต่อำนาจ โดยธรรม กลับไม่ให้ๆๆๆ อาตมาว่า คนเช่นนั้น คือคนไม่เจริญ เป็นชนมิลักขะ เป็นเผ่าง่าน ไม่ใช่อาริยกะ ที่เราทำนี่ จงภาคภูมิใจว่า เราได้ทำสิ่งดีงาม ถูกแล้ว
         
        อ.สมศักดิ์.... เมื่อซักครู่ที่พ่อครูได้อธิบายมาว่า การที่ประชาชน มาชุมนุม ขับไล่รัฐบาล มาด้วยสิทธิ ที่ปราศจากการบังคับ ปราศจากการจ้าง ก็ตรงกับ แนวคิดของ รุสโซ่ เรียกว่า เจตจำนงค์อิสระ คำว่า เจตจำนงค์อิสระ เวลาเอาไปใช้กับ การเลือกตั้ง แล้วปราศจาก การบังคับ ข่มขู่ หลอกลวง ก็จะได้ผู้แทน ที่บริสุทธิ์ยุติธรรม การที่ออก นโยบายมาว่า จำนำข้าว คือนโยบาย แต่การที่ไปออกบัตรพลังงาน อย่างนี้ มันถึงตัวคน แต่ละคน หรือแจก ๗.๕ ล้าน กับคนเสื้อแดง อย่างนี้คือ การซื้อเสียง หรือการแจก แทบเล็ต อย่างนี้คือ การซื้อเสียง ให้พ่อแม่ไปเลือกเขา วิธีซื้อเสียงของ ระบอบทักษิณนั้น แตกต่างจาก การซื้อเสียงแบบเก่า จากการใช้เงินซื้อ ต่อมาก็ใช้ของ เช่น แจกรองเท้า ทีละข้าง แต่มายุคทักษิณ มีประชานิยม ที่จริงคือ การซื้อเสียง ที่ขัดกับ เจตจำนงค์อิสระ

        การที่ไปพร้อมกับปืนและเงิน ไปบังคับขู่เข็น ให้คนลงคะแนนให้ หรือพิมพ์ บัตรลงคะแนน เกิน อย่างนี้เป็นต้น พิมพ์บัตรเกิน ไว้ลงคะแนนผี การเลือกตั้ง ที่ผ่านมา ไม่มียุคไหน ที่น่าเกลียด เท่ากับสองครั้งหลัง ถ้ากกต. ตีข้อเท็จจริงออก ก็น่าจะรู้ว่า คนที่ไปเลือกตั้งนั้น ถูกบังคับ จูงใจ ก็ไม่บริสุทธิ์อยู่แล้ว

        แต่การที่เราออกมาชุมนุม ไล่รัฐบาลนี้ มันคนละบริบท เหมือนถามว่า ไปไหนมา กลับตอบว่า อิ่มแล้ว การไปลงคะแนนเลือกตั้งนี้ เป็นความชอบ หรือไม่ชอบ แต่ว่า ถ้าคุณทำผิดแล้ว แค่สองคน ก็ไล่คุณออกได้

        มีคนที่เชียร์รัฐบาลว่า สามารถทำให้การเลือกตั้ง บริสุทธิ์ แล้วทำไมไม่ทำ ตั้งนานแล้ว ที่ประชาชน ออกมาสองล้าน ห้าล้าน แล้วกำลังจะเป็น สิบล้านนี่ เพราะว่า คุณทำผิด ศาลตัดสินแล้วว่า คุณทำผิด ก็ไม่ยอมรับ ประชาชนก็เลย ออกมาไล่กัน มากมาย ทำไมศาลสองคน ตัดสินก็ยังได้ แล้วทำไม คนตั้งเป็นล้าน ทำไมจะตัดสินไม่ได้

        การเลือกตั้งมา ตั้งหลายครั้ง ทำไมเลือกได้แต่ตัวแทน จากครอบครัวชินวัตร ไม่ได้ ผู้แทน ของปวงชนชาวไทย อย่างแอร์สาวคนหนึ่ง แค่คิดดัง ก็ออกแล้ว แล้วสส. ที่พาคน ไปกดดันคน ต่างๆ นานานี่ ทำไมยังอยู่ได้อีก

        การเลือกตั้ง เราไม่ได้บอกว่าไม่เอา แต่ต้องเลือก แล้วได้ผู้แทนของ ปวงชนชาวไทย แต่ถ้าได้ผู้แทน เป็นขี้ข้านักการเมือง อย่างนี้ใช้ไม่ได้

         พ่อครูว่า.. คลิปถั่งเฉ้าที่ออกมา แล้วเขาเถียงไม่ได้ มีหลักฐานครบถ้วน แล้ว ทำไม บ้านเมือง ไทยเรา ยังเฉยอยู่ ทั้งที่ความผิด ปรากฏต่อหน้า ชัดๆเลย รมต.กลาโหม ทำผิดชัดๆ แล้วรัฐบาลนี้ ทำไมเฉย คนอื่นทำไมยังเฉยอยู่ มันเป็นประเทศไทยไหม?

        อ.สมศักดิ์ว่า... ตอนนี้เป็นประเทศไทย แต่เขากำลังทำให้เป็น สาธารณรัฐชินวัตร

        พ่อครูว่า... ช่วงนี้ประชาชน ตื่นรู้มาก ผิดสังเกต อายุปูนนี้แล้ว ก็ไม่เคยเห็น ประชาชน ตื่นรู้กันขนาดนี้ ออกมาได้ ทำลายสถิติโลกสากลนะ ออกมาอย่างเรียบร้อย สงบด้วยนะ ออกมา ๕ ล้านนี้ มีการปลุกเร้านะ เหมือนกับ จะไปทำร้ายทำลาย เพราะประชาชน ถูกแกล้ง ถูกทำลาย พอรวมกัน มันฮึกเหิมนะ แต่ปรากฏว่า ๕ ล้านคนนี้ เรียบร้อยมาก ไม่เคยปรากฏ ในโลกเลย

        ความอดทน มันเกินขีดจำกัดแล้ว ก็เลยออกมา จงรักษาสิ่งดี สิ่งประเสริฐ ให้ยั่งยืนนะ งดงามมาก เรามีความหลากหลาย ของชุมชน ที่มาชุมนุมกันนี่ อย่างที่ อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ก็มีคนแน่น ของที่นี่ ก็มากันขนาดนี้แหละ นอนฟังกันอยู่ก็เยอะ เป็นกองพลาธิการ กองกาชาด และที่คปท. อยู่ที่ชมัยมรุเชษฐ์ ก็เป็นจริตอย่างนั้น แต่เป้าหมาย เดียวกัน แต่หลากหลาย พฤติกรรมกลุ่ม แยกกันเดิน รวมกันตี แต่ไม่ได้ห่างกันมากหรอก

        เป็นงานการเมือง เป็นงานสังคม นักรัฐศาสตร์ ควรมาทำวิจัยไว้นะ ต้องรวบรวม รายละเอียดไว้ เป็นรัฐศาสตร์บทใหม่ ของโลกนะ มาประท้วงกันยังไง หลายเดือนแล้ว เรามากันงวดนี้ จากสวนลุมฯ มาที่นี่ก็ ๘๘ วันแล้ว อยู่ที่ราชดำเนินมา ตั้งแต่วันที่ ๕ พ.ย. ๕๖ แล้ว

        เรามาก็เป็น ชินชาแล้ว ชินชานี่เป็นลักษณะของ อุเบกขา คำว่า ชิน แปลว่า ชนะ ส่วนคำว่า ชา แปลว่าความรู้ ในภาษาบาลีนะ

        อำนาจอธิปไตย เป็น Sovereign Power จะใช้ภาษาว่า สยามเทวาธิราชิทธิ์ ก็ตาม เป็นพลังอำนาจ ในมาตรา ๒ (รูปแบบการปกครอง) ประเทศไทย มีการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข แล้วออกฤทธิ์เป็น สยามเทวาธิราชิทธิ์ เป็นความจริงความรู้ ที่มาเป็นอำนาจ ไม่ใช่อำนาจรุนแรง หรืออาวุธ หรือกลโกงใดๆ แต่เป็นอำนาจธรรมะ ที่สุดยอด จนคนยอมแพ้ได้ แม้จะอาศัยมวลก็ตาม ก็อาศัยอำนาจสัจจะ ความรู้ความจริง สูงส่งกว่าอำนาจกดขี่ หรืออาวุธ มันจะชนะกัน อย่างสุดยอดเลย จงภูมิใจเถิด ที่เราพากันทำมา จงทำต่อไป รักษาไว้ให้ดียิ่งขึ้น อย่าลดรา วาศอก ในความเจริญนี้ หวังว่าประเทศไทย จะนำสิ่งนี้เกิดได้ จะยังไม่ตาย จะดูความจริงอันนี้ ในประเทศไทย

        โลกทุกวันนี้ เขามีความเล่ห์เหลี่ยมซับซ้อน ในการเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหง เป็นเดรัจฉาน แต่เราทำด้วยสิ่งประเสริฐ ดีงาม เอาธรรมนำหน้า เป็นสิ่งประเสริฐ สุดยอดเลย นี่เป็นสิ่งเลิศยอดเลย เป็น Best Record เป็น A Best model เป็น A Best Revolution ไม่ใช่ตรรกะด้วยนะ แต่เป็นสัจจะความจริง ที่เราทำได้ เป็นไปได้ แต่ก่อน อาตมาดูแล้วก็ว่า น่าจะเป็นไปได้นะ แต่ว่าตอนนี้ มันเป็นไปได้แล้ว Probable แล้ว เป็นไปได้ ต้องมาจากเหตุ อยู่ดีๆ จะเป็นไปได้เลย ไม่ได้นะ

        จิตวิญญาณคนไทยนี่ เป็นจิตที่มีทุนอยู่ เป็นของจริง แม้คุณไม่รู้ตัวว่า คุณมี คุณสมบัตินี้อยู่ คนดีจะทำชั่วได้ยาก แต่คนชั่ว แม้ไม่อยากทำชั่ว แต่ก็ทำชั่วได้ง่าย คนที่ไม่มีพลังแรง จนทำชั่วได้นี่ มันทำไม่ได้ แม้เขาจะฆ่าเรา เราก็ทำตอบไม่ได้นะ มันเป็น พลังงานทางจิต ที่อยู่ก้นบึ้ง มันดำเนินของมันอยู่จริง

        คนที่มีพลังงานดี ออกมารวมกัน เช่นว่า ไม่ต้องการอันนี้ ตรงกัน ก็ออกมารวมกัน ตรงกันหมด แม้บางคน ไม่ค่อยรู้ แต่ก็ตรงกันหมด รวมเป็น สยามเทวาธิราชิทธิ์ นี่คือ สิ่งเกิดจริง เป็นจริง มีต้นทุน จึงออกมาได้ ๒ ล้าน หรือ ๕ ล้านได้

        ส่วนคนทำอกุศล ก็ได้กรรมชั่ว เขาทำหยาบๆ เขายังไม่กลัวเลย แต่เขาจะทำละเอียด ซ่อนเร้นอย่างไร ก็เป็นกรรมวิบาก คนทำชั่วตอนนี้ ก็ยังไม่ได้รับ วิบากตอนนี้ ก็เป็นได้ แต่สั่งสม กรรมวิบากไว้ เราเป็นทายาทของกรรม กรรมจะพาเราเป็นไป เสื่อม หรือเจริญได้ เมื่อมันถึงเวลา ถึงจุดระเบิด จุดชะวาน จุดสันดาป ทั้งที่รู้ว่าเขาผิด ก็ไม่กลัว ไม่กลัวบาปเวรภัย เขาทำไปเถอะ ไม่ต้องไปแช่งเขา ถึงเวลาก็เป็นไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้า ชาติไหน ก็ช่างหัวเขาเถอะ เป็นกัมพันธุ สั่งสมเชื้อพันธ์ สั่งสมสัตว์นรก ก็ได้เป็น สัตว์นรก กรรมจำแนกสัตว์ เป็นกัมปฏิสรโณ กรรมเป็นที่พึ่ง ตอนนี้คนทำชั่ว ได้เสวยโลกีย์ ที่เขาชอบ เป็นสรณะ (การรบ) การปฏิบัติธรรมนี่ คือการรบนะ ต่อสู้กับกิเลส แต่คนไม่รู้กิเลส กิเลสเป็นไส้ศึก แล้วหลง ไปทำคะแนนให้ไส้ศึก คุณก็ขาดทุน ยับเยิน ได้อกุศล สักวันหนึ่ง อกุศลจะระเบิด ไม่ระเหยระเหิด ไม่ตกหล่น คุณก็ต้องรับ มรดกของกรรม เรื่องกรรมวิบาก เป็นเรื่องอจินไตย ...

 

 
๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ ที่ เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ กทม.