_570114_พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ที่เวทีสะพานพระราม ๘
เรื่อง มหาประชาชนประท้วงคนหน้าด้านที่สุดในโลก


        พ่อครูว่า... แดดร่มลมตก สายลมหวานๆ เรามาอยู่บนสะพานพระราม ๘ เป็นครั้งแรก ของชีวิตเลยนะ ตอนอายุ ๘๐ ปี มาเทศน์ กลางสะพานเลยนะ มันเป็นเรื่องที่

        วันนี้อาตมาจะเริ่มด้วย เอาบทความ ของท่านขุนน้อยใน นสพ.ไทยโพสต์ วันนี้ก่อน...

จุดจบที่จะนำไปสู่จุดเริ่มต้น

เริ่มแล้ว...วันนี้... ชัตดาวน์ แบงค็อก หรือจะเรียกว่า ออคคิวพาย แบงค็อก ก็คงไม่ถึงกับ ผิดกติกา แต่อย่างใด เพราะโดยจุดมุ่งหมาย อันเป็นไป ในลักษณะเดียวกัน นั่นก็คือ... ไม่ได้คิดจะสร้าง ความเดือดร้อน ให้กับมวลชน ปวงประชาชน ผู้อาศัยอยู่ใน กรุงเทพมหานคร หรือทั่วทั้ง ประเทศไทย แต่มุ่งที่จะรุกคืบ รุกฆาต สร้างแรงกดดัน ให้กับ รัฐบาลเถื่อน ให้ตกอยู่ในสภาพ รัฐบาลที่เป็นอัมพาต หรือรัฐบาล ที่ล้มเหลว ถ้าหากยังไม่คิด จะออกไป ย่อมมีแต่จะต้อง แห้งตาย คาเก้าอี้ ในท้ายที่สุด...
                                                       ----------------------------

    แม้ว่าภายใต้กระบวนการ หรือวิธีการที่ว่า... มันอาจก่อให้เกิด ความไม่สะดวก ไม่สบาย ก่อให้เกิดอาการ ติดๆ ขัดๆ ชั่วครู่ ชั่วยาม อยู่บ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าลองนำเอา ผลเสีย-ผลได้ จากการดำเนิน กรรมวิธีดังกล่าว มาชั่งน้ำหนัก มาใคร่ครวญ พิจารณา ด้วยเหตุ ด้วยผล ด้วยวิสัยทัศน์ ทัศนวิสัย ที่กว้างขวาง ยาวไกล ระดับครอบคลุม ไปทั่วทั้ง สังคมไทย นับตั้งแต่ ณ ปัจจุบัน ไปจนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ในอนาคตข้างหน้า สำหรับ ผู้ที่ไม่ใจแคบ หรือ คับแคบ เกินไปนัก ย่อมน่าจะสรุปได้ ไม่ยากซ์ซ์ซ์ว่า มันน่า จะคุ้มค่า คุ้มราคา กับการ เสียสละ หรือ การลงทุน เพื่อประชาธิปไตย มากน้อย ขนาดไหน...
                                                      -------------------------

    ส่วนใครที่ยังขวัญอ่อน ประสาทอ่อน กลัวว่าการกดดัน ด้วยกรรมวิธีเช่นนี้ จะนำไปสู่ ความรุนแรง ในแบบหนึ่ง แบบใด ก็ควรที่จะหันไปเรียกร้อง ไปจุดเทียนไข ลนก้น ลนไข่ พวกนิยมความรุนแรง ที่พยายามแอบแฝง เข้ามาในหมู่ ผู้ไม่นิยมความรุนแรง นั่นแหละ เป็นหลัก อันได้แก่บรรดาพวก แอ๊บขาว หรือพวก ทับทิมกรอบ ทั้งหลาย ที่อาศัยช่อง อาศัยจังหวะ ถอดเสื้อแดง หันมาสวมเสื้อขาว ยืนถือธูป ถือเทียน กันหน้าสลอน มีทั้ง มือเผา ประเภทที่เคยป่าวประกาศ แบบเสียงดัง ฟังชัด ว่า เผามันเลยครับ พี่น้อง... ผมรับผิดชอบเอง มีทั้ง มือทุบ มือกระทืบ ประเภทที่เคยยิง กระสุนจริง กระสุนยาง ยิงแก๊สน้ำตา ใส่ราษฎรมือเปล่า อยู่หลัดๆ จู่ๆ ก็หันมาชูธูป ชูเทียน ทั้งๆ ที่ยังแต่งชุดตำรวจ กลายเป็น ผู้ไม่นิยม ความรุนแรง แบบแอ๊บแบ๊ว ชนิดหน้าตาเฉย...
                                                     -----------------------------

    มิหนำซ้ำ บางกลุ่ม บางราย ยังคงไล่ทุบ ไล่ตี ไล่ยิงมวลชน ฝ่ายตรงกันข้าม ทั้งๆ ที่เพิ่ง ถอดเสื้อแดง หันมาสวม เสื้อขาวแท้ๆ ไอ้ประเภทนี้นี่แหละ... ที่ควรจะจับเอามา จุดเทียน ลนไข่ ซะให้เข็ด หรือไม่งั้น ต้องไปเรียกร้องเอากับ ดีเอสไอ ให้ตัดท่อน้ำเลี้ยง ให้ปิด บัญชีรัฐบาล ทั้งคณะ แทนที่จะหันมา ปิดบัญชี ครัวราชดำเนินกันแทนที่ เพราะอย่างที่ ใครต่อใครเคยว่าๆ เอาไว้นั่นแหละว่า โดย โครงสร้างอำนาจรัฐ มันคือตัวการ ที่จะนำมา ซึ่งความรุนแรง ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ในขณะที่ ฝ่ายผู้ต่อต้าน อำนาจรัฐ พยายามยืนหยัด ยืนยัน ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ว่าจะยึดมั่น อยู่ในแนวทาง การต่อสู้ โดยสันติ ปราศจากอาวุธ ถ้าหาก ผู้ถือครอง อำนาจรัฐ ไม่คิดอาศัยช่อง อาศัยจังหวะ ที่จะใช้ความรุนแรงซะอย่าง โอกาสที่จะเกิด การปะทะ เกิดภาวะ เลือดนองท้องช้าง ย่อมต้อง ไม่อุบัติขึ้นมาอยู่แล้ว แน่ๆ...
                                                   ------------------------------

    แต่โดยข้อมูล ข้อเท็จจริง โดยหลักฐาน อันสามารถพิสูจน์ ยืนยันได้ ในแทบทุกครั้ง ความพยายาม ที่จะอาศัยอำนาจรัฐ เล่นงานผู้ต่อต้าน อำนาจรัฐ ในทันทีที่ได้ช่อง ได้จังหวะ นั่นเอง...ที่มันนำมา ซึ่ง ความรุนแรง ในแต่ละระดับ การปฏิเสธ ความรุนแรง มันจึงควร ที่จะหันไปเน้นหนัก เอากับผู้ใช้อำนาจรัฐ ไม่ใช่หันมาไล่บี้ ไล่เช็ด เอากับมวล มหาประชาชน อันเนื่องมาจาก ความสับสน ในการเอา ดังเช่นพวก สองเอา-สองไม่เอา ทั้งหลาย ที่แม้ว่าจะพยายาม แสดงออกถึง ความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา เพียงใด ก็ตามแต่ แต่มันคง ไม่ต่างอะไร ไปจากพวก มือไม่พาย แต่หันไปเอา เท้าราน้ำ อะไรประมาณนั้น ...
                                                 ------------------------------------

    เอาเป็นว่า... ตราบใดที่มวลมหาประชาชน ภายใต้การนำของ คุณพี่ เทพเทือก และพวก ยังคงยึดมั่น อยู่กับแนวทางการต่อสู้ แบบสันติ อหิงสา มือเปล่า ปราศจากอาวุธ ชนิดถือเป็นทั้ง ยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี เป็นทั้งจุดมุ่งหมาย และกรรมวิธี มาโดยตลอด 2 เดือนกว่าๆ เข้าไปแล้ว โอกาสที่จะเกิดภาวะ เลือดนองท้องช้าง อย่างที่ใครต่อใคร หวาดวิตก กังวล เอาไว้ก่อนล่วงหน้า มันน่าที่จะลดๆ ลงไป อย่างน้อย ก็เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นไป คือถ้าหาก ฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ไม่คิดจะไปปะทะ ไม่คิดจะเอาเลือด ไปล้างเลือด ของอีกฝ่าย อัตราส่วน ความเป็นไปได้ ของความรุนแรง มันย่อมต้อง ลดลงไปแล้ว ไม่น้อยกว่า ครึ่งหนึ่ง...
                                                  ----------------------------------

    แต่ที่มันยังคงหลงเหลือ แนวโน้มความรุนแรง อยู่อีกประมาณ ครึ่งหนึ่ง ก็เนื่องมาจาก อีกฝ่าย หรือฝ่ายผู้ถือครอง อำนาจรัฐ นั่นแหละ ที่พยายามเอามากๆ ในการหาทาง ยั่วยุ ลอบกัด ลอบฆ่า ลอบยิง ถึงขั้น สาดกระสุนยาง กระสุนจริง สาดแก๊สน้ำตา ใส่ผู้ชุมนุม อย่างไม่คิด จะละเว้น ทั้งนั้นทั้งนี้ ก็เพื่อที่จะสร้าง เงื่อนไข ความชอบธรรม ในการบดขยี้ ผู้ชุมนุม ทันทีที่ฝ่ายตรงข้าม เกิดอาการนอตหลุด นอตหลวม ขึ้นมาเมื่อไหร่ จากที่เคยอาศัย พ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นเครื่องมือ ก็สามารถ ยกระดับขึ้น ไปใช้ พ.ร.ก. ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้เมื่อนั้น แต่เมื่อเจอกับ มวลมหาประชาชน ที่สุดแสน จะอดทน อดกลั้น ตั้งมั่นอยู่ในสติ และความเพียร อย่างไม่มีวันลดละ อำนาจรัฐ ที่อยู่ในมือ รัฐบาลเถื่อน ย่อมมีสภาพ ไม่ต่างอะไรไปจาก สากกะเบือ ยิ่งขึ้นทุกที...
                                                   --------------------------------

    และถ้าหากไม่มีอะไรขัดแข้ง ขัดขา ไม่มีผู้ที่มือไม่พาย แต่เอาเท้าราน้ำ มากมาย เกินไปนัก แนวโน้มที่รัฐบาล จะต้อง แห้งตาย ในอีกไม่นานไม่ช้า นับจากนี้ ย่อมมีความเป็นไปได้ สูงเอามากๆ รัฐบาลที่ ปกครองไม่ได้ และถึงจะเดินหน้า เลือกตั้ง ก็มีแต่เดิน ชนกำแพง ตกเหว ตกท่อ ไม่มีโอกาส เปลี่ยนตัวเอง ไปเป็นรัฐบาลใหม่ สภาใหม่ ได้เลยแม้แต่น้อย แถมยังต้อง รอคิวเชือด ตามครรลอง ตัวบท กฎหมายอีก ไม่น้อยกว่า 45 เรื่อง 14 กรณี 18 ประเด็น เป็นอย่างน้อย งานนี้... ต้องเรียกว่า ยังไม่ทัน ที่สหประชาชาติ จะเข้ามาชันสูตร พลิกศพ การฌาปนกิจรัฐบาล ตามประเพณี และ วัฒนธรรมไทยๆ ก็คงเสร็จ เรียบโร้ยย์ย์ย์ ไปก่อนหน้านั้นแล้ว...
                                                     -------------------------

    ปิดท้ายด้วย วาทะวันนี้จาก 108 มงคลพระบรมราโชวาท... “ความเพียร ที่จะเป็นกำลังได้ ต้องมีลักษณะ แข็งกล้า ไม่ย่อหย่อน เสื่อมคลาย ด้วยอุปสรรค ด้วยความยากลำบาก เหน็ดเหนื่อย ประการใดๆ หากแต่อุตสาหะ พยายาม กระทำเรื่อยไป ไม่ถอยหลัง แม้หยุดมือ ก็ยังพยายาม ติดต่อไป ไม่ทอดธุระ กำลังความเพียร จึงจะทำให้การงาน ไม่ชะงัก ล่าช้า มีแต่ดำเนิน รุดหน้า ไปตามลำดับ จนบรรลุ ความสำเร็จ โดยไม่มีสิ่งใด จะยับยั้งขัดขวางได้...”.

---------------

        พ่อครูว่า... อาตมาก็บอกพวกเราทั้งหลายว่า ขอบคุณด้วยใจจริง ที่ได้อุตสาหวิริยะ มา ๒ ถึง ๓ เดือนแล้ว เราก็สู้กัน อย่างทรหดอดทน ใช้ยุทธวิธีสารพัด เป็นยุทธวิธีแห่ง ความสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ได้ผลมาเรื่อยๆ เป็นผลดี อย่างมากเลย อาตมา จะลองประมวลดูว่า ผลดีที่เราได้ทำมา
       
ผลดีของมหาประชาชนออกมาประท้วง

        ๑๓ ม.ค. ๕๖ กปปส.ชุมนุม Shut Down Bangkok แทนที่จะเกิด ความเสียหาย ต่อประเทศชาติ แต่กลับยิ่งดีขึ้น ตรงกันข้ามกับ การเดาส่ง การคาดคะเน ที่ไม่ตรงกับ สัจธรรม ทั้งนั้น เช่น

. หาเรื่องเดาว่า... การจราจรคงจะติดขัดวินาศสันตโร... ก็กลับจราจร ปลอดโปร่ง โล่งสบาย อย่างไม่เคยมี การขนส่งมวลชน ของสาธารณะนั้น เช่นรถไฟฟ้า,รถไฟใต้ดิน, รถไฟ สามารถขนส่ง ได้เป็นปกติ แถมผู้โดยสาร มากกว่าเดิม หลายเท่า เพราะคน กรุงเทพฯ เกรงจราจรติดขัด จึงไม่เดินทาง ด้วยรถส่วนตัว หันไปพึ่งพา ระบบขนส่งสาธารณะ เป็นหลัก
        ส่วนรถพยาบาลนั้น สามารถเข้าออก เดินทางได้อย่างสะดวก ซึ่งต่างจาก การชุมนุมของ นปช.ในปี '๕๒-๕๓ ที่รถพยาบาล ไม่สามารถผ่าน เข้าออกได้

. หาเรื่องโดยเดาว่า... การค้าขาย ร้านรวง จะขายของไม่ได้... ก็กลับขายดี เป็นเทน้ำ เทท่า นับเป็นความสุขของ มวลมหาประชาชน ขาช๊อบ เดินสยาม ข้าม MBK ออก สยามพารากอน แล้วลากยาวไป CTW

        สิ่งที่มวลมหาประชาชน กปปส. เหมือนกับเสื้อแดง นปช. คือ ไปที่ไหน ของหมดเรียบ สิ่งที่แตกต่าง กันนั้นคือ กปปส. ช๊อบเรียบ ซื้อกระจาย เพราะกำนันสุเทพ ประกาศว่า “ช็อบปิ้งเลยพี่น้อง  ซื้อให้เรียบห้าง” ส่วนแกนนำเสื้อแดง ในปี '๕๓ ประกาศว่า “เผาเลยพี่น้อง เผาให้เรียบ” ข่าวว่า บางสำนักว่า ราชประสงค์ ไม่ต้องผวา แบบปี 53 ??? กปปส. ทยอยเข้าร่วม ในพื้นที่ราชประสงค์ แห่ใช้บริการ จนแน่นขนัด  โดยร้านฟาสต์ฟู้ด และร้านกาแฟ มีผู้เข้าใช้บริการ มากกว่าปกติ 

        แถมล่าสุดในเพจ นามว่า "ล้านชื่อต้านล้างผิด" ได้แชร์ภาพห้องน้ำ ในบิ๊กซี ราชประสงค์  แม้วันนี้ ทางห้างไม่ได้เก็บ ค่าเข้าห้องน้ำ แต่ประชาชน ที่เข้ามาใช้บริการ ได้ทิ้งเงินไว้ หน้ากระจกล้างหน้า  โดยที่บางคน ได้ให้เงินเพิ่มอีก เนื่องจาก ผู้ชุมนุม เกรงใจ ไม่อยากใช้บริการฟรี และไม่อยากเป็นภาระ ให้กับผู้ดูแล ทำความสะอาด ห้องน้ำ ผู้ชุมนุมแบบนี้ ยังมีอีกไหม !!! นี่ก็ Thailand Only!!!

. หาเรื่องโดยเดาว่า... การท่องเที่ยวจะตก  ไม่มีคนมาท่องเที่ยว... ก็กลายเป็น ยิ่งเป็นเรื่อง แปลกประหลาด มหัศจรรย์ ที่มีประชาชนออกมา เป็นล้านๆ ปฏิวัติอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ได้งดงามเรียบร้อย วิเศษยิ่ง สนุกสนาน ไร้ความน่ากลัว เต็มกรุงเทพฯ

        ทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ทั้งนักท่องเที่ยว คนไทยเอง กลับออกมาชม การประท้วง เลยกลายเป็น มวลมหาประชาชน ร่วมปฏิวัติไปด้วย... เห็นไหมว่า มันเกิน การคาดเดา

. หาเรื่องโดยเดาว่า... หุ้นจะตกกราวรูด... แต่หุ้นกลับขึ้นปรูด อย่างประหลาด
        เพราะอะไร? เพราะความวิเศษ วิสุทธิ์ วิสิฏฐ์ อันเกิดจาก สัจธรรมแท้ๆ ทำให้ ในวันที่ ๑๓ ม.ค. ๕๖ ตลาดหุ้น ขานรับ Shut down Bangkok นั้น พุ่งขึ้นกว่า ๒๕ จุด

 ๕. หาเรื่องโดยเดาว่า...เศรษฐกิจและรายได้ของประเทศ จะเสียหายมากมาย... แต่กลับ กลายเป็นว่า  การชุมนุม ได้ป้องกันเศรษฐกิจ ประเทศเสียหาย เพราะได้พัก การคอรัปชั่น ชั่วคราว เนื่องรัฐบาล ไม่สามารถ เบิกออกมาถลุงได้
        แต่ไม่เกี่ยวกับ เงินที่จำนำข้าวนะ! เพราะนั่น ต้องเบิกออกมา ก่อนหน้า การชุมนุม ซึ่งรัฐบาลเอง ไปคอรัปชั่น กันก่อนแล้ว

. หาเรื่องโดยเดาว่า...แท็กซี่... กลัวจะหากินติดขัดหนัก... ก็กลับสะดวกดาย สบายมาก... คล่องตัว และมีลูกค้า มากขึ้นอีก เพราะมวลมหาประชาชน มากันอย่างล้นหลาม จากทุกภาค เมื่อมา ก็ย่อมต้องใช้บริการ พี่น้องเแท็กซี่ ที่ต่างก็พากัน ติดสัญลักษณ์ ป้ายสีส้ม เพื่อรับส่ง นักท่องเที่ยว ทางกกปส. ก็จัดให้เข้าออกได้โดยดี

. หาเรื่องโดยเดาว่า... ชาวกรุงเทพฯ จะเดือดร้อน จะเกิดการจราจล ต้องกักตุนอาหาร ไว้ก่อน... แต่ปรากฏว่า เด็กๆบ้าง ผู้ใหญ่บ้าง ออกมาตีลูกขนไก่ กันข้างถนน ได้ออกมา วิ่งเล่นกัน ในถนนโล่ง สนุกสนาน นานๆ มีโอกาส อย่างนี้สักที รถราไม่ติดขัด ไม่วุ่นวาย เผลอก็ออกไป ร่วมสนุกสนาน ฟังสาระความจริง จากเวที กปปส. อีกด้วย 

        . หาเรื่องโดยเดาว่า...กปปส. เป็นมวลชนจัดตั้ง เป็นชนส่วนน้อย เป็นพวกรุนแรง น่ากลัว เสพยาเสพติด     
        แต่กลับกลายเป็นว่า... เหล่าดารานักร้อง ต่างตบเท้าเดิน ร่วมขบวน และขึ้นเวที กปปส. อย่างล้นหลาม เพราะเป็นโอกาสพิเศษ ที่เหล่าดารา จะได้มาพิสูจน์ว่า, มวลมหา ประชาชนนี้ เป็นกลุ่มใหญ่ ของประเทศจริงๆ จึงกล้าแสดงตัว ร่วมกับ มวลมหา ประชาชน อันเป็นธรรมดา ที่ดาราคือ คนของประชาชน ต้องเลือกอยู่กับ คนกลุ่มใหญ่

        เพราะดารา จะต้องเลือกยืนข้าง มวลมหาประชาชน นี่เพราะดารา เขาเห็นชัดเจน แจ่มแจ้งแล้วว่า มวลมหาประชาชน แท้ๆจริงๆ ไม่ใช่กลุ่มหมู่คน ที่จัดตั้ง หรือกลุ่มคน ที่น่ากลัว เพราะไม่ซื่อ แถมรุนแรงอำมหิต

        ข่าวจากทีนิวส์ว่า วันประกาศชัตดาวน์ กรุงเทพมหานคร ของมวลมหา ประชาชน เพื่อต้องการ แสดงพลัง ยืนหยัดจุดยืน ให้มีการปฏิรูป ทางการเมือง ก่อนจัด การเลือกตั้ง ซึ่งไม่เพียงได้ กระแสตอบรับ อย่างดี จากพี่น้อง ประชาชนทั่วไป แต่ยังรวมไปถึง คนดัง ในแวดวงบันเทิง อีกหลายท่าน ที่ได้ต่างแสดงตัวตน เข้าร่วมขบวน ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ร่วมกับ พี่น้องประชาชน ด้วยเช่นกัน อาทิ เปิ้ล จารุณี, หมิว ลลิตา, เจ เจตริน, บอย ถกลเกียรติ, แตงโม ภัทรธิดา, โตโน่ ภาคิน, สุเชาว์ นุชนุ่ม, อุ้ย เกรียงไกร, จอย ศิริลักษณ์, ครูก๊อง เคพีเอ็น, ครูลิลลี่, ท็อบ ดารณีนุช, แทค ภรัณยู, น็อต วรฤทธิ์, โบวี่ อัฐมา,โบ๊ท วิบูลย์นันท์ ฯลฯ ซึ่งได้สร้างสีสัน ความคึกคัก ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม เป็นอย่างมาก

. หาเรื่องโดยเดาว่า...ถ้าเชื่อ กปปส. เป็นความคิดล้าหลัง เป็นไดโนเสาร์ เต่าล้านปี... แต่ว่าแม้แต่ คนระดับ ที่ยอมรับกันว่า เป็นคนฉลาด ระดับ ๑ ของประเทศ เช่น แพทย์ ก็แสดงความจริง ยืนยันว่า มวลมหาประชาชนนี้คือ ความชอบธรรม โดยนายแพทย์ ส่วนใหญ่ ของกระทรวง สาธารณสุข นำโดยปลัดกระทรวง ทีเดียว ออกมาประกาศ ร่วมด้วย กปปส. อย่างองอาจ แกล้วกล้า ท้าทาย ชนิดที่ไม่เคย มีมาก่อน

๑๐. หาเรื่องโดยเดาว่า... ข้าราชการไม่สามารถทำงานรับ ใช้ประชาชนได้ เพราะ กปปส. ปิดกรุงเทพฯ ปิดศูนย์ราชการฯ ...แต่ปรากฏว่า การประท้วง... ได้ปลุกจิตสำนึก รักชาติ และ ความกล้าต่อสู้กับ ความชั่วร้าย ของข้าราชการ ชั้นผู้น้อย ที่ทนไม่ไหว ต่อการกดขี่ ข่มเหง และคอรัปชั่น ของนักการเมือง ที่มากอบโกย ผลประโยชน์ส่วนตน จนกล้า ออกมา ประกาศตนว่า จะร่วมต่อสู้ไปกับ กปปส. ยกตัวอย่างเช่น ปลัดกระทรวง สาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ และข้าราชการ กระทรวงสาธารณสุข ทั้งแพทย์, พยาบาล และบุคลากรอื่นๆ นอกจากนั้น ยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จากหลายจังหวัด เป็นต้น ทั้งหมดออกมา เพื่อทำงานรับใช้ มวลมหาประชาชน อย่างแท้จริง โดยเสียสละ ไม่ต้องการ ค่าตอบแทนอีกด้วย

๑๑. หาเรื่องโดยเดาว่า...กปปส. ชุมนุมเพื่อให้เกิดความรุนแรง และจราจล ทหารจะได้ ออกมา ปฏิวัติ... ทั้งที่กปปส. มีความจริงใจ ในการปฏิวัติ อย่างสงบ ปราศจากอาวุธ อย่างจริงใจกว่า ย่อมไม่ต้องการทหาร ให้ออกมาปฏิวัติ

        มีเรื่องที่น่าสังเกตว่า ยิ่งนัดแนะ ให้มวลมหาประชาชนออกมา เช่นวันที่ ๒๔ พ.ย. ก็ออกมากัน หลายล้านคน อาตมาชุมนุมกันมา ตั้งแต่ปี ๔๙ ไม่เคยเลย ที่ได้คนออกมาถึง ๑ ล้าน แต่วันที่ ๒๔ พ.ย.นี้ได้ถึง ๒ ล้านเลย ก็เลยนัดออกมาอีก วันที่ ๙ ธ.ค. ก็ได้เพิ่มอีก ทุกครั้ง กำนันสุเทพ ก็นัดออกมาอีกครั้ง ๒๒ ธ.ค. เกิน ๕ ล้านเลยทีนี้  ๓ ครั้งแล้ว ไม่ฟลุ๊กแล้ว ก็เลยนัดกัน วันที่ ๑๓ ให้ออกมาเลย เมื่อวานนี้ สื่อสารมวลชน เขาว่ากันว่า เกิน ๑๐ ล้าน เต็มทุกที่เลย เป็นไปได้ไง มันแสดงความจริง ชัดแจ้งที่สุดเลย

        ปกติคนจะออกมาชุมนุมกันนี่ ไม่ง่ายเลย ที่คนจะเสียสละ ทุนรอนเวลา ถ้าไม่มีว่า รัฐบาลนี้ เลวร้ายจริงๆ จนคนกล้าที่จะออกมา ยืนยันความจริงกัน ถ้าไม่จริง ก็ออกมาไม่ได้ ขนาดนี้ ยิ่งชวน ยิ่งออกมา มากขึ้นๆ

        จะเป็นการชี้ชัดว่า รัฐบาลนี้ชั่วมากกว่าดี แย่เอามากๆเลยทีเดียว คิดดูดีๆ ประชาชน ออกมามาก เป็น ๕ ล้าน ๑๐ ล้าน ออกมายืนยันว่า ไล่นายกฯหญิงคนนี้ ไล่ก็ไม่ออก ทั้งที่นายกฯ คนนี้แสนสวย คนก็น่า จะชื่นชอบ แต่ทำไมมาไล่ นึกออกไหม

        มีนายกฯหญิงคนแรก ของประเทศ สวยด้วย แต่ทำไมมาไล่ ไล่ก็ออกมา เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ไล่คนสวยทำไม น่าคิดนะ มีอะไรยิ่งกว่าสวย

        ประชาชนไม่มีมันสมองหรือไง? สรุปว่ารัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาล ที่หน้าด้าน ที่สุดในโลก เกิดมา ก็ไม่เคยเห็น อะไรจะหน้าด้าน ได้ขนาดนี้ เกินกว่า จะเอาคำอะไร มากล่าว ไม่มีคำ จะพูดแล้ว

        กรรมเราทำแล้ว เราจะทิ้งก็ไม่ได้ เป็นสมบัติของเราแล้ว ส่งผลให้ได้นรก หรือสวรรค์ ทุกศาสนา ก็มีนรกสวรรค์ แล้วแต่ศาสนา จะบัญญัติว่า อะไรชั่ว มันก็ไม่ดี ในขณะเป็นๆ นี่แหละ ต้องระวัง กาย วาจา ใจ อย่าไปทำชั่ว ทำแล้วเป็นของตน การทำดี ก็ดีอยู่กับเราแล้ว แต่ชั่วนี่ อย่าทำเลย

        เกิดมาเป็นมนุษย์ อย่าเลยอย่าหลงใหลความเลว ไปทำชั่วเลย เชื่อไหมว่า คนโกหก เก่งกว่าเดรัจฉาน สัตว์โกหก ไม่เป็นหรอก ระวัง สัตว์มันไม่มีบาปกรรม อันนี้มาก แต่คนนี่สิ แย่กว่าเดรัจฉานอีก

        เขาว่าสะพานพระราม ๘ เป็นสะพานที่สร้าง เป็นลำดับที่ ๑๓ ด้วยนะ เราก็มายึด สะพานนี้ ในวันที่ ๑๓

        พ่อครูว่า... ไม่มีปัญหาหรอก เป็น Lucky number เป็นของดี แต่เอาเถอะน่า จะไปจับว่า ดีหรือไม่ ก็สำคัญอยู่ที่กรรมดี กรรมไม่ดี อันนี้ให้เราคำนึงให้มาก ขณะที่เรา กำลังกระทำ

        การกระทำมี ๒ อย่างใหญ่ๆ ๑.กระทำเพื่อตน ๒.กระทำเพื่อผู้อื่น

        ตอนนี้ เรากำลังทำเพื่อตน หรือทำเพื่อผู้อื่น อะไรเป็นกุศลยิ่ง ประโยชน์ยิ่งกว่า ... การทำเพื่อคนอื่น เป็นประโยชน์ยิ่งกว่า เพราะธรรมดาสามัญ คนเรา จะเห็นแก่ตน มากกว่าผู้อื่น ลองเอาถ่านไฟ โยนใส่ตนและลูก พร้อมๆกัน คุณจะเอา ถ่านไฟอันไหน ออกก่อนกัน ธรรมดาสามัญ คนเห็นแก่ตน มากกว่าคนอื่น

        แต่ถ้าคนเห็นแก่ผู้อื่น ได้มากกว่า โลกทั้งโลก ก็ยกย่อง เพราะที่เรามาทำนี่ แทนที่ เราจะได้เงิน ได้ค่าแรง ได้อะไรกลับคืน เรากลับต้องเสียสละ ทุนมาอีก ดีไม่ดี ก็อาจถูกคน เขาด่าได้อีก เช่นถูกพวกแดงด่า

        การที่เรามาร่วมกันทำ มีพลังงานรวม เป็นจิตใจที่ ทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อจะแก้ไข ปรับปรุง ประเทศ ปฏิรูปประเทศ เพราะที่ทำอยู่เก่านี้ เลวร้ายมากแล้ว เราจึงลงทุน เหน็ดเหนื่อย หนักหนา ออกมาทำ

        เป็นพลังงานรวม ของจิตใจ ที่คนเรามักไม่ค่อยเชื่อ เป็นพลังงาน ศักดิ์สิทธิ์ หรือ พลังพระเจ้า เป็นพลังงานองค์รวม ที่ดีเยี่ยม ปรารถนาดีต่อ มวลมนุษยชาติ เรามาทำงาน อันหนึ่งอันเดียว กับพระเจ้า อันหนึ่งอันเดียวกับ พลังงานศักดิสิทธิ์ เรามากันหมู่ใหญ่ มันจะไม่มีพลัง ได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องโมเม เป็นเรื่องสัจจะจริง ไม่ใช่ของใคร แต่ใครจะทำตัว ให้เป็นหนึ่งเดียว กับพระเจ้า พวกเราออกมาทำ นี่แหละ เป็นหนึ่งเดียว กับพระเจ้า

        เป็นปาฏิหาริย์มากเลย ยังไม่เคยมีการชุมนุม ประท้วง ด้วยจิตใจดีงาม ปรารถนาดี ร่วมกันทำ ทุกศาสนาเลย มีศานาบาไฮบ้างไหม? ส่วนคริสต์ ก็มีอยู่แล้ว ในอโศก ก็มีคริสต์ หลายคน พุทธก็มีมากอยู่แล้ว เป็นพลังงานเดียวกัน คือจิตวิญญาณ ไม่มีรูปร่าง ตัวตน แต่เป็นสิ่งจริง ขอให้คุณยืนยัน ยืนหยัด พลังงานดีงาม คือพลังงาน ที่เสียสละ เพื่อประเทศชาติ เพื่อส่วนรวม...

จบ

 
๑๔ มกราคม ๒๕๕๗ ที่ เวทีสะพานพระราม ๘ กทม.