_570213_รายการ ที่ผ่านฟ้า โดยพ่อครู

 

เรื่อง ตอบปัญหาประชาปฏิวัติ ตอน ๒

       อาตมาเอง ก็ตั้งชื่อว่า ตอบปัญหาประชาปฏิวัติ เพราะว่า การมาชุมนุมประท้วง ครั้งนี้ มีอำนาจ มีพลัง มีความเป็นไปได้ ที่ยังไม่เคยมี ที่มีพลังมวลประชาชน หรือเรียกว่า อธิปไตย เป็นอำนาจ ที่ไม่ใช่อำนาจ ทำร้ายทำลาย รุนแรง ที่เขาใช้กัน ตั้งแต่เป็นสัตว์ จนมาเป็นมนุษย์ก็ใช้ แต่ว่าอำนาจที่ไม่ใช่อำนาจรุนแรง ทำร้ายทำลาย เป็นแต่เพียงว่า เราจะประท้วงต่อต้าน สิ่งที่คุณทำ ว่าให้คุณเลิก มันใช้ไม่ได้

       และทำอย่างถูกต้อง เป็นอำนาจโดยธรรม เป็นอำนาจที่ดี คราวนี้ เราออกมาประท้วง ครั้งก่อนๆเราประท้วง แต่คนยังเข้าใจไม่ได้ ประเทศต่างๆ ก็เคยทำ แต่ประเทศต่างๆ ที่ออกมาประท้วง ก็ยังใช้ความรุนแรง

       แต่เราทำอย่าง เอาความจริง ความถูกต้องมาชี้ แต่เขาก็ดื้อด้าน ซึ่งแม้ว่า เขาจะไม่รู้ แต่ว่าในคนไทยทำได้ ในการนำอำนาจ Authority มาใช้ จนทุกวันนี้ เขากลัว เขาเลี่ยงถอย แต่เสแสร้ง ทำสู้ ไปอย่างนั้น สีหน้าของธาริต ของเฉลิม พยายามเป็น ประชาธิปไตยปลอม ว่าข้าถูก ข้ามีอำนาจ ตลอดเวลา แต่ถ้าใคร สามารถอ่าน กายวิญญัติ วจีวิญญัติได้ จะเห็น องค์ประกอบของ นัจจะคีตะวาทิตะ พยายามหาพวก พยายามครอบงำความคิด ตลอดเวลา แต่ก็ต้องเป็นไป ตามความจริง

       อำนาจมวลประชาชน เป็นอำนาจโดยสุจริต โดยสันติ อาตมาเรียกว่า อำนาจ สันติภิวัฒน์ เป็นการวิวัฒนาการ ด้วยความสันติ จะเรียก สันตาภิวัฒน์ก็ได้ เรียกสันติภิวัฒน์ ก็ได้ แม้ยังไม่สำเร็จ แต่มีผล เกิดความรู้ ความเข้าใจ แต่ก่อนนี้ก็ทำมา แต่ตอนนี้ เข้าใจขึ้นว่า การประท้วงด้วยสันติ ไม่รุนแรง สงบนี่ เป็นของจริง เป็นสัจธรรม เป็นอธิปไตย ที่แท้จริง

       กำนันสุเทพเข้าใจดี บอกว่า ไม่มีการทำรุนแรง เขาจะมาอย่างไร เราจะนั่งสงบ สวดอิติปิโสฯ ให้มันรู้เลย คนชั่วจะทำชั่วมากขึ้น คนดีจะทำดีมากขึ้น คนดีเหมือนราชสีห์ แต่คนชั่ว เหมือนอึ่งอ่าง ที่จะพองตัว แข่งกับราชสีห์ เขาเบ่งด้วยกำลังความชั่ว อ.แก้วสรร อธิบายว่า ที่เขาอ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็น แต่ตอนนี้ทางศาล ก็ไม่ให้ยื่นขยาย การควบคุมตัว คุณสนธิญาณ ซึ่งก็มีตุลาการช่วยด้วย

       แม้ทหารตำรวจไม่ออกมา แต่ถ้าข้าราชการ ทั้งหมดออกมา ไม่ยอมรับใช้รัฐบาล ที่ไม่เป็นธรรมแล้ว ทำ Civil disobedience ทำอาริยะขัดขืนเลย คนเจริญแล้วจะทำ จะทำได้สำเร็จ เหมือนกัน

       เขาจะทำชั่วต่อไป เหมือนอึ่งอ่างพองตัว เบ่งแข่งกับราชสีห์ แล้วก็ท้องแตกตาย เป็นสัจธรรม ขอแค่ประชาชน อดทนหน่อย แล้วมารวมตัวกัน ผนึกกันมากขึ้นๆ

       นี่คือลักษณะ อำนาจอธิปไตย ที่เป็นสัจธรรม ที่ไม่เคยมีในโลก แม้แต่อิหม่าม โคไมนี่ ได้ทำการปฏิวัติ ก็ใช้กำลังประชาชน แต่ก็มีอำนาจ ของทหาร รถถัง ช่วยจับพวกขี้โกง ซึ่งที่จริง ประชาชนเราก็ทำได้ ไปจับเลย เอาสิทธิหน้าที่ ของประชาชน ไปจับเลย และตอนนี้ ศาลก็ได้ยกเลิก การอายัดบัญชีของ ดร.เสรี ตามที่ธาริต อายัดบัญชี ก็เป็นไป เพื่อประจานความผิด ของคนผิด

       และเขาเบ่ง อำนาจรัฐมากเลย ว่าประชาชน ไม่มีสิทธิประท้วง แต่ที่จริง ประชาชน คนเดียว ก็ประท้วงได้ ประชาชนมีอำนาจ ในฐานะเจ้าของประเทศ แต่ว่ารัฐ เป็นเพียง ผู้ที่ประชาชน ให้ไปทำหน้าที่ เป็นรัฐบาล มีการจำกัดขอบเขต ในการใช้อำนาจ ตามที่กฎหมาย ระบุไว้เท่านั้น

       อ.แก้วสรร อธิบายเมื่อกี้นี้ว่า ที่เกิดความรุนแรง ทั้งหลาย ไม่ใช่พวกประชาชน ทำเลย แต่เป็นพวกอื่น ที่มาทำผิด อาตมาพยายามย้ำอธิบาย

       มาสู่ประเด็น ตอบปัญหา ประชาปฏิวัติ

กระผมอยากให้งานนี้ มีการอนุญาตให้ส่งคำถาม ขึ้นเวทีในบางรายการ เพื่อจะได้ คลายข้อสงสัยข้องใจ ในการปฏิบัติ...

 ตอบ...ได้ อาตมาก็ว่าดี ไปพิจารณาดู

ลูกสาวหนูถามว่า เราจะบวชวัดไหน แม่ก็บอกว่าไม่รู้ หลวงปู่จะแนะนำอย่างไร... ประเทศไทยจะต้องปฏิวัติ ศาสนาพุทธ สมมุติว่า ถ้าหลวงปู่ ได้เป็นสังฆราช หลวงปู่จะปฏิวัติอย่างไร?.... 

ตอบ... การปฏิวัติจะต้องเร็ว และเกิดไว ส่วนปฏิรูป ต้องใช้เวลา ค่อยๆเปลี่ยนแปลง อาตมาคงทำได้ ในระดับปฏิรูป คงทำปฏิวัติไม่ได้ แม้อาตมาได้เป็น สังฆราช ก็คิดว่า ปฏิวัติไม่ได้ ซึ่งจะทำให้แตกร้าวลึก ไม่ได้ ต้องค่อยปฏิรูป และอาตมา ไม่เคยคิดว่า จะไปเป็น สังฆราช ซึ่งตำแหน่งหน้าที่ ในศาสนาพุทธ แม้พระพุทธเจ้า จะชี้ว่าคนนี้เป็น อิสีติสาวก ที่มีจุดเด่น ผู้เก่งทางนั้นทางนี้ แม้เด่นในทาง ดื้อด้านดึงดัน ท่านยังนับ เป็นหนึ่งใน อิสีติสาวกเลย หรือมีอัครสาวก ก็เป็นตำแหน่ง ที่จะทำงาน ต้องช่วย พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ตำแหน่ง ที่จะเป็น ยศศักดิ์อะไร ไม่ใช่ Force แต่จะเป็น Authority เป็นไปโดยธรรม ใครเห็นใครเคารพ คนเขาเห็น ก็จะนับถือ เป็นอิสรเสรีภาพ สูงสุด และจะมีวิธีรวมศาสนา ได้อย่างไร?... อาตมา ตอนแรกบวช มหานิกาย เสร็จแล้ว พอทำงานไป ก็ได้ทั้ง พระธรรมยุติ และมหานิกาย มาร่วมศึกษา ด้วยกันได้ อาตมาก็ถือว่า ท่านใส่ใจศึกษา ในวินัยก็ให้ศึกษาร่วมกันได้ ในส่วนที่ร่วมกันได้ แล้วทางมหาเถรสมาคม ก็ไม่ยอม อาตมาก็พาทำ อาริยะขัดขืน พาพวกเราไปอยู่ที่ กำแพงแสน พวกเราก็มีที่ ใกล้วัดหนองกระทุ่ม เรียกที่พวกเรา ไปร่วมศึกษาว่า แดนอโศก มีทั้งธรรมยุติ และ มหานิกาย ก่อนจะไปก็ถามว่า ถ้าผมจะไป จะทำอย่างไร อุปัชฌาย์ว่า ต้องคืนใบสุทธิ​ อาตมา ก็คืนใบสุทธิ แต่ก็ไม่ได้คืนตอนนั้น ถือใบสุทธิ ไปด้วย และไปเจอ กับหลวงอา ที่กำแพงแสน ท่านก็ให้ สวดญัตติ อีกที อาตมาก็เลย เป็นสงฆ์สองญัตติ ทั้งธรรมยุติ และ มหานิกาย เป็นพระทั้งสองนิกาย มีใบสุทธิสองใบ วันดีคืนดี อาตมาก็ค่อยไป กราบอุปัชฌาย์ คืนใบสุทธิให้ท่าน ก็ถือใบสุทธิสองใบ อยู่ไม่ถึงเดือนหรอก แต่ว่าในวินัย อาตมาสวดญัติ ทั้งสองนิกาย อาตมาไม่ได้สึก ประเด็นที่ว่า การบวชนั้น อุปัชฌาย์เป็นใหญ่ มีสิทธิจะบอกว่า ให้เข้าหมู่ ได้หรือไม่ อันนี้เป็นความเชื่อ ที่เพี้ยนอยู่ ที่จริง ต้องเป็น องค์สงฆ์ อย่างต่ำต้อง ๑๐ รูปขึ้นไป ประเด็นที่ว่า อุปัชฌาย์เป็นใหญ่ จะสำเร็จด้วย อุปัชฌาย์ ไม่ใช่ ที่จริง อุปัชฌาย์ มีหน้าที่เพียง รับผิดชอบ อบรม ให้พ้นนิสสัย อย่างน้อย ๕ ปี เป็นกฎระเบียบที่ พระพุทธเจ้าวางไว้ ทุกวันนี้ อาตมา ก็ไม่ได้เป็นใหญ่ ในชาวอโศก ตอนนี้อุปัชฌาย์ ก็แบ่งเป็นหลายรูป ช่วยรับผิดชอบ พาเข้าหมู่ ทำตามธรรมวินัย พระพุทธเจ้า ไม่มีอภิสิทธิ์ แต่เขาให้เรา ยกให้เราเอง ในวินัยก็มียกให้ ผู้ที่อยู่ในฐานะสูง บวชนานกว่า ผู้บวชก่อน ก็ต้องเคารพ แม้พระอรหันต์ จะบวชทีหลัง ก็ต้องเคารพ พระที่ไม่บรรลุธรรม แม้ว่าจะบวชก่อน เพียง ๑ วัน ซึ่งละเอียดมาก พระพุทธเจ้านี้ ละเอียดมาก ประเด็นที่บอกว่า อาตมาจะรวบรวมนั้น ไม่ทำหรอก แต่จะรวมตัวกันเอง เป็นนานาสังวาส และ สมานสังวาส และมีที่อีกอันคือ อสังวาส คือเป็นผู้อาบัติปาราชิก เป็นผู้ไร้สังวาส เป็นต้น ผู้ปาราชิก เป็นสมีแล้ว ก็ต้องไม่ให้ความรู้ ทางศาสนาเลย และป้องกันด้วย เช่น เราเทศน์อยู่นี่ หากสมีมา ก็ต้องหยุดเทศน์ แล้วไล่ไปก่อน แต่ทุกวันนี้ เขาปฏิบัติกันผิดเลย แม้ปาราชิก ก็ไปเป็นมัคทายกเลย เป็นคนสอนธรรมะด้วย เพียงแต่บวชไม่ได้ เท่านั้นเอง ที่จริง เป็นโทษหนักที่สุด โทษปาราชิก นั้นหนักกว่า พรหมฑัณฑ์ ที่แค่ไม่บอกไม่สอน แต่มีสิทธิ์เข้าไปศึกษาได้ ต้องขวนขวาย เอาความรู้เอง สามารถรับเข้าหมู่ได้อีก สำหรับ อสังวาส และปาราชิกเ ราต้องกีดกันเลย เป็นโทษสุงสุด เหมือนถูก ประหารชีวิต จากศานาพุทธไป ๑ ชาติเลย เหมือนตาลยอดด้วน เป็นกระเบื้อง แตกเป็นเสี่ยงแล้ว เหมือนใบไม้ หล่นจากขั้วแล้ว ทุกวันนี้ มีพระจาก มหาเถรสมาคม ก็มาร่วมศึกษา กับเราได้ จนสมัครใจ มาเป็นสมณะก็มี

สิ่งที่สมณะ และ สิกขมาตุ ญาติธรรม ทำกันนี้ ช่วยอะไรสังคมได้บ้างครับ ส่วนตัวผม ก็ไปช่วยทำด้วยครับ... 

ตอบ... ช่วยการปกครองบริหารประเทศ ใช้วิธีการ อำนาจทางการเมือง หลักเกณฑ์ ที่ขี้โกง บริหารผิดพลาด ตอนนี้ก็มี ชาวนา ฆ่าตัวตายไป ๘ คนแล้ว เขามีแต่ กู้หนี้ยืนสิน ของชาวอโศก ไม่มีการเป็นหนี้ เรามากำจัดสิ่งเลวร้าย ให้ออกไปจากประเทศ

เราจะปฏิรูปอย่างไร และผมเสนอให้ตั้ง กระทรวงเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้เป็นจริง และขอให้ปฏิรูป ก.พลังงาน เพื่อลดราคาพลังงาน จะช่วยลดแรงต้านลง.... 

ตอบ... ถ้าเข้าใจเนื้อหาศาสนาพุทธ เป็นไปเพื่อ ให้คนมีคุณธรรม มีพฤติกรรม ตามธรรม พระพุทธเจ้า จนเปลี่ยนแปลงจิตใจ แม้การบริหาร แบบคนจน เศรษฐกิจพอเพียง นี่แหละ คนที่กิเลสมาก เสพเยอะ จะต้องมีเยอะ และเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เราก็ทำอยู่ แต่ถ้าต้องถึง เป็นกระทรวง ก็ทำได้ ต่อไป และเรื่องพลังงาน ตอนนี้เราก็รู้กันว่า ไทยเรามีแหล่งพลังงาน มีน้ำมัน ถ้าจะต้องมี กระทรวงพลังงาน กระทรวงน้ำมัน ปฏิรูปกันต่อไป ก็ควรทำ อย่างประเทศ บรูไน มีน้ำมันเป็นหลัก ใครเกิดมา ก็มีทรัพย์สมบัติเลย ผู้บริหาร บริหารได้ดี ไม่มีใครเดือดร้อน มีสวัสดิการ บริการเต็มที่ ไม่เดือดร้อน ถ้ามีทรัพยากร ก็ต้องใช้แบ่งกัน ให้ทั่วถึง แต่พวกที่ปฏิบัติ เอาให้แก่ตนไม่แบ่งคนอื่น นี่คือพวกที่ ทำอย่างสัตว์นรก เอาเปรียบ เอารัดสังคม เป็นสัตว์อบายภูมิ อย่างแท้จริง

จากผู้ได้ดีเพราะพ่อให้.... คำว่ากาย ที่เป็นองค์ประชุม ต่างกับคำว่า องค์รวมอย่างไร  

ตอบ... ไม่ต่างกันหรอก ประกอบกันเข้า ประชุมกันเข้า อย่างความคิดองค์รวม เรียกว่า คอนเซ็ป เรียกว่า นามกาย เป็นต้น นามกาย ที่เป็นจิตนิยาม เป็นองค์รวม ในภาษาของ ทางรูป อุปาทายรูป ๒๔ คำว่าองค์รวม ของนาม จะมีลักษณะของชีวิต เพราะจิตนิยาม จะมีชีวิต ถ้าไม่มีชีวิต คือตายแล้ว เราจะรู้ องค์รวมของชีวิตได้ ในคำว่า กาย ในชีวิตรูป และอาหารรูป เป็น Content ส่วนปริเฉทรูปเป็น Context เป็นองค์รวม ที่จะสังเคราะห์ ในนั้น เป็นบริบท

มวลชนของกปปส. เสียชีวิตไป ๑๑ คน ตำรวจไม่จับคนร้าย ทั้งที่มีหลักฐาน รูปคนร้าย ชัดเจน แต่ทำไม ไม่จับได้เลย กปปส. น่าจะรวบรวมหลักฐาน เอาผิดกับตำรวจ  

ตอบ... ก็คงมีคนทำอยู่ คือส่อว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ เพราะว่าคนตายนั้น เกี่ยวข้องกับ พวกเราตาย ส่วนพวกเขา ยังไม่ตายเลย อย่างขวัญชัย ก็จับได้เลย ไม่นาน

คนทั่วไปจะรู้ได้อย่างไรว่า ได้พบสัปปบุรุษแล้ว หรือจะตรวจสอบ ได้อย่างไรว่า ท่านคือสัปปบุรุษ  

ตอบ... ก็ไม่ง่าย คุณอ่านได้ไหมว่า ท่านหลุดพ้นจาก อบาย จากกาม จากภพ จากอรูภพ คุณมีความรู้ไหม ? พระพุทธเจ้าว่า ต้องรู้จากการคบคุ้น เป็นอจินไตย ที่คนสามัญ ไม่อาจเอื้อม ส่วนคนสามัญ ก็รู้ได้จาก อาการทางกาย วาจา หรือแม้แต่จิต ก็ตาม รู้ยาก เช่น แสดงอาการ เหมือนโกรธ ดูดุ แค่ที่จริง ท่านปรุงแต่ง ของท่านเอง ไม่ได้มีอารมณ์โกรธ เป็นจิตอุเบกขาแล้ว แต่ทำสังขาร เพื่อช่วยผู้อื่น ปรุงแต่กาย วจี ให้คนอื่นรับรู้ ว่าประท้วง ให้เข้าใจ อย่างอาตมา แสดงธรรม ว่าให้รู้ว่า อย่างนี้ชั่ว อย่างนี้ไม่ดี อาตมาแสดง ด้วยเมตตา แต่ยาก ก็ดู เอาหลักธรรมพระพุทธเจ้า มาตรวจสอบ เอาโคตมีสูตร หรือวรรณะ ๙ หรือ กถาวัตถุ ๑๐ มาตรวจดู อย่างความสงบ หรือวิเวก มีสามอย่าง คือ กายวิเวก จิตวิเวก อุปธิวิเวก (คือสงบจากกิเลส) ไม่ใช่เฉยๆ แต่อุเบกขา สงบจากกิเลส แต่กรรมกิริยา พูดแรงได้ พูดดังก็ได้ แต่ไม่มีกิเลสร่วม จะไปสร้างวิเวก แบบนี้ในป่า นั้นยาก ในป่านั้น ไม่ใช่สถานที่ปฏิบัติ อาตมาพูดให้คอแตก ก็ไม่เชื่อ อาตมา ตายไปอีกนาน กว่าจะเชื่อ การธุดงค์ ไม่ใช่ออกป่า แต่ว่าที่จริงคือ ธูตะ คือมีศีลเคร่ง ถ้าศึกษากัน ก็พอรู้กันได้ ไม่ง่าย แต่พอรู้ว่า ผู้นี้เป็นสัตบุรุษ เป็นโสดาฯ สกิทาฯ อนาคาฯ อรหันต์ หรือเป็นโพธิสัตว์ เป็นผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ เป็นธัมมกถึก คือผู้กล่าวธรรม ผู้ที่เทศน์บรรยาย แสดงธรรม จากที่ตนมี คุณอันสมควรก่อน ค่อยพร่ำสอนผู้อื่น ภายหลัง จึงไม่มัวหมอง หรือถ้าเข้าใจ สัปปุริสธรรม ๗ เลย ท่านรู้จักประมาณ ในอัตถะ ธรรมะ รู้จักประมาณตน อย่างอาตมา ก็รู้ว่า ตัวเราก็เท่านี้ เขารับเราได้เท่านี้ ถ้าอาตมา แสดงธรรมกับอโศก ก็แสดงได้อย่างนี้ จริงจัง แรงได้ขนาดนี้ เพราะเขานับถือเรา แต่ถ้าเป็นที่อื่น เขาไม่นับถือเรา เราก็แสดงออก ได้แค่นี้ ถ้าคนรู้ได้ ก็จะรู้ว่า ท่านเป็นสัตบุรุษ

คำถามจาก ม. ๖ รับกลดตอนไหนคะ?... 

ตอบ... แต่ก่อนเราเคยรับกลด ข้างทำเนียบ ก็ฝนตกด้วย พวกที่จบม.๖ สัมมาสิกขาได้ ก็จะได้รับกลด เรามีธรรมเนียม เป็นหลักชัย รับกลด ถือเป็นของขลังเลย ก็ประมาณ กลางเดือน มีนาคม ก็จะรับกลด ยังไม่ได้กำหนดวันกัน เป็นงานรวมของ ม.๖ ทุกรร. สัมมาสิกขา หลวงปู่ยังไม่รู้

ได้ยินคำว่า หทยรูป บ่อยครั้ง แต่เพราะอะไร ทำไมไม่เข้าใจซักที ขอให้พ่อครู อธิบายอีกที  

ตอบ.... หทยรูป รูปคือสิ่งที่ถูกรู้ โดยวิญญาณ ที่มีคุณสมบัติ ถึงขั้นรู้ นามรูป และ นามธรรม เรานี่แหละ เป็นตัวรู้ สามารถรู้ถึง นิพพานเลย ผู้มีญาณ หรือวิปัสสนาญาณ หรือ วิชชา สามารถรู้ นามธรรมได้ และหทยรูป คืออะไร ... ซึ่งทางอภิธรรม เขาสอนกันว่า ที่ๆอยู่ของ จิตวิญญาณ ที่อยู่ของธาตุจิต เขาก็ไปกำหนด ในหัวใจ ที่สูบฉีดโลหิต ก็ว่าอยู่ที่ ห้องที่ ๔ แล้วบอกว่า มีน้ำเลี้ยงสีฟ้า เขาบอกว่า ที่นั่นคือ หทยรูป แต่อาตมา มีความรู้ เป็นปัจจัตตลักษณ์ ที่ว่า หทยรูป คือที่ๆอยู่ของ จิตวิญญาณ แต่ว่าไม่ได้ระบุว่า อยู่ตรง อวัยวะไหน แต่ว่าอยู่ตรงไหน ก็แล้วแต่ ที่เราสามารถ ไปทราบได้ เอาง่ายๆ เช่นว่า เรารู้สึกเจ็บ มันมีสถานที่ เช่นที่ฝ่ามือ ตรงนี้แหละ ที่เราอ่านอาการเจ็บ ที่ฝ่ามือ หทยรูป ก็คือที่อยู่ ที่มันเกิด อาการ ลิงค นิมิต ตรงนี้ แล้วอาการที่มัน เจ็บใจ เศร้าใจ แล้วใจนี่ ไม่ได้อยู่ที่ ห้องที่ ๔ แต่คุณต้องรู้อาการที่ปวดใจ มันไม่อยู่ตรงไหนเลย มันอยู่ที่ ความนึกคิด เวทนา ซึ่งเจ็บใจ ปวดใจ เศร้าใจ คุณก็อ่านจับเวทนาให้ได้ มันเกิดตรงไหน อาการ ลิงค นิมิต ตรงไหน ก็จับให้แม่น เช่นสัตว์นรก ที่มีอาการ เดือดร้อน ทุกข์ร้อน หรืออยาก เป็นเหตุปัจจัย ในเวทนา ในกายในกาย แล้วคุณก็รู้สึก อยากขึ้นมา ก็จับเวทนา ให้ได้ แล้วรู้เหตุ ที่รู้สึกอยาก อยากเป็นสุข ก็ได้รับ การบำเรอ ถ้าไม่ได้บำเรอ ก็เป็นทุกข์ ก็ดิ้นรน คุณก็ตามอ่าน ความดิ้นรน อย่าให้ผิดที่ ผิดสภาวะ คุณก็จะรู้สัตว์นรก คือ ไม่ได้ดังใจ ส่วนสัตว์สวรรค์ ก็คือได้สมใจ คุณจับ อาการ ลิงค นิมิต ได้เลย ตรงนั้นคือ หทยรูป ซึ่งรู้ไม่ได้ง่ายๆ คุณเองว่าไม่รู้สักที ก็เพราะมันไม่ง่ายเลย หรืออ่านความเป็นชีวิต ของกิเลส มันยังมีอยู่ เราก็ต้องทำ ให้มันตายไป อย่างไม่กลับกำเริบ อย่างตายไม่ฟื้นเลย คุณจะตอบตนเองได้ว่า มันดับสนิท ตายไม่ฟื้น ได้หรือไม่? ส่วนปริเฉทรูป ก็แบ่งจัดการ ตามแต่ละฐานะ แต่ละปริเฉทๆไป ให้สมบูรณ์ จนจิตเราว่าง ในแต่ละปริเฉท แต่ละฐาน แล้วเราก็เพิ่มเติมต่อไป ให้สมบูรณ์ ในลักขณะรูป

อัตตามานะเป็นผี อย่างไร?  

ตอบ... มานะคือถือดี แต่อัตตาคือตัวตน พระอรหันต์ ก็มีอัตตา แต่เป็นอรหัตตา รู้แจ้งเป็น อรณะ และเป็นสรณะแล้ว เป็นปฏิสรณะ เป็นที่พึ่งได้ โดยไม่ต้อง เป็นอย่างโลกีย์ เพราะทางโลกีย์ เป็นที่พึ่ง อย่างมีข้าศึก แย่งโลกธรรมกัน ผู้ใดเลิกอบายได้ ก็ไม่ต้อง ไปรบกับ ชาวอบาย คุณพ้นกามได้ เป็นอนาคามี ก็ไม่ต้อง ไปแย่งกับเขา ไม่ต้องไปรบ พึ่งสิ่งที่เป็นอัตตาได้ อัตตาแบ่งเป็นสาม (โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา และอรูปอัตตา) เป็นระดับ ซึ่งเมื่อกำจัด อัตตาอรูปได้ ก็จะวนมาอยู่กับ มโนมยอัตตา ที่จะสำเร็จด้วยจิต หากสำเร็จด้วยอวิชชา ก็เป็นโลกีย์ แต่ถ้าสำเร็จด้วยวิชชา ก็สำเร็จได้ด้วย มโนมยิทธิ มีฤทธิปรุงแต่งแก่ตน เพื่อทำประโยชน์ต่อผู้อื่น ท่านล้างอัตตาแล้ว จะปั้นเป็นอัตตา อย่างไรก็ได้ ท่านเนรมิตได้ของท่าน เนรมิตนี้ เป็นลักษณะของ เทวดาโลกุตระ เรียก ปรนิมิตวสวตี ท่านทำเพื่อคนอื่น ส่วนเรียกเต็มๆว่า อัตตามานะ คำว่ามานะ เป็นสังโยชน์ ขั้นสูง ระดับอนาคามี เป็นข้อที่ ๘ ในสังโยชน์ ๑๐ คือคุณทำดี จิตไม่มีกิเลสแล้ว แต่ยึดจิตดี เป็นเรา เป็นของเราอยู่ เริ่มแต่คุณล้างกิเลสได้ จิตคุณก็มีปีติ พอใจเป็นอุปกิเลส ถือดี อยากอวดอ้าง เบ่งข่มเขา หรือยึดว่า จะมีเท่านี้ ยึดสิ่งนี้เป็นตน ตนเป็นสิ่งนี้ ไม่ยอม ปล่อยคลาย จะทำอย่างนี้ ถ้าคุณยังไม่บริสุทธิ์ ที่คุณจะย้อนมา อนุโลม คุณต้องเข้าใจว่า เป็นสิ่งดี แต่จะไปยึดเป็นเรา เป็นของเราไม่ได้ สิ่งนี้มี แต่ยึดว่าไม่มี ก็เป็นมานะ สิ่งนี้ไม่มี ก็ยึดว่ามี เป็นต้น สรุปคือ ยังยึดเป็นเรา เป็นของเรา คือคุณได้ดีแล้ว แต่อย่าไปยึด เป็นเรา เป็นของเรา อย่าไปจมอยู่เช่นนี้ แม้อรหัตตผล อย่างโสดาบัน ยึดอรหัตตผล ในโสดาบัน คุณก็ไม่เป็น สกิทาฯสิ อย่างอรหันต์ ท่านวางมาหมดแล้ว หรือบางคนหลงว่า จะอยู่แค่ อนาคามี จะสอนคน ไม่เอาดีกว่านี้ นั่นแหละมานะ

เรื่องของ นอสตราดามุสหญิงไทย ที่พูดว่า ตั้งแต่ ๑๓ ก.พ.นี้ จะเจอแผ่นดินถล่ม ไฟไหม้ ที่ภาคเหนือ กับเมืองหลวง จะจริงไหม? และจะทำใจอย่างไร? และเมืองไทย จะพ้นวิฤติ ทักษิณนี้หรือไม่? ....และกำนันผญบ. ที่มาขอคืน กระทรวงมหาดไทย เป็นอย่างไร?... 

ตอบ.. อาตมาไม่รู้ ตอบไม่ได้ ไม่ได้ไปเล่นทางนี้เลย ตอบไม่ได้ …. ทำอย่างไร จะทำใจ ไม่วิตก... ต้องพิจารณา สิ่งที่จะเกิด ในเรื่องธรรมชาติ เกินกว่าเราไปยับยั้งได้ ถ้าเป็น นักวิทยาศาสตร์ รู้จักภูมิศาสตร์ ที่จะเป็นธรรมชาติ เปลี่ยนแปลงต่างๆ เขาก็พอ คำณวนได้ มันจะเกิดอย่างนี้ ก็เป็นหน้าที่ของนักอุตุนิยมวิทยา ทำอย่างไร ก็ให้พวกเขาทำ คุณจะยืนยัน อย่างไร ก็ให้เขาตรวจสอบดูว่า จริงไหม? คุณไปจัดการไม่ได้ แต่พวกนี้ มีหน้าที่จัดการ ตามสามารถ เช่น สึนามิ คำนวณยาก แผ่นดินไหว คำนวณยาก มันเกิน ก็ต้องยอมจำนน และจะทำใจอย่างไร ก็พยายาม หลบเลี่ยงเอา ไม่ตกอกตกใจนัก ไม่เหยียบกันตาย หรือ วิ่งหนีสึนามิ วิ่งไปชนภูเขาตาย ก็ไม่ใช่เรื่อง ไปรถชนตายไป ก็ไม่ดี มันสุดวิสัย เราหนีไม่ได้ ก็ต้องตาย จะทำใจอย่างไร ก็มันถึงเวลาวาระ คนอยู่ที่ในเรือ พายไปดีๆ เครื่องบินยังมาทับตายได้ ทุกอย่าง มันมีเหตุ ลงตัวของมัน เป็นอจินไตย มันจะเกิด ก็ต้องเกิด ก็ให้วางใจ

เพลงธรรมะดีๆ มันน่าฟัง แต่มันผิดศีล ๘ นะ การปฏิบัติธรรมศีล ๘ จะอนุญาต ให้ฟังเพลง ได้ไหม?....

ตอบ... เพลง อาตมาแบ่งเป็น ๕ ระดับ (ลามก ราคะ สาระ ธรรมะ โลกุตระ) ตั้งแต่ระดับ สาระขึ้นไปจึงถือว่า เป็นศิลปะ พวกลามกกับราคะไม่ถือเป็นศิลปะ แต่ระดับสาระ ถ้าเป็นศิลปะ จะมีสุนทรียะ ประกอบกับสาระ ถ้าเป็นสาระโดยตรง ก็เรียกว่า สารคดี มีดนตรี ประกอบนิดหน่อย ใส่ทำนอง คือเป็นกษัย มีน้ำให้คล่องคอหน่อย และระดับ ธรรมะ จะมีคุณธรรม เป็นเพลงเนื้อหา เจตนาธรรมะเลย บางทีเอาเนื้อ ไตรปิฎกใส่เลย ส่วนธรรมะ ระดับโลกุตระนั้น จะมีเนื้อหา สอนไปถึงนิพพาน วิมุติ คุณจะฟัง เพลงธรรมะ ก็ระวัง จะติดทำนอง แต่ถ้าเนื้อหา มันพาไปสู่สาระ สู่ธรรมะ สู่โลกุตระ แต่คุณต้องระวัง ปนมานะ เหมือนคุณกินยา ที่เคลือบน้ำตาล หลอกให้คุณกิน แล้วคุณไปติดสี ติดรสมัน ดีไม่ดี เอาเนื้อยา ปลิ้นทิ้งไป ต้องระวัง คุณฟังเพลงติดทำนอง ไม่เอาสาระเลย ก็ต้องระวัง ดังนั้น ศิลปะฟังได้ แต่ว่าคนแยกไม่ออก ต้องอย่าเพิ่งฟัง ตัดทิ้งเลย ไม่เสียหาย หัดลด หัดอดเอา แม้การดูหนัง ดูละคร อาตมาก็เอามาให้ดู แต่ดูแฟชั่น ก็ไม่เอา ดูกีฬา เป็นอบายมุขแท้

ผมมีความเชื่อว่า ยังไงก็ต้องปฏิวัติตัวเองก่อน ที่เรามีกิเลส เหมือนทักษิณ ถือว่าโชคดี สองอย่าง ในการได้มาชุมนุม และร่วมงานพุทธาฯ... 

ตอบ... ที่บอกว่า ทำตนก่อน ดีแล้ว พระพุทธเจ้าสอนว่า ทำคุณอันสมควรก่อน แล้วพร่ำสอน ผู้อื่น ภายหลัง จึงไม่มัวหมอง อันนี้สำคัญ ศาสนาเสื่อมเพราะว่า คนไม่บรรลุธรรม แล้วไปสอนคนอื่น ถ้าคนท้วง ก็ตะแบง เพราะกลัวเสียหน้า มีอัตตา มานะเยอะ ถือดีถือตัว ศาสนาจึงเพี้ยน มัวหมอง ไม่เป็นพหูสุตร แล้วจึงเป็นธัมกถึก จะปฏิวัติเขา เราต้องปฏิวัติ ตนเองก่อน ซึ่งคุณไม่เท่าเขาหรอก คุณทักษิณ คุณไม่ชั่วเก่งเท่า ทักษิณหรอก อาตมาไม่เชื่อ มันมีลักษณะโลภ โกรธหลงเหมือนกัน แต่ดีกรี ไม่เท่ากันหรอก

กรณีที่เรารับงาน ที่เกี่ยวกับคนอื่น หลากหลาย แล้วมีทีมงาน ขอถามเกี่ยวกับใจเรา ที่เมื่อเราเห็น ความสำคัญ ของสิ่งที่เรากระทำ แล้วต้องการ ให้เขาเห็นอย่างเรา จนเรายึด กำหนดว่า ทีมงาน ไม่น่าทำเช่นนี้ จนเกิดถือสา อยากถามว่า เราจะวางใจอย่างไร ไม่ให้เกิด อกุศลจิต... 

ตอบ... เมื่อทำงานร่วมกัน ยิ่งเราต้องเป็น หัวหน้างาน .. ซึ่งเราต้องมีคุณสมบัติ รู้มากกว่าเขา เมื่อเรามั่นหมาย เห็นว่าสำคัญ เราก็ต้องการ ให้เขาเห็นว่าสำคัญ จนเรายึด ไปกำหนดว่า เขาไม่น่าทำ จนเพ่งโทส จะทำอย่างไร... ก็ต้องรู้ตัว มาคุยกัน ว่าถ้าเรา เข้าใจเช่นนี้ คนอื่นเห็นด้วยหรือไม่? ถ้าหมู่เขาเห็นว่า ไม่สำคัญ ก็ต้องวางใจ ต้องเอา ตามโหวต ดูว่าเห็นส่วนรวม ว่าอย่างไร เรารับหน้าที่ เป็นผู้ใหญ่ ต้องเปรยกับหมู่ฝูง แต่อย่าไปแสดงท่าทีว่า จะต้องเอาตามฉัน อย่าไปกดดัน ด้วยเล่ห์เหลี่ยม ที่เขาทำ คนที่ฝึก จะเก่ง แม้ชนะได้ ก็เป็นอัตตา บางคนฝึกเก่ง จนคนจำนน ด้วยเหตุผล ท่าทีลีลา มันไม่ดีหรอก หากเราแฟร์ว่าทุกคน ต้องเท่าเทียมกัน แม้เราดูแล เราก็ต้องตามหมู่ หมู่ไม่เห็นด้วย ก็ไม่ควรทำ

เหตุการณ์ที่มีคนตาย  ในการประท้วง เป็นเพราะใคร ?หรือเพราะเราไปประท้วงเขา เขาเลยโกรธแค้น?.... 

ตอบ... มันมีเหตุปัจจัย เราออกมาประท้วง เราไม่รุนแรง แต่คนทำนี่ เขามีกิเลส เราก็ต้องการให้เขา ไม่ทำรุนแรง ก็ได้ผล ทั้งที่เขาเสียท่า หลายอย่าง จนหลัง ชนกำแพงแล้ว แต่เขาไม่ยอมหรอก เขาเสแสร้งว่าเขาไม่แพ้ หาหมู่หากลุ่มอยู่ เราทำด้วยสุจริต ซึ่งความรุนแรงนี่ เพราะเขาโกรธแค้นก็ใช่ แต่เราก็พยายามประนีประนอม ไม่ให้เขาโกรธ จนทำแรงมาก แต่ก็ต้องมี ภาวะแสดงออก โต้ต้าน ซึ่งการประมาณนั้น ก็ต้องให้ได้สัดส่วน เหมาะสม จะบอกว่าเพราะเราทำ ก็ไม่ใช่ แต่ถ้าประมาณไม่ดี ก็แรงตอบมา การตบมา แล้วอีกคนหนึ่ง ไม่ตบตอบ มันก็วืดไป ไม่ปะทะ แต่ถ้าเขาตบมา แล้วเราหลบไม่ทัน เราไม่เก่ง เราก็เลี่ยงไม่ได้ ต้องเจ็บต้องตาย แต่ถ้าเราเลี่ยงได้ ก็ไม่มีอะไรโต้ต้าน เขาจะวืด ไปหลายที เขาก็จะสงบ การไม่รุนแรง คือสัจจะอย่างนี้ แม้ที่สุด เรายอมให้เขา ทำร้ายเลย แม้สัตว์เดรัจฉาน หมาตัวใหญ่ ไปทำร้ายตัวเล็ก แต่หมาตัวเล็กยอมแพ้ มันก็ไม่ทำแรง ซึ่งในมนุษย์ก็มี แต่ที่อาตมาอธิบายว่า เราจะชนะ เพราะเขา ไม่หยุดทำชั่ว เป็นอึ่งอ่าง และเราไม่ตอบโต้เลย เป็นราศีของราชสีห์ แต่อึ่งอ่างโง่ ก็จะเบ่งแข่งกับราชสีห์ สักวัน จะท้องแตกตายเอง

ทำไมคนจึงบรรลุธรรมยาก และธรรมะพาเจริญอย่างไร และปฏิบัติธรรมอย่างไร จึงง่าย และจะเริ่มอย่างไร...

ตอบ... เพราะไม่ปฏิบัติธรรม ไม่เอาจริง ถ้าเอาจริงตั้งใจฟัง และตั้งใจปฏิบัติตาม ให้ถูก ตามลำดับ ได้ธรรม สมควรแก่ธรรม แน่นอน ผู้มีสัมมาทิฏฐิ ปฏิบัติจริง ได้อรหันต์ใน ๗ ปี หรือก็เป็น อนาคามี พระพุทธเจ้า ประมาณแล้วว่า ๗ ปีได้ แต่ว่าไม่มีปริยัติ สมบูรณ์ ก็ปฏิบัติไม่สมบูรณ์​ ก็ไม่มีปฏิเวธสมบูรณ์ ... และธรรม พาให้คน เจริญทั้งโลก แม้ธรรมะโลกีย์ก็เจริญ คือไม่มีโทษภัย ต่อคนอื่น เราไม่ก่อบาปเวร เราทำกุศล ยิ่งเป็น โลกุตระ จะพาเจริญยิ่ง …. แล้วจะง่าย ก็เพราะ มีบารมีมาก่อน ถ้าไม่มีบารมี ก็ต้องตั้งใจ ศึกษาใส่ใจ ตามฐานะ ... เริ่มต้นฟังธรรม แล้วตรวจตนเองว่า กิเลสอะไรของเรา พาทุกข์พาเสื่อม แล้วเรียนรู้ ปหาน ๕ สังวรระวัง

หนังทุกเรื่อง จบด้วย ธรรมะชนะอธรรม เสมอ แต่หนังอาจช้า พระเอกอาจตาย ของเรา อยากให้หนังจบเร็ว ทำอย่างไร จึงไม่สูญเสีย... 

ตอบ.. อาตมาพยายามหาวิธี ที่ดีที่สุดแล้ว ก็ใช้คุณธรรม ไม่ได้เป็นเราคนเดียว คือมีข้าศึกศัตรู และมีพวกเรากันเอง และสิ่งแวดล้อมด้วย เราพยายามจัดแจง ให้ดีที่สุด มีผลด้วยทั้งนั้น เราพยายาม ที่สุดแล้ว

กระผมขอถามปัญหาว่า จิตกับเจตสิก ต่างกันอย่างไร?... 

ตอบ... จิตมันจะแยกเป็น อาการของมัน จิตหรือวิญญาณ มีอาการของเวทนา สัญญา สังขาร เป็นเจตสิก ๓ ในหนังสือ คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก ไปศึกษาให้ดี จิตของคุณ เรียกเป็นชื่อรวม แล้วในจิตมีเวทนา มีสัญญา มีสังขาร เป็นจิตในจิต แล้วในเวทนา มีกิเลส เป็นตัวเหตุ คุณก็กำหนดรู้ เวทนาในเวทนา จับกิเลสได้ จับเจตสิก ที่เป็นเหตุ ในเวทนา คุณก็กำจัดตัวนี้ เจตสิกคืออาการของจิต แยกอีกที เป็นกุศลหรืออกุศล ก็ได้ ...จบ

๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่ เวทีพุทธาภิเษก ผ่านฟ้าลีลาศ กทม.