570329_พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ที่ป้อมมหากาฬ
เรื่อง ชนะเด็ดขาดแบบโลกุตระ

        วันนี้ต้องขอบคุณพวกเราจริงๆ ที่มากันมากมาย สังคมไทยตอนนี้ ต้องการกิจนี้ ต้องการมาแสดง อำนาจอธิปไตย ของประชาชนไทย เป็นอำนาจที่ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Sovereign  คำว่า Sovereignty นี่เป็นแปลเป็นไทยว่า อธิปไตย

        ซึ่งในพุทธสอน อธิปไตย ๓ จะใช้ร่วมกับคำว่า สติ ในมูลสูตร ๑๐
๑.     มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) ความยินดี เป็นต้นทาง ซึ่งทางโลกุตระนั้น ก็ต้องมีฉันทะ เป็นต้นเค้า แล้วก็มาศึกษาว่า ศาสนาพุทธนี้ ให้ทำใจในใจได้

๒.     มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ) แปลว่า การทำใจในใจ เราเป็นเจ้าของใจ เราทำในใจเรา ใครก็คงเคย ทำมา เช่นของเสียไปแล้ว เราก็วางเสียเถอะทำใจเถอะ เป็นต้น หรือ หมอบอกกับญาติว่า ให้ทำใจ เมื่อหมอรู้ว่า คนไข้ ไม่รอดแน่ ก็บอกญาติ ให้ทำใจ ถ้าเราทำใจเป็น เราทำใจไม่เศร้า ก็ทำใจของเราไม่ให้มัน กระทบกระเทือน หากญาติเรา ตายจริง เราก็จะได้ไม่หนัก อาการไม่หนัก ไม่โศกเศร้า ก็วางใจ เป็นต้น เมื่อเราทำ อาการเช่นนั้นได้ ก็ทำใจเป็น ใจเราก็ไม่เสีย ไม่เสียใจ เศร้าใจแปลกใจ รู้แล้ว ว่า มันเป็นตามเหตุ การปฏิบัติธรรม ของพระพุทธเจ้านั้น อยู่ที่การทำใจเป็น นี่แหละ โดยเฉพาะใจเรา มีกิเลส เราก็ต้องเรียนรู้ว่า กิเลสมันเกิด เมื่อไหร่ อย่างไร แล้วเห็นหน้ามัน รู้ตัวมัน ไม่มีรูปร่างเส้นแสง เหมือนดินน้ำไฟลม จิตวิญญาณไม่มีสิ่งเหล่านี้ แต่รู้ได้ด้วย อาการของจิต อาการนี้ เรียกว่ากิเลส หรืออกุศลจิต เรียกชัดๆว่ากิเลส ที่ทำให้เกิดไม่ดีไม่งาม เกิดทุกข์โทษภัย ตัวนี้เกิดในจิตเรา มีบทบาท ในจิตเรา เราไม่เคยเรียนรู้ล้าง ก็อยู่ในใจเรา ดีไม่ดีเรามีอุปาทาน ยึดไว้ ว่าเป็นเรา เป็นของเรา มันยึดจริงๆ มันโง่ไปยึด อวิชชา เมื่อมันยึดมันก็อยู่ เมื่อมันวางปล่อยเป็น มันก็ไม่มีได้ การทำใจ อย่างนี้แหละ มันก็ทำตรงนั้น เรียกว่า แดนเกิด หรือสัมภวะ

๓.     มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย)
๔.     มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา)
๕.     มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ)       

        เราต้องใช้ญาณปัญญาอ่านออกว่า ขณะเกิดจริงเป็นจริง ขณะมีผัสสะ สัมผัส แล้วเกิดอาการอยาก หลัดๆ มันเกิดที่ไหน ก็ตาม อ่านอาการในตัวคุณ ไม่เกิดนอกตัวคุณ มันอยู่ที่สมอง ขา แขน ตับไต มันไม่มีที่อยู่ แต่มีอาการของมัน เมื่อเราอ่าน อาการออก เมื่อตาเราสัมผัส เมื่อตากระทบรูป เรียกโคจรรูป

        เช่น ตาเรากระทบ ขวด เราก็รู้ว่า นี่ขวด แล้วก็อ่านอาการซ้อนว่า มันชอบหรือไม่ชอบ อยากได้ หรืออยากทำลาย เป็นอาการอยากได้ หรืออยากทำลาย ได้มาก็สมอยาก ไม่ได้มาก็ทุกข์ ถ้ามันไม่อยากได้ก็ไม่มี อยากได้ก็ไม่มี ก็ไม่สุขไม่ทุกข์ เห็นก็ไม่ดูดไม่ผลัก ก็อ่านอาการนี้ เมื่อเห็นแล้วก็รู้ว่า เราอยากได้ ทั้งที่ ไม่ใช่ของเรา ก็อยากได้ อยากไปทำร้าย จิตไม่ชอบ อนิฏฐารมย์ ก็อ่านรู้เข้าใจ นั้นคือ คุณรู้ใจตนเอง เรียกว่า ญาณปัญญา มีวิปัสสนาญาณ รู้เห็นอย่างลึกซึ้ง เราได้ศึกษามาว่า อาการนี้เป็นอะไร เป็นอกุศล เราก็เลิกอาการนี้ ล้างอาการนี้ ด้วยวิปัสสนา หรือสมถะ

        กดข่มได้ แต่มันไม่หาย มันไม่ออกฤทธิ์กับเราได้ ไม่ออกมาทางกาย วาจา ชั่วคราว แต่ถ้ารู้ว่า มันไม่ควร จะมีชีวิต มีอาการ แรงพลังในใจเรา ไม่ควรยึดมั่น เป็นเราเป็นของเรา คุณมีอาการญาณปัญญา รังเกียจมัน ทำให้มันไม่มี ในใจเราได้ถาวร แม้กระทบสัมผัส สิ่งเคยชอบ แต่เมื่อล้างแล้ว กระทบเมื่อไหร่ ก็ไม่ดูดไม่ผลัก ก็รู้ว่า มันมีรส รูป กลิ่นเสียงสัมผัส อย่างนี้ก็รู้ รู้ตามความเป็นจริง อย่างเห็นขวดนี้ ก็เห็นเหมือนกันทุกคน แต่อาการซ้อน คนชอบก็มีชอบ คนชังก็จะชัง ทำให้ทุกข์สุข ทำให้เกิดปฏิกิริยา ทำเสียหาย หากอยากได้มากๆ ก็ไปแย่งกัน เช่น อยากแย่งอำนาจ เพื่อเอาอำนาจ มามีฤทธิ์มีแรง ในการได้ สิ่งที่ต้องการมา แล้วตอนนี้ จนกระทั่ง โครงการ สองล้านๆ ก็ล้มไปแล้ว อุตส่าห์ไปโฆษณา ในต่างประเทศ ไปมากมาย  แต่ตอนนี้ล้มไป เขาก็โกรธสิ

        เนื้อหรืออ้อย เข้าปากช้างแล้ว ดันดึงอ้อย ออกจากปากช้าง ก็โกรธ จะเอาชนะคะคาน บำเรอความอยาก ยิ่งอยากได้ สิ่งใหญ่โต ถ้าเขากู้มาได้ สองล้านล้านนี่ คนไทย ต้องตามใช้หนี้ไป ห้าสิบปี แต่องค์กรอิสระ หรือศาล ท่านรู้ทัน ก็บอกว่า สิ่งนี้ผิด

        เมื่อผิดแล้ว ถ้าเป็นต่างประเทศ เขาลาออกหมดยวงแล้ว แต่นี่เพราะ ความไม่เจริญ ความต่ำเสื่อมของเขา เขาก็ไม่ลาออก หากคนมีศักดิ์ศรีพอ ก็ต้องลาออกแล้ว ก็โครงการ ใหญ่ขนาดนี้ ทำผิดพลาดอย่างนี้ เขาลาออกแล้ว เขาไม่หน้าด้านหน้าทน อย่างนี้ ลาออกไปแล้ว ไม่ต้องรักษาการอยู่หรอก

        เขาเล่นเล่ว่า เมื่อรักษาการ จะมีอำนาจ ในการบริหารประเทศ ขาดไม่ได้ ต้องมีนายกฯใหม่ มาส่งไม้ให้ เขาก็อ้างอันนี้ ซึ่งการอ้างอันนี้ อ้างเพื่อผลประโยชน์ตน แล้วบอกเป็นไปไม่ได้ ประชาชนจะมาปฏิวัติ​ เพราะอำนาจนี้ เขาได้มาจาก การเลือกตั้ง

        ซึ่งอำนาจของประชาชน อยู่ตลอดกาล การที่ให้คน ไปทำงานแทน ก็ทำได้ตามหน้าที่ แต่นี่เขาทำผิด เช่น ย้ายคนผิดๆ กรณีคุณถวิล เป็นต้น คุณทำอย่างนี้ทำผิด ไม่มีหน้าที่จะทำต่อแล้ว หมดสิทธิ์แล้ว ถือไม้ต่อ ไม่ได้แล้ว ต้องส่งต่อให้คนใหม่ แล้วประเด็นมีว่า คนใหม่ จะมาได้อย่างไร

        เอาที่การตั้งนายกฯคนใหม่ จะได้มาอย่างไร ก็ต้องได้จาก ประชาชน แล้วจะให้ประชาชน ทั้งประเทศ มาเลือกหมด ก็ไม่ได้ ก็ต้องเลือกตัวแทน แต่ละจังหวัด เลือกตัวแทนมา แล้วให้ตัวแทน มาเลือกนายกฯอีกที ก็ได้อำนาจ มาสร้างนายกฯ และคณะบริหารมา การได้มาซึ่งอำนาจ ในการบริหารประเทศ มี ห้าแบบ

๑. อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข  ซึ่งเป็น"รัฐาธิปัตย์" ของระบอบ ประชาธิปไตย ๒ ขา
๒. อำนาจรัฐบาลที่ได้มาจาก การเลือกตั้ง ตามบทบัญญัติแห่ง รัฐธรรมนูญนี้
๓. อำนาจคณะทหาร ที่ได้มาจาก การปฏิวัติ หรือรัฐประหาร อย่างไม่สงบ มีอาวุธ รุนแรง ไม่เป็นไป ตามบทบัญญัติแห่ง รัฐธรรมนูญนี้
๔. อำนาจประชาชนที่ปฏิวัติ หรือรัฐประหาร อย่างไม่สงบ มีอาวุธ รุนแรง ไม่เป็นไปตาม บทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญนี้
๕. อำนาจประชาชนที่ปฏิวัติ หรือรัฐประหาร อย่างสงบ ไม่มีอาวุธ ไม่รุนแรง เป็นไปตาม บทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญนี้

        ตามที่ท่านยินดี เขียนมา ประชาชนสามารถ เอาอำนาจ คืนมาได้ ตามมาตรา ๖๘ หรือ ๖๙

        เราทำอย่างสุภาพ ก็รอให้เกิดสุญญากาศก่อน อย่ามาดูถูกประชาชนว่า จะหานายกฯ ที่สุจริต ดีกว่าคุณไม่ได้ เราหาได้ดีกว่าคุณแน่ เขาไม่ยอม เราก็ไม่แย่ง เราทำอย่างผู้ดี ก็แล้ว ด่าก็แล้ว ก็สุดด้านสุดโง่เลย

        ถ้านายกฯ ลาออกไป คุณก็จบ ไม่เกิดคดีด้วย แต่ถ้ายื้ออยู่ จะมีคดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดันทุรังไป ยืนยันได้ว่า มีแต่คดีเพิ่ม เชื่อเถอะ แต่ถ้าลาออกนะ ไม่เกิดคดี ไม่ก่อข้อหาอะไรอีก ไม่ต้องดูถูกประชาชนว่า จะรับลูกไม่เป็น

        วันนี้ประชาชน มามากมาย ชนะเด็ดแต่ไม่ขาด เท่านั้น เราก็สุภาพ เขาไม่ให้ขาด เราก็ต้องยอมไม่ให้ขาด ไม่ไปผลักไสเขา ใช้แต่วาจา เรียกว่า ปากหอก ด่าว่า ไม่ได้ไปแตะต้อง ร่างกายเขาเลย อย่างเก่ง เราก็ใช้แค่ มุขสตี นี่คือ เงื่อนไขหลักของ อาริยชน ระดับโสดาบัน

        อำนาจเราขอคืน แต่เขาไม่ยอมขาด ไม่สุญญากาศ แต่เมื่อนายกฯ ปล่อยมือปุ๊ป ประชาชนก็รับปั๊ปเลย แต่คุณไม่ถอยออกมาแค่นั้น ประชาชนก็ได้อำนาจ ตามม.๒ และ ม.๓

        แล้วประชาชนก็ทำให้ดี อย่าให้ระคายเคือง เบื้องพระยุคลบาท ในศัพท์คำว่า นายกฯพระราชทาน เป็นนายกฯ ที่ประชาชนจัดการ ทูลเกล้าไป แล้วให้ท่านลง พระปรมาภิไธย ก็ตรงตามประเพณีทั่วไป ก็จบ แต่ถ้าไปขอ ให้ท่านตั้ง ท่านก็ลำบากพระทัย คนจะมองว่า ท่านลำเอียง เหมือนท่านเผด็จการ แต่ที่จริง ท่านมีนะ มีอภิสิทธิ์ เรียกอำนาจพิเศษ ใช้ได้

        แต่อย่าให้ท่าน ลำบากพระทัยเลย ประชาชนก็สรรหาให้ หรือเลือกตั้งไป เช่น คณะกปปส.นี่ จะจัดการ เลือกตั้ง ทั่วประเทศได้ ตั้ง กกต. มา จัดการเลือกตั้ง ตามประเพณี ไม่ต้องใช้เวลา ถึงปีหรอก แต่เมื่ออยากให้ได้ดีๆ ก็คิดหาวิธีการ รอบคอบ ก็ขอเวลา สักปีสองปี ก็อดทนหน่อย

        อำนาจบริหาร ไม่ใช่อำนาจอธิปไตย เป็นเพียงอำนาจย่อย ตามหน้าที่ ที่กำหนด ไม่ทำหรือทำเกิน ก็ผิด

        ประชาชน มาหลายรอบแล้ว ครั้งนี้อาจมีคนติดใจว่า ทำไมไม่ประกาศปฏิวัติเลย เสร็จแล้ว ก็อย่างที่ พล.รอ.ชัย พูด ต้องสุขุม ปราณีต ใจเย็น ก็ต้องยาวให้เป็น เย็นเรื่อยๆ ไขความจริงออกมา ให้มากๆหมดๆ

        เขาก็ตั้งกองกำลังอะไรของเขา ที่ผิดกฎหมาย ทำไม่ได้ นี่ก็บอกว่า บุกรุกเคลื่อนพลแล้ว คนผิด ก็จะยิ่งผิด หนักขึ้น คนถูก ก็จะยิ่งทำถูก เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนก็เข้าใจ ถ้าคราวหน้า ออกมาให้มากขึ้น สักสิบเท่าเลย ให้ไม่มี ที่อยู่เลย แต่ขนาดนี้ ก็มากมาย ไม่เคยเกิดแล้ว

        ถ้าคุณยิ่งลักษณ์และคณะ ประกาศลาออกเลย จะได้รับการอนุโมทนา อภัยให้ แต่ถ้าดึงดัน คุณจะเสียคะแนน อีกมหาศาลเลย ในคนไทย และต่างชาติ มีแต่แต้มเสีย แต่เขาอวิชชา ตามฉายาเขา แปลว่าไม่ฉลาด
       
        ก็ขอให้อดทนหน่อย อาตมาจะไม่หนีทัพหรอก อยู่รวมกับพวกเรา นี่แหละ อยู่มาจนวันนี้ ชนะเด็ดขาดแล้ว เหลือแต่เยื่อใย แห่งความหน้าด้านอย่างเดียว ทุกอย่างจบแล้ว จริงๆ

        แม้ว่า จะได้นายกฯใหม่ ที่ไม่สะอาดผุดผ่อง แต่ก็ดีกว่านายกฯนี้ เชื่อไหม? ดีกว่าหลายเท่าเลย แม้จะไม่ดี ผ่องใสที่สุด ก็ตาม ให้เลวอย่างไร ก็ดีกว่าอันนี้แน่

        ที่เรากังวล และทางโน้น ก็ว่าเรา ก็คือ เมื่อได้นายกฯใหม่ ก็ไม่ดี เหมือนเดิม แล้วก็ต้องมาเลือกตั้งอีก เราก็รู้ว่า เป็นค่ายกล เลือกตั้งไปแล้ว เขาทำได้ ส่งเสาไฟฟ้า ลงสมัครก็ได้

        แล้วนายตู่ ก็ว่า นายกฯต้องมาจาก ตระกูลชินวัตร เท่านั้น..ไม่เอานายกคนกลาง แต่ของเรา ไม่ใช่นายกฯ คนกลาง แต่เป็นนายกฯ ของประชาชน แล้วเขาเอาอย่างนี้ จะเป็นประชาธิปไตยอย่างไร เป็นประชาธิปไตย พันธ์ไหน? อาตมาก็ไม่เคยเจอนะ

        สัญญาอยู่กับอาตมาไหม ว่าจะอยู่ต่อไป จนเขาจะยอมวาง ... ได้... เป่านกหวีดกัน จนหูจะแตก

        เป็นคำตอบ ที่ได้ยืนยัน คราวนี้เป็นนิมิตหมาย ของประเทศไทย เราได้ประชาธิปไตย จากพระเจ้าอยู่หัว ร.๗ ที่ผ่านมา ท่านก็พระราชทาน ให้ประชาชน แต่คนกลุ่มหนึ่ง ไปยึดถือว่า เป็นของตน 

        ตอนนี้ พวกเราทำงานได้ผล มาทำงาน มาขออำนาจ บริหาร ปกครองประเทศคืน มาจัดการปฏิรูป ให้ดีกว่าเก่า ที่เป็นมานั้น ไม่ไหวแล้ว เสื่อมทราม หนักเอาการแล้ว ไปไม่รอดแล้ว เราก็เลย ต้องพยายาม ปรับปรุง จะได้กู้กลับ ให้ประเทศไทย หมดหนี้สิน พึ่งตนเองได้ จนเป็นประเทศ พัฒนาเจริญ มีเศรษฐกิจดี เหลือกิน เหลือใช้ จะได้ไปช่วย ประเทศอื่นเขาบ้าง ทุกวันนี้ ก็มีแต่ไปโลภ เอาจากประเทศอื่น มาให้ตน ไม่มีศักดิ์ศรีเลย มันต้องเป็น ประเทศพึ่งตน มีเหลือ ช่วยประเทศอื่นได้ มันล้อเลียน ย่อมาหาแต่ละกลุ่มสังคม ครอบครัว

        ครอบครัวใด
๑. ไม่เป็นหนี้
๒. ทำกินทำใช้ ให้พึ่งตนเองได้
๓. ทำให้เหลือกินเหลือใช้
๔. แจกจ่ายสะพัดออก เผื่อแผ่แก่ผู้อื่น

        ครอบครัวนั้นคือ ครอบครัวเจริญ นี่คือมนุษย์เจริญ คนเดียวเป็นได้ ก็เป็นคนเจริญ ​เป็นอาริยบุคคล คนนี้คือ คนโลกุตระ คนเหนือโลก ถ้าคนในโลก ก็แย่งชิง เอาเปรียบทุจริต หาวิธีได้เปรียบ นานาสารพัด ให้คนจำนน เช่นหุ้น พวกที่แพ้อำนาจ ได้เปรียบมาก กำไรมาก ขี้โกงเก่ง ก็ได้เปรียบ เช่นเล่นหุ้น พวกเรา อย่าไปตกเป็นเหยื่อ

        ผู้เป็นอาริยบุคคล ไม่ตกเป็นทาสโลกธรรม ก็อยู่ในโลกนี่แหละ แต่มีความสามารถคุ้ม คนกินใช้ มีส่วนเหลือ ส่วนเกิน ไม่สะสมกักตุน แล้วสะพัด แจกจ่ายเจือจาน คนเช่นนี้ ถ้าทำได้ ก็เป็นอาริยะ ถ้าทำได้เป็นครอบครัว ก็เป็นครอบครัวอาริยะ ถ้าทำได้หลายครอบครัว รวมกัน หลายกลุ่ม ก็เป็นเครือแห อยู่ในสังคม เป็นหมู่บ้านอาริยะ จากหมู่บ้าน ก็เป็นอำเภอ เป็นจังหวัด แล้วทั่วประเทศ มีความเจริญเช่นนี้ ก็ถือเป็น ประเทศพัฒนา เป็นประโยชน์ แก่คนอื่นๆเขาได้

        ทุกวันนี้ที่เขาว่า มีประเทศมหาอำนาจ เช่น เยอรมัน ไปใช้อาวุธ กองทัพรุกราน ให้คนเป็นทาส แต่สมัยนี้ ใช้วัฒนธรรมหรือเงิน ซื้อ ให้คนเป็นทาส ใช้เงินลงทุน แล้วเอากำไร กลับมามาก หรือประเทศที่รวย ด้วยการค้าอาวุธ แล้วอาวุธนี่ ใช้ไปฆ่าคน ก็เป็นบาป แต่เขากลับดีใจว่า เขาได้ค้าอาวุธ ให้คนตายได้ อย่างโหดร้าย ได้มาก เขานึกว่าเก่ง นี่คือ ความหลงผิด ของมนุษยชาติ หรือเป็นศูนย์กลางการค้าหุ้น มีวิธีหมุนเงิน ถือว่าประเทศตน เป็นมหาอำนาจ เจริญ นี่ไม่ใช่หรอก เจริญแบบนี้ อาตมาไม่เอา

        ใครจะบอกว่า เราสร้างอาวุธไม่เป็น ไม่เป็นไร เราจะสร้างเมตตา นี่แหละ เป็นอาวุธ ไม่สู้เอาชนะ คะคานหรอก แต่เราจะสร้าง พฤติกรรมประชาชน ให้เป็นอยู่แบบนี้ ไม่รบราฆ่าฟัน แต่สร้าง คุณงามความดี เอื้อเฟื้อ เจือจาน แบ่งปัน เมตตากัน ไม่สร้างสิ่งมอมเมา หรือฆ่าแกงกัน เราสร้างสิ่งมีสาระ มีคุณค่า แก่ชีวิต แล้วไม่ตั้งราคาสูง เอาเปรียบ
       
        ผู้ใดมาศึกษาดีๆ แล้วก็ไม่ต้อง ใช้อำนาจในลาภ ยศ สรรเสริญ ในกาม ในอัตตา ไม่เอาสิ่งเหล่านี้ มาสร้าง อัตตาแก่ตน แต่ผู้นี้จะได้อำนาจ แล้วไม่ใช่ว่า ผู้นี้จะไม่มีสมรรถนะ ในการสร้างผลงาน ที่เป็น ลาภ ยศ สรรเสริญได้เท่าเทียมคนอื่น แต่ว่าจะสร้างได้เท่า หรือมากกว่าด้วย ราคาของผลงาน จึงเป็นราคาสูง แต่ท่าน ไม่คิดราคา ท่านไม่แลกเปลี่ยน ไม่ใช่ลาภแลกลาภ ไม่ต้องลงบัญชี ได้มาก็สะพัดทันที เป็นนักเศรษฐศาสตร์ ชั้นหนึ่ง จึงไม่ต้องมี ค่าตัวค่าแรง แต่ทำ มีสามารถรู้ทำ ช่วยสังคมเต็มที่ เท่าที่ทำได้

        อาริยบุคคลแบบนี้ จึงมีค่าต่อสังคม มากขึ้นๆ

พหุชนหิตายะ (เพื่อหมู่ชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ (เพื่อความสุขของหมู่ชน เป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ (รับใช้โลก ช่วยโลก) นี่คือทฤษฏีสร้างคน ของพระพุทธเจ้า จะรวมทั้ง สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ศึกษาศาสตร์

        อาตมาพวกพวกเรา ออกมาชุมนุม ก็ทำศึกษาศาสตร์ แต่คนไม่ยินดี เพราะไม่พาได้โลกธรรม ดีไม่ดี เป็นวิชาปอกลอก ให้คุณหมดตัวตนติดยึด ให้คนศึกษาแล้วสะอาดใสผ่อง
       
        พระพุทธเจ้าศึกษา ความเป็นมนุษย์ กับสังคม ให้เป็นมนุษย์อาริยะ สังคมอาริยะ อาตมาพูดมา  ๔๐ กว่าปีแล้ว

        ที่เราทำคาราคาซัง อยู่ตอนนี้ คืองานกอบกู้สังคม ความเป็นอยู่สุขสังคม ให้กลับมา อยู่เย็นเป็นสุข เจริญ เป็นอาริยะประเทศ

        เราทำวันนี้ เป็นชัยชนะ ด้วยความยินดี เบิกบาน แต่เป็นความยินดี ที่ไม่ใช่ฆาตกรรมด้วยนะ เราทำอย่างดีๆ สุภาพ ให้ออกไปซะดีๆ แต่ก็บอกว่า กูไม่ออกซะด้านๆ

        โลกยังไม่เคยมี ที่ความสงบสุภาพ จะมาไล่ ความดื้อด้านดึงดัน จะเป็นไปได้อย่างไร โดยสามัญสำนึก ก็เข้าใจอยู่ แต่อาตมาก็พูด และเชื่อว่า เป็นไปได้ด้วย อย่างที่เราทำนี่ ชนะรายทาง มาเรื่อยๆแล้ว คุณสังเกตไหมว่า ขณะนี้ตำรวจ ก็ทำหน้าที่ ดีขึ้นมาแล้ว เช่น ตำรวจจับกวป. เป็นต้น ถ้าข้าราชการ เช่นตำรวจทหาร มาเข้าข้างประชาชน ก็ชนะแน่ ไม่ชนะให้ตัดคอ

        หรือส่วนมาก ข้าราชการหยุดทำงาน ไม่ถึง ๙๐ % ก็ชนะแน่ เราก็เห็นอยู่แล้วว่า ข้าราชการ หลายกรมกอง ก็เข้าใจ สุดอดสุดทนแล้ว พวกเราก็ต้อง ยืดยาวไปหน่อย พอเป็นไปได้ไหม?

        อาตมาก็รู้สึกใจชื้นว่า ที่สวนลุมฯ เขาใช้รายจ่ายมาก แต่ของเรามักน้อย ทำอย่างคนจน แบบคนจน เราก็พอถูไถ มั่นใจว่า พวกเราไปรอด ตามในหลวง แต่ของกำนัน ที่สวนลุมฯ ใช้จ่ายมาก แต่กำนันก็ว่า ไม่มีหมด มีคนบริจาค มาเรื่อยๆ เป็นล้านก็มี พวกแดง ทำไม่ได้หรอก แล้วก็ดูถูกเรา เหมือนหมา เห็นองุ่นเปรี้ยว ทำได้ไม่เท่า สิ่งเหล่านี้ ยืนยันสัจจะ ความจริงเสมอ

        แชมป์ที่ยิ่งใหญ่ คือผู้สุภาพที่สุด ชนะผู้ที่เหี้ยมที่สุด คือผู้สุภาพที่สุด ชนะผู้ที่เหี้ยมที่สุด ที่ตกมอม้า เรียกว่า ความร้ายแรง สร้างวีรชนคนกล้า สถานการณ์ สร้างวีรบุรุษ
       
        มนุษย์เกิดมา ตายแล้วไม่มีอะไรเหลือ นอกจากกรรม ตายแล้วไปรับวิบาก  เป็นนรก สวรรค์ ตามกรรม ที่ได้ทำมา ผนวกกับของเก่า ในอัตภาพ แล้วไปรับวิบาก ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย มีแต่ใจล้วนๆ ไปรับวิบาก ตามสัจจะที่ได้ตกนรก ตายแล้วเป็นความจริง ดิ้นไม่ออก ไม่มีอาการ ๓๒ ให้ดิ้นกลบเกลื่อน พลังของจิตวิญญาณ ต้องสู้ด้วยจิต ของคุณเอง ลัทธิหลายศาสนา ใช้การสะกดจิต พลังงานเหล่านั้น ไม่สูญหาย แต่ถูกระงับไว้ มันต้องกลับคืนมา เท่าที่เรา หมดอำนาจกดข่ม ตามวิธีของ แต่ละลัทธิ พุทธนั้นศึกษารู้ แต่รู้ว่าไม่ยั่งยืน เวียนคืนได้ นานเท่าที่ระงับได้ แล้วมันจะกลับคืนมา แต่ของพุทธนั้น สามารถล้างเหตุ ล้างด้วยการกดข่ม ชั่วคราว แล้วกำจัด ด้วยปัญญา มีพลังงาน ทางปัญญา สลายเลยเรียกว่า ฌาน แปลว่า ไฟพิเศษ ไฟกองใหญ่ สามารถละลายธาตุ อกุศลหรือกิเลส ให้สลายไป เป็นสัจจะปัญญา เข้าใจเห็นจริง เหมือนเด็กรู้ว่า ไฟร้อนไม่จับ ปัญญามันรู้ว่า ทุกข์เสียหายไม่เอา มือไหม้พอง มือละลายไปเลย ไม่เอา ไม่จับ มันรู้อย่างนี้ ไม่เอา อย่างอบายมุข เหมือนไฟ ไม่เอา มีแรงฤทธิ์รู้ ไม่เอาได้จริง นี่คือ ล้างได้ด้วยปัญญา ไม่กดข่ม รู้เห็นๆว่าไฟ ดีไม่ดี เอาไฟมาทำ ประโยชน์ได้ด้วย นี่คือ ทฤษฎีพระพุทธเจ้า สร้างคน

        สิ่งบันทึกตกผลึกในอัตภาพ สั่งสมเป็นพลังงานไว้ และทุกศาสนา ไม่รู้ว่า มันไม่มีตัวตน มันสามารถรับไว้ ไม่ปล่อยทิ้ง ใช้ไปได้ แล้วถ้าจะเลิกใช้ก็จบ  ถ้าจะปรินิพพาน ก็จบ เพราะปัญญา มีพลังรู้เหมือนไฟร้อนไม่เอา แต่ถ้าจะใช้ไฟ ก็ใช้ได้ คนรู้จักไฟ ก็เอามาใช้ อย่างไม่ให้เป็นโทษ ไม่กลัวเพราะรู้มันเป็นพลังรู้ และมีแรง

        คุณมีจริงได้ที่จะใช้ ทั้งแรงและปัญญา สั่งสมในจิตวิญญาณ ตัวรู้รอบที่สุดของพุทธ คือแม้จะอาศัย เป็นสังขตธรรม ก็ใช้ได้ มาปรุงแต่งอะไรก็ได้ เรารู้ว่า มันไม่ใช่ตัวตน หรือของเรา ของตนเลย จะรู้ได้โดยปฏิภาณ แต่ที่จิตคุณจะไม่ยึดจริง ก็เป็นของจริง ถ้าคุณสร้างพลังงานนั้น ไม่ถึงจริง ก็ไม่จริง แต่ถ้าสร้างพลังงาน ได้ถึงจริงก็ได้ อาศัยได้ แต่ถ้าคุณหลงผิด นึกว่ามี แต่ว่าทำไม่ได้ คุณทำก็ไม่เป็น ไม่มีฤทธิ์แรง แต่ถ้ามีจริง ก็ทำได้

        สรุปแล้ว มันจะมีคุณสมบัติดีเลิศ หรือดีตามลำดับ แล้วก็ทิ้งพลังงานทางจิต ที่ไปทำชั่ว จนไม่ทำตลอดกาล ในบาป สัพพปาปัสส อกรณัง และก็ก็ กุสลัสสูปสัมปทา ทำแต่กุศล แล้วเราก็ไม่ยึดชั่ว แต่ก่อน ไม่น่ายึด เราก็เคยหลง ไปยึดมันเลย คุณก็วางชั่วได้ แต่เมื่อคุณได้ดี จะไปยากอะไร ชั่วนั้น วางยากจะตาย ก็วางได้ แต่นี่ดี วางง่ายกว่า ทำไมจะวางไม่ได้ แต่คุณวางได้ในชั่ว คุณทำเป็นแต่ดี นี่วางไม่ยากเท่าหรอก

        มันกลับกัน คุณหาเงินสิบล้าน นี่ยากไหม แต่คุณวางเงิน สิบล้านนี้ ให้คนอื่นได้ไหม... ที่จริงง่ายกว่า จะไปหาสิบล้านอีก ของคุณเอง มีสิทธิ์ให้ได้ วางได้ แต่ถ้าคุณไม่หวงนะ แต่ถ้าหวง ก็วางยากมาก ถ้าคุณไม่หวงดี เหมือนหวงไม่ดี ก็วางได้เลย แต่นี่คุณยังหวงอยู่น่ะ นี่เป็นความรู้สึก คุณมีสิทธิ์วางในมือได้ สิบล้าน ร้อยล้าน คุณจ่ายไม่ถึงวัน ก็หมดเลย แต่คุณจะไปหาเงิน สิบล้าน ร้อยล้าน หายากจะตาย แต่คนมักจะไปหา สิ่งที่ยาก ที่จริงให้นี่มันง่าย แต่เอานี่มันยาก แต่คนก็ตีกลับ จะเอาในสิ่งที่ เอาได้ยาก ทำในสิ่งที่ทำได้ยาก สู้ในสิ่งที่ สู้ได้ยาก....

   www.asoke.info