570402_พ่อครูที่ป้อมมหากาฬ เรื่อง ข้าราชการไม่ใช่นายประชาชน |
พ่อครูว่า... เราก็ต้องย้ำ เรื่องของธรรมะ เหตุเกิดขณะนี้ จะบอกว่า มาจากประชาชนตลอดมา ก็ไม่ใช่ทีเดียว เป็นเหตุการณ์ใหม่ ที่อาตมาว่า เกิดได้ยากยิ่ง คือ เอาธรรมะ มาเป็นอาวุธ เป็น ธรรมาวุธ เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ
ธรรมะไม่ได้ไปทำร้ายใคร ธรรมะทำร้ายใคร รุนแรงกับใครไม่ได้ มีแต่สุภาพ เรียบร้อย ดีงาม สงบ เสียสละ และเราก็เสียสละ ไปมากแล้วนะ แม้ขณะนี้ ผ่านมาวานนี้ ก็ยังเสียสละชีวิต สังเวยความเลวร้ายที่เกิดอีก
แต่ธรรมะก็ดีขึ้นๆ การยั่วยุของฝ่ายรุนแรง เลวร้าย จะมีวิธีการยั่ว เพื่อให้เกิด ความไม่ชอบธรรม ถ้าพวกเรา ทำให้เกิดความรุนแรงตอบ อาการรุนแรงตอบ คือความพ่ายแพ้ เขาจะหยิบจุดนี้ เป็นอาวุธ มาตอบโต้เรา เขาจึงยั่วยุทำร้าย เพื่อให้เราร้ายแรงตอบ แต่เราก็รักษา สภาวะสงบเรียบร้อย ไม่ใช้อาวุธได้เหนียวแน่น มั่นคง
จนหลายคนท้อแท้ คาราคาซัง ไม่จบซักที อาตมาเห็นใจว่า อึดอัดนะ ยาวนาน ทรมาน ทุนแล้วก็ไม่เสร็จสักที ก่อเลวร้าย ก็เพราะเขา จะก่อความเลวร้าย ยิ่งขึ้นๆ สักวันหนึ่ง อึ่งอ่างก็ท้องแตกตาย แต่พวกเราก็รอ ไม่ถึงวัน ท้องแตกตายซักที ก็เลยหงุดหงิด อึดอัด ก็ต้องปฏิบัติธรรม ทำใจ รู้จักปล่อยวาง ใช้ปัญญา ทำความเข้าใจ แต่ถ้ากดข่ม ก็อึดอัด เป็นวิขัมภนปหาน กดดันไป ก็ต้องใช้ปัญญา ใช้ความรู้เข้าใจว่า เราเอง เราหัดอดทน หัดปล่อยวาง หัดเข้าใจให้ได้ว่า เราต้องยืนหยัดยืนยัน ในฐานความดี ที่เป็นจริง เราไม่ได้วู่วาม อกุศลจิต เขายั่วยุ เราก็ไม่เกิดโทสะ สบายอยู่ เพียงแต่รู้สึกว่า เขาก็ช่างทำชั่ว ทำเลวได้ยิ่งขึ้น ทั้งชั่วแบบรุนแรง หรือ ยั่วยวน มีลีลาอิตถีภาวะก็มี
ประเทศมีผู้รับผิดชอบอยู่ เป็นแต่มีกิเลส ที่อ่านได้ กิเลสที่ทำให้เรา ต้องไม่จบ ทั้งที่ผู้มีฐานะ มีสิทธิหน้าที่ ที่จะปฏิบัติ ประพฤติได้ เช่น ข้าราชการ ไม่ว่าข้าราชการ ฐานะไหน โดยเฉพาะ ข้าราชการที่มีหน้าที่ รักษาความมั่นคง ต้องเป็นแรงอำนาจ เป็นฤทธิ์ ที่จะแสดงออก แล้วมีน้ำหนัก อิทธิพล ทำให้เกิดยุติได้ เผด็จศึกได้
โดยมีเชิงที่งดงาม ก็คือสงบ ปราศจากอาวุธ ถูกต้องตามรธน. ก็คือ มาเป็นประชาชน มาร่วมมือกับประชาชน เช่น แต่งเครื่องแบบ ออกมาเลย ไม่ต้องเอาอาวุธมา แต่งเครื่องแบบ มาร่วมประชาชน แล้วประกาศว่า ประชาชนมาเรียกร้อง ขออำนาจ บริหารคืน เพราะอำนาจบริหาร ของรัฐบาลนี้ ไม่ใช่อำนาจของคุณ ประชาชนให้คุณเป็นตัวแทน ยืมไปใช้ชั่วคราว อย่างมาก ก็สี่ปี ก็เลือกคณะใหม่ แต่ก็ไม่ค่อยถึงสี่ปี ไม่ใช่อำนาจตลอดกาล
อำนาจบริหารปกครอง เป็นอำนาจรับใช้ เป็นอำนาจของงาน ไม่ใช่อำนาจอธิปไตย Sovereignty ที่ทุกคนมี เป็นเจ้าของ เหมือนประชาชน เป็นเจ้าของบ้าน อาจจ้าง ผู้จัดการบ้าน จ้างคนสวน คนทำครัว ประเทศไทย เป็นครอบครัวใหญ่ แต่เจ้าของ คือประชาชน คนละส่วนกัน การทำงาน หากทำผิดหน้าที่ ก็ยังทำไม่ได้ ส่วนทรัพย์สมบัติแผ่นดิน คนไทยทุกคน เป็นเจ้าของทุกเม็ด ทุกอย่าง สมบัติทุกอย่าง ทรัพยากร ก็ต้องดูแลรักษา ไม่ให้ใครถือสิทธิ์ เอาเป็นของส่วนตัว
อย่างประเด็นที่ ผู้ใหญ่ในสังคมพูดว่า เขาเป็นลูกน้องของนายจ้าง หรือเข้าของบริษัท จะให้ไม่ฟังคำสั่ง เจ้านายหรือ? ...ซึ่งก็น่าเห็นใจ ที่เข้าใจไม่ได้ว่า เขาไม่ใช่เจ้านาย ของประเทศชาติ ซึ่งขณะนี้ผู้บริหาร ทำให้ประเทศ ล้มละลาย ผู้มีหน้าที่ รักษาความมั่นคง จะไปทำตามไม่ได้ ต้องมีปัญญารู้ละเอียดพอ เชิงหนึ่ง ในความเป็นประชาชน ที่จะต้องทำ แต่มีอะไรแฝง และหน้าที่ ที่จะรักษาความมั่นคง ขึ้นกับพระมหากษัตริย์ ที่เป็นจอมทัพ ในมาตรา ๑๐ พระเจ้าอยู่หัว เป็นจอมทัพ ต้องไปขึ้นตรง ไม่ใช่ไปขึ้นกับ รมต.กลาโหม ถ้าเข้าใจผิด ประเทศชาติ ก็ลำบากนะ
อาจเป็นความไม่กล้า กลัวเสียลาภยศ สรรเสริญแท้ๆ สังคมไทย จึงตกอยู่ในภาวะ เจ็บปวดแสนสาหัส เหมือนฝ ีที่กลัดหนอง ระบมเต็มที่ ทั้งที่ชัดเจนแล้ว ว่าประชาชน มาประท้วง ต่อต้าน ขออำนาจคืน เขาก็ดื้อดึงดัน เบี้ยวใช้เล่ ตลอดเวลา
ผู้มีหน้าที่เผด็จศึก ก็ไม่ช่วยเต็มที่ ข้าราชการทุกคน หากไม่รับคำสั่งรัฐบาล ที่ถือว่า เป็นรัฐบาลล้มเหลว สิ้นอำนาจแล้ว หมดสิทธิ หน้าที่แล้ว ถ้าตอบได้เป็นอาริยะขัดขืน ไม่ร่วมมือกับรัฐบาล ทุกคนก็มาชุมนุม เป็นประชาชน แสดงรัฐาธิปัตย์
ความเป็นรัฐาธิปัตย์ ไม่ใช่ของรัฐบาล ไม่ใช่รัฐบาล หรือรัฐอภิบาล ถ้าเข้าใจตรงนี้ ไม่สมบูรณ์เพี้ยนแน่นอน เมื่อคนชั่ว เขาทำหยามหยาบมาก แต่คนดี ที่มีหน้าที่จัดการ
เช่นตำรวจ เป็นเบื้องต้น ก็ชัดเลยว่า ตำรวจพึ่งไม่ได้ เอาแต่คนมายิงเรา ตายไป กี่ศพแล้ว ไม่เห็นจับใครได้ สักคนเดียว กี่ศพมาแล้ว นานเป็นปี ก็จับไม่ได้ มีคนตายไปตั้ง ๒๐ กว่าศพแล้ว แล้วตำรวจทำอะไรอยู่
เมื่อคนชั่ว ทำร้ายคนดี ผู้มีอำนาจที่จะยุติได้ ก็ไม่ทำอะไร เขาก็ย่ามใจ ความชั่วทำร้ายได้ ก็หยามใจคนไทย ไม่เกรงหน้าอินทร์ หน้าพรหม คนไทยก็พึ่งอินทร์พรหม ไม่ได้เสียแล้ว ให้คนเลวหยามน้ำหน้า
อินทร์ คือผู้เป็นใหญ่ แข็งแรง แต่ตอนนี้อ่อนแอ พระอินทร์อ่อนแอ พระพรหมป้อแป้ ก็เลยไปไม่รอด กลายเป็น พระอินทร์ปลอม พระพรหมปลอม ทำหน้าที่ ผู้มีอำนาจใหญ่ ยิ่งพรหมแล้ว ถ้ามีคุณสมบัติ ตามสัจธรรม
อินทร์คืออำนาจทางธรรม ที่เป็นแรง ยกตัวอย่าง ผู้มีน้ำหนัก อำนาจ ถ้ามาร่วมกับ ประชาชนนี่คืออำนาจพระอินทร์ อ่อนแอ ให้เขาคนชั่วหยาม ไทยก็เลย ตกในอำนาจผีร้าย
อินทร์คืออำนาจพิเศษ รู้จักสมมุติ ที่แฝงไปด้วยความจริง เช่นสมมุติ แต่มีความจริง และความจริง ก็เป็นผู้มีอำนาจ ยกตัวอย่าง กองทัพทหาร ใช้อำนาจโลกีย์ได้ แต่เราไม่ใช้ เราใช้คุณธรรม เรามีอำนาจบาตรใหญ่ Force เรามีในตัว แต่มันติดตัวมา เป็น Potential energy อยู่ในตัว แม้เราไม่ได้ใช้ไปข่มใคร เรามาอย่างประชาชน มีความเป็นพรหม คือคุณธรรม เป็นอำนาจเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา เป็นอำนาจพระเจ้าที่ รักมวลมนุษยชาติ เกื้อกูลช่วยเหลือ ไม่รุนแรงโหดร้ายใคร เป็นสัจจะมีจริง ในธรรมชาติ และมีทั้ง ปัญญาและเจโต มีทั้งจิตและความรู้ และใช้เป็นด้วย ถ้ารู้จะใช้พลังอินทร์พรหมได้
คำว่า อินทร์ พรหม มีอยู่ในมนุษย์จริง เข้าใจได้ง่าย เพราะมีปรากฏการณ์จริง เกิดเป็นปรากฎการณ์วิทยา เป็นความรู้ในเชิง มีสิ่งจริง รองรับคำอธิบาย ไม่ได้เล่นละครลิเก แต่เป็นจริงขณะนี้
จิตอินทร์ เป็นจิตกล้าหาญ ใหญ่ ทำงานทางโลกีย์ คนรู้ เห็น มีจริงด้วย อาตมาจะสมมุติ เช่นว่า ถ้านายทหาร สามเหล่าทัพ เหมือนตัวแทนของ สามกองทัพ เดินไปพร้อมกัน บอกนายกฯ ว่าหมดเวลาของท่านแล้ว ออกเถอะ ไม่ต้องเอาอาวุธไปเลย ไปตัวเปล่า แม้ไม่ต้องแต่งเครื่องแบบ ยังได้เลย เพราะรู้จักกันแล้ว ไปยืนยันว่า ท่านเลิกได้แล้ว ถ้าไม่เลิก เราก็จะขอจับ พูดเท่านั้น ส่วนเงื่อนไข รายละเอียดอื่น ไม่พูด
คุณว่านายกฯจะยอมไหม? ... อาตมาว่ายอม เพราะเป็นอำนาจแฝงในนั้น เป็นอำนาจอินทร์พรหม เป็นอำนาจ ไปสะกัดซาตาน เป็นความถูกต้อง ชอบธรรมได้เลย
หรือมาร่วมกับประชาชน แสดงตัว ไม่ต้องเอาอาวุธมา เราทำอย่างผู้ดี อย่างพรหม เป็นสากลของโลก เราทำได้
การทำงานให้แก่ประชาชน อันนี้อาตมาย้ำ ว่า คณะ รัฐบาล ได้รับอำนาจ ในหน้าที่แล้ว ก็ต้องไปทำ ตามหน้าที่สิทธิ ที่จำกัดไว้ในรธน. ถ้าทำสิ่งผิดไปจาก รธน. ทำผิดไปแล้วด้วย ม.๖๘ หรือ ม.๖๙ ด้วย หรือทำย่อหย่อน ทำอ่อนไป ไม่ทำตามหน้าที่ ก็ผิด ทำเกินก็ผิด ไม่ได้เป็นอำนาจอธิปไตย รัฐาธิปัตย์ ไม่ใช่เลย
ถ้าแยกสิทธินี้ไม่ออก ว่าเป็นสิทธิถาวร กับสิทธิ ให้ไปทำงานรับใช้ ไม่ออก ก็ผิดไปเลย
ประเทศเหมือนบ้าน ทุกอย่างในบ้าน เป็นของประชาชน เราก็จ้างคน มาทำหน้าที่ เช่น พ่อบ้าน ผู้จัดการ คนสวน มารับใช้ เขาสมัครใ จเข้ามารับใช้ประชาชน ก็ต้องทำประโยชน์ เพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง หรือว่าจะมาใช้ประชาชน เป็นเหตุปัจจัย เพื่อเอามาให้ตน เพิ่มจากอัตราที่เขาตั้งไว้ให้ เอาประชาชน เป็นตัวประกัน หรือเป็นเบี้ย แล้วเขาจะได้ ประโยชน์มากขึ้น เกินกว่ารายได้ประจำ
ข้าราชการประจำ หรือ ข้าราชการการเมือง ได้รับเงินเดือน จากประชาชน ให้มาเสียสละ ข้าราชการ หรือนักกฎหมาย ไม่มีรวย เพราะมาเสียสละรับใช้ จะมากอบโกยไม่ได้ ไม่เหมือนทำธุรกิจ
ดังนั้น ข้าราชการ เมื่อปลดเกษียน ก็ตั้งบำนาญให้ ควรปลดให้พัก แต่ก็เอาเงินประชาชน ให้ใช้จนกว่าจะตาย เพราะไม่รวย ถ้ารวยจะไปให้ทำไม ข้าราชการ ไม่ใช่งานมาทำรวย หรือล่าโลกธรรม
ยศไม่ใช่สิ่งมาเบ่งข่มใคร ยศคือพิธีการสังคมให้ทำงาน มีคนมาช่วยงานเพิ่ม รับผิดชอบเพิ่ม ตามยศที่สูงขึ้น ตามสามารถ ไม่ได้ให้ยศไปเพื่อ กดข่มใคร การได้ยศสูงขึ้น ก็เพราะรับใช้ประชาชน ได้ดีขึ้น มีประโยชน์คุณค่า ต่อประชาชน การเคารพ นับถือ ไม่ใช่ให้ไปกดขี่ ประชาชน แต่เป็นการเคารพนับถือ คุณงามความดี เขาเห็นดีก็ยกให้
อย่างในหลวงเรานี่ ท่านไม่ใช้อำนาจ กดขี่เลย คนก็เลย ยิ่งเคารพนับถือ อย่าว่าแต่ไทยเลยต่างชาติ ก็ยกย่อง ขนาดควีน ของอังกฤษ ยังยกย่อง เคารพนับถือเลย ว่าในชีวิต จะได้พบกับ King of King เลย
คนไทย ไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ น่าเสียดาย มันซับซ้อนว่า คนที่มีความใหญ่ สูง รับใช้ประชาชน อย่างในหลวงนี่ ทรงรับใช้ หรือบริหาร เพื่อประชาชน อย่างแท้จริง ทรงมีคุณสมบัติ มีคุณธรรม ที่วิเศษ วิสุทธิ์ วิศิฏฐ์จริงๆ คนเคารพท่าน เพราะท่าน ไม่เบ่งข่มเลย ท่านทรงวางพระองค์ ให้มีจริยวัตร งดงามมาก เป็นอำนาจโดยธรรม ไม่ใช่ force เป็น Supreme แท้ เป็น Sovereignty
เรามีสิ่งประเสริฐเลิศเลอ ของมนุษยชาติ แล้วไม่ใช้ ก็น่าเสียดาย แต่กลับไปทำ เพื่อพรรคพวก เอาอำนาจ มาล้วงตับ กินไส้ประชาชน โดยเฉพาะลักษณะ ทักษิโณมิกส์ มีอย่างที่ไหน โกงไปหลายแสนล้านแล้ว จะวางแผนโกงอีก สองล้านๆ หน้ามืดแล้ว แต่ดีที่พระสยามเทวาธิราชยังมี มีอย่างที่ไหน เอาชาวนา มาควักตับ กินไส้ชาวนา มีอย่างที่ไหน ชาวนาตายประชด ไปกี่ศพแล้ว ก็ยังบอกว่า ฉันไม่เกี่ยวนะ ไม่สำนึก ถ้าเป็นที่อื่น เขาลาออกไปนานแล้ว เพราะนโยบาย จำนำข้าว ของคุณไง
ข้าราชการการเมือง คือผู้ไปตรวจสอบ ให้นโยบายแก่ ข้าราชการประจำ ที่อาจมีการทำงาน ที่เสียหาย ไม่พัฒนา คนก็สมัคร เข้าไปแก้ไข ตรวจสอบ ปรับปรุง ให้การแนะนำ จึงมีอำนาจปรับปรุง สั่งย้ายได้ นี่เป็นวิธีการ ของสังคม ข้าราชการนั้น เป็นผู้ทำงาน บริหารประเทศ โดยประชาชนเลือกไป ในหลวง ก็ลงพระปรมาภิไธย เห็นด้วย นักกฎหมายหรือข้าราชการ ไม่ใช่อาชีพ ไปหากิน แต่ได้รายได้เท่าที่เขาตั้งให้ เป็นเงินเดือน แบ่งให้เท่าที่ได้ ไม่มีรวย เกษียรอายุ มีบำนาญให้
ประชาชนจะเคารพบูชา เพราะคุณทำความดี ในหลวงก็ตอบแทน ก็เลยมีเหรียญตราให้ไป เราเคารพข้าราชการ ก็ไม่ใช่เพราะ เขาเป็นนาย แต่เคารพ เพราะมีบุญคุณกับประชาชน ก็ต้องชัดว่า อย่าหลงผิด เป็นนายประชาชน ที่จริงคือ คนรับใช้
ยิ่งมีหน้าที่สูง ก็ต้องรับใช้ประชาชนชัด ประชาชน จะนับถือเคารพ ประชาชนก็ต้องชัดเจนว่า เราเคารพ หรือกดข่ม เขามาทำเป็นนาย มาเบ่ง เราก็เลยยอม ไม่ใช่นะ เราต้องเคารพบุญคุณ ในงานที่เขาทำ เขารับใช้ปปช. ได้ดี มีประโยชน์คุณค่าแท้ ไม่ใช่เคารพ ด้วยความเป็นนาย ที่มากดข่มบังคับ
ประชาชน ไม่ใช่ทาสข้าราชการ แม้ข้าราชการชั้นผู้น้อย ก็ไม่ใช่ทาสของ ข้าราชการผู้ใหญ่
ยกตัวอย่าง ทหารเขาต้องมีวินัย ตัดหัวได้ ถ้าไม่ทำตามสั่ง เมื่อออกสนามรบ แต่ปกติ จะไปสั่งฆ่าใครไม่ได้ ข้าราชการผู้น้อย สามารถไม่ทำตาม ต้านได้ ถ้าไม่ชอบธรรม สิทธิ์ในการสั่ง เมื่อออกรบถึงเป็นถึงตาย อันนั้น ให้อำนาจ สิทธิ์ขาดได้ แต่ในสังคม ก็มีกรอบให้ทำงาน แม้ประกาศ กฎอัยการศึก ก็ต้องมีกรอบ ขอบเขตให้ ทำได้แค่ไหน ก็มีกำหนด
แม้แต่คำว่า นาย กับลูกน้อง ก็ไม่ใช่เพื่อกดขี่ แต่เป็นผู้ถ้อยที ถ้อยอาศัย รับผิดชอบ ในแต่ละส่วนงาน แม้นายกับลูกน้อง ก็ไม่เพื่ออำนาจบาตรใหญ่
ถ้าอาตมาเป็นเจ้าของบริษัท ก็จะแบ่งหุ้น ให้พนักงาน เป็นเจ้าของบริษัท ร่วมกันหมดเลย เคยคิดเช่นนี้ ผู้จะได้รับหุ้นมาก ก็ต้องมีคุณธรรมสูง แต่เขาได้ เขาก็แจกต่อไป คนระดับล่าง จะมีหุ้นมากกว่า สุดท้าย คนระดับสูง จะหมดตัว หมดตนเลย อยู่ได้ด้วย ความมีน้ำใจ ความดีงาม อย่างแท้จริง ที่พูดนี้ไม่ได้เพ้อฝัน อาตมาอยู่ในสังคมอโศก อาตมาไม่ได้มีสมบัติ ส่วนตัวเลย ถ้าจะใช้ทรัพย์สิน เงินทอง มันมีวิธีการ จะบอกพวกเราอยู่
๑.เรี่ยไร
๒.บอกบุญ
๓.แจ้งงาน
พวกเราก็จะเข้าใจว่า อาตมาแจ้งงานนี้นะ ว่าต้องใช้เงิน ขนาดนี้นะ พวกเราก็เข้าใจ แต่ถ้าต้องการ จำเป็นมาก ก็อาจบอกหลายที เรียกว่า บอกบุญ
ส่วนเรี่ยไร คือสร้างโครงการ แล้วเรี่ยไร ไม่รู้แล้ว อาตมาไม่เคยทำ ไม่เคยเรี่ยไร เคยแต่มีการบอกบุญอยู่ นับครั้งได้ ในชีวิต บอกบุญ มากที่สุด คือ ซื้อที่หน้าสันติอโศก ถึงขนาด ต้องมีการอธิบายกัน ยกตัวอย่างกัน อธิบายโครงการ หลายวัน พวกเราเข้าใจ ก็เสร็จเร็ว ก็มียืมพวกเรา แล้วค่อยหาใช้คืนไป แต่เอาเข้าจริง ไม่นานก็ใช้คืนได้หมด มีทั้งยกให้หมดเลย เดี๋ยวเดียว ก็หมด เป็นเรื่องจริง ไม่วุ่นวาย เป็นสิ่งจริง ก็เอามาเล่า
นอกนั้น ก็มีเหตุการณ์ไม่บ่อย ส่วนใหญ่เป็นการซื้อที่ แล้วก็มีคนให้ที่ดิน จำเป็นก็ต้องรับ รับไว้ก็ขายไม่ออก ใช้ก็ไม่ได้ อาตมาเลยบอกว่า ใครจะมาให้ที่ดินนี่ ก็ไม่ต้องมีเงื่อนไขนะ จะขายหรือแปรรูปก็ได้ ถ้ามีเงื่อนไขไม่รับ
แล้วไม่รับก็เยอะ แต่ที่จำเป็นต้องซื้อ ต้องใช้เงินก้อน ก็ไม่ได้บอกบุญมากมาย
ยกตัวอย่าง วิธีการหาเงิน ของฤาษีลิงดำ หรือมหาบัว เป็นสาย Prophecy เป็นสาย ศรัทธา แต่วิธีการหาเงิน ของสายปัญญานั้น มากมาย เช่น ธรรมกาย เป็นวิธีการหาเงิน แม้มหาบัว หรือฤาษีลิงดำ ก็ตาม สายศรัทธาก็มี แต่สายปัญญามีมาก ยกตัวอย่างเจ้าเดียวก็พอ มากมายแล้ว เป็นสาย Philosophy
อย่างธรรมกาย แต่ ท่านก็ไม่สัมมาทิฏฐิ คำว่ากายนี้ ก็ไม่เข้าใจ ถ้าเข้าใจ แยกรูปกาย นามกาย
กายนั้น ต้องมีองค์ประกอบของ รูปและนามด้วย เช่นคำว่า กายสังขาร มีองค์ประกอบ ทั้งภายนอก มีการกระทบสัมผัส ทางทวารนอก ทั้ง ๕ แล้วก็ทั้งลีลา ท่าที นัจจะ ทั้งคีตะ ประชุมแล้วก็ต้องมีนาม หรือมโน ขาดไม่ได้ ประชุมกัน จึงเรียกว่า กายสังขาร ถ้าคำว่า กายนี้ ต้องไม่ขาดจาก ดิน น้ำ ไฟ ลม นั่นก็เป็นกาย เช่น นั่งสมาธิ อย่างน้อย ก็ต้องให้รู้สัมผัส อย่างน้อยก็ต้อง ไม่ขาดจาก ลมหายใจ ที่เป็นกาย ถ้าตัดผัสสะ จากลมหายใจเข้าออก ถือว่าผัสสะตาย ไม่มีกาย กายหายไปแล้ว มีแต่อายตนะใน เป็นมนายตนะ กับธรรมายตนะ ไม่มีผัสสะ ไม่มีกาย
การพิจารณาธรรมะ ขาดกายไม่ได้ อย่างน้อย การนั่งสมาธิ ขาดลมหายใจไม่ได้
ถ้าขาดจากลมหายใจ ก็ไม่เรียกว่า นามกาย แต่เรียกว่า นามรูป คือ สิ่งที่ถูกรู้ อยู่ข้างในนามธรรม
รูป คือสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่า นามรูป ไม่ใช่นามกาย
คำว่า นามรูป คือ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ
ถ้าตัดทวารนอก ตัดลมหายใจแล้ว ไม่รู้ข้างนอกแล้ว ลมต้องที่ผิว ก็ไม่รู้เรื่อง ลมหายใจ ก็ไม่รู้เรื่อง
ใน รูป ๒๘ แบ่งเป็น มหาภูตรูป ๔ และ อุปาทายรูป อีก ๒๔
กายวิญญัติ กายสังขาร หรือกายปัสสัทธิ คนไม่เข้าใจ ก็จะปฏิบัติผิด ยิ่งเป็นกายปาคุญญตา ก็ยิ่งไม่รู้เรื่องเลย
ที่เราทำมานี้ เป็นธรรมฤทธิ์ มาแต่เหตุ ก็ขอพูดย้ำอีกอย่าง ในเรื่องของ สัจจะแห่งกรรม มันเป็นเรื่องจริง ความถูกต้อง ที่เขาเข้าใจไม่ได้ เขาก็ว่าผิด อย่างที่ว่า ศาลพิพากษา ถูกต้องแล้ว คือศาลนี่นะ คนที่จะไปจ้างศาลนี่ คือคนชั่วนะ แล้วพวกเราคนดี จะไม่มีใครคิด ไปจ้างศาล ศาลจะไม่ถูกจ้าง มาเข้าข้างคนดี แต่ศาลจะตัดสิน เข้าข้างคนดี ไม่ต้องเอาห่อขนม มาให้เลย จะติดต่ออย่างไร ก็ไม่ทำ หากศาลจะตัดสิน ให้ฝ่ายดีถูกต้อง ก็ดีแล้ว จะตัดสิน ให้ฝ่ายชั่วผิด ก็ถูกแล้ว
แต่ฝ่ายชั่ว ถูกตัดสินว่าผิด ก็จะหาว่า ศาลลำเอียง หรือศาลที่เข้าข้างฝ่ายผิดก็มี แต่ศาลทั้งองค์รวม ก็ตัดสิน ให้ฝ่ายถูกถูก ฝ่ายผิดผิด คุณจ้างศาล ได้ไม่หมดหรอก ศาลต้องรักษาสถานะ ไม่อคติ
จะไปยัดเยียดว่า ศาลเป็นฝ่ายถูก เขาก็ยัดเยียดให้ศาล มาเป็นพวกเดียวกับ ฝ่ายถูก เขาผลักดันเอง เขาโง่ของเขาเอง เขาด่าศาล ศาลท่านทำ ซื่อตรงไม่อคติ พิจารณาตามหลักธรรม พอท่านตัดสิน ไม่ถูกใจก็ด่าท่าน ด่าเป็นขบวนการ ก็เลยยกขบวน ให้คนชังน้ำหน้า เขาเป็นคนแยกพวกเอง แยกสิ่งดี มาให้สิ่งดี และเขาก็พยายาม สะสมพวกชั่ว เข้าหาชั่ว เขาเห็นด้วยกัน ก็ไปเข้าพวกกัน พวกถูกพวกดี ก็เข้าหากัน ไกลกันแค่ไหน หากดีก็เข้าหากัน
พวกชั่ว เขาก็ต้องพยายามตะล่อม เหนี่ยวกันไว้ ไม่อย่างนั้นจะออก แต่พวกดี จะอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องง้องอนกันเลย จะมาร่วมกันเอง เป็นสัจธรรมลึกซึ้ง ขณะนี้ในประเทศไทย เรามีศาล ที่ทำงานช่วยประเทศ ส่วนอำนาจสภา และบริหาร นั้นก็ล้มเหลวแล้ว
ต่อไปการร่างรธน. ต้องให้อำนาจประชาชน สามารถปฏิวัติได้ ไม่อย่างนั้น ก็คาราคาซัง เช่นนี้ ยกตัวอย่าง นายกฯ ใช้กินเที่ยวเตร่ อยู่นี่ ไม่มีสิทธิ์ใช้เงินนะ คงมีคนเห็น แล้วฟ้องบ้าง ก็คงได้อีกคดี นี่คือความเสียหาย ไม่ใช่เฉพาะนายกฯ คนอื่น ในครม. ก็เช่นกันไม่มีสิทธิ์ แต่ไปล่วงล้ำใช้สิทธิ์ เกินหน้าที่
ยิ่งนานไป ก็พังไปเรื่อยๆ ตอนนี้อาตมาว่า แม้แค่ว่า คณะอำนาจศาล เขาไม่ยอมรับ ก็พังแล้ว อำนาจ ๓ ไม่ยอมรับกัน หรือฮั้วกัน ก็พังแล้ว อย่างบริหารกับรัฐสภา ฮั้วกัน เป็นต้น
ตอนนี้มี ตุลาการภิวัฒน์ กับประชาภิวัฒน์ และก็มีกรรมาภิวัฒน์ ที่จะมาจัดการ ยกตัวอย่าง เทวฑัต ถูกแผ่นดินสูบ ตายอย่าง ทุเรศทุรังการ คือตายโดยไม่มีใคร ไปทำร้ายเขาหรอก แต่ว่าตายอย่างไม่มีแผ่นดินอยู่ เป็นปุคคลาธิษฐาน
ประชาชน มีพลังปฏิวัติได้ อำนาจของประชาชนเรา จะขออำนาจคืนมาปฏิรูป มันไม่มีบทบัญญัติ ก็เลยต้องอาศัย อำนาจตุลาการ และฝ่ายแพ้ฝ่ายค้าน ฝ่ายโจร ก็ตู่อย่างนี้ ครอบงำ หลอกชาวบ้านว่า ถูกรังแก ศาลไม่ซื่อตรง ก็ยิ่งชัดเจนว่า ผิดกฎหมาย หรือตำรวจควรจับ ก็ไม่จับ ไม่ทำหน้าที่ ก็เลยเป็นเรื่องล้มเหลว ของประเทศ
ก็เหลือแต่ประชาชน จะปฏิวัติอย่างแท้จริง ก็คงเป็นตัวอย่าง ว่าเราจะมีประชาชน ปฏิวัติอย่างสวยงาม วิเศษ วิสุทธิ์ วิศิฏฐ์ โดยไม่ใช้ อำนาจ บาตรใหญ่ ใช้อาวุธ หรือรถถัง ประเทศเรา จะเป็นตัวอย่าง ดีงามในโลก น่าจะได้ เพราะประชาชน ออกมามาก ขนาดนี้
หรือตอนนี้ เขาว่ามีมือที่สาม ก็ไม่ชัดอีกว่า มีสองมือ เท่านั้นแหละ คือดีกับชั่ว แต่มือที่สามนี่ ยังไม่ชัดว่า ดีหรือชั่ว มีทั้งฝั่งดี และร้ายก็มี ฝั่งร้ายเห็นชัดอยู่แล้ว เกิดจริงเป็นจริง เลวร้ายถึงขนาด คนชั่วก็ทำชั่วไป คนมีหน้าที่ตามจับ ก็ไม่ทำหน้าที่ อ่อนแอเต็มที่
ดีก็ดีที่สุด เลวก็เลวที่สุด สู้กัน แต่ที่จริง ไม่ได้สู้หรอก สำหรับคนดี เป็นธรรมาธรรมะสงคราม จะสังเคราะห์ กันอย่างไร ก็แล้วแต่ แต่สุดท้าย ธรรมะย่อมชนะอธรรม ถ้าดีได้ถึงที่ ธรรมะย่อมชนะอธรรม ขอให้เราทำดี ให้มากขึ้น อย่าบกพร่อง เอาปัญญา ความดีงาม มายืนยันกัน แสดงกัน
ประเทศไทย บริหารด้วยเสาไฟฟ้า มานานแล้ว เพราะเจ้าของบริษัท มหาชนประเทศไทย ใช้วิธีส่งเสาไฟฟ้า มาบริหาร ประเทศ ประเทศเลยถูกบริหาร ด้วยเสาไฟฟ้า มานานแล้ว เสาไฟไม่มีสมองนะ มีแต่แรงบ้าๆ แย้งๆ ทั้งช็อต ทั้งไหม้ทำลาย ฉิบหายแล้ว ไม่มีสมอง คณะบริหารเสาไฟฟ้า
เขาว่าควายบริหาร ควายยังมีสมอง แต่นี่อาตมาว่า เสาไฟฟ้ามาบริหาร ไม่มีสมองนะ เสียหายไปมากเลย
เสียหายถึงจิตวิญญาณคน ถูกครอบงำเ ป็นจิตวิญญาณ มิจฉาทิฏฐิ โง่ อวิชชา ถูกครอบงำชักจูง เป็นความทุจริต ทำให้พลเมือง ได้รับผลเลวร้าย เสียหาย เป็นทรัพยากร ที่สูญเสียหนัก มากกว่าวัตถุ ปลุกเร้า ให้กระเหี้ยน กระหือรือ แรงขึ้น หนักขึ้นทุกวัน คนก็กลัวว่า วันที่ ๕ นี้ จะเลวร้ายกัน เขาไปรวมกันที่ ถนนอักษะ
ถนนสวยนะ มันก็ล่อแหลมมา ถ้าเผื่อว่าเกิด ตอนนี้คลุ้มคลั่งนะ ถูกปลุกเร้าใส่ไฟ เดือดปุดๆแล้ว มันก็จะเหมือนหมาบ้า นี่เป็นพฤติกรรม ที่ไม่ได้ใส่ความ หาเรื่องหาราวนะ ถ้าเผื่อว่า ผู้มีสิทธิหน้าที่ ในประเทศ โดยเฉพาะข้าราชการ อย่างที่กำนันสุเทพ ได้ไปบอกให้มาเข้ากับ มวลมหาประชาชน หยุดรับใช้ ระบอบทักษิณ ด้วยวิธีการนี้เท่านั้น จะขุดราก ถอนโคน ระบอบทักษิณ ได้เบ็ดเสร็จ เราก็ทำกัน อย่างที่ในหลวง ตรัสว่า ทำอย่างสามัคคี อลุ่มอล่วย เมตตา ทำไป ให้ถึงที่สุด คราวนี้ ขอย้ำว่า ขอยืมคำ ของฝ่ายข้างโน้น มาใช้ว่า “แพ้ไม่ได้นะ”
จะเผด็จศึกได้ดีที่สุด เท่าที่จะคิดช่วยกัน ก็ทำเถอะ ยิ่งนานวัน ก็จะถึงระเบิด อย่าให้ถึงระเบิดเลย ถ้าเกิดอย่าง ระเบิดปรมาณู ที่ฮิโรชิมา นางาซากิ คงไม่ดี ช่วยกันเถอะ ให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ อย่างอลุ่มอล่วย ที่สุดแล้ว
อย่างกำนันสุเทพนี่ สุขุมปราณีตจริงๆ อย่างวันที่ ๒๙ นี่ มีคนที่รู้สึกไม่ดี กับกำนัน อาตมาเห็นใจนะว่า ไม่วู่วามบุ่มบ่าม มันเป็นความศิวิไลซ์ ของมนุษยชาตินะ ทั้งร้อน ได้รับความลำบาก
คนเข้าค้างคาใจว่า กำนันสุเทพ ทำผิดทำพลาด มาก่อน ก็เอามาตี จงรู้เถอะว่า คุณทำดี สำนึกแล้วได้ปฏิบัติ ให้ตนเองดีขึ้นมา ขอยอมรับนับถือแล้ว ทำดีสุขุมประณีตแล้ว ทำโดยชอบธรรม ถูกรธน. ทำไปเลย ใครจะว่ากล่าวเรา ก็ไม่ต้องทำ ให้เกิดบกพร่อง เสียหาย ล้มตายกับใคร