570410_รายการตอบปัญหาละดับชาติ ตอนที่ ๑
ในงานปลุกเสกฯ ครั้งที่ ๓๘ ณ เวทีผ่านฟ้าฯ

อาตมาพูดไทยชัดนะ เป็นการตอบปัญหา ละ ดับ ชาติ , ชาตินี้เป็นการเกิด ของ โอปปาติกะ เป็นโอปปาติกโยนิ เป็นหนึ่งในการเกิด ๔ และการเกิดอย่างที่ ๔ นี้นักวิทยาศาสตร์ ไม่รู้ได้

๑.      ชลาพุชโยนิ   (กำเนิดของสัตว์ที่เกิดในครรภ์)
๒.     อัณฑชโยนิ   (กำเนิดของสัตว์ที่เกิดในไข่ -ทิชาชาติ)
๓.     สังเสทชโยนิ  (กำเนิดของสัตว์ที่เกิดจากการแบ่งตัว)
๔.     โอปปาติกโยนิ (เกิดใหม่ทางจิตวิญญาณเปลี่ยนภพทันที เกิดนิโรธ  ไม่มีอะไรมาคั่น  เกิดแทนสิ่งดับโดยไม่มีซาก)   (พตปฎ.เล่ม ๑๑   ข้อ ๒๖๓)

        คำว่าอัตตานี้เป็นคำเรียกตัวตนทั่วไป เป็นคำกลางๆ ส่วน
        สักกายะเป็นตัวตนที่ผู้มีทฤษฎีพระพุทธเจ้าจะอ่านรู้ รู้นามรูป ที่เป็น กาย หรือ องค์ประชุมพร้อม ในนามธรรม ถ้าเป็นโสดาบัน ต้องรู้สักกายะ ของตนเองก่อน มันไม่มีรูปร่าง แต่เป็นนามธรรม ผู้สามารถ อ่านลักษณะของมันได้ พิจารณาใน กายในกาย ให้มีดวงตาอ่าน กายในกาย ออก

        กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ไม่แยกส่วน มีการกระทบสัมผัส ตั้งแต่นอกมา สัมผัสทางทวาร ๕ แล้วรู้สึกอยู่ในภายในจิต เป็นสุข ก็เป็นองค์ประชุม ของเทวดา หากอ่านแล้วทุกข์ ก็เป็นสัตว์นรก หรือเป็นเปรต เดรัจฉาน อสุรกาย เราก็อ่านลักษณะ ของสัตว์นรก นี่เป็นความหยาบ

        เปรตคือความอยาก เดรัจฉานคือความโง่ อสุรกาย คือความกลัว กลัวในเรื่องที่ จะพัฒนาตน ให้เจริญ กลัวเสียลาภ ยศ สรรเสริญ สุขเป็นต้น

        ผู้มีปัญญาทางธรรม จะอ่านออก ผู้มีวิชชาของ พระพุทธเจ้า จะอ่านออก เข้าถึงญาณปัญญา ระดับวิชชา เป็นวิชชาข้อแรก ในวิชชา ๘ เป็นวิปัสสนาญาณ

        ถ้าจะนับเป็นสัตว์นรกเป็นเช่นนี้ เป็นอสุรกาย เป็นเช่นนี้ หรือ มันตกต่ำมาก เรียก อติวินิบาติ ความเป็น สัตตาวาส เราจะอ่านออก แล้วก็ตามหาเหตุ ก็คือจิตในจิต นั้นแหละ สราคจิต สโทสจิต สโมหจิต เราอ่านออก แล้วทำให้อาการนี้ มันดับ มันเป็น อกุศลเจตสิก เป็นอาการจิต เรียกเจตสิก เป็นตระกูลใหญ่ ๓ ตระกูล จับตัวมันได้เห็นจริง ก็ละมันได้ ดับมันได้ เรียก โอปปาติกสัตว์ ในร่างกายมนุษย์นี่แหละ มีสัตว์พวกนี้อยู่ เป็นของจริง เป็นเทวดาสมมุติ ถ้าเราทำให้ กิเลสลดได้ จะเกิดใหม่ โดยมีจิตส่วนหนึ่งตาย  จิตส่วนหนึ่งเกิด

        จิตที่เกิดใหม่เราเรียกว่า โอปปาติกโยนิ เกิดเอง ไม่ต้องแบบ ชราพุชะ หรือสังเสทชะ เรากำจัด เหตุปัจจัยมัน ฆ่าเหตุได้มันก็ตาย ฆ่าได้นิดหน่อย ก็เบานิดหน่อย ฆ่าได้มาก มันก็จวน จะตายเลย มันอ่อนแรง เมื่อมันตายแล้วก็ตายแบบไร้ซาก ส่วนสัตว์อย่างอื่น ตายแล้วเหลือซาก

        แต่สัตว์โอปปาติกะนี้ตายแล้ว ไม่เหลือซาก เกิดก็ด้วยเหตุปัจจัย ครบก็เกิดเลย ใครสามารถ ทำให้ละหรือดับ การละ ให้จางคลายเรียก วิราคะ มันก็หมุนเวียน เกิดๆดับๆ เรียก อนิจจานุปัสสี เราเห็นมันดับได้แล้ว เราก็สบาย เจริญพัฒนาขึ้น ไม่รู้กี่อย่างเลย ทำให้กิเลสตาย เป็นสิ่งเจริญ จริงๆ ถ้าทำถูกสภาพ จะรู้เลยว่า มันวิเศษ เห็นความไม่เที่ยง มันไม่เกิด อาการชั่วคราวได้ ดับได้ชั่วคราว แล้วเราก็ทำอีก ให้มันไม่เกิดอีก นานเลย มันจะหายไป อีกนานไหม เราก็ทำไปเรื่อยๆ เรียกว่า ปฏินิสสัคคานุปัสสี เรียกว่า ดับขาด ปฏินิสสัคคะ เรียกว่า ดับสวรรค์​ ทวนทำอาการ ไม่มีสวรรค์ชนิดนี้แหละ จะเรียกว่า นิรามิสสุข ก็ได้แต่สุขสงบ วูปสโมสุข หรือจะเรียก อย่างสมบูรณ์เลยว่า ปรมังสุขัง อาตมาแปลว่า  ยิ่งกว่าสุข

        กิเลสที่เป็นสัตว์ชั้นต่ำ ก็ดับก่อนเลย เป็นโสดาบัน ก็เอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน เช่น เราดับอบายได้ เช่นเราดับเชื้อ ที่ติดพนัน ติดเหล้า ติดบุหรี่ ติดใส่ขนตาหนักๆ พอละได้ก็จะรู้ว่า เราได้เวลา ทุนรอนแรงงาน คืนมาได้ เราเจริญพัฒนา ทางเศรษฐกิจ ได้พัฒนาอื่นๆ อีกมากมาย ความสูญเสีย ที่เราได้บำเรอ เพื่อให้เกิดอาการอย่างนั้น แล้วเราได้เสพ อารมณ์สุข แต่หมดหายไป แล้วก็เหลือ แต่ความจำ อยากได้อีก ก็ระลึกถึง ความรู้สึกดีๆ ก็ดึงเอาสัญญามา ไม่ใช่ตัวจริง ไม่ใช่เรื่องจริง นี่คือ ความลึกซึ้งธรรมะ ที่เป็นของจริง พระพุทธเจ้าค้นพบแล้ว ดับชาติได้

         ตอนนี้ก็มาสู้กับ คณะรัฐบาล มีคนเขียนมาว่า  เมื่อพ่อท่าน มอบยุทธศาสตร์ ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมา ให้มากๆหมดๆ ทางรัฐบาล ก็ใช้ยุทธศาสตร์นี้ ได้เหมือนกัน คือ ดื้อให้นาน ด้านให้เป็น เข่นให้ตาย กูก็ไม่ออก กูจะตายคาสนาม ประชาธิปไตย เลยหน้าด้าน ดึงเกมไปเรื่อยๆ ตามข้อมูลใหม่ ทางวุฒิสภา จะขอเปิดสภา สมัยใหม่ เพื่อดำเนินการ ๓ เรื่อง คือ ถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพาณิชย์ , แต่งตั้งบุคคล ไปเป็นประธาน แทนคนเดิม, พิจารณา ผู้ทรงคุณวุฒิ ของประธาน, แต่แทนที่นายกฯ จะดำเนินตามที่ วุฒิสภาส่งไป กลับให้สำนักนายกฯ ตั้งคำถามไปยัง สำนักกฤษฎีกา แล้วเลขา สำนักกฤษฎีกา สรุปว่า มีความเห็นว่า ไม่สามารถเปิดวุฒิสภา เพื่อดำเนินการ ดังกล่าวได้ เพื่อให้วุฒิสภา ไม่มายุ่งเกี่ยว กับการเมือง ฉากสุดท้ายได้ ...

        อาตมาว่า เขาซื้อเวลา ...คือพยายาม ยืนหยัดไปอย่างนี้ เป็นเทคนิคของเขา เป็นความจริง ที่ปรากฏ ของเกมการเมืองนี้ ตอนนี้เป็นกลเกมการเมือง หนักหนา สาหัส ติดยึดอำนาจ ไม่มีอื่นเลย การแก้เกมนี้ เราแก้ด้วย ซื่อสัตย์สุจริต อย่างเอาความถูกความผิด มาตัดสิน เป็นการสู้อย่าง อาริยชน เรามาต่อต้าน ประท้วงล้มล้าง แต่เราสามารถ ยกระดับได้ ในมาตรา ๖๘ (วรรคหนึ่ง) "บุคคลจะใช้สิทธิ และเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้าง การปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขตาม รัฐธรรมนูญนี้ หรือ เพื่อให้ได้มา ซึ่งอํานาจ ในการปกครองประเทศ โดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไป ตามวิถีทาง ที่บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญนี้ ... มิได้"

         และมาตรา ๖๙ (การต่อต้านโดยสันติวิธี) บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้าน โดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มา ซึ่งอำนาจ ในการปกครองประเทศ โดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็น ไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญนี้

        รัฐบาลได้ทำผิด มาหลายกระทงมากเลย ได้อำนาจแล้ว ทำในวิถีทางที่ ไม่ได้เป็นไป ตามรธน.นี้ เราจึงมาล้มล้าง ยกระดับ จากประท้วง มาต่อต้าน แล้วยกระดับ เป็นล้มล้าง ไม่ได้ปกปิดเลย แต่เขาก็ดื้อด้าน แล้วเราก็สุภาพ ไม่ได้ไปทำร้ายทำลาย เป็นแต่เพียง ไปประท้วง จนกระทั่ง ไปปิดสำนักงาน ไม่ให้ทำงาน ไม่ให้ไปเป็นไม้เป็นมือ ของคนผิด ก็จะยิ่งซ้ำเติม ให้ชาติไทย เสียหาย หากทำตามคำสั่งเขา ข้าราชการ ก็มีภูมิปัญญา ไม่ดึงดันดื้อด้านด้วย สำหรับข้าราชการ
        พวกเราก็ออกมาช่วยกัน ให้มากๆ

ตอบปัญหา (ละ) ดับชาติ

   www.asoke.info