570509_พ่อครูที่เวทีหน้าช่อง ๕
เรื่อง ประชาธิปไตยสองแบบ

        รูปธรรมและนามธรรม จะลงตัวกันพอดี เป็นเรื่องของดวงดาว แม้เรื่องของ อนาคตก็ตาม จะลงตัว ก็เป็นเรื่องยาก ที่คนจะเข้าใจ ในหมอดู ดวงดาว ที่วนเวียนในจักรวาล จะลงตัว ศาสนาพระเจ้า เขาก็ว่า จะมีศาสดาพยากรณ์ มีเหตุการณ์ ที่ลงตัวกัน ศาสนาพุทธ จะเห็นทศนิยม ที่เคลื่อนตัวไป ในมหาจักรวาลนี้ มีเรื่องที่เป็น ทศนิยม ทั้งสิ้น ไม่คงที่ หรือคงที่นิดนึง แล้วก็จะเคลื่อนไป ศาสนาพุทธ ตรัสรู้เรื่องนี้คือ ความไม่เที่ยง หรืออนิจจัง ทุกปัจจุบัน จะเป็นทศนิยม จะเป็นทศนิยม ที่เสื่อมไป หรือจะก้าวหน้า หรือทรงตัวอยู่กับที่ ก็ชั่วครั้ง ชั่วคราว

        แม้จะพยายามให้นานเท่าไหร่ ก็ต้องเคลื่อนที่ หลักการที่ทุกอย่าง ไม่เที่ยง มีทศนิยม จึงเป็นตัวเปลี่ยนแปลงได้ หมดดูก็จะดูผิด ตรงนี้แหละ ขึ้นอยู่กับตัวแปร แม้วัตถุดินน้ำไฟลม ก็เปลี่ยน แม้ต้นไม้ ก็เจริญ​หรือเสื่อม สิ่งที่โตเต็มที่ แล้วก็เสื่อมลง

        เราจับตัวเหตุปัจจัย ที่จะเกิดหรือดับให้ได้ ถ้าจับปัจจัยตัวนี้ได้ คือตัวสำคัญ ก็จะรู้ว่า มีอะไรเกิด และจะพัฒนา หรือเสื่อมลง ถ้ายิ่งรู้เลยว่า มันมีค่าอะไร ก็จะทำนายอนาคตได้

        ตัวแปรส่วนใหญ่มีมาก คนก็จะเก็บได้ไม่ครบ หากใครเก็บตัวแปรได้ครบ ก็จะทำนายได้แม่น เหตุปัจจัยที่ เราต้องมาชุมนุม ครั้งนี้ มีเหตุปัจจัย ได้มาก เรามาให้เหตุผล หลักฐาน หลักการ เมื่อเราให้แล้ว คนก็จะมาร่วมแรง ร่วมใจกัน แม้ตอนนี้ เราจะถือว่า ยังไม่จบ อย่างสะเด็ด เด็ดขาด แต่ก็ก้าวหน้า ชนะรายทาง ไปเรื่อยๆ และชนะรายทาง ที่สวยงามมาก อาตมาอาจพูดบ้า ไปคนเดียว ที่เรียกเต็มๆว่า ปฏิวัติโดยประชาชน หรือประชาชนปฏิวัติ มันเป็นการปฏิวัติ มีลีลาปฏิวัติ ที่สวยสดงดงาม ไม่รุนแรง พวกเราที่มีอดไม่ได้ ทนไม่ได้ ก็ไม่รู้ แต่มีเหตุการณ์ที่รุนแรง เกิดมาบ้าง แต่เราชุมนุมมา ตั้งมากกว่า หกเดือนแล้ว เราก็รู้ได้เห็นได้ต่อเนื่อง จนศาลชี้ ว่าคนไทย ที่ออกมาประท้วงครั้งนี้ ต้องได้รับ การคุ้มครอง จนรัฐบาล ต้องแหยงไปเลย อ่อนข้อลงไป เพราะศาลท่านสั่งมา แต่เขาก็ดื้อด้าน ดึงดัน เป็นอกุศลจิต จิตชั่ว จากคนที่มีสิ่งจริง

        อาตมาพูดนี่ให้รู้ว่า ทุกอย่างมาแต่เหตุ ไม่ใช่บังเอิญ แต่ได้ด้วย การพากเพียร ต้องขอขอบคุณกำนันสุเทพ ที่ใจเย็น ที่เหตุการณ์ ยืดเยื้อยาวนาน เพราะสุเทพใจเย็น อันนี้อาตมา ให้คะแนน คุณสุเทพจริงๆ มันจึงเรียบร้อย ราบรื่นงดงาม เป็นประวัติศาสตร์ แห่งการปฏิวัติ ไม่ว่าทุกประเทศที่ทำมา ก็ไม่ได้สวยสด งดงามอย่างนี้ บันทึกไว้ ในประวัติศาสตร์ไว้เลย เป็นรัฐศาสตร์ ที่ต้องเก็บ ปรากฏการณ์ ยืนยัน เป็นหลักฐาน จะเกิดวิวัฒนาการ ให้ประชาชนทำ ในครั้งนี้ เป็นตัวอย่าง ไว้ในโลก ใครได้ร่วมประวัติศาสตร์ครั้งนี้ จงปรบมือ ให้ตัวเองเลย ไม่ใช่เรื่องแกล้งยกยอเล่น แต่เป็นเรื่องสัจธรรม

        อาตมาศึกษาสัจธรรม ที่มีรายละเอียด ลึกซึ้งเยอะ มีทั้งรูปและนาม อย่างสมณะ นักบวชนี่พระพุทธเจ้า ท่านห้าม ไม่ให้พยากรณ์ แต่ที่พูดนี่ ไม่ได้ทำนาย แต่เป็นเรื่องที่บอก เหตุปัจจัย แต่ก็ไม่ได้ตรงหมดนะ จะไปเข้าใจผิด อย่างนั้นไม่ได้

        พวกเราออกมาปฏิวัตินี้ เพื่อเพราะมันสุดทน อาตมาเกิดมา ยุคปานนี้ ปาเข้าไปเลข ๘๐ เต็มจะขึ้น ๘๑ แล้ว อาตมาเกิด ๕ มิถุนายน นะ อีกไม่กี่วัน ก็ครบแล้ว

        ตั้งแต่ ตุลา ๑๖ ,ตุลา ๑๙ ,พค.๓๕, ตุลาฯ๕๑ จนมาถึง ๑๘ กพ.๕๗ เราจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ตค.๑๖ ก็เป็นประวัติศาสตร์เมืองไทย ที่แรง แต่ว่าตุลา ๑๙ ก็ยิ่งเละ รุนแรงเลวร้าย ต่อมาก็เหลือเชื้อต่อมาถึงพค.๓๕ พอมาถึง ๗ ตุลาฯ๕๑ ก็เบากว่า ๓๕ พอมาถึง ๑๘ ก.พ.๕๗ แม้แรง แต่ก็เบากว่าทุกครั้ง

        ดีขึ้น เพราะเข้าใจกันแล้วว่า สังคมเจริญ ต้องไม่รุนแรง ลดความรุนแรง แม้ฝ่ายรัฐบาลเอง ก็สำนึก แม้นปช. เองก็สำนึก แล้วเขาก็ใช้คำว่า เราต้องชุมนุม อย่างสงบ และเมื่อเขา เข้าใจเช่นนั้น ก็ต้องทำอย่างนั้น ได้น้อยหรือมาก ก็แล้วแต่ แต่องค์รวม ก็ลดความรุนแรงลง ฝ่ายเรายืนหยัด ความไม่รุนแรงแน่ เหตุการณ์จึงเกิด ความไม่รุนแรง ชนะได้ดังนี้ นี่คือ สัจธรรมของสัจธรรม

        ไทยเรามีการพัฒนา การเมืองขึ้น โดยประการฉะนี้ ลักษณะที่เกิดขึ้น ชื่อว่า การเมืองมีธรรมะ เป็นความประเสริฐ เจริญของสังคม เพราะมนุษย์ ต่างจากเดรัจฉาน ที่รุนแรง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ใครมีสารพิษ ก็พ่นพิษใส่กัน มีพิษร้ายอะไรในตน ก็เอาพิษร้ายใส่กัน คนที่ยังไม่เจริญ ก็ใช้อำนาจ บาตรใหญ่ เหมือนกัน สมัยโบราณ เวลาจะมีอำนาจบาตรใหญ่ ได้ทรัพย์สิน ได้บ้านเมือง ก็ต้องใช้ความเก่ง ในการทำร้ายฆ่ากัน จนคนสู้ไม่ได้ เราก็ชนะ เป็นการกดข่ม บังคับทำร้าย อำนาจเช่นนั้นภาษาอังกฤษ เรียกว่า Force สัตว์ก็กลัว

        ส่วนอำนาจที่เจริญ เป็นคุณงามความดี ถูกต้อง เสียสละ เอื้อเฟื้อเจือจาน สุจริตจริงใจ อำนาจลักษณะนี้ เป็นอำนาจ คุณธรรม ที่มนุษย์ควรมี ผู้ใดสามารถ ชนะกัน ด้วยอำนาจนี้ คือ Authority คนเจริญ จะให้อำนาจนี้ชนะ ก็เป็นดัชนีชี้วัด ความเจริญ ไม่ได้กดขี่ บังคับใคร เป็นสังคมเจริญ ประเสริฐ

        ขณะนี้ประเทศไทย คนไทยกำลังสร้าง พลังอันนี้ มาในโลก แล้วใช้พลังอันนี้ ปฏิวัติอำนาจเลว แล้วอำนาจเลว ก็แพ้ไปเรื่อยๆ อยากให้ชนะ ไปถึงที่สุดกันไหม?.. ต้องออกมา ช่วยกัน ให้ถึงที่สุด เพราะอำนาจอย่างนี้ จะชนะด้วย สามประการ

        คือ ประชาภิวัตน์ ตุลาการภิวัตน์ กัมมาภิวัตน์

        ตุลาการภิวัตน์ ก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่พอศาลตัดสิน แล้วไม่เข้าข้างคนผิด เขาก็ไม่ยอมรับ อำนาจศาลอีก ก็ถือว่าผู้นี้ ได้ทำตัวกบฏ ถือว่าเป็นกบฏไปแล้ว มีแต่คนบ้า กับคนโง่เท่านั้น ที่อยากให้สังคมเสื่อมลง คนที่ทำให้สังคมเสื่อมลง โดยที่ตนเอง ฉลาดแต่โง่ ที่ตนเอง ทำให้สังคมเสื่อม แม้เป็นคนฉลาดนะ เอาเปรียบได้เก่ง คนอย่างนี้มีไหม? เห็นไหม? ใครหว่า?

        เป็นความเสื่อมทราม เลวร้าย เขาก็จะหักหลัง แก้แค้นกัน แต่พวกเรา อย่าไปอาฆาต มาดร้าย แม้เขาจะทำร้ายเรา อย่างชั่ว ก็อย่าไปอาฆาต มาดร้ายตอบ ถือว่าเป็นบาปของเขา แม้เป็นวิบากของเรา เราก็ต้องยอมรับ เสียโดยดี อย่าไปแค้นเคือง ยึดที่จะโต้ตอบ ให้เลิกล้มกันไป ใครเลวก็จบ ส่วนใครดีกับเราก็ไม่จบ เพราะเราต้อง ตอบแทนบุญคุณ ส่วนเขา จะเลวเท่าไหร่กับเรา เลิกเสีย ให้จบ อย่าไปอาฆาต เพราะทำแล้ว เป็นวิบากต่อกันไป ไม่รู้กี่กัปป์ กี่กัลป์

        จึงขอบอกว่า อย่าสร้างใส่ใจตน เป็นอกุศลวิบาก อย่าไปทำอย่างยิ่ง

        ตุลาการภิวัตน์ ท่านก็ช่วยเรา ในวันที่ ๗ พ.ค. ที่ผ่านมาก็แล้ว ก็จะมีอีกท่าน ก็ตัดสินมาเรื่อย นี่คือได้คะแนน ด้วยการดำเนินการ ของตุลาการ

        ส่วนประชาชนร่วมกัน มากเท่าไหร่ มวลมาก ชนะมวลน้อย และคุณงามความดี ก็ชนะอีก แม้มวลน้อย แต่คุณงามความดี มากกว่า ก็ยิ่งมีคุณค่า แต่ยิ่งมวลมาก แล้วทำด้วย คุณธรรมอีก ก็ยิ่ง Excellent เราจะทำ ให้ดียิ่งขึ้น อย่าท้อถอย ท้อแท้ อย่าให้เหนื่อยๆไว อดทน ให้ลุล่วงด้วยดี มันดีมากแล้ว ถ้าทำดียังไม่ได้ดี เพราะทำดี ยังไม่มากพอ เมื่อทำดี แล้วก็ยังจบไม่ได้ ไม่ชนะ ถ้าอย่างนั้นก็คือ ทำดียังไม่ได้ดี เพราะทำดี ยังไม่มากพอ จงทำดีต่อให้พอ จึงจะชนะ ประชาภิวัตน์ ก็ดำเนินไป จนกว่าจะชนะ

        กำนันสุเทพ บอกเสมอว่า ชุมนุมเอาธรรมนำหน้า สันติปราศจากอาวุธ ใครมีอาวุธ อย่าเอามา ใครอดไม่ได้ ก็ไม่ต้องมา ทำให้บริสุทธิ์ เราจะปฏิวัติ ให้โลกรู้ว่า ประเทศไทยนี่ เป็นหนึ่ง ในโลก ที่ปฏิวัติ อย่างสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ

        ของเรานี่ ประคองผู้ชุมนุม เป่านกหวีดมากี่ครั้ง ก็มากทุกครั้ง แล้วครั้งนี้ ก็มากว่าทุกครั้ง ก็ช่วยกันอยู่ยงยืน เป็นครั้งสุดท้าย มันก็จะทั้งมวล มากขึ้นๆ และยาวนานๆ และรักษาคุณธรรม ได้งดงาม และ ชนะด้วยความถูกต้อง ไม่ใช่ชนะด้วยเล่กล สิ่งไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น อดทนใจเย็น ไม่ต้องใจเร็ว ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมา ให้มากๆหมดๆ

        กำนันสุเทพ ยิ่งให้พวกเราใจเย็น ให้ยาวก็ยิ่งดี แต่มีพวกเรา อยากใช้หมัดน็อค ให้เสร็จเร็ว อาตมาก็ว่า เราใช้ศิลปะออกหมัด ให้สวยงามไปเรื่อยๆ เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ สุดยอด ไม่มีอะไรเปรียบได้เลย ให้ทนอีกนิดเถอะน่า

        อาตมาจะเล่าให้พวกเราว่า ประชาธิปไตยนี้ มีอยู่สองอย่าง
        คือประชาธิปไตยขาเดียว กับประชาธิปไตยสองขา
        ประชาธิปไตยสองขา คือมีทั้งกายและใจ มีทั้งวัตถุและจิตวิญญาณ

        ส่วนประชาธิปไตยขาเดียว คือประชาธิปไตย ที่ไม่มีวิญญาณ มีแต่วัตถุ ประชาธิปไตยขาเดียว คืออำนาจหมู่ แล้วใช้อำนาจหมู่ เป็นพลังเด็ดขาด เราเรียก ภาษารัฐศาสตร์ว่า คอมมูน เป็นสังคมนิยม จะมีทีมไม่กี่ทีม ยึดอำนาจไว้ ต่างกับสมบูรณายาสิทธิราช คือคนเดียว เผด็จการฟาสซิสต์ เป็นเผด็จการไม่ใช่ประชาธิปไตย ส่วนเผด็จการหมู่ เป็นคณาธิปไตย อย่างไทยเรานี่ เป็นคณาธิปไตย ใช้อำนาจสส. ในรัฐสภา เป็นเผด็จการ ไม่มีคุณธรรม ในจิตวิญญาณ ไม่มียอมแพ้ ไม่ยืดหยุ่นไม่ยอมเสียเปรียบ นี่คือจิตวิญญาณ ของคนที่เห็นแก่ตัว

        แต่บางที่ไม่ผิดอะไรมาก เราจะชนะนิดเดียว แต่ถ้าเราดึงดันเอาชนะ จะเกิดความเสียหายมาก คนเห็นความเสียหาย ก็ยอมแพ้ได้ แม้เราจะชนะได้ก็ตาม แต่ถ้าเกิดว่า เสียหายมาก หากปล่อยไปหนักเลย ถ้าอย่างนี้ เรายอมไม่ได้ เช่นครั้งนี้เป็นต้น เพราะปล่อยไป เสียหายมาก เราก็ยอมไม่ได้

        ประชาธิปไตยขาเดียว จะไม่ยืดหยุ่นไม่ยอมแพ้ ทั้งที่แพ้ จนหมดหน้าตักแล้ว แพ้อย่างเลวแล้ว ก็ยังไม่ยอม นี่คือลักษณะคนที่เลว ไม่จบสิ้น นี่เกิดจาก จิตวิญญาณ

        จิตวิญญาณคนดี จะชนะด้วย คุณงามความดี ประชาธิปไตย ที่มีจิตวิญญาณแบบนี้ ในประชาชนจะร่วมตัวกัน คนในประเทศให้สิทธิ์ คนมีความเข้าใจ อย่าดูถูกเด็ก คนหนุ่ม คนพิกา รคนแก่ อย่าดูถูกคนโง่ คนโง่อาจมีสิ่งที่ เข้าท่าแฮะ สำหรับอันนี้ คนฉลาดจะรู้ว่า คนนี้แสดงอันนี้มา ใช้ได้เลย คนโง่อาจแสดงไม่รู้ตัวเลย

        ถ้าเผื่อว่า องค์ประกอบ มนุษยชาติ มีพร้อมทั้ง จิตและกาย มันสมบูรณ์ ถ้ามีแต่จิต อย่างเดียว เป็นคนหยิ่ง เช่นฤาษีเป็นต้น มีแต่จิตอย่างเดียว เขาหยิ่งผยองในจิตเขามา ไม่ยอมซูฮก ให้วัตถุเลย อย่างในอินเดีย ไม่แม้นุ่งผ้า หรือโกนผมเลย

        แม้แต่คอมมิวนิสต์ ก็เป็นคณาธิปไตย ใช้อำนาจบาตรใหญ่ หลงวัตถุ เป็นประชาธิปไตย ขาเดียว ที่สุดแห่งที่สุด ประชาธิปไตยขาเดียว คือประเทศที่มี ประธานาธิบดี​ ไม่มีกษัตริย์ โลกจะไปสู่ อย่างนั้น แล้วเขาก็นึกว่า นี่คือเสมอภาคสูงสุด ทุกคนมีสิทธิ์ เป็นประชาธิปไตย ไม่เหมือนประเทศ มีกษัตริย์ ที่ต้องอาศัยตระกูล จากกษัตริย์

        พระเจ้าแผ่นดิน ต้องมีคุณธรรมความดี ถ่ายทอดให้ทายาท คัดเลือกผู้ที่ดี มาเป็นกษัตริย์ นอกจาก ประเทศที่เลวร้าย เกิดการแย่งอำนาจ คนไม่ดี มาเป็น พระเจ้าแผ่นดิน แต่อย่างนั้น ไม่มีใครเคารพ ไม่ได้คะแนนหรอก สากลเขารู้ แต่พระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์ ก็ต้องพยายาม ให้ดีที่สุด จิตวิญญาณ ก็ต้องรักษา ความเป็นคนดีที่สุด ในประเทศให้ได้ จึงเป็นการคัดเลือก สร้างผู้มาบริหาร บ้านเมืองในตัว แม้ในธรรมชาติ สัตว์ตัวผู้ จะได้เป็นพ่อพันธ์ ต้องแข็งแกร่ง ฉลาด ชิงชนะคู่ต่อสู้ เพื่อเป็นพ่อพันธ์ คนจึงมีการคัดเลือก โดยธรรมชาติ ให้มีหัวหน้า หรือ พระเจ้าแผ่นดิน หลายประเทศ สืบทอดมา หลายชั่วอายุคน เป็นการผนึกจิตวิญญาณ ที่มีทั้ง จิตวิญญาณ และสำนึก จึงต้องดีเป็นส่วนใหญ่ ที่ไม่ดี ก็ชั่วคราว แต่ประธานาธิบดีนี้ สืบทอดกัน สะเปะสะปะ สี่ปีเลือกใหม่ ๆ ใครก็ได้ มาเป็นแล้ว จะมีการคัดเลือก ทางจิตวิญญาณ กันได้อย่างไร ไม่ว่าประเทศไหน ก็มีเล่เหลี่ยม นอกจาก ประเทศที่เจริญจริงๆ จึงมีญาณปัญญา เลือกคนมีปัญญา คุณธรรมจริง แม้ใช้เล่เหลี่ยมก็รู้ทัน แต่ประเทศส่วนใหญ่ ไม่เจริญอย่างนั้น

        ประเทศธิเบต เขาเลือก ผู้จะมาเป็นกษัตริย์ของเขา พอองค์นี้สิ้น เขาก็ไปหา เด็กเล็กที่ว่า สืบทอดจิตวิญญาณองค์ก่อน เป็นเรื่อง ลึกสุดลึก เป็นอจินไตย ของศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นลักษณะของ คุณธรรมแท้ แม้ดาลัยลามะ องค์ปัจจุบัน มีคุณธรรม ทั่วโลกยอมรับ นี่คัดมา ทางจิตวิญญาณนะ ไม่ได้คัดทางวัตถุ

        สรุปแล้ว ขอตัดสินว่า ประชาธิปไตยขาเดียว เป็นประชาธิปไตย ไม่เต็มเต็ง หนักไปด้านวัตถุและโลกียะ ถ้าคุณเข้าใจแล้ว อาตมา ขอยกตัวอย่าง ประชาธิปไตย ของอังกฤษ กับประชาธิปไตย ของอเมริกา

        อเมริกาเป็นเชื้อของอังกฤษ เทียบเคียงดู ประชาธิปไตยของ สองประเทศนี้ อังกฤษมีจิตวิญญาณสูงกว่า ไม่ต้องพึ่งกฎหมาย พึ่งวัฒนธรรม ส่วนประชาธิปไตย ของอเมริกานั้น พึ่งพากฎหมาย กฎหมายต้องเข้มงวดมาก

        การทำด้วยจิตวิญญาณ จะเกื้อกูลกัน ยืดหยุ่น อลุ่มอล่วยกัน แสดงออกถึง ความพอ ความจน

        อย่างของเรามาจน ไม่ได้มาแสดงความรวย แล้วมีการเกื้อกูลกัน ด้วยความจน นี่แหละ เป็นเศรษฐศาสตร์ แบบคนจน Our loss is our gain ประชาธิปไตย ที่มีวัตถุ และจิตวิญญาณประกอบ นี่สุดยอดแล้ว

   www.asoke.info