570518_พ่อครูที่เวทีผ่านฟ้าฯ
เรื่อง เส้นตายที่เราไม่รอไม่หวัง แต่เราทำ

        อาตมาไม่ใช่คนที่เอาแต่มโน จินตนาการเอาเอง แต่อาตมาเอา มเนื้อ เอาตามเหตุ ปัจจัยต่างๆ ที่ละเอียด อ่านถึงน้ำเสียง สำเนียงคำพูด การแสดงออก ที่แตกต่างกัน แม้ในกาละต่างๆ เป็นองค์ประกอบที่ ถ้าได้ศึกษาฝึกฝน หัดพิจารณาอ่าน เพื่อให้รู้

        อ่านตั้งแต่ของหยาบ จนถึงของละเอียด สามารถรู้เข้าไปข้างใน ถึงใจ มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา เป็นพลังงานใหญ่ตัวจริง ซ้อนเข้าไป ในใจจริง ที่ผสมด้วยกิเลส หรือใจ ไม่มีกิเลส พุทธเรียนรู้ถึง พลังงานจิตวิญญาณ เรียนรู้อย่าง วิทยาศาสตร์ ตั้งแต่หยาบภายนอก จนถึง ละเอียดภายใน ทุกอย่างมาแต่เหตุ อย่างในมูลสูตร

        มีฉันทะเป็นมูล เป็นต้นเค้าเลย คือความยินดีพอใจ ถ้าไม่มีตัวนี้ ไม่มีทางเดินสู่ การบรรลุธรรมได้เลย หากไม่มีฉันทะ เป็นตัวตั้ง และมีสิ่งที่จะเป็นที่ๆ จะเป็นฐาน สนามรบ คือ มนสิการ เป็นแดนเกิด เป็นกรรมกิริยาที่ใจ เป็นสัมภวะ (แดนเกิด) มีแหล่งแห่งที่ ไม่ใช่ว่า ไม่มีหลัก ไม่มีฐาน ไม่มีที่ ว่าต้องกระทำ ตรงนี้เลย ถูกที่ถูกทาง หากไม่มีที่ทาง ไม่มีฐาน ก็ไม่มีทาง เข้าถึงได้ และใจต้องยินดี ที่จะทำ ตั้งใจศึกษา และต้องรู้แหล่งเป็น แหล่งตาย ที่จะทำให้เกิด ให้ดับ

        ต้องรู้อาการของ การทำใจในใจ ถ้าทำไม่ได้ ก็หาที่เกิดไม่ได้ เป็นสัมภเวสี หาที่เกิดที่ตาย ที่รบไม่ได้ เป็นแหล่งแห่งที่ ที่สำคัญ หากไม่เป็นสัมภวะ ก็เป็นสัมภเวสี ล่องลอยไป ไม่มีปัญญารู้ว่า มนสิการ เป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน มันเป็นนามธรรม แต่ก็รู้ได้ ว่าต้องอ่านจิตได้ รู้ว่านี่คือ เวทนา นี่คือ กาย ที่เป็น ก้อนของใจ ไม่ใช่ว่ากาย คือก้อนร่าง ดินน้ำไฟลม แต่อย่างใด ถ้าไม่รู้กายอย่างนี้ ก็ไม่รู้แดนเกิด ไม่รู้แหล่งที่ทาง ที่จะทำใจในใจ ก็ล่องลอยไป ไม่รู้กี่ปีแสง กี่กัปป์กัลป์

        จิตต้องแม่นตรงนี้ ต้องมีญาณปัญญา จับสนามรบ ที่ทำการ เป็น Office เป็นโรงงาน เป็นแหล่งประพฤติเลย หากหาไม่เจอ ก็เป็นสัมภเวสี ตลอดกาลนาน หาที่เกิดไป ไม่สามารถ ทำความเกิด ดับ ให้แก่ใจได้

        อาตมาฟังพวกแดง เขาจะซ้ำซาก ไม่เข้าเป้า อยู่ตรงนั้น แคบๆ หน้าตาก็คนเก่าๆ ไม่มีใครกล้า เข้าไปเสริมหรอก มีตัวหลัก อยู่ไม่กี่คน ก็น่าสงสาร มีตู่ เต้น นกแสก แล้วก็ไม่กี่คน ไม่หลากหลาย มากมาย เปลี่ยนหน้าตา มาเหมือนกปปส. เป็นความหลากหลาย diversity เป็นความแตกต่าง แต่เป็นหนึ่งเดียว unity of diversity และแม้หลากหลาย ก็เข้าสู่เป้าหมาย เดียวกัน

        ฝ่ายแดง ไม่หลากหลายหรอก แข็งทื่อ เขาจะต้องตี เข้าหาเป้า นั้นแหละ ของเรา มาทุกศาสนา ทุกสี มาอยู่กันได้ อย่างมีเอกภาพ แห่งความแตกต่าง และจะกลมกลืน นำพากันไปได้ ถ้าฝ่ายแดง มีหลากหลายอย่างเรา เขาตีกันตายแล้ว เขาจะต้องบังคับ ให้เป็นอย่างเดียวกัน ไม่ให้ตีกัน แต่ของเรา มีจิตเมตตา ไม่ยึดมั่น ไม่เพ่งโทส ก็แก้ไข ช่วยกันไป อลุ่มอล่วย กันไป คำว่าอลุ่มอล่วย ของในหลวงนี่ ยิ่งใหญ่นะ มีคำนี้ ลึกซึ้ง วิเศษมาก ไม่ใช่เลอะเทอะ งมงายนะ ที่อาตมาเข้าใจนี้

        ประเทศไทยเรา มีผู้มีภูมิปัญญา สุดยอด สุดประเสริฐ คือในหลวง เราต้องพยายาม ฝึกฝน ให้ทำตาม ประมุขของประเทศ เราเป็นลูก ต้องเข้าที่เข้าทาง ตามพ่อ ที่พาเป็น พาไป

        แบบคนจน
“แบบที่เรียกว่า ทำ “แบบคนจน”  คือทำวิธีการ แบบคนจน ไม่ได้มีการลงทุน มากหลาย อย่างของเขา เราก็ทำไป ก็เลยบอกว่า ถ้าจะแนะนำ ก็แนะนำได้ “ทำแบบคนจน” เพราะเรา ไม่ได้เป็น ประเทศที่รวย เราก็รวยพอสมควร อยู่ได้ แต่ไม่ใช่เป็น ประเทศที่ก้าวหน้า อย่างมาก เราไม่อยากจะเป็น ประเทศอย่างก้าวหน้า อย่างมาก เพราะว่า ถ้าเราเป็นประเทศ ที่ก้าวหน้า อย่างมาก มีแต่.. มีแต่ถอยหลัง ประเทศเหล่านั้น ที่เขามีอุตสาหกรรมสูง มีแต่ถอยหลัง และถอยหลัง อย่างน่ากลัว แต่ถ้าเรา มีการปกครองแบบ แบบว่า แบบคนจน แบบที่ไม่ติดกับ ตำรามากเกินไป ทำอย่างมีสามัคคีนี่แหละ มีเมตตากัน ก็จะอยู่ได้ ตลอดไป ไม่เหมือนคน ที่ทำตามวิชาการ แล้วก็วิชาการนั้น ก็เราดูตำราแล้ว พลิกไปถึงหน้าสุดท้าย หนึ่งหน้าสุดท้ายนั้น เขาบอกว่า”อนาคตยังมี” แต่ไม่บอกว่า เป็นอย่างไร เวลาปิดเล่มแล้ว มันก็ปิดตำรา ปิดตำราแล้ว ไม่รู้จะทำอะไร ลงท้ายก็ต้อง เปิดหน้าแรกใหม่ เปิดหน้าแรก ก็เริ่มต้นใหม่ “ถอยหลังเข้าคลอง” แต่ถ้าเราใช้ตำรา แบบที่เราอะลุ่มอล่วยกัน ตำรานั้น ไม่จบ”

        อาตมาถือเป็นคัมภีร์เลย แบบคนจน ที่ในหลวงตรัสนี่ ถ้าสังคม เป็นแบบที่ว่านี้ ไปรอดแน่ ไม่ว่า เศรษฐกิจพอเพียง หรือ ขาดทุนคือกำไร หรือ แบบคนจน นี่แหละ

        พวกเรานี่เป็นพวก “คนจนแจกจ่าย” ส่วนอีกพวกเป็นพวก “คนรวยขูดรีด” ทำให้คน หลงรวย เสพติดความรวย ความสุขฟุ้งเฟ้อ ส่วนคนจน หากปฏิบัติธรรม เป็นคนปล่อยวาง ละล้าง ไม่ต้องหาอะไร ไปสนองตนเองมากมาย ขยันหมั่นเพียร ทำงานรับใช้ สร้างสรร เป็นความเจริญ งอกงาม สร้างสรร เกิดสิ่งที่ ให้คนอาศัย ใช้สอย เราก็เป็นคนมักน้อย กล้าจน ไม่สะสมมาก มีเท่าไหร่ ก็สะพัด แจกจ่ายออก นี่คือ นักเศรษฐกิจ ยอดเยี่ยม แบบคนจน แจกจ่าย แล้วทำได้ จริงๆด้วย

        ใจจะต้องเข้าใจจริง เห็นดีเห็นงาม เราจนอย่าง ไม่ต้องอดทน ไม่ต้องเอาของใคร อย่างเบิกบาน ร่าเริง มีทั้งนิสัยพฤติกรรม ที่ทำได้จริง เป็นคนจน ที่สำเร็จแล้ว เราจะทำให้เป็น สังคมแบบเรา ที่ไม่เป็น ผู้เอาเปรียบสังคม แต่เป็นผู้ให้ ผู้เกื้อกูลสังคม

        ชาวอโศกที่มาจนนี่ คนอาจหาว่า มาหลอก ทำทีจน แล้วมีเล่เหลี่ยมซับซ้อน อยู่เบื้องหลัง แต่ที่จริง ไม่ใช่ เป็นคนจริง ทั้งนอกและใน ทั้งกายและใจ เราออกมา ทำงานกับสังคม จนสังคม เห็นได้ว่า เราจริงใจอย่างไร แล้วทำอย่างนี้ จะช่วยสังคมได้อย่างไร เรามั่นใจว่า ทำได้ แล้วจะพิสูจน์ ต่อไปว่า ทำได้จริง แต่ละคน ไม่รวย ไม่ใหญ่โต แต่ส่วนกลาง จะอุดมสมบูรณ์ แม้ส่วนกลางมีมาก ก็ไม่กักตุนสะสม เอาแต่พอเหมาะ ถ้าเรามีคนมาก ต้องทำงานใหญ่ขึ้น ก็ต้องมีใหญ่ขึ้น เช่นเต็นท์ แต่ก่อนทำงาน ไม่ใหญ่ไม่กว้าง ก็เต็นท์เล็ก แต่ตอนนี้ ทำงานใหญ่ ก็เต็นท์ใหญ่ขึ้น เป็นต้น

        เป็นคนมีวรรณะ ๙
๑.     เลี้ยงง่าย  (สุภระ)
๒.     บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)
๓.     มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) 
๔.     ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ)
๕.     ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ)
๖.     เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์)
๗.     มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) 
๘.     ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ๙ 
๙.     ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) 

        เราอยู่กันอย่างอลุ่มอล่วย กันนี่แหละ สุดยอดจริง เราไม่ก้าวหน้า อย่างมาก เช่นประเทศจีน ที่จะต้องรวย หรูหรา ได้เปรียบ เอาชนะ ใช้กลเม็ดของถูก เหมือนญี่ปุ่น ใช้เศรษฐกิจ แบบโลกีย์ ตอนแรก ก็ออกของถูก มาให้ซื้อ แต่ตอนหลัง ก็เริ่มแพงขึ้นๆ ไม่เหมือน ผู้ที่มีจิตวิญญาณ แห่งการให้ แม้จน ก็จะช่วยเหลือคน เอาไปเอามา กลายเป็นคนจน ช่วยคนรวยเสียอีก ส่วนคนรวย ไม่รู้จักพอ รวยไม่เสร็จ ไม่จบ ขีดเส้นความรวย ให้แก่ตนเองไม่ได้

        แต่เรามาน้อยลง เราก็อยู่ได้ ก็เจริญขึ้นๆ สรุปว่า แบบคนจนนี่ ในหลวง ไม่ได้ตรัสเล่น ตรัสเอาโก้ๆ หรือไม่เป็นจริง แต่ขอยืนยันว่า พระราชดำรัส ของพระองค์ เป็นความจริง อันสูงสุด ต้องทำความเข้าใจ และปฏิบัติให้ได้ ยิ่งโลกทุกวันนี้ เขาแย่งอำนาจบาตรใหญ่ กันทั่วโลก มีแนวคิด อย่างนี้เท่านั้น แบบโลกีย์ เราก็ออกมา อย่าเข้าไปอยู่ สนามรบโลกีย์เลย เราปลีกมาอยู่ อย่างพอเพียง รวมตัวกันสร้างสรร จนมีมากพอ แล้วเอาไปแจก คนที่แย่งชิงอยู่นี่

        แบบขาดทุนของเรา คือกำไรของเรา หรือเศรษฐกิจพอเพียง หรือแบบคนจน นี่แหละ เป็นแบบอย่าง ประเสริฐสุดแล้ว เรามาทำให้เป็น ประเทศ แบบนี้ให้ได้ ตรงกับที่ พพจ.ตรัส ๑๐๐ % ล้ำสมัย ก้าวหน้า เกินกว่าเขาเข้าใจได้

        ถ้าใครเข้าใจ ยิ่งเอาไปปฏิบัติได้ คนนั้นคือ คนก้าวหน้า ล้ำสมัย

        ชาวอโศกนี่ คือผู้ล้ำสมัย (ไม่อยากพูด เดี๋ยวเขาว่า อวดตัวอวดตน) ล้ำสมัยอย่างไร? ..ก็เพราะว่า อโศกนี่ ทุกข์น้อย สุขมาก แม้จน ก็เป็นสุข แม้ไม่สวยงาม หรูหรา ก็เป็นสุข แม้เขาเห็นว่า เป็นคนรับใช้ ก็เป็นสุข ได้รับใช้คน ก็เป็นสุข ส่วนคนอยากได้ ไม่รู้จบ นี่ทุกข์ ส่วนคนพอ ได้เมื่อไหร่ ก็สุข

        ณ ลมหายใจเฮือกนี้ เป็นอย่างไร? เอาหัวข่าวของนสพ. แต่ละฉบับ มาอ่าน แล้วที่พวกเรา ออกมาประท้วง ผู้บริหารประเทศ ที่บริหารให้ประเทศฉิบหาย เราก็มาขับไล่ แต่เพราะ คุณหวงแหน โลกียสุข ก็แสวงหา คนมาร่วมกับคุณ ก็มีเยอะได้ เพราะคน อยากได้โลกีย์ มีมาก แต่คนมีปัญญาที่รู้ แม้อยากได้ แต่เป็นสิ่งไม่ดีงาม ก็มาลดเถอะ คนเข้าใจได้อย่างนี้ มามักน้อย สันโดษ เกื้อกูลคนอื่น อย่างนี้มันดีแท้ ลึกซ้อน ในคนไทย เราเข้าใจได้เพิ่มขึ้นๆ จึงออกมารวมกัน เมื่อรบ. มักใหญ่ เหลิงคะนอง ผิดกฎหมาย ดูถูกสถาบัน ก็ไม่กลัว เป็นต้น คนไทย พอรู้ พอเข้าใจ

        แต่ก่อนนี้ สังเกตฝ่ายแดง นปช. ตั้งแต่ทักษิณ สร้างลัทธิทักษิโณมิกส์ คนที่ไปทำ แบบทักษิณ คนไทยก็เห็น รู้ว่ามมีผลเสีย เลวชั่ว ชัดขึ้นๆ ก็มีคนออกมา ล้มล้าง ลัทธิทักษิณนี้ มีผู้รู้ออกมาตีแผ่ ความชั่วร้ายของ ระบอบทักษิณ แก่สังคม มีคนออกมา ได้มากขึ้นๆ มีอัตรา การก้าวหน้าเรื่อยๆ มาถึงวันนี้ คนรับได้ทำตามได้ เปลี่ยนแปลงความเชื่อถือ ความเห็นมาทางสัจธรรม มากขึ้น

        พวกเราที่รู้มาก ก็อาจใจร้อน อยากให้จบเร็ว อย่าไปทำใจเช่นนั้น ต้องพยายาม ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมา ให้มากๆ หมดๆ จนพวกแดงก็ว่า สุเทพไม่มีทาง ชนะหรอก แล้วคำพูด ของกำนันก็ว่า ขีดเส้นตาย วันสุดท้าย วันที่ ๒๖

        ไทยเรามีคนมีปัญญา มีดวงตาธรรมะ ตื่นรู้ มาช่วยกันยับยั้ง คณะรัฐบาลเลวร้ายนี้ เรียกว่า เป็นคณะกลุ่ม “ผีผลาญ” หากเราตื่นรู้ไม่ทัน ก็ทรัพยากร ในประเทศเรา หมดจริงๆ

        สมมุติว่าเราแพ้ เมื่อเราแพ้ อำนาจของเรา ตกไปอีกฝ่าย แม้ไปตัดสิน คดีความในศาล แต่ผู้ที่เป็น คนควบคุม กลไกประเทศ ข้าราชการต่างๆ ที่จะบริหารประเทศ ก็ตกอยู่ใต้อำนาจ ผู้บริหาร คุณสุเทพ ก็ยากจะหลุด ใช่ไหม …? ถ้าเราจะแพ้ ต้องให้สุเทพ ถูกตัดสิน พิจารณา ตามกระบวนการ ยุติธรรม จะมีกระบวนการ ยุติธรรมบ้างไหม? สงสารสุเทพบ้างไหม?...แล้วทำไม ไม่ยอม ไม่ยอมแล้วจะนอนตีพุง ได้ไหม... ไม่ยอมต้องออกมาช่วยกัน

        อาตมายอมรับนับถือ คุณสุเทพ ว่าไปกินดีหมี หัวใจเสือที่ไหน ที่กล้าทำอย่างนี้  ตอนนี้ เราก็ทำอย่างดี ไม่รุกรานรุนแรง อย่างในทำเนียบ ตอนนี้ เราก็เป็นปชช. เข้าไปใช้ทำเนียบ เป็นนักบริหาร เหมือนรัฐบาลเลย เป็นทำเนียบ ของประชาชน ไม่ได้ใช้อำนาจ บาตรใหญ่ เป็นจิตวิญญาณ ของเจ้าหน้าที่ ที่ช่วยเหลือ ให้เราทำได้ กำนันสุเทพ จึงได้พาพวกเรา ไปทำงานในทำเนียบ เป็นชัยชนะ ถูกต้องดีงาม แต่รัฐบาล ต้องวิ่งหนี หลบไปที่ไหน ไม่รู้ เป็นพฤติภาวะ ที่ชี้บ่งให้เห็นว่า อะไรคือ ความพ่ายแพ้ อะไรคือชัยชนะ ไม่ได้ชนะ อย่างข่มเบ่งนะ แต่เป็นการให้ความรู้ สติปัญญา จนสุดท้าย เขาก็ต้องให้ จนเราไปทำการ ในทำเนียบได้

        ทำให้เห็นว่า ปชช. มีการชนะก้าวหน้า ไปเรื่อยๆ ตรงกันข้าม กับฝ่ายแดง ที่ตะโกน โหวกเหวก ว่าตอนนี้ สุเทพกำลัง จะเป็นจะตาย ห่อเหี่ยวแล้ว มันตรงกันข้ามแล้ว สุเทพ ไปไกลแล้ว เขาโง่อยู่อย่างนั้น ตีกินหลอกลวงคนอื่น ให้คนหลงตาม ทั้งที่มีสิ่งแสดงออก เห็นโต้งๆ เขาก็อ่านไม่ออก

        เขามีอำนาจ แต่หลบหนีหัวซุกหัวซุน เราไม่ได้ไปข่มขู่ ใช้กำลังอาวุธ แต่อย่างใด แต่เขาหนี เพราะว่า ตัวเองทำไม่ถูก ตัวเองทำผิด ตัวเองไม่มีทางสู้ สู้อย่างสัจธรรมเลยนะ สู้กันอย่างผู้ดี อาริยชน เขาไม่มีทางสู้ เขาก็หนี (หางจุกตูด)

        ตอนนี้ การปฏิบัติการของ ปชช. ใช้ความชอบธรรม แม้ตุลาการ ก็รับรองว่า เราทำถูกรธน. เราทำ มีผลก้าวหน้าด้วย ตอนนี้เหลือใย สุดท้ายแล้ว เราจำเป็นต้อง เอามวลมาให้มากอีก ซึ่งตอนนี้ ก็ไม่พอ แล้วเรา ทั้งหลักฐาน เหตุผลหลักการ ยืนยัน กันให้ได้ เราไม่เอาแบบเลวร้าย อาวุธ มาทำเลว ตอนนี้ทางโน้น เขาก็ว่า จะเอาความถูกต้อง สันติ อหิงสา มาต่อสู้กัน ก็ขออนุโมทนา ถ้าทำได้ อย่างนั้นจริงๆ

        อยากให้มวล ปชช.ทั้งหลาย เข้าใจว่า เมื่อกำนัน ขีดเส้นตาย ขอให้กัดฟัน อดทน รวมพลังกัน ให้มาก เท่าที่จะทำได้ ต้องการทุกคน ในประเทศไทย ใครเห็นด้วย ก็ออกมา ไม่ได้บังคับนะ ใครเห็นด้วย กับฝั่งโน้น ก็ไปช่วยกัน แต่ถ้าใครเห็นด้วยกับ กปปส. ก็โปรดออกมา

        ณ ลมหายใจเฮือกนี้ เส้นตายอยู่วันที่ ๒๖ แต่วันนี้ วันที่ ๑๘ เหลืออีก ๘ วัน ในช่วงนี้ มาแสดงเต็มที่ ช่วยกันเต็มที่ได้ไหม ออกมารวมกัน ไม่ว่าข้าราชการ ปชช. ก็ออกมา เสียสละกัน แม้แต่แค่มวล ก็ออกมากันให้มาก ให้ทำลายสถิติโลก กันหน่อย และใครมีความรู้ ความจริง หลักฐาน บอกกัน ขึ้นเวทีบอกกัน สื่อสารสู่สาธารณะ ยืนยันความจริง ใครผิดใครถูก แจงให้ชัดเจน เราต้องมีทั้ง ปริมาณ และเนื้อหาให้ครบ ยืนยันเต็มที่ ให้สมบูรณ์ ให้มากพอ ภายในวันนี้ ถึง ๒๖ ขอแรง ขอร้องปชช. กัดฟัน อดทน เต็มที่ ให้รู้กันเลยว่า ม้วนนี้ เป็นม้วน สุดท้าย ที่เราจะเผด็จศึกให้ได้ ที่เราจะเอาความถูกต้อง ในปชต. และปริมาณ มาตัดสิน อาตมา ไม่รอไม่หวัง แต่เราทำ อาตมาเอาตัว ออกมาแล้ว พวกเราก็มาช่วยกัน ให้มากเถิดเทอญ

   www.asoke.info