โค่นระบอบทุศีล เพื่อปฏิรูปประเทศไทย โดยประชาชน คนรักชาติ
มวลมหาประชาชน
ทวงคืนอำนาจ จากรัฐบาลกบฏ
Whistle   Revolution

(ต่อจากฉบับที่ ๓๓๒ )

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ส่งท้ายปีแห่งมวลมหาประชาชน..... แม้ว่ามวลชน กปปส.ของทั้ง ๓ เวที จะหยุดเคลื่อนที่ และมาอยู่ ในที่ตั้ง แต่ในรุ่งสาง ของวันสุดท้าย ของปีงูนี้เอง มวลชน ยังต้องฝึกจิตใจ ให้สงบเย็น ท่ามกลางเสียง กระสุนปืน ระเบิด หรือเสียง พลุตะไล ที่ดังตลอดแนว ถนนราชดำเนิน ตลอดคืน จนรุ่งสาง เสียงดัง จึงสงบลง เป็นการสร้าง สถานการณ์ ให้เกิด ความหวาดกลัว เพื่อให้ผู้จะเข้า ร่วมชุมนุม ไม่กล้ามา แต่ก็หาได้ บั่นทอนกำลังใจ ของผู้รักชาติ ยิ่งชีพไม่ กลับยิ่งทำให้ จิตใจของ มวลมหาประชาชน เข้มแข็ง แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

วันส่งท้ายปีงูนี้ ทุกเวทีของ กปปส. ได้จัดงาน ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยจัดเตรียมพื้นที่ ให้เป็นถนนคนเดิน พร้อมจัด กิจกรรม ฉลองเทศกาลปีใหม่ ภายใต้ชื่องานว่า “ปีใหม่ของ มวลมหาประชาชน ความหวัง และพลังชีวิต”  คืนวันส่งท้ายปีเก่า ที่เวทีราชดำเนิน มีกิจกรรม โดยที่เวที ราชดำเนิน มีกิจกรรมบันเทิง นานาชนิด เช่น หนังกลางแปลง เวทีแสดงดนตรี ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน และมีการตั้งร้าน สร้างความบันเทิง ตามรูปแบบ งานวัด เช่น ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ หลังจากนั้น ในเวลา ๒๒.๐๐ น. จะมีการสวดมนต์ เพื่อสร้างศิริมงคล ให้กับผู้ชุมนุม และในเวลา ๒๔.๐๐ น. จะมีกิจกรรม เคาท์ดาวน์ นับถอยหลัง สู่ปีใหม่

ส่วนเวทีมัฆวานฯ ก็ได้จัดกิจกรรม ส่งท้ายปีเก่า กิจกรรมบนเวที มีศิลปินกู้ชาติ มีวิทยากรกู้ชาติ ผลัดกันมา ให้สาระ และ ความบันเทิง ตลอดทั้งวัน ในภาคค่ำ มีรายการสำคัญคือ สัมภาษณ์ เปิดหัวใจ คณะเสนาธิการ คั่นด้วยรายการ ลุงกำนันสุเทพ ประมวลผลสำเร็จ ของกปปส. และ ก้าวย่างต่อไป ในปีหน้า จากเวที ราชดำเนิน

ระหว่างนั้น มีโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจ ถ่ายทอดสด พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน พรปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๗ ขอให้ชาวไทย รักษาสุขภาพกาย สุขภาพจิต ให้สมบูรณ์ แข็งแรง เพื่อให้สามารถ ปฏิบัติหน้าที่ ได้เต็มกำลัง ข้อสำคัญ จะคิด จะทำสิ่งใด ให้นึกถึงส่วนรวม และความเป็นไทย ไว้เสมอ งานของตน และงานของชาติ จะได้ดำเนิน ก้าวหน้าไป โดยถูกต้อง เที่ยงตรง ไม่ติดขัด และบรรลุ ถึงประโยชน์ นับเป็นความปลื้มปีติ ของปวงชน ชาวไทย ที่ได้รับพร อันประเสริฐ จากพ่อหลวง ในห้วงเวลาสำคัญ ของประเทศชาติ

จากนั้น พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้พาอธิษฐานจิตร่วม โดยพ่อครู พาเปล่งกล่าว
                นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
                ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งจิตปฏิญาณ ร่วมกันว่า...
                ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งใจ ประพฤติ ปฏิบัติตน
                ให้เป็นคน กิเลสลดลง น้อยลง ที่สุดจนหมดสิ้น
                อย่างเอาจริง เอาจัง
                สังคมประเทศชาติ จึงจะเจริญ สุข สงบ สำเร็จได้จริง
                สาธุ! สาธุ!! สาธุ!!!

จากนั้น พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้เทศนา ส่งท้ายปีเก่าอีก ๑ กัณฑ์ ปิดท้าย เวทีวันนี้ ด้วยรายการ “เวียนธรรม”  โดย สมณะ สิกขมาตุ และ ร่วมเคาท์ดาวน์ นับถอยหลัง ข้ามปีงูสู่ปีม้า ด้วยการ สวดมนต์แปล ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ ให้จิตใจตั้งมั่น ในกุศล พร้อมเสียสละ เพื่อชาติบ้านเมือง ในภารกิจ ศักดิ์สิทธิ์ ต่อไป ในปีม้า

ปีใหม่ของมวลมหาประชาชน ความหวัง และพลังชีวิต    

๑ มกราคม ๒๕๕๗ ต้อนรับปีม้า ชุมนุมเทวดา ณ ราชดำเนิน สู่ “ปีใหม่ของ มวลมหา ประชาชน ความหวัง และพลังชีวิต”  เริ่มวันใหม่ ของปีม้า ด้วยการทำบุญ ตักบาตร ทั้ง ๓ เวที โดยพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ได้นำสมณะ และสิกขมาตุ ออกบิณฑบาต เริ่มที่ สะพานผ่านฟ้าฯ ไปสู่สะพานมัฆวานฯ มีเทวดา คือผู้มีใจสูง มาร่วมใส่บาตร มากมายล้นหลาม ตลอดแนว ถนนราชดำเนิน

ที่เวทีมัฆวาน วันนี้มีกิจกรรม สาระบันเทิง ตลอดวัน โดยพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ได้แสดงธรรม หลังบิณฑบาต เรื่อง “ความไม่รุนแรง คืออาวุธอันยิ่งใหญ่”  ที่จะใช้กู้ชาติ บ้านเมือง จากระบอบทักษิณ ในยามนี้

กิจกรรม ต้อนรับปีใหม่ มีหลากหลาย โดยเน้น วัฒนธรรม บุญนิยม เช่น การจัด ตลาดอาริยะ มีรายการ สัมภาษณ์ ปฏิบัติกร ประจำ พุทธสถานต่างๆ เป็นการแนะนำ ชุมชนบุญนิยม ของชาวอโศก ต่อมวลมหา ประชาชน และ ยังมีกิจกรรม สอยดาว จับสลาก แจกของขวัญ เป็นของใช้ ที่จำเป็น ในการชุมนุม เป็นต้น ในภาคค่ำ มีรายการ สัมภาษณ์ เปิดใจ คณะเสนาธิการร่วมฯ ต่อจาก เมื่อวานนี้ สร้างความอบอุ่น คุ้นเคย เป็นพี่เป็นน้อง ในการร่วมชุมนุม เป็นอย่างยิ่ง

ภาคค่ำ มีการแสดง หลากหลายด้วยกัน อาทิเช่น ทีมนักร้อง ประสานเสียง “สานใจรัก”  อายุนักร้อง ตั้งแต่ ๕๐-๘๕ ปี, คณะสิงโต ”มังกรหยก” , น้าเสกก็มา ”โชว์เดี่ยว” , ประทีป ขจัดพาล และเพื่อน, คุณกรรณิการ์ อารีย์สมาน และพิธีกรเวที คุณสุวิชาญ มอบเสียงเพลง เพราะๆ ให้กับพี่น้อง และปิดท้ายด้วย ตะลุง คณะส.จ.เริงร่า ที่เป็นที่ชื่นชอบ ของพี่น้อง ประชาชน อย่างมาก

วันนี้ ลุงกำนัน ออกมาแถลงการณ์ ในตอนค่ำว่า วันที่ ๕-๘ ม.ค.นี้ จะเริ่มเดินขบวน ทั่วกทม. เพื่อนัดหมาย และเชิญชวน ประชาชน ให้มาเดินขบวน ครั้งใหญ่ ขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ ๑๓ ม.ค.นี้ เพื่อเริ่ม ปฏิบัติการ ยึดเมือง โดยจะเริ่ม ปฏิบัติการ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น.เป็นต้นไป ขอให้ประชาชน ในต่างจังหวัด เตรียมตัว มีเวลาเตรียมตัว ๑๒ วัน ในการจัด กระเป๋ามา เที่ยวนี้ สู้ยืดเยื้อ หากใคร ไม่สะดวกมาที่ กทม. ก็ปฏิบัติการ ในจังหวัดของท่าน วันที่ ๑๓ ม.ค.นี้ จะไม่มีการ ปฏิบัติราชการ อีกต่อไป

ปฏิบัติการยึดเมืองกรุงเทพฯ ครั้งนี้ เป็นเหมือน การรวมกันชุมนุม ของเหล่าเทวดา คือผู้มีใจสูง เมื่อชุมนุมแล้ว จะทำให้เกิด สิ่งดี สิ่งสร้างสรรค์ มากมาย ซึ่งได้พิสูจน์มาแล้ว หลายครั้ง ที่ได้นัดชุมนุมใหญ่ น้ำย่อมไหล ไปหาน้ำ น้ำมันย่อมไหล ไปหาน้ำมัน คนดี ย่อมไหลไปหาคนดี คนชั่วย่อมไหลไปหาคนชั่ว เชื่อมั่นว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ยังมีคนดี มากกว่าคนชั่ว คนดี ต้องออกมา รวมตัวกัน ให้มาก ให้เป็นพลังแห่ง สยามเทวาธิราช ที่รวมกันเป็น สยามเทวา ธิราชิทธิ์ มีฤทธิ์ ในการขจัด ระบอบทักษิณ ให้สิ้นไป จากแผ่นดินไทย ในเร็ววัน

๔ มกราคม ๒๕๕๗  Michael Yon ผู้สื่อข่าว ชาวอเมริกัน สัมภาษณ์พ่อครูฯ ที่หลังเวที มัฆวานฯ พ่อครู ได้บอกว่า... มีนักหนังสือพิมพ์ ต่างประเทศ สัมภาษณ์อาตมา ว่ากองทัพธรรม ออกมาทำงาน มีจุดมุ่งหมายอย่างไร หรือเป้าหมายหลัก อย่างไร เจตนารมณ์หลัก อย่างไร ที่มาร่วมกิจกรรม ประท้วงนี้

อาตมาก็บอก เป้าหลักใหญ่ ให้ฟังเลยว่า เป้าหลักคือ ไม่ให้เกิด ความรุนแรง และเราก็ ทำงานได้ผล ลดความรุนแรง จนได้ผล ทุกวันนี้ จนเกิดการชุมนุม ที่เรียก ให้ออกมา รวมกัน เป็นครั้งคราว รวมเรียกว่า กปปส. จนกระทั่ง เรียกรวมพลมา เป็นครั้งๆ เป็นวิธีการ ประชาธิปไตย แล้วมาร่วมกัน เปล่งเสียงรวมกัน เมื่อมวลมหา ประชาชน ออกมารวมกัน เปล่งเสียง พร้อมกันว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่ง นายกฯรักษาการ เสียเถิด นี่แหละ ถ้าเปล่งออกไป พร้อมกันเลย ให้กำนันสุเทพ พูดนำความนี้ คำต่อคำ ให้ชัดเจนก่อน แล้วให้พูด พร้อมกันเลย “นายกฯยิ่งลักษณ์ ลาออกจากตำแหน่ง นายกฯรักษาการณ์ นี้เสียเถิด”  ถ้าเป็นจริง กลุ่มมวลมหา ประชาชน ร้องพร้อมกัน นี่แหละคือ “เสียงประชาชน”  แท้ๆเลย เป็นเสียงสดๆ ตัวเป็นๆ ออกมาแสดง คะแนนเสียง เป็นเจ้าของ ประชาธิปไตย ไม่ใช่ว่า มาลงคะแนนเสียง เลือกตั้ง มันคนละรุ่นเลย การลงคะแนนเสียง เป็นวิธีการ ที่ซับซ้อน เป็นอำนาจ ลำดับหลัง แต่นี่เป็นสิทธิ เต็มที่เลย ของประชาชน ที่เป็นเจ้าของอำนาจ นี่เป็น อำนาจที่ ๑ เลย ไม่ใช่ตอน เลือกตั้ง เท่านั้น

ออกมาแล้ว มาซาวเสียง ประชาชนเลย จะมีคะแนนเสียง เท่าไหร่ โดยมีญัตติว่า รัฐบาลนี้ หมดความชอบธรรม แล้วใช่ไหม? จริงไหม ถ้าใครไม่เห็นว่าจริง ก็งดออกเสียง แต่ถ้าใคร เห็นว่าจริง ก็ออกเสียงมา ประชาชน จะมาเอา อำนาจ อธิปไตยคืน เป็นปรากฏการณ์ พิเศษของโลก ที่ไม่เคยเกิด แต่คราวนี้ น่าจะเกิด ถ้าคนมา สองล้าน หรือห้าล้าน นี้ออกเสียงมา จะกระเทือนฟ้า กระเทือนดิน นะ

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ก็ถามมาว่า การเลือกตั้ง จะเกิดไหม อาตมาตอบว่า ไม่น่าจะเกิดได้ แต่น่าจะเพิ่มว่า ถึงแม้จะดัน ให้เลือกตั้งได้ ก็จะเป็น การเลือกตั้ง ที่ไม่สมประกอบ เสียดายเงิน ที่นำไปใช้ จัดเลือกตั้ง จะสูญเปล่า โมฆะมากกว่า เราจึงสกัด ไม่ให้เกิด การเลือกตั้ง นี่มันก็เสียไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่หมด ๓,๘๐๐ ล้าน เราก็ต้องสกัด ไม่ให้เกิด ก็ยังไม่เคยมีมา ในประเทศไทย

Shut Down Bangkok

๑๓ มกราคม ๒๕๕๖ กปปส.ชุมนุม Shut Down Bangkok ปิดกรุงเทพฯ โดยมีการจัด การชุมนุม หลายเวที ในทั่วกทม. ๑๓ มกราคม ๒๕๕๗ ถือว่าเป็นวัน ที่ต้องจารึกไว้ ในประวัติศาสตร์ไทยว่า เป็นวันที่ มวลมหา ประชาชน จะลุกขึ้นสู้ อย่างสันติ อหิงสา กับรัฐบาลทรราช โดย กปปส. นำโดย กำนันสุเทพ เริ่มออกเดิน ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. จุดหมายแรก คือ ไปแยก ราชเทวี, อนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ, ปทุมวัน, ราชประสงค์ และไปจบที่อโศก หลวงปู่พุทธอิสระ นำญาติโยม ไปตั้งเวที ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ส่วนที่ราชดำเนินนั้น กปปส. มีมติให้ กองทัพธรรม เป็นผู้ดูแล เพื่อไม่ให้ใคร เข้ามายึดพื้นที่ได้ และเมื่อ กปปส. ได้รับชัยชนะ เราจะกลับมา ฉลองชัยชนะ ที่ราชดำเนิน และ กำนันสุเทพ กล่าวว่า... การต่อสู้ครั้งนี้ หากแพ้ เท่ากับว่า เราพ่ายแพ้ ให้กับ ระบอบทักษิณ และหากเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่แค่ตน ที่ต้องก้มหน้า เดินเข้าคุก แต่ยังมีลูกหลาน ของเรา ที่ยังคงต้องถูก นักการเมือง ในระบอบทักษิณ กดขี่ และ เอารัดเอาเปรียบ ต่อไป

นับเป็นปรากฏการณ์ทางการเมือง ที่ไม่เหมือนชาติใด ในโลก เมื่อการชุมนุม ขับไล่รัฐบาลเพื่อไทย โค่นระบอบทักษิณ และผลักดัน ให้มีการปฏิรูป ประเทศไทย ภายใต้แคมเปญ “ชัตดาวน์ กรุงเทพฯ”  โดยการนำของ “ลุงกำนัน”  สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการ ประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลง ประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้ถูกขนานนามว่า เป็น “ชัตดาวน์ เฟสติวัล”

เพราะแม้แต ่สื่อนอกอย่าง “สำนักข่าวรอยเตอร์”  ก็ถึงกับตีข่าวว่า ทึ่งกับการชุมนุมดังกล่าว ที่มีบรรยากาศ ไม่ต่างจากงาน เฟสติวัลเลยทีเดียว

จากปฏิบัติการปิดเมือง ให้คนหยุดทำงาน เพื่อออกมา ร่วมต่อต้าน อำนาจรัฐ โดยตั้งเวที กระจายใน ๘ จุด ได้แก่
ราชประสงค์ อโศก ปทุมวัน ชิดลม สวนลุมฯ ห้าแยกลาดพร้าว อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และแจ้งวัฒนะ เพื่อยึดพื้นที่ กรุงเทพฯ ด้วย
มวลมหา ประชาชน ที่มานั่ง มานอน กันเต็มท้องถนน แต่ด้วยบรรยากาศ ที่เต็มไปด้วยสีสัน และ ความสนุกสนาน มีศิลปิน นักร้อง หลากหลายแนว สลับสับเปลี่ยนกันมา ขับกล่อม บนเวที มีการแสดง นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ลิเก รำตัด มโนรา ศิลปะพื้นบ้าน แฟชั่นโชว์ ไปจนถึง อุปรากรจีน ล้อการเมือง อันลือลั่น ภายใต้ชื่อ “งิ้วธรรมศาสตร์” ที่หาดูได้เฉพาะ ในวาระที่มี การชุมนุม ทางการเมือง อันร้อนแรง เท่านั้น แม้แต่นักวิชาการ ที่ขึ้นเวทีไฮปาร์ค ตีแผ่ปัญหา คอร์รัปชั่น และการใช้อำนาจ โดยมิชอบ ของรัฐบาล ก็ยังมีลีลา ลูกเล่น ที่เต็มไปด้วย ความสนุกสนาน จึงทำให้ หลายประเด็น ที่เป็นเนื้อหา หนักๆ กลายเป็นเรื่อง ที่น่าสนใจ และเข้าใจง่าย

นอกจากนั้น ยังมีอาหาร และเครื่องดื่ม หลากหลาย ทั้งที่ผู้ชุมนุม ที่มีทุนทรัพย์ นำมาแจกจ่าย และที่บรรดา พ่อค้าแม่ค้า นำมาขาย รอบๆ พื้นที่ชุมนุม มีการขายสินค้า นานาชนิด โดยเฉพาะสินค้า ซึ่งมีสัญลักษณ์ เกี่ยวกับการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ หมวก ผ้าพันคอ ซึ่งสกรีนข้อความ “Bangkok Shutdown”  ต่างหู ที่คาดผม สายรัดข้อมือ ที่มีสัญลักษณ์ธงชาติ รวมทั้งมือตบ นกหวีด และธงชาติ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ ที่ขาดไม่ได้ ในการชุมนุม ของกลุ่ม กปปส. ผู้ชุมนุมแน่นขนัด ไปทุกพื้นที่ และต่างพากัน ปักหลัก กางเต็นท์ กินดื่ม จับจ่ายซื้อของ นั่งร้องเพลง และเต้นรำ บนท้องถนน ส่งผลให้ บรรยากาศ ในการชุมนุม ดูไม่ต่างจาก งานเทศกาล ดนตรีใหญ่ๆ เลยทีเดียว นักร้อง ศิลปินดารา และเซเลบฯ คนดัง ที่มาร่วมชุมนุม และเอนเตอร์เทน บนเวทีนั้น มีมากมาย จนจาระไน ไม่หมด 

ทั้งนี้ แต่ละเวที ก็มีเอกลักษณ์ และมีเสน่ห์ ที่แตกต่างกันไป ดังนี้     
๑. ชอบบันเทิงดารา ไปราชประสงค์
๒. ชอบศิลปินแนวๆ ไปชิดลม    
๓. ชอบวิชาการ และอยากพบแพทย์ชั้นหนึ่ง ไปอโศก     
๔. อยากใกล้ชิดลุงกำนัน และชอบวัยรุ่นขาโจ๋ ไปปทุมวัน       
๕. ชอบสาระ พบปะนักธุรกิจ ไฮโซ นักวิชาการ ไปสวนลุมฯ     
๖. ชอบอาหารอิสลาม สวนสวย ห้างใหญ่ ตื่นเต้นระทึกใจ ไปห้าแยกลาดพร้าว
๗. ชอบอาหารภาคกลาง อาหารใต้ ใฝ่ธรรมะ และบรรยากาศ ฮารด์คอร์ บู๊สนั่น เชิญไปแจ้งวัฒนะ      
๘. ชอบอาหารเหนือ ชอบชอปปิ้ง ได้พบเพื่อนใหม่ จากทุกภาค ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
๙. ชอบฟังธรรม ดื่มด่ำกับอาหารมังสวิรัติ และบรรยากาศ เป็นพี่เป็นน้องอบอุ่น เชิญที่ ผ่านฟ้าลีลาศ
๑๐. หรือจะนิยมถ่ายภาพ นอนกินลม ชมวิว ที่อาจเป็น โอกาสเดียวในชีวิต ที่ได้กินนอน บนสะพาน เชิญที่เวที สะพานพระราม ๘

ผลดีของการ Shutdown Bangkok โดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์

แทนที่จะเกิด ความเสียหาย ต่อประเทศชาติ แต่กลับยิ่งดีขึ้น ตรงกันข้ามกับ การเดาส่ง การคาดคะเน ที่ไม่ตรงกับ สัจธรรม ทั้งนั้น เช่น

1. หาเรื่องเดาว่า...การจราจร คงจะติดขัดวินาศสันตโร... ก็กลับจราจร ปลอดโปร่ง โล่งสบาย อย่างไม่เคยมี การขนส่ง มวลชน ของสาธารณะนั้น เช่น รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน รถไฟ ฯลฯ สามารถขนส่ง ได้เป็นปกติ แถมผู้โดยสาร มากกว่าเดิม หลายเท่า เพราะคนกรุงเทพฯ เกรงจราจรติดขัด จึงไม่เดินทาง ด้วยรถส่วนตัว หันไปพึ่งพา ระบบขนส่ง สาธารณะเป็นหลัก

ส่วนรถพยาบาลนั้น สามารถเข้าออก เดินทาง ได้อย่างสะดวก ซึ่งต่างจาก การชุมนุม ของ นปช. ในปี’๕๒ ที่รถพยาบาล ไม่สามารถ ผ่านเข้าออกได้

2. หาเรื่องโดยเดาว่า... การค้าขาย ร้านรวง จะขายของไม่ได้... ก็กลับขายดี เป็นเทน้ำเทท่า นับเป็นความสุข ของมวลมหา ประชาชน ขาช็อป เดินสยาม ข้าม MBK ออกสยามพารากอน แล้วลากยาวไป CTW

สิ่งที่มวลมหาประชาชน กปปส. เหมือนกับเสื้อแดง นปช. คือ ไปที่ไหน ของหมดเรียบ สิ่งที่แตกต่างกันนั้น คือ กปปส. ช็อปเรียบ ซื้อกระจาย เพราะกำนันสุเทพ ประกาศว่า “ช็อปปิ้งเลยพี่น้อง ซื้อให้เรียบห้างฯ”  ส่วนแกนนำ เสื้อแดง ในปี’๕๓ ประกาศว่า “เผาเลยพี่น้อง เผาให้เรียบ”  ข่าวว่าบางสำนัก บอกว่า ราชประสงค์ ไม่ต้องผวา แบบปี’๕๓?!!!? กปปส. ทยอย เข้าร่วม ในพื้นที่ ราชประสงค์ แห่ใช้บริการ จนแน่นขนัด โดยร้านฟาสต์ฟู้ด และร้านกาแฟ มีผู้เข้าใช้บริการ มากกว่าปกติ

แถมล่าสุด ในเพจนามว่า “ล้านชื่อต้านล้างผิด”  ได้แชร์ภาพห้องน้ำ ในบิ๊กซี ราชประสงค์ แม้วันนี้ ทางห้าง ไม่ได้เก็บค่า เข้าห้องน้ำ แต่ประชาชน ที่เข้ามาใช้บริการ ได้ทิ้งเงินไว้ หน้ากระจกล้างหน้า โดยที่บางคน ได้ให้เงินเพิ่มอีก เนื่องจาก ผู้ชุมนุม เกรงใจ ไม่อยากใช้ บริการฟรี และไม่อยาก เป็นภาระ ให้กับผู้ดูแล ทำความสะอาด ห้องน้ำ ผู้ชุมนุมแบบนี้ ยังมีอีกไหม !!! นี่ก็ Thailand Only!!!

3.หาเรื่องโดยเดาว่า... การท่องเที่ยวจะตก ไม่มีคนมาท่องเที่ยว... ก็กลายเป็น ยิ่งเป็นเรื่อง แปลกประหลาด มหัศจรรย์ ที่มีประชาชน ออกมาเป็นล้านๆ ปฏิวัติอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ได้งดงาม เรียบร้อย วิเศษยิ่ง สนุกสนาน ไร้ความน่ากลัว เต็มกรุงเทพฯ

ทั้งนักท่องเที่ยว ต่างประเทศ ทั้งนักท่องเที่ยว คนไทยเอง กลับออกมาชม การประท้วง เลยกลายเป็น มวลมหา ประชาชน ร่วมปฏิวัติไปด้วย... เห็นไหมว่า มันเกินการคาดเดา

ในวันที่ ๑๓ ม.ค. นี้ สำนักข่าวไทย ได้รับรายงานจาก ทางโรงแรม ดุสิตธานี และโรงแรม ใบหยกสกาย ซึ่งทางผู้จัดการ ได้เผยต่อ ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้มีผู้ชุมนุม และประชาชน ได้เข้าจองพัก ในโรงแรม จนล้นหลาม และห้องพักทุกห้อง ในโรงแรม เต็มสนิท ... นี่ไง มหาประชาชน เป็นนักท่องเที่ยวเสียเอง อย่างนี้ การท่องเที่ยว จะตกได้ไง มาแต่ละที หลายล้านคน

4. หาเรื่องโดยเดาว่า... หุ้นจะตกกราวรูด... แต่หุ้น กลับขึ้นปรู๊ด อย่างประหลาด

เพราะอะไร? เพราะความวิเศษ วิสุทธิ์ วิสิฏฐ์ อันเกิดจาก สัจธรรมแท้ๆ ทำให้ ในวันที่ ๑๓ ม.ค. ๕๗ ตลาดหุ้นขานรับ Shut down Bangkok นั้น พุ่งขึ้นกว่า ๒๕ จุด

๕. หาเรื่องโดยเดาว่า... เศรษฐกิจและรายได้ ของประเทศ จะเสียหายมากมาย... แต่กลับกลายเป็นว่า การชุมนุม ได้ป้องกัน เศรษฐกิจ ประเทศ เสียหาย เพราะได้พัก การคอรัปชั่นชั่วคราว เนื่องจากรัฐบาล ไม่สามารถ เบิกออกมาถลุงได้

แต่ไม่เกี่ยวกับเงิน ที่จำนำข้าวนะ! เพราะนั่น ต้องเบิกออกมา ก่อนหน้าการชุมนุม ซึ่งรัฐบาลเอง ไปคอรัปชั่น กันก่อนแล้ว

๖. หาเรื่องโดยเดาว่า... แท็กซี่... กลัวจะหากินติดขัดหนัก ก็กลับสะดวกดาย สบายมาก... คล่องตัว และมีลูกค้า มากขึ้นอีก เพราะมวลมหา ประชาชน มากัน อย่างล้นหลาม จากทุกภาค เมื่อมา ก็ย่อมต้องใช้บริการ พี่น้องเแท็กซี่ ที่ต่างก็พากัน ติดสัญลักษณ์ ป้ายสีส้ม เพื่อรับส่ง นักท่องเที่ยว ทาง กปปส. ก็จัดให้เข้าออกได้ ด้วยดี

๗. หาเรื่องโดยเดาว่า... ชาวกรุงเทพฯ จะเดือดร้อน จะเกิดการจราจล ต้องกักตุน อาหารไว้ก่อน... แต่ปรากฏว่า เด็กๆบ้าง ผู้ใหญ่บ้าง ออกมาตี ลูกขนไก่ กันข้างถนน ได้ออกมา วิ่งเล่นกัน ในถนนโล่ง สนุกสนาน นานๆ มีโอกาสอย่างนี้ สักที รถรา ไม่ติดขัด ไม่วุ่นวาย เผลอๆ ก็ออกไป ร่วมสนุกสนาน ฟังสาระความจริง จากเวทีกปปส. อีกด้วย

บริษัทห้างร้าน ในใจกลางเมือง หลายแห่ง หยุดประกอบการ เพื่อดูสถานการณ์ ถือเป็นโอกาส พักร้อน ของบริษัท ไปเลยก็ได้

๘. หาเรื่องโดยเดาว่า... กปปส. เป็นมวลชนจัดตั้ง เป็นชนส่วนน้อย ส่วนใหญ่ มาจากภาคใต้ เป็นพวกรุนแรง น่ากลัว มีอาวุธ ระเบิด และ เสพยาเสพติด พยายามออกสื่อ ช่องแดง ให้ภาพการชุมนุม ดูน่ากลัว ให้คนเสื้อแดง เปลี่ยนเป็น คนเสื้อขาว ไปจุดเทียน เพื่อสันติภาพ ทำให้ดูประหนึ่งว่า การชุมนุมของ กปปส.นั้นรุนแรง โหดร้าย คนจะได้ ไม่ไปร่วมชุมนุม...

แต่กลับกลายเป็นว่า... นอกจาก ไม่กลัวแล้ว มวลมหา ประชาชน ยังเพิ่มขึ้นทุกทีๆ จนเหล่าดารา นักร้อง ต่างตบเท้า เดินร่วมขบวน และขึ้นเวที กปปส. อย่างล้นหลาม เพราะเป็นโอกาสพิเศษ ที่เหล่าดารา จะได้มาพิสูจน์ว่า มวลมหา ประชาชนนี้ เป็นกลุ่มใหญ่ ของประเทศจริงๆ จึงกล้าแสดงตัว ร่วมกับ มวลมหา ประชาชน เพราะดารา จะต้องเลือกยืนข้าง มวลมหา ประชาชน นี่เพราะดารา เขาเห็นชัดเจน แจ่มแจ้งแล้วว่า มวลมหา ประชาชน แท้ๆจริงๆ ไม่ใช่กลุ่มหมู่คน ที่จัดตั้ง หรือ กลุ่มคน ที่น่ากลัว ไม่ซื่อ แถมรุนแรงอำมหิต

ข่าวจากทีนิวส์ว่า วันประกาศชัตดาวน์ กรุงเทพมหานคร ของมวลมหา ประชาชน เพื่อต้องการ แสดงพลัง ยืนหยัดจุดยืน ให้มีการปฏิรูป ทางการเมือง ก่อนจัดการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เพียงได้ กระแสตอบรับ อย่างดี จากพี่น้อง ประชาชนทั่วไป แต่ยังรวม ไปถึง คนดัง ในแวดวงบันเทิง อีกหลายท่าน ที่ได้ต่างแสดงตัวตน เข้าร่วมขบวน ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ร่วมกับพี่น้อง ประชาชน ด้วยเช่นกัน อาทิ เปิ้ล จารุณี, ญาณี, หมิว ลลิตา, เจ เจตริน, บอย ถกลเกียรติ, แตงโม ภัทรธิดา, โตโน่ ภาคิน, สุเชาว์ นุชนุ่ม, อุ้ย เกรียงไกร, จอย ศิริลักษณ์, ครูก๊อง เคพีเอ็น, ครูลิลลี่, ท็อบ ดารณีนุช, แทค ภรัณยู, น็อต วรฤทธิ์, โบวี่ อัฐมา, โบ๊ท วิบูลย์นันท์ ฯลฯ ซึ่งได้สร้างสีสัน ความคึกคัก ให้กับ กลุ่มผู้ชุมนุม เป็นอย่างมาก

๙. หาเรื่องโดยเดาว่า...ถ้าเชื่อ กปปส. เป็นความคิดล้าหลัง เป็นไดโนเสาร์ เต่าล้านปี... แต่ว่าแม้แต่ คนระดับ ที่ยอมรับกันว่า เป็นคนฉลาด ระดับ ๑ ของประเทศ เช่น แพทย์ ก็แสดงความจริง ยืนยันว่า มวลมหา ประชาชนนี้คือ ความชอบธรรม โดยนายแพทย์ ส่วนใหญ่ ของกระทรวง สาธารณสุข นำโดย ปลัดกระทรวง ทีเดียว ออกมาประกาศ ร่วมด้วย กปปส. อย่างองอาจ แกล้วกล้า ท้าทาย ชนิดที่ไม่เคย มีมาก่อน

๑๐. หาเรื่องโดยเดาว่า... ข้าราชการ ไม่สามารถทำงาน รับใช้ประชาชนได้ เพราะกปปส. ปิดกรุงเทพฯ ปิดศูนย์ราชการฯ แต่ปรากฏว่า การประท้วง... ได้ปลุกจิตสำนึกรักชาติ และความกล้าต่อสู้ กับความชั่วร้าย ของข้าราชการ ชั้นผู้น้อย ที่ทนไม่ไหว ต่อการ กดขี่ ข่มเหง และการคอรัปชั่น ของนักการเมือง ที่มากอบโกย ผลประโยชน์ส่วนตน จนกล้าออกมา ประกาศตนว่า จะร่วมต่อสู้ ไปกับ กปปส.

ตัวอย่างเช่น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ และข้าราชการ กระทรวงสาธารณสุข ทั้งแพทย์ พยาบาล และบุคลากรอื่นๆ นอกจากนั้น ยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จากหลายจังหวัด เป็นต้น ทั้งหมดออกมา เพื่อทำงานรับใช้ มวลมหา ประชาชน อย่างแท้จริง โดยเสียสละ ไม่ต้องการ ค่าตอบแทนอีกด้วย และ ๑๔ ม.ค. ๕๗ ท่านรองผู้ว่าฯ สมหมาย รองผู้ว่าฯหญิง ของภูเก็ต ขอเชิญชวน ข้าราชการ ในจังหวัดภูเก็ต ร่วมแสดงพลัง ในฐานะ ประชาชนทั่วไป บริเวณเวที กปปส. หน้าศาลากลาง จังหวัดภูเก็ต สนับสนุน การปฏิรูป ก่อนการเลือกตั้ง พร้อมกัน หน้าศาลากลาง เวลา ๑๘.๐๐ น.

๑๑. หาเรื่องโดยเดาว่า กปปส. ชุมนุม เพื่อให้เกิดความรุนแรง และจราจล ทหารจะได้ ออกมาปฏิวัติ... ทั้งที่ความเป็นจริง แกนนำ กปปส. ต่างประกาศ อยู่เสมอๆว่า ประชาชนจะปฏิวัติ ด้วยมือเปล่า อย่างสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และแม้การเคลื่อน กำลังอาวุธ เช่น รถถัง มาก็เพื่อมาใช้ ในงานวันเด็ก “พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก กองทัพบก เปิดเผยว่า ทางกองทัพ มีความเป็นห่วง สถานการณ์ชุมนุม ของกลุ่ม กปปส. จะเกิดความรุนแรง โดยเฉพาะ ความปลอดภัยของ ผู้เข้าร่วมชุมนุม จึงได้จัดส่งทหาร เข้าไปช่วยเสริม ดูแลความสงบเรียบร้อย โดยจะเน้น ประจำการ ในสถานที่ราชการ อีกทั้งเตรียมชุด ห้ามปรามตำรวจ ปราบม็อบ และชุดเจ้าหน้าที่ แจ้งเตือนเหตุต่างๆ ไว้คอยดูแล ประชาชน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ กระทำการรุนแรง กับกลุ่ม ผู้ชุมนุม”  คนที่กลัว จะมีการปฏิวัติ ก็คือ คนเสื้อแดงที่มา ทั้งปั้น ทั้งปูดข่าว อยู่ตลอดว่า ทหารจะปฏิวัติ บ่อยจนคล้ายว่า เป็นโรคจิตไปแล้ว โรคจิต กลัวการปฏิวัติ

๑๒. หาเรื่องโดยเดาว่า... การชุมนุมกปปส. มีกลุ่มนายทุน หนุนหลัง นักธุรกิจใหญ่ ลงขันกัน หลายพันล้าน เพื่อล้มรัฐบาล จึงให้ DSI โดยนายธาริต ใช้อำนาจ โดยมิชอบ พยายามอายัด บัญชีเงินฝาก ของแกนนำ และครัวราชดำเนิน ... แต่กลับเป็นว่า ยิ่งทำให้เห็น ถึงความเสียสละ ของกำนันสุเทพ และแกนนำ มากยิ่งขึ้น มีข่าวจากทวิตเตอร์ @niphawan_kt วันที่ ๑๓ ม.ค. ว่า : กำนันสุเทพบอกว่า สู้ครั้งนี้ หมดที่ดินไป หลายแปลง ขายที่ดิน บนเกาะสมุย หมดเกลี้ยง ทุกแปลงแล้ว แปลงแรก ๒๕ ล้าน  ยิ่งเสียสละมาก ยิ่งโดน กลั่นแกล้งมาก ประชาชน ยิ่งเห็นใจ แห่แหนกันมา บริจาคเงินให้ กปปส. ไม่ขาดสาย จนกำนันสุเทพ ต้องเดินรับเงิน จนปวดแขน

ในช่วง Shut down Bangkok. นั้น กปท. และ กองทัพธรรม ได้ขยายเวที เพิ่มอีกเวทีหนึ่ง ไป Shut down Bangkok อยู่บนสะพาน พระราม ๘ เป็นที่ดึงดูด ของพี่น้อง มวลมหาประชาชน ในการที่จะบันทึก ภาพประวัติศาสตร์ ในบรรยากาศ สวยๆ ของสะพานแขวน ข้ามแม่น้ำ เจ้าพระยา อากาศดี ลมเย็นสบาย ในเวลาค่ำคืน เพิ่มความงดงาม จากแสงไฟ ที่ส่องสะท้อน เส้นสายเคเบิล ที่ยึดโยงสะพาน เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ และอิ่มอกอิ่มใจ ที่ได้พบ และถ่ายภาพ เก็บเป็นที่ระลึก มีหลายท่าน ให้ความเห็นว่า นี้คือ การฉลอง ชัยชนะล่วงหน้า

อาลัย!! “ประคอง ชูจันทร์”  เหยื่ออำมหิต

คำมั่นสัญญา “ไม่ชนะ ไม่กลับป่าตอง”  จากผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ถึง กปปส.

๑๗ มกราคม ๒๕๕๗ “ประคอง ชูจันทร์”  ผู้เสียชีวิต ด้วยความโหดเหี้ยม จากเหตุระเบิด ระหว่าง ร่วมเดินรณรงค์ ชัตดาวน์ กรุงเทพฯ ที่ถนนบรรทัดทอง เมื่อบ่ายวันที่ ๑๗ ม.ค.

“ประคอง ชูจันทร์”  เป็นคนชอบการเมือง รักในหลวงมาก ต่อสู้กับระบอบทักษิณ ตั้งแต่สมัยพันธมิตรฯ เป็นชาว นครศรีธรรมราช ที่ไปประกอบอาชีพ อยู่ที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เดินทาง มาชุมนุม ในกรุงเทพฯ หลายครั้ง และมาตามที่ ”กำนันนัดหมาย”  ครั้งหลังสุด เมื่อ ๑๒ ม.ค. ๕๗

ประคองได้โพสต์ภาพตัวเอง ในเฟซบุ๊ก “ประคอง ชูจันทร์”  เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๗ ขณะร่วมชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ พร้อมข้อความ “รอบนี้จัดเต็ม ไม่ชนะไม่กลับ พร้อมกับคนชุมพร”

มีผู้ให้กำลังใจ กับภรรยานายประคอง จำนวนมาก ในเฟซบุ๊กดังกล่าว

ผู้ชุมนุม กปปส.ท่านหนึ่ง โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก ที่แชร์ภาพสุดท้ายของ “ประคอง ชูจันทร์”  ว่า “พี่เขามาชุมนุม ตั้งแต่ พันธมิตรฯแล้ว ครั้งนี้พี่เขาก็มา ตลอดที่เรียกรวมพล จน shut down bkk พี่เขาบอกว่า ไม่ชนะก็ไม่กลับ... มีพี่น้อง ๙ คน มีลูก ๓ คน... มากรุงเทพฯกับพี่น้องอีก ๑ คน ขึ้นมารวมกับมวลชน ส่วนพี่น้องที่เหลือ ก็ร่วมชุมนุมคัดค้าน อยู่ที่ภูเก็ต... หลับให้สบายนะ พี่ประคอง ผู้ร่วมอุดมการณ์ ขจัดทรราช ถึงแม้จะเรียกชีวิต ของผู้สูญเสีย กลับคืนมาไม่ได้ แต่การเสียชีวิต ของพวกพี่ๆ ต้องไม่สูญเปล่า เราต้องกอบกู้ แผ่นดินนี้ ให้จงได้.... สู้โว้ยยยย!”

จากเหตุระเบิดครั้งนี้ มีผู้ร่วมชุมนุม ที่บาดเจ็บอีก มากกว่า ๓๐ คน ก็ยังคงเข้ารับ การรักษา อยู่ในโรงพยาบาล หลายแห่ง ใครกันที่โหดเหี้ยม เช่นนี้!!!

ประ  ชาชนหนึ่งสิ้น              สังเวย
คอง   แห่งสันติเอย                ต่อสู้
ชู        อหิงสาเหวย                ขับไล่
จันทร์ ร่วงลับสดับรู้             ยิ่งสู้ ชูจันทร์          
                                ...แด่วีรชนด้วยจิตคารวะ

๑๙ มกราคม ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น. เกิดเหตุระเบิด ๒ ครั้ง ที่เวที กปปส. อนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ ใกล้โรงพยาบาล ราชวิถี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ๒๘ ราย หนึ่งในนั้น เป็นนักข่าว โพสต์ทูเดย์ 

นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. เวทีอนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ เปิดเผยว่า หลังจากคนร้าย ปาระเบิดเข้ามา ด้านหลังเวที ประชาชน และการ์ด ก็วิ่งไล่ตามออกไป จากนั้นคนร้าย จึงปาระเบิดลูกที่ ๒ มาอีก ประชาชน ก็ช่วยกัน วิ่งไล่ตามไปอีก ต่อจากนั้น คนร้าย ได้ชักปืน ออกมายิง ๑ นัด ทำให้มี ผู้บาดเจ็บ คนร้ายมา ประมาณ ๖ คน ได้ขึ้นจักรยานยนต์ หลบหนีไปทาง แยกตึกชัย

๒๒ มกราคม ๒๕๕๗ มีข้าราชการ กระทรวงวัฒนธรรม ที่อึดอัดกับ การทำงาน ภายใต้การบริหารของ “แก๊งซ์ทรราช”  ทนต่อไป ไม่ไหว จึงแจ้งความจำนง ขอให้ทางคณะ เสนาธิการร่วม ไปปิดที่ทำงานให้ คณะเสนาธิการร่วม นำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ, พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ, พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์, พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี, อดีตผู้ว่าสนธิ เตชานันท์ และ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จึงไปเยี่ยมเยือน และขอความร่วมมือ ให้เจ้าหน้าที่ หยุดการทำงาน จนกว่า จะมีคำสั่ง อีกครั้งหนึ่ง มีมวลชน เดินทางไป เป็นกำลังใจ ให้เจ้าหน้าที่ ที่กระทรวงด้วย ใช้เวลาไม่ถึง ๒๐ นาที ก็เดินทางกลับ พี่น้องข้างทาง ที่เห็น และได้ยิน ก็โบกมือ เป่านกหวีด ทักทาย อย่างอบอุ่น กลับถึงผ่านฟ้า โดยสวัสดิภาพ

วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวัน เลือกตั้งล่วงหน้า มวลมหา ประชาชน กปปส. ทั่วประเทศ ได้แสดงอาริยะขัดขืน ค้ดค้าน การเลือกตั้งล่วงหน้า โดยได้ไปนอนไปนั่ง ติดป้ายคัดค้าน การเลือกตั้งครั้งนี้ ที่จัดขึ้น ท่ามกลาง ค่ายกล ของรัฐบาลทรราช ย่อมจะไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม มวลมหาประชาชน จึงใช้สิทธิ์ ตามรัฐธรรมนูญ ในการคัดค้าน การเลือกตั้ง อย่างสงบ สันติ อหิงสา

เมื่อเวลา ๑๑.๓๐ น. ของวันที่ ๒๖ มกราคม มวลชน กปปส. ประมาณ ๓๐๐ คน ที่เดินทาง ไปคัดค้าน การลงคะแนน เลือกตั้ง ล่วงหน้า ที่โรงเรียน ศรีเอี่ยมอนุสรณ์ ซึ่งเป็นหน่วย เลือกตั้งล่วงหน้า ของเขตบางนา เมื่อไปถึง แกนนำ นพ.รวี มาศฉมาดล และ นายสุทิน ธราทิน ได้เข้าไปเจรจากับ ผู้อำนวยการ หน่วยเลือกตั้ง และรองผู้อำนวยการ เขตบางนา โดยผลการเจรจานั้น ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ ได้ประกาศ ปิดการลงคะแนน เลือกตั้งล่วงหน้า กลุ่มมวลชน กปปส. จึงได้เดินทางกลับ มุ่งหน้าออก เส้น บางนา-ตราด

ขณะที่กำลังเดินทางกลับ ปรากฏว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดง มาราว ๑๐๐ คน นำโดย พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ อดีตผู้สมัคร ส.ส. มาดักรอ อยู่ที่หน้าวัด ขณะเดียวกัน มีกลุ่มมวลชนของ กปปส.ได้เคลื่อนขบวน เข้ามาบริเวณ ดังกล่าว ทำให้ทั้งสองฝ่าย เผชิญหน้ากัน ระหว่างนั้น ได้มีเสียงปืน ดังขึ้น ๑ ครั้ง ปรากฏว่า นายสุทิน ธราทิน แกนนำ คนสำคัญของ กปท. และอดีต ผอ. พรรคการเมืองใหม่ ถูกยิงล้มลง หลังจากนั้น มวลชนฝ่าย กปปส.ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวน ๑๐ ราย และแตกฮือ หลบเข้าไป ภายใน วัดศรีเอี่ยม ส่วนผู้บาดเจ็บ มีผู้นำส่งโรงพยาบาล วิภาราม ถ.ศรีนครินทร์ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ นายสุทิน ธราทิน แกนนำ กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ซึ่งเสียชีวิต ในเวลาต่อมา

  “แด่...สุทิน ธราทิน”

                เขาปราศัยบนรถกระจายเสียง
ปืนสัตว์ป่ายิงเปรี้ยงสั่งเสียงสิ้น
ร่างเขาทรุดล้มลงเลือดไหลริน
สิ้น”สุทิน ธราทิน”  ลูกหลานไทย
                คนไทยที่ยืนหยัดอย่างสัตย์ซื่อ
ยึดถือธรรมนำหน้าไม่หวั่นไหว
ร่วมมวลชนสู้โฉดชั่วที่ชอนไช
จากสหภาพการรถไฟด้วยใจทระนง
                ร่วมกองทัพประชาชนโค่นทักษิณ
หมายกอบกู้แผ่นดินเป็นอานิสงส์
สู้ตั้งแต่ลุมพินีที่มั่นคง
สู้ด้วยใจซื่อตรงตลอดมา
                หลับเถิด....”สุทิน ธราทิน”
ทั้งแผ่นดินจะจดจำนามผู้กล้า
คนอยู่หลังจะยึดมั่นทุกมรรคา
จะทดแทนทุกคุณค่าอย่ากังวล
                ประเทศนี้จะต้องดีกว่านี้แน่
ธรรมะจะปกแผ่ทุกท้องถนน
ด้วยพลังมวลมหาประชาชน
จะเปลี่ยนประเทศที่มืดมนให้” สุทิน”
                                ว.แหวนลงยา

ภายหลังจาก ที่มีการสูญเสียชีวิต จากเหตุการณ์ อันเนื่องมาจาก การคัดค้าน การเลือกตั้ง ล่วงหน้า ทางกปปส. จึงมีการปรับเปลี่ยน การปฏิบัติการ ให้เกิดการสูญเสีย น้อยที่สุด โดยในวันเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วประเทศ ที่กกต. ประกาศให้จัดขึ้น ในวันที่ ๒ ก.พ. ๕๗ นี้ ทางกปปส. จะไม่ระดมพลไป อาริยะขัดขืน ที่หน้าหน่วย แต่จะจัดกิจกรรม “ปิคนิคเดย์”  ขึ้นแทน โดยให้มวลมหาประชาชน  มาร่วมกันที่เวที กปปส. จัดกิจกรรมฉลอง รื่นเริง ฟังปราศรัย ให้ความรู้ จากวิทยากร และจัดการแสดง ร้องรำ ทำเพลง กันให้สนุกสนาน เป็นการแสดงออก คัดค้านการเลือกตั้ง อย่างสันติวิธี เพิ่มขึ้นอีก

ก่อนถึงวันเลือกตั้ง กำนันสุเทพ ก็พามวลมหาประชาชน เดินประชาสัมพันธ์ No vote รณรงค์ ให้มีการปฏิรูป ก่อนเลือกตั้ง ไปทั่วกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ จนกระทั่ง วันที่ ๑ ก.พ. ๕๗ ซึ่งเป็นวันตรุษจีน กำนันสุเทพ พาแกนนำ และ มวลมหา ประชาชน ทั้ง กปปส. กปท. และกองทัพธรรม ใส่ชุดสีแดง เดินไปยัง ย่านเยาวราชฯ เพื่อรณรงค์ ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง มีมวลชน เข้าร่วมเดิน เป็นจำนวนมาก ครั้งนี้ กปปส. ได้สร้างปรากฏการณ์ “คืนสีแดง ให้กับประเทศไทย”  หลังจากที่ คนเสื้อแดง นปช. ได้ยึดสีแดง ไปเป็นสัญลักษณ์ ทำให้คนรังเกียจ ที่จะใส่เสื้อสีแดง แต่วันนี้ สีแดงได้กลับมา เป็นของชาติไทย อีกครั้งหนึ่งแล้ว

 หนังสือพิมพ์ โพสทูเดย์ รายงานถึง กำนันสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า... คำนวณ มาว่าระยะทาง ที่เราเดินมา ทั้งหมด ๑๐๐ วัน เป็นระยะทาง ๒๒๐ กิโลเมตร แต่ช่วงหลังจาก ธาริต อายัดบัญชีเรา ผมต้องเดิน สลับฟันปลา เพื่อรับเงิน จากพี่น้อง ทำให้เขา คำนวนว่า ผมได้เดินมาแล้วกว่า ๕๓๓ กิโลเมตร อีกนิดเดียวถึง สุราษฎร์ฯ แล้วครับ

วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ มีเหตุระทึกขวัญ สนั่นเมือง สำหรับกรณี การปะทะที่หลักสี่  ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดง ของ “โกตี๋” วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ เข้าปิดล้อม มวลชน กปปส. จากแจ้งวัฒนะ ภายใต้การนำของ “หลวงปู่พุทธอิสระ”  ที่มาชุมนุม หน้าสำนักงานเขต หลักสี่ เพื่อแสดง อารยะขัดขืน ไม่ให้มีการขน หีบเลือกตั้ง ออกจาก สำนักงาน เขตหลักสี่ และทันทีที่ กปปส. จากลาดพร้าว ซึ่งนำโดย “นายอิสระ สมชัย”  อดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ เข้าสมทบ เพื่อช่วยเหลือ ก็ถูกชายชุดดำ ฝั่งโกตี๋ ยิงถล่ม กระทั่งมี ”กลุ่มชายนิรนาม”  หรือ ที่ถูกเรียกขานว่า “กลุ่มป็อบคอร์น” เข้ายิงสกัด และช่วยพา มวลชน กปปส. ออกจากพื้นที่ได้ กระทั่ง กลายเป็นข่าวดัง ไปทั่วโลก

๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ มีการเลือกตั้งส.ส. ทั่วประเทศ แต่ที่หลายเวที ของกปปส.ก็ได้จัดกิจกรรม ปิคนิคเดย์ จัดฉลองรื่นเริง สนุกสนาน ร้องรำทำเพลง ฟังการบรรยาย ความรู้การเมือง จากวิทยากร ฟังดนตรี และ ชมการแสดง จากนักร้อง นักแสดง มากมาย งานนี้มี มวลมหาประชาชน เข้าร่วม อย่างคับคั่ง ทุกเวที

ขณะที่การเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ก็ดำเนินไป ท่ามกลาง เสียงคัดค้าน ของมวลมหา ประชาชน ทั่วประเทศ

คณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) ได้รับรายงาน สรุปตัวเลข ภาพรวม ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง สมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทั้งประเทศรวม ๖๘ จังหวัด ซึ่งไม่รวม ๙ จังหวัด ที่ไม่สามารถ เปิดลงคะแนนได้ ประกอบด้วย กระบี่ ชุมพร ตรัง พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สงขลา และสุราษฎร์ธานี โดยมีตัวเลข ผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง ๔๓,๐๒๔,๐๔๒ คน มีผู้มา ใช้สิทธิ จำนวน ๒๐,๑๒๙,๙๗๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๗๙ จำนวนบัตรดี ๑๔,๓๖๘,๙๖๒ บัตร คิดเป็นร้อยละ ๗๑.๓๘ จำนวน บัตรเสีย ๒,๔๒๕,๖๗๓ บัตร คิดเป็นร้อย ๑๒.๐๕ ขณะที่จำนวน ผู้ไม่ประสงค์ ลงคะแนน ๓,๓๓๕,๓๓๔ บัตร คิดเป็นร้อยละ ๑๖.๕๗

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้เทศนาถึง การเลือกตั้งครั้งนี้ มีภาวะที่สื่อ ที่ส่อ ให้เราได้รู้อะไรบ้าง?

๑. แสดงถึงความล้มเหลว อย่างย่อยยับ ของรัฐบาล ที่ไม่สามารถ บริหารจัดการ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ให้ทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพได้

๒. แสดงถึงชัยชนะ ของประชาชน อย่างโจ่งแจ้ง เปิดเผย โล่งโจ้ง ทั้งมวลปริมาณแสดงตัว ทั่วประเทศ และทั้งคุณภาพ ที่เป็นคุณงามความดี และความถูกต้อง

๓. ทั้ง ๑+๒ ชี้ให้เห็นถึง ความเป็นประชาธิปไตย อย่างชัดยิ่ง แสดงลักษณะ รับสัมผัสได้ มากแง่มากมุม อย่างหมดเปลือก คือพฤติกรรม ของประชาชน ถูกต้องชัดเจน และแสดงพลังอำนาจ อย่างเต็มที่ และชอบธรรมยิ่ง ส่วนรัฐบาล แสดงถึง ความไร้อำนาจ และแสดงถึง ความไม่ชอบธรรม อย่างเต็มที่

๔. แสดงถึงความยึดมั่นถือมั่น อย่างเห็นได้ จนเกินคำที่คนไทย เรียกว่า ดื้อด้าน ดึงดัน หรือหน้าด้าน หน้าทน ยึดอำนาจ อันไม่มีแล้ว ไม่ชอบธรรมแล้ว ที่เรียกกันว่า เป็นกบฏแล้ว และอะไรอื่นๆ เยอะแยะ แต่นายกฯก็ตาม มวลลิ่วล้อ ที่มีตำแหน่ง หน้าที่ทางรัฐ ก็ตาม ก็ยังช่วยกัน หน้าด้าน หน้าทน กันเกินบรรยายจริงๆ หน้าดันทุรัง ไม่มียาง

๕. เห็นความอุตสาหะอดทน ของมวลมหาประชาชน

๖. เห็นความเสียสละ ของมวลมหาประชาชน

๗. เห็นความมีปัญญา ที่รู้สัจจะมากขึ้นๆ ของประชาชน ทั้งฝ่ายรัฐบาล ที่แปลงตัวมา เข้ากับประชาชน ทั้งมวลมหาประชาชนเอง

๘. เห็นความตรงกันข้าม ของฝ่ายบริหารรัฐบาล และข้าราชการบางหมู่ บางผู้บางคน ว่า ... ไม่เสียสละ ไม่อุตสาหะ แต่ดื้อดึงดัน (ไม่เรียกว่าอดทน) ไม่มีปัญญา ไม่รู้ว่า ตัวเอง เห็นแก่ตัวอย่างร้าย รวมทั้ง เห็นความไม่ถูกธรรม-ไม่ชอบธรรม อีกมากมาย

 ๙. เห็นประกาย แห่งความเป็น ประชาธิปไตย โดยประชาชน เพื่อประชาชน และของประชาชน ลุกโชนขึ้น ในผืนแผ่นดินไทย

๑๐. เห็นคนที่ยังโง่งมงาย อยู่กับความอนาริยะ ไม่รู้จักประชาธิปไตย ยังหลงอยู่กับ การยึดติดอำนาจ ยึดติดกับโลกธรรม ทั้งประชาชน และข้าราชการ โดยเฉพาะ นักการเมือง

๑๑. เห็นปรากฏการณ์ใหม่ของไทย ที่ไม่เคยเกิดได้ มาก่อนเลย

๑๒. เห็นความสุภาพ ความเป็นระเบียบวินัย ขององค์รวม มวลมหาประชาชน

๑๓. เห็นความหยาบคาย ความลุแก่อำนาจ ของรัฐบาล และของข้าราชการ ทั้งประชาชน ที่สนับสนุนรัฐบาล ว่าหนักหนาสาหัส ยิ่งๆขึ้น

๑๔. เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง คือ เห็นว่า ประชาชนคนไทย เข้าใจ ความสงบ ชนะความรุนแรง โหดเหี้ยมได้ เห็นผลว่า คนไทยเข้าใจ อิทธิฤทธิ์ของ ความสงบสุภาพ ว่าชนะความรุนแรง ได้มากขึ้น ยิ่งขึ้น

๑๕. เห็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง คือ คนดี คนรักความถูกต้อง มีมวลปริมาณ ออกมาแสดงตัว ต่อต้านคนชั่ว คนไม่ถูกต้อง ออกมาแสดงตัว (ปกติแล้ว คนดีก็ตาม คนถูกต้องก็ตาม จะไม่กระตือรืนร้น ออกมาแสดงตัว ต่อต้านอะไรนัก มักจะอยู่เฉยๆ หรือไม่รู้ไม่ชี้)

๑๖. เห็นภาวะจนแต้มของคน ... เมื่ออ้างคุณงามความดี ความถูกต้อง ตามสัจจะไม่ได้ ก็หันหน้าเข้าเถียง โดยอ้าง เอาข้อกำหนด ข้อกฎหมาย โดยอธิบาย รายละเอียด ในพฤตินัย ของข้อกำหนด และกฎหมายนั้นๆว่า ตนมีพฤตินัย โดยถูก ข้อกำหนด ตนละเมิด กฎหมายนั้นๆไม่ได้ ต้องปกปิด กลบเกลื่อนความจริง เอาแต่ข้อกฎหมาย มาแย้งมาอ้าง ทั้งๆที่ตนก็ไม่ใช้ หรือผิดข้อกฎหมาย นั้นๆแท้ๆ

ซึ่งการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ นี้ เมื่อเลือกตั้งเสร็จ กกต. ก็ไม่สามารถ ประกาศผลได้ อย่างเป็นทางการ ไม่สามารถ รับรองสถานะ ส.ส.ได้ อีกทั้งยังมีอีก ๒๘ เขตในภาคใต้ ที่ไม่มีผู้ลงสมัคร ส.ส. อันเป็นผลเนื่องมาจาก อาริยะขัดขืน คัดค้าน การเลือกตั้ง ของพี่น้องกปปส. ในภาคใต้ ทำให้ได้จำนวน ส.ส. ไม่ครบจำนวน ที่จะเปิดประชุมสภาฯได้ ... ทำให้ การเลือกตั้ง ครั้งนี้ ส่อเค้าว่าจะโมฆะ

๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ทาง กปท. นำโดยกองทัพธรรม ในนาม กปปส. ได้ทำการเคลื่อนย้าย จุดชุมนุม บนสะพาน พระราม ๘ ลงมาสู่ เวทีผ่านฟ้า โดยเริ่มทำการขนย้าย อุปกรณ์เครื่องใช้ ตั้งแต่ฟ้าสาง ของเช้าวันนี้ ที่อากาศเป็นใจ เย็นสบาย ด้วยมีเมฆบาง บดบังแสงแดด ตอนสาย เลยไปจนกระทั่ง เก็บของเสร็จ ทางจราจร และ ทางเขตตลิ่งชัน และเขตพระนคร ได้นำเจ้าหน้าที่ ทำความสะอาด สะพาน ด้วยการเก็บขยะ และฉีดน้ำ แต่ที่น่าประทับใจ คือ ภาพที่สมณะ ชาวกองทัพธรรม ตำรวจ ตั้งแต่ รองผู้การจารึก จนถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยกัน เก็บเต็นท์ และ ถังน้ำแสตนเลส อย่างอบอุ่น จนถึงเวลา ประมาณ ๑๗.๐๐ น. ท่านผู้อำนวยการ เขตตลิ่งชัน และท่านผู้การ เดินทางมา ดูผลงาน และได้ทำการ รับมอบคืน สะพานพระราม ๘ โดย อาเปิ้ม ขวัญดิน สิงห์คำ ท่านว่าเป็นที่น่าพอใจ อย่างมาก ที่สภาพสะพานปกติ ไม่มีสิ่งใด เสียหาย สะอาด เรียบร้อยดี และที่สำคัญ ทางกองทัพธรรม ในนาม กปปส. ได้มอบคืนสะพาน เร็วกว่ากำหนด ที่ได้แถลงข่าวไว้ด้วย

งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์

๙-๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ นี่มิใช่ครั้งแรก ที่ชาวอโศก มาจัดงานบำเพ็ญธรรม ประจำปี ระดับศีล ๘ ในที่ชุมนุมเช่นนี้  ครั้งนี้ก็เช่นกัน เป็นความจำเป็น ที่เหมาะสมลงตัว ธรรมะจัดสรร ให้ชาวอโศก ต้องจัดงาน พุทธาภิเษก สุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ ๓๘ ที่สะพานผ่านฟ้าฯ (อ่านรายละเอียดได้ ในคอลัมน์ งานพุทธาภิเษก สุดยอดปาฏิหาริย์)

๑๔ ก.พ. เป็นวันมาฆบูชา ปีนี้ พิเศษกว่าทุกครั้ง คือตรงกับ วันแห่งความรัก ของชาวตะวันตก (วาเลนไทน์)
พ่อครูได้เทศน์ กัณฑ์พิเศษ ในช่วงภาคค่ำ

นอกจากนี้ ในวันมาฆบูชา ยังมีเรื่องน่าตื่นเต้น ทดสอบ ผู้เข้าร่วมอบรม เพราะเป็น วันที่มีตำรวจ โดยคำสั่งของ ศูนย์รักษา ความสงบ (ศรส.) จะมาสลาย การชุมนุม ในจุดต่างๆของ กปปส.

โดยเฉพาะกลุ่ม คปท. ได้ไปช่วย ลุงกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินขบวน “บอกรักประเทศไทย”  ในขณะที่ตำรวจ จำนวนมาก พร้อมชุด ปราบจราจล เข้ามาสลายพื้นที่ ใกล้กับบริเวณ ที่ชุมนุมของกลุ่ม คปท. ที่อยู่ไม่ไกล จากที่ชุมนุมของ กปท.  ทำให้ ผู้ชุมนุม ด้านสะพานผ่านฟ้า ต้องเตรียมพร้อม ต่อการถูกสลาย การชุมนุม ซึ่งทางกองทัพธรรม ที่ร่วมชุมนุม กับกลุ่ม กปท. กำลังจัดงาน พุทธาภิเษกฯอยู่

แต่ในที่สุด ทางที่ชุมนุมผ่านฟ้าฯ ก็ยังจัดงาน พุทธาภิเษกฯ ตามกำหนดการ ได้ตามปกติ เพราะตำรวจ ไม่ได้เข้ามาสลาย การชุมนุม แต่ก็มีผู้ชุมนุม บางส่วน ไปช่วยหนุนที่ กระทรวงมหาดไทย ที่ตำรวจ ทำท่าจะเข้าสลาย เช่นกัน

หลายแห่ง ที่ตำรวจ จะเข้าสลาย ผู้ชุมนุม ก็จะสวด อิติปิโส... เป็นการชุมนุม ประท้วง อย่างสงบ ตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ ที่แยกแจ้งวัฒนะ ที่หลวงปู่พุทธอิสระ ดูแลอยู่ ได้เกิดวีรสตรี ที่กล้าหาญ ออกมานั่ง สวดมนต์ อย่างสงบ หน้าแถวตำรวจ ที่ยืนเป็นแถวทมึน พร้อมเข้าสลาย ผู้ชุมนุม อย่างน่ากลัว จนโด่งดังไปทั่ว สื่อสารต่างๆในโลก

“มาฆบูชา”  บรรจบกับ “วาเลนไทน์”  บอกรักประเทศไทยด้วย “อหิงสา”  

นักรบอหิงสา สมรภูมิผ่านฟ้า

วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ศรส. ขอคืนพื้นที่ ๕ จุดวันนี้ โดยขนตำรวจมา ๒๕,๐๐๐ นาย ตั้งแต่ช่วงเช้า ยึดได้แล้ว ๑ จุด บริเวณหน้า กระทรวงพลังงาน พร้อมจับกุม ตัวแกนนำ กคป. นพ.ระวี มาศฉมาดล, นายทศพล แก้วทิมา แกนนำคนอื่นๆ และผู้ชุมนุม อีกจำนวน หลายสิบคน

ที่ผ่านฟ้าลีลาศ เวที กปท. และกองทัพธรรม ก็โดนตำรวจ หลายพันนาย เข้าสลาย การชุมนุม จนมีผู้บาดเจ็บ ๖๘ คน เสียชีวิต ๕ คน เป็นผู้ชุมนุม ๔ ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ๑ ราย นับเป็นความสูญเสีย ครั้งสำคัญ ที่ต้องจดจำ ในความกล้าหาญ ของเหล่านักรบ อหิงสา ในสมรภูมิ ผ่านฟ้าฯ แห่งนี้  (อ่านรายละเอียดได้ในคอลัมน์ “นักรบอหิงสา สมรภูมิผ่านฟ้า” )

๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ศาลแพ่ง รัชดา อ่านคำพิพากษาในคดี ที่นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศูนย์รักษา ความสงบ หรือ ศรส. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นจำเลยที่ ๑-๓ เรื่องละเมิด จากการประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล และ ออกข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ โดยมิชอบ และยังไม่มี เหตุจำเป็น ซึ่งผู้ฟ้อง ขอให้ศาลสั่งเพิกถอน การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และห้ามใช้กำลัง สลายการชุมนุม

โดยวันนี้ นายถาวร ฝ่ายโจทก์ ไม่เดินทางมาศาล มีเพียง นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ มาฟังคำพิพากษา ส่วนฝั่งจำเลยมี ผู้รับมอบฉันทะ จากจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ มาศาล โดยศาลพิเคราะห์ จากคำเบิกความ ของโจทก์ จำเลย แล้วเห็นว่า กฎหมาย ให้อำนาจ ฝ่ายบริหาร ในการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเห็นว่า สถานการณ์บ้านเมือง อยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังกล่าว ต้องมีผล บังคับใช้กับ คนทุกกลุ่ม แต่ศาลเห็นว่า การออกประกาศ ของจำเลยนั้น เป็นการบังคับ ใช้กับผู้ชุมนุม ที่มาชุมนุม ตามสิทธิของ รัฐธรรมนูญ ศาลจึงสั่งห้าม จำเลย ๙ ข้อ

๑.ห้ามจำเลย มีคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม
๒. ห้ามจำเลยยึดอายัดสินค้า อุปโภค บริโภค ที่ใช้ในการสนับสนุน การชุมนุม ของโจทก์ และผู้ชุมนุม
๓. ห้ามจำเลย ตรวจค้น รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ของผู้ชุมนุม
๔. ห้ามจำเลย ห้ามผู้ชุมนุม ซื้อขายสินค้า เครื่องอุปโภค บริโภค ที่ใช้ในการชุมนุม
๕. ห้ามจำเลย ปิดการจราจร เส้นทางคมนาคม
๖. ห้ามจำเลย สั่งห้ามชุมนุมตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป
๗. ห้ามจำเลย สั่งห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ตามที่จำเลย กำหนดไว้ในประกาศ
๘. ห้ามจำเลย สั่งผู้ชุมนุมห้ามใช้อาคาร
๙. ห้ามจำเลย มีคำสั่งห้ามบุคคลเข้า และออก พื้นที่การชุมนุม

ส่วนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ศาลแพ่ง ไม่มีคำสั่งเพิกถอน แต่อย่างใด

งานรำลึกวีรชนราชดำเนิน
               
๙ มีนาคม ๒๕๕๗ มีงานทำบุญ รำลึกวีรชน ราชดำเนิน จัดขึ้นที่ถนน ราชดำเนินกลาง (อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย) เป้าหมาย ของการจัดงานนั้น เพื่อรำลึกถึง คุณงามความดี ที่วีรชนได้เสียสละชีวิต ให้ลูกหลานได้อยู่อย่างผาสุก ความทุ่มเท ของวีรชน เพื่อให้สังคม เกิดสิ่งที่ดี จึงสมควร ที่จะระลึกถึงผู้กล้า และเป็นกำลังใจ ให้ญาติพี่น้อง ของผู้เสียชีวิต ว่าสิ่งดีๆ ที่วีรชน ได้ทำ คุณงามความดี ให้กับประเทศ เป็นสิ่งที่สังคม ควรรับรู้ว่า ผู้ที่ทำความดี จะได้รับการยกย่อง เป็นตัวอย่าง แก่สังคม

สำหรับกิจกรรมในงานเริ่มจากการทำบุญใส่บาตรในตอนเช้า มีการแสดงธรรมของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ มีคุณอุทัย ยอดมณี จากเครือข่าย นักศึกษาประชาชน ปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และ ป้านิต ตัวแทนจาก ชุมชนบางลำภู มาพูดคุย กับพี่น้อง นอกจากนั้น ยังมีการสวดให้พร ตามแบบของ ศาสนาอิสลาม ในพิธีดูอาห์.

มีการจัดเวทีเสวนารำลึกถึงวีรชน ๑๖ ตุลา พฤษภาทมิฬ และเวทีรำลึก เหตุการณ์ ๑๘ กุมภา โดยมีการพูดคุยกับ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และ ญาติของวีรชน รวมถึง มีกิจกรรม วางดอกไม้ เพื่อรำลึกถึงวีรชน อีกด้วย

ศิลปินที่มาร่วมงานมี อ.ธนิต ศรีกลิ่นดี, คุณบี๋ (ธณาคำ อภิรดี), วงแฮมเมอร์, วงคีตาญชลี, คณะนักร้องประสานเสียงสานใจรัก, เจริญกรุง, น้าหว่อง(มงคล อุทก), น้าเสก, น้าซู, น้าโรจน์ และโอ๋ ฆราวาส

ภายในงานมีโรงบุญแจกอาหารฟรี ซึ่งมีอาหารมังสวิรัติเป็นหลัก งานนี้มีชุมชนโดยรอบที่ชุมนุมฯ เช่น ชุมชนบางลำภู ชุมชน วัดปรินายก ชุมชนป้อมมหากาฬ ชุมชนวัดโสมนัส ฯลฯ ต่างมาร่วมกิจกรรม และ ร่วมตั้งโรงบุญ อีกด้วย งานนี้มีโรงบุญ ทั้งหมด ๔๙ โรงบุญ  ซึ่งเปิดบริการ ตั้งแต่ ๖.๓๐ - ๒๓.๐๐ น.

พิธีรับกลด”ธรรมยุทธผ่านฟ้า”  

๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗ ปีนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชาวอโศกจัด พิธีรับกลด นอกชุมชน ชาวอโศก เนื่องจาก เหตุชุมนุม ทางการเมือง ที่สะพาน ผ่านฟ้าฯ พ่อครู จึงให้ชื่อรุ่น นักเรียนสัมมาสิกขา ที่จบการศึกษาปี ๒๕๕๗ นี้ว่า รุ่น “ธรรมยุทธผ่านฟ้า”  โดยปีนี้ มีนักเรียน จบการศึกษา ม.๖ จำนวน ๔๗ คน จากทุกโรงเรียน สัมมาสิกขา

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ให้โอวาทก่อนจบการศึกษา....... เราเกิดมาเป็นลูก พระพุทธเจ้า เราจะต้องเห็น ความสำคัญ ของธรรม ที่พระพุทธเจ้า ได้ประทาน ไว้ให้แก่โลก อย่าเห็นเป็นของเล่น สังคมทุกวันนี้ ตกต่ำมาก ศาสนาไหนก็ตาม ควรมีธรรมะ เพราะเป็นสิ่ง ดีงามประเสริฐ วาระนี้ เป็นวาระสำคัญ โดยเฉพาะ นักเรียนสัมมาสิกขา จบม.๖ แล้วจะมารับ เครื่องหมาย ที่ถือว่าจบ นอกจากได้รับ ใบประกาศนียบัตรแล้ว เรายังได้รับกลด กับเข็มที่ระลึก พระพุทธเจ้าตรัสว่า อย่าเกิดมาเป็น โมฆบุรุษ คือสูญเปล่า เกิดมาไม่ได้ สิ่งที่ควรได้ เปล่าดาย แถมได้สิ่งเลวร้ายติดไป ซวยเปล่าๆ เกิดมาทำไม เกิดมาแล้ว แทนที่จะใช้ ร่างมนุษย์ ครบอาการ ๓๒ เป็นร่างกายที่เป็น อิธ พรหมจริยวาโส (กายยาววา หนาคืบ กว้างศอก พร้อมสัญญาและใจ) นี่ พร้อมจะเจริญ สู่พรหมจรรย์ ความเจริญ เป็นสภาพพรหม บริสุทธิ์สะอาด สูงสุด เรียกว่า พรหม เป็นของ ศาสนาเดิม พรหมจรรย์ คือสิ่งที่เรา ต้องพากเพียร ให้จิตวิญญาณ เจริญ สูงขึ้น จนเป็นอรหันต์

“ธรรมยุทธผ่านฟ้า”  แปลว่า การรบที่มีธรรมะ ณ สถานที่นี่ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เรามาทำงานที่นี่ หลายเดือนแล้ว พวกเรา ก็ได้มาร่วม ช่วยงาน ช่วยรบ อย่างธรรมะ รุ่นนี้ผ่านอันนี้ รุ่นอื่น ก็มีเครื่องหมาย สำหรับ แต่ละรุ่นๆ เป็นเครื่องหมาย ให้เราใช้ ในการรำลึก สำนึก ปรับปรุงตน ในการมีชีวิต ทำอะไรควบคุมตน ให้กาย วาจา ใจพัฒนาขึ้น ไม่ใช่ปล่อยไป ตามกิเลส เราต้องรู้ว่า จิตของเรามีกิเลสคืออะไร เราเรียนมา บางคนมากกว่า ๖ ปี ตั้งแต่ชั้น ประถมศึกษา เราตายแล้ว สิ่งที่ได้คือ คุณธรรมของ พระพุทธเจ้า เป็นธรรมที่ ถ้าได้ถึงขีดขั้น อาริยธรรม จะมีน้ำหนัก อยู่กับอัตภาพของเรา เริ่มแต่โสดาบัน ที่มีคุณธรรมถึง นิยตะ ไม่ว่าชาติไหน จะไม่สูญหาย ไปจากเรา

ประชุมใหญ่พรรคเพื่อฟ้าดิน และตลาดอาริยะ

๑๖ มีนาคม ๒๕๕๗ เวลา ๙.๐๐-๑๐.๓๐ น. มีการประชุมใหญ่ สามัญประจำปี ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ ของพรรค เพื่อฟ้าดิน ซึ่งมีหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค มาร่วมชุมนุม อย่างพร้อมเพรียง สมาชิกพรรค มาจากทั่วประเทศ โดยมีพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ เป็นประธาน ในการประชุม ซึ่งพ่อครูได้กล่าวไว้ ตอนหนึ่งว่า “ให้พรรคเพื่อฟ้าดิน ทำงานเพื่อ พหุชนหิตายะ (เพื่อหมู่ชน เป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ (เพื่อความสุข ของหมู่ชน เป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ (รับใช้โลก ช่วยโลก) อันเป็นจุดมุ่งหมายหลัก ของนักการเมือง และพรรคการเมือง ในระบอบ ประชาธิปไตย พรรคเพื่อฟ้าดิน อาจต้อง เคลื่อนทัพ หาแนวหน้า เพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้น ควรต้องมา รวมตัวกัน ผู้ที่ยังอยู่ข้างนอก ให้พยายามเข้าใจ และ ให้มาช่วยกัน”

มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทั้งคณะ ซึ่งผู้บริหารระดับสูง ของพรรค ต้องมีคุณธรรม ระดับอาริยบุคคล

อาจารย์ ขวัญดิน สิงห์คำ อดีตหัวหน้าพรรค เพื่อฟ้าดิน กล่าวว่า ได้ทำหน้าที่ หัวหน้าพรรคฯ ครบ ๑๔ ปี ได้เรียนรู้ ภาคการเมือง และระบบ การเมืองตรงนี้ สอนให้นึกถึงคนอื่น มากขึ้น คิดอะไร กว้างขึ้น

สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่คือ ดร.มิ่งหมาย มุ่งมาจน อดีตผู้อำนวยการ โรงเรียนสัมมาสิกขา ราชธานีอโศก และผู้ใหญ่บ้าน ราชธานีอโศก จังหวัด อุบลราชธานี ได้กล่าวว่า บ้านเมืองเรา ทุกวันนี้ เสียหาย เป็นอย่างมาก ประชาชน เดือดร้อน ทุกหย่อมหญ้า และนักการเมือง ข้างนอกส่วนใหญ่ ที่เห็นเชิงประจักษ์คือ คุณธรรม ขาดหายไป ดังนั้น พรรคจะมุ่ง พัฒนาตนเอง ให้มีคุณธรรม มากยิ่งขึ้น เพื่อจะส่งผลนโยบาย ออกสู่ภาคประชาชน ให้มีคุณธรรม อันนำไปสู่ ความสุข ความร่มเย็น ของสังคม

ขณะที่มีการประชุมกันอยู่ที่เวทีผ่านฟ้าฯ ด้านหลังเวทีซึ่งเป็นถนนราชดำเนิน หน้าอนุสาวรีย ์ประชาธิปไตย มีการจัดโรงบุญ แจกอาหาร มังสวิรัติ กันตั้งแต่เช้า มีพี่น้อง มาร่วมรับประทานอาหาร เป็นจำนวนมาก บนถนนราชดำเนิน ถนนสาย ประวัติศาสตร์ มีพื้นที่กว้างขวาง ทำให้พี่น้อง นั่งรับประทานอาหาร กันอย่างสบายๆ ไม่แออัด ภายใต้ซาแลน ที่ทางกองทัพธรรม จัดไว้

ที่สำคัญยังมี การจัดงานตลาดอาริยะ เป็นครั้งแรกของถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นที่สนใจของผู้เข้าร่วมชุมนุม ชาวชุมชนแถวนั้น และประชาชนทั่วไป ก่อนเวลาเปิดงานพี่น้องจำนวนมากเข้าแถวรอเข้าซื้อสินค้าทุกร้าน เวลา ๑๑.๐๐ น. ลุงปรีชา (พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ) กล่าวเปิดตลาดอาริยะอย่างเป็นทางการ ต่อด้วย อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อาจารย์ได้กล่าวว่า ชาวอโศก จัดงาน ตลาดอาริยะ ที่ปฐมอโศก เป็นครั้งแรก และจากวันนั้น มาถึงจัดงานวันนี้ เป็นเวลา ๓๐ ปี โดยมีปรัชญา บุญนิยม ซึ่งตรงข้ามกับ ทุนนิยม และตรงกันข้าม อย่างมากกับ ทุนนิยมสามานย์ ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสไปร่วมงาน (ตลาดอาริยะ) ที่ราชธานีอโศก ผมยังซื้อของ หมดไป หลายพันบาท ผมคิดว่า การที่พ่อท่าน พาจัดตลาด ในครั้งนี้ ก็ต้องการให้พี่น้อง เข้าใจปรัชญา ของชาวอโศกด้วย ซึ่งก็คือ บุญนิยม, สาธารณโภคี และตลาดอาริยะ

ลุงเจ๋ง(อาจารย์ประเสริฐ ฤทธิ์สำเริง) ศิลปิน ผู้ร่วมกล่าวเปิดงาน กล่าวว่า ปกติการที่พวกเรา จะมายืนและใช้ ถนนราชดำเนิน ยากมาก การที่พวกเรามาอยู่ที่ตลาดบุญแห่งนี้ ผมไม่อยากให้พี่น้องได้เพียงแค่สินค้าราคาถูกกลับไป เพราะที่นี่ฝึกความอดทน ผมเห็นพี่น้องเข้าคิวกันเพื่อจะซื้อสินค้า ผมอยากให้พวกท่านได้พูดคุยกับพี่น้องในตลาดอาริยะ เราจะได้อะไร มากกว่าสินค้า ที่เราได้กลับบ้าน นะครับ ในเรื่อง การปฏิรูปแผ่นดิน พวกเราที่เดินอยู่ตรงนี้ ได้ปฏิรูปอยู่แล้ว ว่าวันหนึ่ง ถ้าตลาดทุน ได้หมดไปจาก ประเทศไทย ตลาดขาดทุน ตามมา พวกเราก็ปฏิรูป บ้านเมืองได้

เมื่อตลาดเปิดขึ้น บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก สินค้ามีมากกว่า ๓๐ ร้าน มาจากทุกภาค ผู้มาซื้อสินค้า บอกว่า ดีใจที่มีสินค้า ราคาถูก ทำให้มีโอกาส เลือกซื้อสินค้า ของดี ราคาถูก

ผู้ที่เคยมาร่วมงานตลาดอาริยะมาก่อน ก็จะมีการเตรียมถุง เตรียมรถเข็น มาใส่ของ ซึ่งในการ จำหน่ายสินค้า ก็มีการจำกัด จำนวนการซื้อ เพื่อให้เกิด การแบ่งปันกัน ได้ฝึกการมีน้ำใจ แบ่งปัน ให้กับผู้อื่น และลดความโลภ ในจิตใจ

ในตลาดก็จะมีเวทีการแสดง มีวงดนตรี นักร้องมากมาย มาร่วมบรรเลง ให้ความสนุก ไม่ว่าจะเป็น วงฆราวาส สปริง
เกอร์แมน น้าเสก
ฯลฯ มีกิจกรรมบาทเดียวให้ผู้มาซื้อสินค้าได้ร่วมกิจกรรม ก็ยังคงเป็นกิจกรรม ยอดนิยม เพราะผู้เข้าร่วม กิจกรรม จะมีสิทธิ์ ได้ซื้อสินค้า ในราคาพิเศษ เพียงบาทเดียว

จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ มีรถตำรวจหลายคันจอดหงายท้องอยู่ และมีผู้มาชุมนุม ทาสีธงชาติ แสดงออก ถึงสัญลักษณ์ การต่อสู้เพื่อประเทศ อันเป็นที่รักยิ่ง ของเรานั้น วันนี้ รถลายธงชาติ เหล่านี้ กลายเป็น อีกหนึ่งจุด ความสนใจ ที่พี่น้อง ที่มาร่วมงาน พากันมาถ่ายรูป เก็บไว้เป็นที่ระลึก และบางคน ได้ใช้เป็น จุดนัดพบเลยก็มี

ทะลายค่ายกลการเลือกตั้งของระบอบทักษิณ 

๒๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก(๖ ต่อ ๓) วินิจฉัยให้การเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่ผ่านมานั้นเป็นโมฆะ เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่สามารถ จัดให้มีการเลือกตั้ง วันเดียวกัน ทั่วราชอาณาจักร เพราะยังเหลืออีก ๒๘ เขตเลือกตั้ง ที่ยังไม่มี การสมัคร รับเลือกตั้ง

เป็นอีกหนึ่ง ชัยชนะรายทาง ของประเทศชาติ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ท่านได้ใช้วินิจฉัย อย่างเที่ยงธรรม ทำให้ยิ่งเห็นว่า การเลือกตั้ง จะบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเป็นประชาธิปไตยได้นั้น จำเป็นต้องมีการปฏิรูป เรื่องคุณธรรม ให้เกิด ในคนไทยก่อน มากเพียงพอ ที่จะทำให้เกิด การเลือกตั้ง ที่บริสุทธิ์ ยุติธรรมได้ต่อไป นับเป็นคุณูปการ ของพลัง มวลมหา ประชาชน ที่สามารถ ทะลายค่ายกล การเลือกตั้ง อันเลวร้าย ของระบอบทักษิณ ไปได้

และเพื่อเป็นการยืนยันว่า ถ้าไม่สามารถ ปฏิรูปบ้านเมือง ก่อนแล้วไซร้ มวลมหาประชาชน จะไม่มีวันยอม ให้ระบอบทักษิณ ใช้ค่ายกล การเลือกตั้ง มาฟอกตัว กลับมาทำลายชาติได้อีก ทางกปปส. จึงนัดชุมนุมใหญ่ แสดงพลังอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๗

วันสองเท้าก้าวเดิน เพื่อปฏิรูปประเทศไทย

 ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๗ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วันส้นตีนแห่งชาติ”  ที่ลานพระบรมรูป ทรงม้า เมื่อเวลา ๑๒.๔๐ น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้นำมวลชน จากเวทีสวนลุมพินี เดินเท้า ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น. มาถึงที่หมายแล้ว เวทีภายใน ลานพระบรมรูป ทรงม้า ท่ามกลางประชาชน ที่มาร่วมชุมนุม อย่างเนืองแน่น ในอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค ในการเดิน แสดงพลังของ มวลมหาประชาชน แต่อย่างใด ร้องเพลง และเป่านกหวีด เดินไปด้วยกัน ทำให้ลืมเหนื่อย ลืมหิวไปเลย

มีขบวนแห่ที่แสดงออกถึง ความรักชาติ อย่างอหิงสา มีป้ายสารพัด หลากหลาย ตามแต่จะสร้างสรร กันมา มวลมหา ประชาชน มาอย่างคับคั่ง หนาแน่น รื่นเริง เบิกบาน สู้แบบคนดี มีความสุข ตลอดสองข้างทาง มีน้ำและอาหาร บริการฟรีตลอด ห้องน้ำ ห้องส้วม ก็มีบริการตามบ้าน หรือร้านรวง สองข้างทาง ไม่ได้ขาด แถมมีคนหัวดี ดัดแปลงรถเก๋ง เป็นรถสุขา มาบริการ ให้ฟรีอีกด้วย ทั้งหมด ไม่ได้มา ด้วยการจัดตั้ง หรือจ้างวาน แต่เกิดเพราะ คุณงามความดี ที่เบ่งบาน ในจิตใจ ของคนดี ที่เกิดขึ้น มากมาย เต็มแผ่นดิน    

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า มีผู้ก่อความไม่สงบ ปาวัตถุคล้ายระเบิด บริเวณแยก เสาวนีย์ ใกล้สถานีรถไฟ สวนจิตรลดา ทำให้มีรถแท็กซี่ สีเหลือง และรถยนต์สีครีม ที่อยู่ในบริเวณนั้น เสียหาย จำนวน ๒ คัน แต่ไม่มีรายงาน ผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่อย่างใด       

ต่อมาเวลา ๑๓.๓๗ น. นายสุเทพ พร้อมด้วยแกนนำได้นำมวลชนถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นผู้อ่านคำกล่าวสดุดี จากนั้นนายสุเทพ และแกนนำกลุ่มอื่นๆ อาทิ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำ กองทัพธรรม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำพันธมิตรฯ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำ กองทัพ ประชาชน โค่นระบอบทักษิณ ได้ร่วมกัน วางพวงมาลา ก่อนถวายบังคมฯ

จากนั้น นายสุเทพกล่าวปราศรัยว่า พวกเรามวลมหาประชาชน ขอประกาศ เจตนารมณ์ แน่วแน่ ว่าเราจะทุ่มเท ทั้งร่างกาย จิตใจ และทรัพยากร ทั้งมวล เพื่อขจัดเภทภัย แผ่นดิน คือระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้น จากแผ่นดินสยาม และจะร่วมแรง ร่วมใจ สามัคคี ดำเนินการ ปฏิรูประเทศไทย เปลี่ยนแปลงประเทศ ให้เป็นประเทศ ที่มีการปกครอง โดยระบอบ ประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์ ที่แท้จริง โดยประชาชน เพื่อประชาชน อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะทุกข์ยาก ลำบาก เราขอตั้งสัตย์ ปฏิญาณว่า เราจะทุ่มเท ทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อเอา อำนาจอธิปไตย มาจาก ระบอบทักษิณ เพื่อปฏิรูป ประเทศไทย ด้วยมือ ของคนไทย ไม่ใช่นักการเมือง การประกาศ เจตนารมณ์ เป็นธงชัย ด้วยสงบ สันติ อหิงสา ขอพระบารมี องค์พระพุทธเจ้าหลวง จงปกปักรักษา มวลมหา ประชาชน และดลบันดาล ให้การต่อสู้ จงประสบ ความสำเร็จ ชัยชนะ เป็นของประชาชน

เวลาต่อมา นายสุเทพได้นำมวลชนเคลื่อนไปยังหน้ารัฐสภา เพื่อสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าฯ โดยตำรวจ ประจำรัฐสภา ให้มวลชน อยู่ด้านนอก และอนุญาต ให้นายสุเทพ และแกนนำ เข้ามาสักการะ เท่านั้น โดยนายสุเทพ ได้ถวายพานพุ่ม พร้อมกล่าวปราศรัย เราจะไม่ยอมให้สภาแห่งนี้ เปิดทำการได้อีก จนกว่า จะปฏิรูปการเมือง ให้เรียบร้อย

จากนั้นเวลา ๑๕.๑๕ น. กลุ่มกปปส.ได้ทยอยกลับ สวนลุมฯ ในตอนค่ำ กำนันสุเทพ ได้ปราศรัยว่า...  ”แน่นอน วันนี้ไม่ใช่ วันเผด็จศึก แต่การที่มวลชน ออกมาเป็นล้าน มนุษย์ที่มี สติสัมปชัญญะ เฉกเช่น คนธรรมดา จะรู้ได้ทันทีว่า มวลชน เขาเอาจริง ที่บอกว่า มวลชนล้มแล้ว ไม่เอาแล้ว วันนี้เห็นชัด ถ้านัดมวลชน มวลชนก็พร้อม ออกมาสู้ เคียงบ่าเคียงไหล่ ทุกที ปรากฏการณ์ ในวันนี้ ยืนยันได้เลยว่า มวลมหา ประชาชนไม่แพ้แน่นอน เราต้องเอายิ่งลักษณ์ ออกไปให้ได้ ภายในเดือน เมษายนนี้ จากนี้ไป จะต้องมีการนัด ระดมพลครั้งใหญ่ อย่างนี้อีก หนสองหน ก่อนจบสิ้น”

๒ เมษายน ๒๕๕๗ คณะตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมพิจารณาว่า จะรับคำร้อง กรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ขอให้วินิจฉัย ความเป็น นายกรัฐมนตรี ของนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม ซึ่งสิ้นสุดลง เฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ ม.๑๘๒(๗) ประกอบ ม.๒๖๘ จากกรณี การโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช.

ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้อง คดีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. ขอให้สั่ง กปปส. ยุติการชุมนุม เนื่องจาก ไม่ใช่เป็น การชุมนุม โดยสงบ ปราศจากอาวุธ

นับเป็นอีกหนึ่งชัยชนะ รายทาง ที่เกิดจาก ตุลาการภิวัฒน์ ร่วมกับประชาภิวัฒน์ เป็นไปตาม กัมมาภิวัฒน์

๕ เมษายน ๒๕๕๗ กลุ่ม นปช. หรือ มวลชนคนเสื้อแดง ที่มี นายจตุพร พรหมพันธ์ ได้นัดรวมตัว แสดงพลัง เพื่อปกป้อง ประชาธิปไตย ของคนเสื้อแดง ที่ถนนอักษะ เขตพุทธมณฑล และชุมนุม ๓ วัน ปรากฏว่า มีผู้เข้าร่วมชุมนุม ไม่ถึง ๒๐,๐๐๐ คน แถมการชุมนุม ยังทำให้เกิดขยะ จำนวนมากมาย ทิ้งเกลื่อนกลาด ไม่ได้มี ความรับผิดชอบ ต่อสถานที่ ที่ได้ชื่อว่า ถนนที่สวยที่สุด ในประเทศไทย แต่อย่างใด

และในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๗ นี้เอง กำนันสุเทพได้ขอมติ มวลมหา ประชาชน ที่จะนัดชุมนุมใหญ่ เป็นครั้ง เผด็จศึก โค่นระบอบทักษิณ ให้ได้ ลุงกำนันสุเทพ ได้ประกาศ D-Day คือ

๑. วันที่ ปปช. ชี้มูลคดี โครงการ รับจำนำข้าวว่า ยิ่งลักษณ์ผิด ต้องส่งไปให้ สภาถอดถอน กำนันสุเทพ บอกว่า ให้ฟังนกหวีด

๒. วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาคดีโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี โดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายว่า ยิ่งลักษณ์ผิด ให้เคลื่อนพล ได้ทันที

วัน D-Day คือวันที่ กปปส.ต้องประกาศว่า อำนาจอธิปไตย กลับคืนสู่มือ ประชาชน ให้ยึดทรัพย์ ตระกูลชินวัตร ประกาศ ให้พวก หนักแผ่นดิน มารายงานตัว และหัวหน้าส่วนราชการ มารายงานตัว เสนอชื่อ นายกรัฐมนตรี โดยทันที “ขอให้เตรียม เสื้อผ้า มาให้เรียบร้อย เพราะครั้งนี้ จะต้องต่อสู้ติดต่อกัน อย่างน้อย ๑๕ วัน หากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่า นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ไม่ต้องรอฟัง สัญญาณ ล้อหมุนทันที”

ขณะที่ ทางฝ่ายนปช. ก็ได้นัดหมายกันว่า วันใดที่ยิ่งลักษณ ์ถูกตัดสิน ให้พ้นจาก ตำแหน่งนายกฯ พวกเขา ก็จะนัดชุมนุมใหญ่ เช่นกัน

งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ

๖-๑๒ เมษายน ๒๕๕๗ ชาวอโศกจัดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ ๓๘ ณ ศาลาปลุกเสกฯ ผ่านฟ้าลีลาศ เป็นอีก งานปฏิบัติธรรม เข้มข้นศีล ๘ ประจำปี อีกงานหนึ่ง ของชาวอโศก ที่ต้องย้าย มาจัดงานกันที่ บริเวณ สะพานผ่านฟ้าฯ เนื่องด้วย เหตุการณ์การชุมนุม ทางการเมือง อันยาวนาน เกินครึ่งปี เข้าไปแล้ว (อ่านรายละเอียด ในคอลัมน์ งานปลุกเสก พระแท้ๆ ของพุทธ)

ควบคู่กันไป เวทีกปปส. ที่สวนลุมฯ ก็ได้จัดให้ม ีการออกไปพูดคุย กับข้าราชการ กระทรวงต่างๆ ให้หยุดรับใช้ ระบอบทักษิณ เลิกทำตามคำสั่ง ของระบอบทักษิณ หันมายืนเคียงข้าง ประชาชน โดยเคลื่อนขบวน มวลมหาประชาชน ไปตาม กระทรวงต่างๆ

ซึ่งทุกกระทรวง ให้การต้อนรับ มวลมหาประชาชน เป็นอย่างดี บางกระทรวง เปิดห้องรอต้อนรับ กำนันสุเทพ และแกนนำ ให้ไปปรึกษา หารือกันในกระทรวง เลยทีเดียว

โดยทางกปปส. ก็ได้นำข้าวห่อ ไปเลี้ยง มวลมหา ข้าราชการ ถึงหน้ากระทรวง และทางข้าราชการ ก็ได้นำน้ำ และอาหาร มาต้อนรับ มวลมหาประชาชน รวมทั้งบริจาคเงิน ให้อย่างล้นหลาม

งานสงกรานต์ตลาดอาริยะ

๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๕๗ ในขณะที่คนไทยทั้งประเทศ กำลังฉลอง เทศกาลสงกรานต์ กันนั้น ที่ถนน ราชดำเนิน ชาวอโศก ก็ได้จัดงานสงกรานต์ ตลาดอาริยะ ที่ถนนราชดำเนิน โดยตั้งเวที ที่หน้าลานพลับพลา มหาเจษฎาบดินทร์ วัดราชนัดดา เพื่อให้ประโยชน์ กับประชาชน เปลี่ยนจาก ถนนการเมือง ให้เป็นถนน แห่งการค้า ที่ฟื้นคืน วัฒนธรรมไทย อันดีงาม เป็นการค้าขาย แบบบุญนิยม ได้มาสาด ความสุข สาดร้อยยิ้ม ด้วยน้ำใจ (อ่านรายละเอียด ในคอลัมน์สงกรานต์ ตลาดอาริยะ)

ส่วนที่การชุมนุม ที่สวนลุมพินี กปปส.มีการประกาศงดเคลื่อนไหวเป็นเวลา ๔ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๒-๑๕ เม.ย.๕๗ เพื่อให้มวลชน รวมถึง เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ได้หยุดพักผ่อน กลุ่มผู้ชุมนุม ได้ร่วมกัน เล่นสงกรานต์ สาดน้ำกัน อย่างสนุกสนาน โดยมีการป้องกัน ความปลอดภัยคือ ไม่อนุญาตให้นำน้ำ ปืนฉีดน้ำ หรืออุปกรณ์ ในการเล่นน้ำ รวมถึงแป้ง จากภายนอก เข้ามาในพื้นที่ การชุมนุม โดยทางกลุ่มฯ จัดเตรียมน้ำ ไว้ให้ประชาชน ใช้สาดน้ำกัน ภายในพื้นที่ และยังมี การจัดพิธี รดน้ำดำหัว โดยแกนนำ กปปส. แต่ละเวที ส่งตัวแทน มาเป็นผู้ใหญ่ ให้ผู้เข้าร่วมชุมนุม ได้รดน้ำ โดยมีกำนันสุเทพ เป็นผู้พานำ ในการรดน้ำ 

ช่วงที่งดการเคลื่อนไหวชั่วคราว แกนนำกปปส. จะมีการประชุม เตรียมความพร้อม ทุกด้าน สำหรับ การระดมพล ครั้งใหญ่ หลังจาก คณะกรรมการ ป้องกัน และปราบปราม การทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูล ความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม ในคดีทุจริต โครงการรับจำนำข้าว รวมถึง การวินิจฉัย ของศาล รัฐธรรมนูญ ถึงสถานภาพ รักษาการของ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี จากกรณีการแต่งตั้ง โยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการ สภาความมั่นคง แห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษา นายกรัฐมนตรี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
                                                                                                ทีมงานข่าวอโศก