ธรรมปัจเวกขณ์ (๑๑๗) ๒๔ กันยายน ๒๕๒๕ |
ที่เรามาศึกษามาเรียนรู้กันนี่ ขอให้เป็นผู้ศึกษาที่จริง เรียนรู้จริง รู้ความจริงของตนเอง ตนเองมีกิเลสอะไร อย่าประมาท พยายามกระทำออก กิเลสอะไรที่ร้ายกาจ กิเลสอะไรที่จะต้องรู้จริงๆ ถ้าไม่รู้แล้ว มันเล่นงานเราแน่น่ะ เราตกหล่นกันไปเรื่อยๆ แม้กระทั่ง ขึ้นมาเป็นถึงนักบวชแล้ว ตกหล่นไปจากกิเลสกาม กิเลสมานะ ๒ แกน กิเลสกามนี่ ไอ้เรื่องที่จะติดเรื่องอาหารการกิน จะสึกออกไปนั้น เป็นไปได้ยาก แต่เรื่องผู้หญิง จะทำให้สึกได้ ขอให้ระมัดระวัง เป็นอันมาก ถ้าเผื่อไม่ระมัดระวัง ตาย แล้วก็ตายกันมาเรื่อยๆแล้ว แล้วมันก็ยังจะตายไปต่ออีก ใครจะเป็นศพ ก็ให้ระวังให้ดีๆ เรื่องอาหารการกิน เรื่อง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสนี่ ก็คงจะพอเป็นพอไป แต่เรื่องที่ร้ายแรง คือ เรื่องผู้หญิง บอกแล้วว่า เรื่องผู้หญิง จะพาให้เราตกหล่น สึกไปได้ เรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องมานะ ก็พาให้สึกได้ง่ายดายเหมือนกัน ในเรื่องของมานะ ถือตนถือตัว ถือความรู้ ถือตัว นั่นแหละถือตัว ฉันเองฉันก็แน่ ฉันก็หนึ่ง ก็แน่นอน ใครมันก็หนึ่งทุกคนแหละ มันอิสรเสรีได้ ทั้งนั้นน่ะ ตามใจตัวเองได้ ทุกคนไป
ไอ้ตัวมานะนี่ เป็นตัวแรงร้าย ที่เราเองจะไปไม่รอด ไม่มีมิตรดี กลุ่มดี ไม่มีสังฆมณฑล ไม่ได้อยู่ในขอบในข่าย ในธรรมะของพระพุทธองค์ ไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ที่เราจะไปสู่ ที่เป็นความบรรลุ หลุดพ้น อันสมบูรณ์น่ะ
ก็ขอให้พวกเรา ได้พิจารณากันจริงๆ รู้ตัวเองจริงๆ อย่าประมาท อย่าทำเป็นเล่น ถ้าเผื่อว่าจะไปทางนี้, ถ้าไม่ไปทางนี้ ก็แน่นอน ก็สึกออกไป หรือว่า ก็ไปอยู่ทางโลกๆ หรือ จะไปเป็นเอาแค่ฆราวาส ก็ปฏิบัติฆราวาส อย่ามาทำให้พระ มาทำให้ความที่เป็นนักบวช ของพระพุทธเจ้านั้น ไร้ความเลื่อมใส ไม่มีความเลื่อมใส ไม่ได้น่านับถือน่ะ เขาเพ่งโทษ ไม่น่านับถือ ก็เท่ากับ เราฆ่าศาสนา เมื่อเราทำลายศาสนา ฆ่าศาสนา เป็นบาปเท่าใดๆ ก็ลองคิดดู ส่วนตนก็เป็นบาปส่วนตนแล้ว เราทำลายตนเอง ก็เป็นส่วนตน นี่ทำลายศาสนา มันจะเป็นบาปอีกกี่ต่อ ก็ลองนึกดูกันให้ดี ก็แล้วกันน่ะ ก็ขอให้ทุกคน สังวรระวัง ระมัดระวังกิเลส ที่จะทำให้เราเอง สึก ดังกล่าวแล้ว เป็นเรื่องสำคัญๆ ใหญ่ๆ
นอกกว่านั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะประมาทได้ แม้โทษภัย อันมีประมาณน้อย พระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนให้เราประมาทเลย เราจะต้องเรียนรู้ ทุกอิริยาบถ ทุกเวลา ตลอดเวลา พึงเพียร พึงธัมมวิจัย พึงสังเกต อ่านตัวเอง นั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่ หายใจอยู่ ตลอดลมหายใจเข้าออก เราจะต้องรู้ตัวทั่วพร้อม ติดต่อไปจริงๆ สังเกตกรรมกิริยา อิริยาบถ แม้เราหายใจ แม้แต่เรากระพริบตา แม้แต่เราเอี้ยวแขน ไกวขา ทำอะไรอยู่ เราก็จะต้องรู้ ทุกอิริยาบถนอก พร้อมกระนั้น ก็อ่านอิริยาบถใน อ่านในใจเรา มีอารมณ์อย่างไร อารมณ์เหล่านี้ มันกินตัวเรานะ กิเลสมันไม่ได้บอกเราง่ายๆ มันไม่ได้ปิดป้ายปิดประกาศให้เรารู้ แต่เราจะต้องใช้ปัญญาอันยิ่ง ที่จะแยบคาย รู้มันจริงๆ มันยิ่งอยู่ข้างภายในน่ะ มันยิ่งซ่อน มันยิ่งมีฤทธิ์มีแรง มันก็ยิ่งปกปิด หรือ มันก็ยิ่งอำพรางตัวเอง อำพรางตัวเรา เราก็ยิ่งจะโง่ เราก็ยิ่งจะมืดบอด หนักเข้า หนักเข้า
คนอื่นเขารู้แล้ว เห็นแล้ว แม้แสดงออกมา ทางอิริยาบถนอก แต่ตัวเองสิ ไม่รู้ภายในใจของตน ตัวเองมืด ตัวเองบอด หยาบออกมามาก จนคนอื่นเขาเห็น แต่ตัวเองก็ไม่เห็น อันนี้น่าสงสารมากน่ะ
ถ้าเผื่อว่าคนใดๆ เขาได้เตือนเราบ้างแล้ว ระมัดระวัง อย่าให้มันบกพร่อง ผิดพลาด ไม่เช่นนั้น ก็จะตายเอาเสียกลางทางน่ะ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ น่าเสียดาย ถ้าเรามุ่งหวัง ไปในทิศทางนี้ ก็จงพยายายามสำรวจ พิจารณาตน ให้สำคัญที่สุด แล้วแก้กลับ ต่อสู้ให้มันตาย ลองดูซิน่ะ ถ้าเผื่อว่า ใครสู้จริง กิเลสนั่นแหละจะตาย ไม่ใช่ว่า ตัวเราเองจะตายน่ะ ถ้าเผื่อว่า ใครแก้กิเลสตายแล้ว จะถึงอมตะ แต่ถ้าผู้ใด แก้กิเลสไม่ตาย ตัวเองก็จะต้องตาย แบบโลกๆนั้น แล้วๆ เล่าๆ นานับชาติ ก็จะไม่สมผล ที่เรามุ่งหมาย
ขอให้ทุกคนได้พึงเพียร พึงระวังตาม ที่ได้เตือนอันนี้ ให้สำคัญ แล้วก็รู้ตัวเองให้ได้ แก้กลับเสีย ก็จะได้เดินทางไปสู่จุดมุ่งหมาย ตามที่เราได้มุ่งหวังกัน อย่างดี.
สาธุ
*****