ธรรมปัจเวกขณ์ (๑๒๔)
๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๕

เราได้ศึกษาทั้งที่ผู้อื่น พยายามใช้ปัญญา วิเคราะห์วิจัย แล้วก็สื่อความหมาย ออกมาทางภาษา ให้เราได้เข้าใจความหมายภาษา บางคนพูดชัดเจน อย่างที่เรากำลังฟังอยู่นี่ อย่างคุณไสวพูดอยู่นี่ ชัดเจน ตรงดีหมด จริง กิเลสจริงๆ อยู่ในใจของคนจริงๆน่ะ เป็นความตายสิ้นของกิเลส ดับสิ้นของกิเลส เอาความตายของกิเลสนั่นน่ะ มันเป็นความตาย จริงไหม แล้วถ้าเผื่อว่า คนเรา มันตายจริงได้ กิเลสตายจริง ได้แล้วล่ะก็ มันก็จะไม่ต้องไปเที่ยว ได้วุ่นวาย เปลืองเปล่า ให้วุ่นวาย กิน ๓ มื้อมันทำไม เราจะต้องไปหอบไปหาม ไอ้โน่นไอ้นี่ เพื่อมาบริการตนเองอยู่ ทั้งๆที่เราเอง เราไม่มีกิเลสแล้ว เราจะไปหอบไปหาม เอาเพื่อตัวเองอีกทำไม เราเอาเวลาที่เหลือ เราเอาข้าวของที่เหลือเหล่านั้น ให้คนอื่นเขาได้รับไป นอกจาก เวลาที่จะไปเหลือ บริการคนอื่นได้เสียอีก ซึ่งเป็นความชัดแจ้ง ที่ต้องสอดคล้องลงตัว ไม่ต้องไป เป็นวรรคเป็นเวร กันอยู่ อย่างที่พร่ำๆ พูดๆ พูดน่ะถูกเป๊ะเลย แต่ความเป็นจริง มันน่าสอดคล้องสนิทเนียน มันไม่ลงตัว อย่างที่เห็นได้ชัดน่ะ ไม่เป็นคนมักน้อย ไม่ๆๆมาก เพราะว่า ชีวิตจริงๆแล้ว ต้องอ่าน อย่างที่กำลังพูดถึงหลักเศรษฐศาสตร์ นี่พูดถึงว่า เราเอง เราจะต้องเป็นคนที่รู้จักพอน่ะ แก้ประเด็นตรงที่ ความพอ

เพราะฉะนั้น ความพอที่เรามาเถียงกันอยู่ ทุกวันนี้ ที่เรามาพิสูจน์ เราจะกินเท่านี้ให้พอ เราจะนอนเท่านี้ให้พอ เราจะใช้เท่านี้ให้พอ แล้วเราก็เห็นสันโดษ ความพอว่า อ๋อ! เท่านี้มันพอจริงๆ เท่านี้ มันก็สามารถผลิต มีแรงงาน มีแรงกาย มีสุขภาพจิต เอ้อ! สุขภาพจิต สุขภาพกาย สมบูรณ์นะ เต็ม สามารถที่จะเอาออกจ่าย วันต่อวัน สร้างสรรวันต่อวัน ใช้ผลิตเครื่องยนต์ คือร่างกายของเรานี่ เป็นเครื่องยนต์ที่จะ วันหนึ่ง ทำงานผลิต แม้ได้นุ่งห่มเท่านี้ กินอยู่เท่านี้ พักผ่อนเท่านี้ นอนหลับเท่านี้น่ะ ใช้เครื่องไม้เครื่องมือ ช่วยเท่านี้ๆ แต่เราก็มีความสามารถ มีประสิทธิภาพของฝีมือ มีประสิทธิภาพของสมอง มีความชำนาญ แนบเนียน สามารถที่จะสร้างผลผลิตได้มาก มากกว่าคนอื่น ที่เขาเอง เขาไม่มีน่ะ หรือเขามีมากกว่าด้วยซ้ำ เขามีแรงงานมากกว่า กินมากกว่า ใช้มากกว่า เครื่องมือมากกว่า เขาก็ผลิตสู้เรา ผู้มีน้อยกว่านี้ไม่ได้ กินน้อยกว่า มีเครื่องมือน้อยกว่า เพราะฝีมือเราเหนือกว่า อะไรพวกนี้ มีความเพียรมากกว่า มีสิ่งที่มาแบ่ง มาเอาเวลา มาเอาสิ่งที่มันไปสูญเปล่านี่ ไปสลายพฤติกรรม ไปสลายความสามารถ ไปสลายการงานออกไป โดยเอาไปเที่ยว ได้ฟุ่มเฟือยเล่น แต่เราเอาการงาน เราเอาแรงงาน เราเอาเวลามาผลิต มาสร้าง มันก็ได้มากน่ะ เราเองเราก็พอ แม้จะไม่ได้คำชมเชย เราก็พอ ไม่ได้สิ่งแลกเปลี่ยนมา เราก็พอ เรามีชีวิต อยู่ในระบบ ในแบบที่มันอยู่ได้ อย่างนี้นะ อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีด้วยน่ะ แม้แต่เขาเอามาให้เรา เขายังมาไหว้เราอีก นี่มันแสนจะมีศักดิ์ศรี ต่างกันแล้วกับโลกน่ะ ต่างจากคฤหัสถ์แล้ว คฤหัสถ์เขาให้กัน คนที่รับส่วนให้นั้น ต้องไหว้คนที่ให้ แต่คนให้ ไหว้คนที่รับ นี่มันก็แตกต่างกันแล้ว จากโลก แล้วเขาใช่ว่า เขามาให้ แล้วไหว้คนที่รับนั้น อย่างเป็นศีล เป็นจารีต เป็นประเพณีเฉยๆ เปล่าๆ แต่เขามาให้ ด้วยความรู้ ความเทิดทูน ความเข้าใจ ความยินดี เต็มใจพอใจที่จะให้ ที่จะสนับสนุนไว้ ท่านรับไว้ ท่านเอาสิ่งเหล่านี้ มาร่วมในกาย ร่วมในวงการ ร่วมในพฤติกรรมของท่าน ร่วมในกิจกรรมของท่าน เพื่อจะสร้างสรรสิ่งอื่นขึ้นมา เป็นประโยชน์ เกื้อกูลต่อมวลมนุษย์ ขึ้นไปอีก เขายินดี เขาทำไม่ได้ เขาทำไม่ถึง เขาทำไม่ได้ สิ่งที่มีคุณภาพวิเศษ เพียงพอ เราทำสิ่งที่เป็นคุณภาพที่วิเศษกว่า เขาไว้ใจ เขาเชื่อมั่น เขาเอามาให้

ด้วยเหตุอย่างนั้น แม้เขาจะให้เรากิน เราอย่าพึ่งตาย เราอย่าพึ่งป่วย เราอย่าพึ่งไร้เรี่ยวแรง เราจงมีกำลังวังชาแข็งแรง จงสมบูรณ์ เขาก็ปรารถนา จะให้เราอยู่ เพื่อเราจะได้เป็นเครื่องกล เป็นตัวผลิต ยิ่งกว่าเครื่องจักรกล ที่วิเศษ ที่จะสร้างสิ่งวิเศษ ออกมาให้แก่มนุษยชาติ คนอื่นเขาได้รับน่ะ เป็นอย่างนั้น ก็เป็นส่วนเจริญของเรา เป็นความประเสริฐ ของมนุษย์ผู้นั้นแล้ว นี่เป็นตัวผล ที่มันสมบูรณ์ ที่เราเรียน ตามสูตรของพระพุทธเจ้าแล้วนี่ พระพุทธเจ้าจะพา ให้คนเป็นมนุษย์ ที่มีคุณค่า เป็นเครื่องจักร มีประโยชน์ ประเสริฐอย่างนี้ ส่วนตัวเราเอง เป็นผู้สบายนั้น กิเลสตาย ดังที่กล่าว ที่พูดถึงอยู่นี่ ตายจริงๆ เราจะรู้ กิเลสหยาบ กิเลสกลาง กิเลสละเอียด แม้แต่มันยังอยากอยู่ เท่านั้นๆ แล้วยังบริการตัวเองอยู่ สิ่งเหล่านั้นแหละ เรายังไม่เก่งจริง ที่เราจะทำให้ตัวเอง ไม่ต้องบริการตนเอง คนอื่นมันคอยบริการดูแลเรา คนอื่นเขาจะมาช่วยเรา เรามีหน้าที่ ที่ไม่ต้องไปกังวล เรื่องชีวิตของเราเลย ชีวิตของเรานี่ คนอื่นเขาจะช่วยเรา มากที่สุด ตัวเราเองน่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุด เช็ดก้นเอง เคี้ยวอาหารเอง นอนก็เอาตัวเอง นอนราบลงไปเอง นิดๆหน่อยๆ กับตัวเอง เท่านั้นเอง หรือ สิ่งประกอบ แวดล้อมของตัวเอง คนอื่น ถ้าเผื่อว่า เราเป็นผู้ที่มีคุณค่ามาก จริงๆ เขาจะมาช่วย แม้แต่ซักผ้าให้ แม้แต่จะหาอาหาร ป้อนน้ำ ป้อนท่า อะไรขาดแคลน เขาจะเป็นไม้เป็นมือจริงๆ เพราะเขายินดี ที่เขาจะอยู่ใกล้ชิด เขายินดีที่จะสนับสนุน เขายินดีที่จะช่วยเหลือ เพื่อให้เราเองนี่ ทุ่นเวลา สงวนเวลา เพื่อที่จะมาผลิตสร้างสรร สิ่งที่ประเสริฐกว่า แค่จะบำรุงร่างกายชีวิต แค่นี้ไว้นั้น เป็นงานง่ายมาก คนอื่นมาคอยบริการให้ได้น่ะ ที่เขาไม่สามารถ สร้างสิ่งที่ดี

คนที่ดีแล้ว เวลาเขาจะสงวนให้เรา แรงงานเขาจะสงวนให้เรา ชีวิตเขาก็จะช่วยเรา รักษาชีวิตเราไว้ เขาจะสงวนชีวิตเราไว้ อย่างนี้จริงๆ เพราะว่าเราเอง เราหมดแล้ว เราดับแล้ว เรามิมีกิเลสแล้ว เราไม่มีตัวตน เราไม่เห็นแก่ตัวแก่ตนแล้ว แม้แต่ตัวจะตั้งอยู่ ตัวตนจะตาย ตัวตนจะต้องการไอ้โน่น ต้องการไอ้นี่ มาบำเรอ มาบำรุง มาสัมผัส มาเสียดสี มาบำเรอใจ สนองส่วนนั้นส่วนนี้ ของอารมณ์ใจ แม้ที่สุด ถึงอัตตา หรือมานะ เราก็จะไม่มี ละเอียดลออ จนถึงกระทั่ง ต้องได้คำสรรเสริญ จะต้องทำตามใจเรา ทำตามใจเรานั้น ยังไม่ยิ่งใหญ่ พวกนี้เราจะต้องรู้ ละเอียดลออ ไปหมดเลยว่า เราไม่ต้อง ตามใจเราหรอก เราทำอะไรนี่ โลกเขาพอรับได้ พอดี พอเป็น พอไป สร้างอะไรออกไปแล้ว ไม่ใช่ว่า เขาไม่รับเอาเสียเลย จะยัดเยียดบ้าง ในจังหวะแรก ต่อไปเขาจะเป็นผู้ที่ยินดีรับ ไม่ใช่จะยัดเยียด ต่อไปจะมีคุณค่า ค่าจะสูงด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ เรายังไม่มีหลัก และเรายังไม่มีหลักฐาน และเรายังไม่มีของจริง ที่ยืนยันชัดเด่น จนเกินไปว่า สิ่งผลิต ผลผลิตของเรานี่ ต่อไปมีค่าสูง ไม่ใช่มีค่าต่ำด้วยซ้ำ โลกเขาจะตีราคาค่าสูง ให้แก่เราด้วยซ้ำ และเราจะมีความเห็น ที่กลับกันอีกว่า เราก็จะพยายามให้ราคาต่ำลง เพื่อดึงกิเลสมนุษย์ เพื่อถ่วงมนุษย์ ว่าคนนั้นเขา สิ่งที่ประเสริฐกว่าเรา เขายังเอา ราคาต่ำของคุณ ของที่ไม่ประเสริฐเท่า ไม่วิเศษเท่า ทำไมคุณจะตั้งราคาสูง คนจะไม่นิยม คนเหล่านั้นไม่นิยม สร้างสิ่งเหล่านั้น เขาก็จะกลับมาสร้าง สิ่งที่เรากำลังนิยม สิ่งที่เรากำลังเสนอ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น อาหารมังสวิรัติ ขณะนี้เรายืนยัน จะขายราคาถูก เขาก็จะให้เราขายราคาแพงตามเขา เพราะเขาเอง เขาขายไม่ได้น่ะ เราจะให้ราคาถูก ทีนี้ถ้าเผื่อว่า ของๆเรา ราคาก็ถูกด้วย ของเราก็เป็นคุณค่าดีด้วย แม้เราจะเลื่อนขึ้นไปขาย ราคาแพงขณะนี้เท่ากับเขานะ เราก็แน่ใจว่า คนจะเฮละโล มาซื้อของเรา อยู่อีกนั่นเอง เพราะเขานิยมเสียแล้ว เขาต้องการเสียแล้ว ราคาเท่ากัน หรือแม้จะแพงกว่า เขาก็ยังจะนิยมได้อีก แต่เราจะไม่หาทาง เอาเปรียบเอารัดอันนี้ เป็นช่องทาง ที่จะมากอบโกยความได้ ความเอาเปรียบ เอารัด เราจะไม่ทำเป็นอันขาด เราจะยินดี ที่จะลดที่จะต่ำ ให้อัตราการขายก็ตาม พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็น หลักเศรษฐศาสตร์ ล้วนแล้วแต่เป็น ความพิสูจน์ว่า ความไม่มีกิเลส ความตายของกิเลส ความไม่เหลือตัวเหลือตน มีปัญญา ที่เข้าใจชัดแจ้ง ที่เราจะรู้เหลี่ยมคู สิ่งเหล่านี้ มีอยู่ในสังคมโลก เราก็จะเป็นผู้ที่มักน้อยสันโดษ เป็นตัวอย่าง ยืนยัน กินน้อยใช้น้อย มีน้อย พอ และเราจะยืนยัน พิสูจน์ได้ ไม่ใช่ว่า เขาเอามาค้านแย้งว่า คุณก็ยังกินมาก คุณยังมี ไอ้โน่นไอ้นี่มาก เราไปเทียบกับคนที่จนที่สุด เราก็จะเป็นคนที่จนที่สุดได้ ใกล้เคียงกับคนที่จนที่สุด เท่าที่เราจะทำได้

ส่วนอื่นๆนั้น มันจะสลาย มันจะเป็นอะไรต่ออะไรอยู่ คนอื่นเขาช่วยดูแล บริการเราน่ะ มามีให้ มาเป็นให้ สนับสนุนต่อเนื่องไป นี่เป็นรายละเอียด ที่สรุปให้ฟังย่อๆน่ะ เป็นเรื่องที่เราจะต้องศึกษา ให้รู้อาการ รู้อารมณ์ของกิเลส ของเราให้สนิท แล้วฆ่าให้มันตาย ดังที่เขากำลังพูดกันอยู่นี่ ให้ตายจริงๆ อย่าดู??ปาก ถูกต้อง โวๆ ถูกต้อง (รอตรวจทาน) แต่ความจริงแล้ว กิเลสยังไม่ลดเลย แล้วก็ยังมากน่ะ ยังเยอะแยะ ยังลดก็ลงไม่ได้น่ะ ยังเหลืออะไรๆ เป็นตัวอย่างพิสูจน์ แม้แต่รูปหยาบ เป็นตัวนำทางรูป หยาบ ซึ่งคนที่ตาตื้นนี่ มันมีเยอะ ถ้าเราทำ รูปหยาบ ก็ให้คนตาตื้นนี่รู้ ไม่ต้องย้อนแย้ง ไม่ต้องไปถกเถียงได้ เรียกว่ายืนยันเลยนี่ มันมีประสิทธิภาพสูง ในการจะสอนเขา ไม่เช่นนั้น มันเหมือนกับปากว่าตาขยิบ หรือ ปากพูดอย่างหนึ่ง แต่ตัวเอง ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ไม่สอดคล้องลงตัวกัน อย่างจริงจัง สิ่งนี้เป็นนัย ซับซ้อนไปมา ละเอียดลออ

ขอให้เราศึกษากิเลสให้จริง แล้วดับกิเลสให้ตายสนิท นั่นแหละ แม้ตายเดี๋ยวนี้แล้ว ตั้งแต่เรายังเป็นๆอยู่ กิเลสตายเกลี้ยง ดังที่เขาพูดนี่ถูก ถูกแล้ว เราจะรู้เองว่า ความตายในรูปร่างกาย ในอนาคตที่ยังไม่ตาย หรือความเกิด ที่เป็นอดีต จากท้องพ่อ ท้องแม่ มาแล้วนั้น มันจะมีความเชื่อมโยงต่ออดีต อดีตต่อมา อนาคตต่อไป อย่างไรหรือไม่ เราจะเป็นผู้หมดปัญหา เราจะสิ้นสงสัย เราจะเกิด ปัจเจกสัจจะบรรเทา อย่างหมดวิจิกิจฉา แน่นอน ขอให้ทุกคน เรียนรู้ภาษาที่จริง และมีสภาวะที่จริง ลงตัวกัน ถูกต้อง แล้วก็ได้ ประสพผลนั้นๆ ทั่วทุกคนเทอญ

สาธุ

*****