ธรรมปัจเวกขณ์ (๙๕) ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๕ ณ ปฐมอโศก |
การปฏิบัติธรรม ที่จะให้สิ้นกิเลสอาสวะ ไม่ใช่เรื่องหยาบ ไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน เป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง ซึ่งเราจะเห็นได้ เราจะประสบได้ แม้ต้นเราจะได้เรียนรู้ ประเภทกิเลสหยาบ ตั้งแต่เราละวัตถุกาม ลดโลกที่เป็นของหยาบ ที่เขาแย่งชิงต่อสู้ดิ้นรน จนเรารู้สึกว่ามันสบาย เราไม่ต้องไปดิ้นรนแย่งชิง เราไม่ต้องไปเที่ยวได้อยากได้ อยากดีกับเขาแล้ว เราพอแล้วเราก็สบาย เราไม่ต้องตื่นเต้น เขาจะได้เขาจะมี เขาจะหมดเขาจะเสีย จะสูญอย่างไร เราก็เข้าใจตัวเราเอง สามารถวางใจปลงใจ สนิทดีอยู่ได้ กามตัณหา ในด้านโลกหยาบพวกนี้ พอเป็นไป ซึ่งเราพิสูจน์กันอยู่แล้ว เห็นกันอยู่ว่า เราทำได้น่ะ เราไม่ต้องแย่งชิง โลภโมโทสันกับเขาอย่างนี้ไปอีกกี่ปี ก็คิดว่าไม่มีปัญหานัก แต่เราก็ต้องมาตกในฐานะของภวตัณหา ซึ่งเป็นกิเลสในภพ มันไม่หยาบคาย เหมือนกับกิเลสโลก แต่มันก็หนักหนาเหลือเกิน เหมือนกัน ในการที่จะต้อง อุตสาหะวิริยะ ถอดถอน
เราเองเรารู้ได้ยากด้วยซ้ำ ว่ามันเป็นกิเลสตัณหา เพราะมันไม่หยาบคาย เหมือนกิเลสกาม มีวัตถุมีชิ้นมีก้อน ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่นี่มันอยู่ในใจ เมื่อไหร่ๆ มันก็คว้าเอาได้ โดยมันไม่ต้องอาศัยอื่นเลย จากข้างนอกน่ะ มันเสพย์เอา พักเอา ฉวยเอาน่ะ ยึดเอาได้ง่ายๆ มันจึงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว แสนยาก ยิ่งเราไม่มีปัญญาอันแยบคาย ไม่สามารถรู้ จนเกิดจิตนิพพิทา เบื่อ หรือมูลจิตตะ เราพยายามจะลดละ ปลงปลดออกจริงๆ ไม่มีการเห็นอย่างชัดเจน จากปัญญาอันยิ่ง ที่เรียกว่า อธิปัญญา หรือญาณทัสสนะ ยิ่งไปเข้าใจผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิว่า นั่นเป็นแดนเป็นภพ ที่เราจะต้องสิงสู่ จะต้องติดจะต้องยึด จะต้องเอร็ดอร่อย ถ้ามีมิจฉา ปณิหิตัง จิตตัง อย่างนั้น ยิ่งแน่นอนที่สุด การรู้จะต้องยากแน่ๆ ขนาดที่เราพยายามที่จะใช้ปัญญา วิเคราะห์วิจัย ทำความเห็นให้แจ้งว่า เออ! มันน่าจะจริงนะ ว่าในภพนี่ ก็เป็นภพจริงๆ เป็นสภาพจิตฝัง จิตคณิกะ จิตสังสัคคะ จิตเข้าไปเกี่ยวไปเกาะ เลยไปสร้างสวรรค์ เป็นแดนสวรรค์ เป็นคณิกะ เป็นการติดการเกี่ยว การข้องการคลุกคลี แต่มันไม่ได้คลุกคลี อย่างตัวตนบุคคลเราเขา แต่มันเอาจิตไปคลุก เอาจิตไปเคล้าเคลีย เอาจิตไปเรียกว่า เอาไปวุ่นวาย ไปยุ่งไปเสพย์ไปติดกัน เหมือนกับ คนกระจองอแงนี่แหละ แต่ว่ามันไม่ใช่ มันเรื่องของจิต จิตมันเสพย์ มันอาลัยอาวรณ์ มันก็อยู่ เคล้าเคลียอยู่ด้วยกันนั่นล่ะ เป็นคณิกะแท้ ตีไม่แตกแยกไม่ออก แยกยาก มันไม่ออกน่ะ ยากมาก เพราะฉะนั้น ยิ่งมิจฉาทิฏฐิ ยิ่งไม่เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งว่า เราจะต้องละ อันนี้ไม่ใช่แดนเกษม อันนี้ไม่ใช่สภาพที่เราจะติดยึด ติดอะไรไม่ได้ ติดภพก็ไม่ได้ ภวตัณหา หรือภวภพ ก็เป็นแดนเป็นภพ ที่สิงเสพย์อยู่ ปกติเราก็อยู่อย่างมีความรู้สึก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ถึงเวลาพักก็พัก กำหนดเวลาพัก ถึงเวลาตื่น ตื่น ผู้ตื่นเต็มแล้ว ไม่เสพย์ไม่ติด ไม่ไปนั่งอาลัยอาวรณ์ หรือว่า คอยจะต้องหาอาการ อารมณ์เฉยๆ ว่างๆ วุ่นวายอะไร ไม่ๆ ไม่วุ่นหรอก แต่ว่ามันเสพย์ มันแช่น่ะ มันเป็นสภาพที่ ถ้าเผื่อว่ารู้ไม่ชัด เข้าใจไม่จริง ถอดถอนไม่ได้น่ะ
เมื่อเรามาอยู่ในอรัญวาสีอย่างนี้ ยิ่งเป็นทิศทาง ยิ่งเป็นที่ที่มันให้โอกาส ที่มันจะมีสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราไม่เอาจริงกับมัน มาเป็นผู้ฝึกเพื่อตื่นแท้ เป็นชาคริยานุโยคะ เราจะไม่มีทางรอดได้เป็นอันขาด จะถอนอาสวะอนุสัยไม่ได้จริงๆ น่ะ ไม่ได้ ขอยืนยันเลยว่าไม่ได้ ถ้าเผื่อว่าเราไม่เอาจริง เราไม่พยายามทำให้เกิดชาคริยา ตื่นแท้อย่างแน่นอน เราก็ไม่มีทางสำเร็จ
ก็ขอให้พวกเรา สังวรระวัง พยายามพากเพียร อุตสาหะวิริยะ เพื่อที่จะดำเนิน ตามนโยบาย ตามวิธีการ ตามการกระทำของเรานี่ ดูซิว่า มันจะเป็นไปไม่รอด ได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่า เมื่อมีผู้ที่ได้บำเพ็ญ ประพฤติไปจนกระทั่ง ถึงขั้นถึงที่ มีมากพอแล้ว เกิดจะช่วยผู้ที่ติดมาก หรือเป็นมิจฉาทิฏฐิ ในอนาคตได้บ้างน่ะ แต่ถ้าเผื่อว่าเราเอง เราก็ไม่สามารถที่จะรอดพ้นได้ เป็นไปได้ เราก็แย่
แต่สำหรับตัวเอง ที่พาทำอยู่นี้ แน่ใจ และตัวเองก็คิดว่า ตัวเองไม่ได้ไปตกต่ำ ยังไม่ได้ไปเคล้าเคลีย ยังไม่ได้ไปอะไรอยู่ ยังไม่ได้เที่ยวไปยินดีอะไร ถ้าเผื่อว่าตัวเอง เกิดอาการ ยังรู้สึกว่า ถ้าเผื่อว่าเปลี้ยเพลีย บางทีมันก็ยังไปเป็นภพ ตกภพอะไร บางที พักผ่อนไม่พออะไรมีบ้าง แค่นั้นอย่างนั้น ยังรู้สึกละอายเลย เพราะฉะนั้น ถ้าเรายิ่งไปนั่งเสพย์ นั่งติดแล้ว แน่นอน ตัวเองทนไม่ได้แน่ ตัวเอง เพราะว่า ไม่ได้มีความเห็นผิดไปอย่างนั้น แต่ก็เคย ไม่ใช่ว่าไม่เคยเสพย์ ไม่เคยติด ไม่เคยที่จะไปเคล้าเคลีย อยู่อย่างนั้น ไม่ปฏิเสธ ว่ามันเบา ว่างง่ายสบาย อยู่เฉยๆมันก็เบา ก็ว่างก็ง่าย แต่อย่าเข้าใจว่า สภาพเบาว่างง่าย ที่เป็นภพอย่างนั้น คือแดนเกษม เป็นอันขาดน่ะ ต้องใช้ปัญญาอันยิ่ง เห็นให้แท้ ปัญญาบังคับกันไม่ได้หรอก แต่ว่าต้องเห็นด้วยปัญญาอันยิ่ง ของแต่ละบุคคล ที่แนะนี้ก็เพราะว่า แนะจริง และตัวเองก็รู้เห็นจริง ตัวเองได้ออกมาจริงนะ ถ้าจะเข้าไปแช่ ก็แช่ได้น่ะ มันไม่ยากจริงๆ เข้าไปแช่ในภพว่างนั้น ไม่ยากจริงๆ อัตตกิลมถานุโยค อย่างนั้นไม่ยาก เป็นเรื่องไม่ยากเลย เคยพูดแล้วว่า ถ้าจะปล่อยพวกเรา เป็นเสือเข้าป่าน่ะ เป็นเดียรถีย์ ปล่อยออกไปอย่าง ฤาษีนะ ไม่ยากเลย ขอยืนยัน
ผู้ใดแน่ใจ ถ้าจะอยู่กับอโศกแล้ว อโศกจะต้องปราบปรามจุดนี้ แต่ถ้าเผื่อว่า จะไม่อยู่กับอโศก ไม่มีปัญหาหรอก ใครไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ แล้วก็ไปเป็นฤาษีเดียรถีย์อย่างนั้น ตามความเห็น มันไม่ยากอะไรเลย เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะว่า ที่นี่ไม่ได้บังคับใคร ไม่ได้มาเที่ยวได้ผูกมัด อะไรต่ออะไร เอาไว้
ผู้ใดเห็นจริงก็อยู่ด้วยกัน แล้วก็แก้ไข ถ้าไม่เห็นจริง ก็สมัครใจ เอาได้ ทุกอย่าง สบายๆ ไม่ยากไม่เย็น แต่ถ้าผู้ใดจะอยู่ด้วยกัน ก็แน่นอน ก็ต้องขอยืนยันว่า เราจะต้องแก้ไข เราจะต้องปรับปรุง ไปสู่จุดนิพพาน ที่พ้นกามาสวะ พ้นภวาสวะ และพ้นอวิชชาสวะ จนถึงที่สุดให้ได้
สาธุ
*****