ธรรมปัจเวกขณ์ ขอให้พวกเราได้สังวรระวัง เรื่องภวตัณหา เรื่องเสพย์ภพ ให้สำคัญยิ่ง เรื่องกามภพ ก็พูดกันมา มากแล้ว ก็มีนโยบาย เยอะแยะ ที่เราได้กระทำ แม้แต่เขาเป็น ฆราวาส เขาก็ละกามมาได้แล้ว ถ้าผู้ใด ยังไม่แน่ใจ ก็ต้องค่อย ปราบปราม แต่ถึงแม้ การเป็นอยู่ ทุกวันนี้ ได้สอดส่องดูแลอยู่แล้ว กามมันก็มีเศษส่วนเหลือ ดังที่เคยแนะนำ ก็ดูไปอีก ในภาวะที่เรามีอินทรีย์ทั้ง ๖ สังวร สำรวมอินทรีย์ ทั้ง ๖ เสมอ เป็นอยู่กัน ตามธรรมดา แม้ในเวลานึกคิด ก็ให้ระวังความนึกคิด อย่าให้เป็นกามวิตก แม้แต่การทำการงานอะไร ก็ตาม ก็จะต้อง ระมัดระวัง ไม่ให้มีแม้แต่ปาณาติบาต อทินนาทาน และ กาเมสุมิจฉาจาร อย่างละเอียด เมถุนสังโยค ต้องมีสภาวธรรม รองรับ จะต้องรู้ในเมถุนสังโยค อย่างลึกซึ้งละเอียด นั่นเป็นเรื่อง ของกาม ก็จะกำชับกำชา เพิ่มเติมอีก ส่วนภวตัณหานั้น ต้องเอาให้ชัดเจน เราเสพย์ภพทุกวันนี้ หยาบคาย เช่นเดียวกันเสพย์กาม ถ้าเราไม่รู้จัก ฐานะ ของตัวเรา เราทำหยาบ ในเรื่องของฐาน ที่มันสูงขึ้น ประมาณอย่างนี้ เราไม่รู้จักสักกายะ ไม่รู้ความใหญ่ ความโตของเรา ไม่รู้ว่านี่ เราหยาบใหญ่ หยาบโตแล้ว เราก็ไม่สามารถ ที่จะล้างมัน ออกได้ เราต้องสังวรระวัง มีหิริ มีโอตตัปปะ ในความหยาบของเรา ให้ชัดเจน ภวตัณหา เสพย์ภพ เราอยู่ในอรัญวาสีอย่างนี้ เสพย์ภพง่ายที่สุด ต้องแก้ด้วยการที่ ขยันหมั่นเพียร ใช้อิทธิบาท แก้การตกภพ เราจะต้องอ่าน ต้องชัด อย่าให้เราเสพย์สม ใส่กระป๋องออมสิน อย่าให้เราเสพย์ภพ โดยการที่ ให้อาหาร แก่มัน เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้น เราจะละ หน่ายคลาย ได้อย่างไรน่ะ เราเกื้อกูลมัน ด้วยอาหาร เราเกื้อกูลมัน ด้วยความเสพย์คุ้น เคยชิน เราไม่มีการอดกลั้น เราไม่มีการเว้นขาด เราไม่มีการบรรเทาได้ เราไม่พิจารณา แม้กระทั่ง เวลาที่เราจะเป็นอยู่ ว่าเรากำลังเสวย อารมณ์อะไร ถ้าเราไม่รู้ ในอารมณ์ เสวยอารมณ์เราไม่รู้ เราไม่รู้ธรรมารมณ์ เราไม่รู้แม้แต่ ความเกี่ยวข้อง มาข้างนอก เข้าไป สู่อารมณ์จิต ถ้าเราแก้ไขไม่ได้ ไม่ชัดเจน ไม่กระจ่างว่า นี่เราตกภพแล้ว นี่เสวยอารมณ์แล้ว เสพย์สม สุขสมอารมณ์ ภวตัณหาแล้ว เป็นภวภพแล้ว สมสู่อยู่อย่างกับ เสพย์สมเมถุน เมถุนของหยาบ เมถุนของละเอียด ต้องรู้ให้ชัดเจน ถ้าเราพิจารณาไม่ออก ไม่รู้เท่าทันน่ะ ไม่รู้เป็นปริญเญยยะ ไม่รู้ต้นเหตุของตัณหา ภวตัณหาของเรา จับจิตตัวลึกตัวใน ที่จะเป็นตัวถอดถอน ออกไม่ได้ พยายาม ละหน่ายคลาย ตัวตัณหาในภพ ไม่ได้น่ะ เพราะเราไม่มี ปริญเญยยะ เราไม่รู้ทุกข์ ตัวทุกข์ ทุกข์เพราะ ตัวที่เราเสพย์ภพ และเราก็ไปหลงสุข เป็น สุขารมณ์ เป็นอาการเสพย์ เสวยภพ แล้วก็เป็นความสุขด้วย เราก็ให้อาหารมันด้วย เมื่ออาหารของนิวรณ์ มันสูงๆๆๆ เสพย์ทั้งถีนมิทธะ เสพย์อุทธัจจะ กุกกุจจะ แล้วเราก็ไม่เข้าใจอารมณ์ อุทธัจจะ ฟุ้งซ่านอยู่ ไม่เข้าใจ อารมณ์ของจิตตกหรี่ ตกหลับ ตกหลบ ไม่เข้าใจจริงๆ แล้วเราก็ให้อาหารแก่มัน เราแก้มันไม่ได้ ต้องตายเป็นตาย เมื่อเราเอง เราออกจาก กามมาได้ ปานฉะนั้น เราก็เบาว่าง ขนาดนั้น ถ้าเรามาทางนี้ เรารักษาภพ เราพยายาม ปราบตัณหา ในภพไม่ได้ เราก็ไม่ได้ดิบได้ดีอะไร กว่านั้น เป็นโมฆบุรุษ อีกชาติหนึ่ง อยู่อย่างนั้นไป ถ้าเศษกาม ก็ไม่ละเอียด เราจะรู้เศษกามละเอียดได้ ก็เพราะเราฆ่าตัณหาในภพ ที่ตัวฟุ้งซ่าน ฟุ้งซ่านหยาบ ฟุ้งซ่าน ทำให้รำคาญใจ มันก็มีพวกนี้กวน ถ้าเราฆ่าตัวฟุ้งซ่านหยาบ กุกกุจจะ ไม่ได้ เราจะไปถอนอาสวะ อนุสัยไม่ได้เลย และกามราคะ ที่เป็นรูปราคะ อรูปราคะ ซ่อนใน เราก็จะไม่เข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจ เราถอดถอนอะไรไม่หมด เราก็ต้องเวียนกลับ ไปเป็นมนุษยโลก สัตว์เดรัจฉาน อีกอย่างเดิม ถ้าเราถอนกาม ถอนรูปราคะ อรูปราคะได้ แล้วเราก็รู้จักตัณหาในภพ ถอนภพสิ้นซาก อยู่ปกติ ธรรมดา เป็นมนุษย์ ที่ขยันขันแข็ง หมั่นเพียร เป็นผู้ที่ทำทั้งความดี ละความชั่วสนิท ทำความดีสร้างสรร จิตบริสุทธิ์ จิตสะอาด จิตขาวรอบ เป็น สจิตตปริโยทปนัง หมดอัตตา หมดตัวตน กามสุขัลลิกานุโยค เราก็ไม่มี อัตตกิลมถานุโยค เราก็รู้สิ้น แจ้งจบ ดับสิ้น อัสสาทะในภพได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ภวตัณหาใดๆ เพราะฉะนั้น เราสิ้นกามาสวะได้แท้ สิ้นภวาสวะได้แท้ด้วย พ้นอวิชชา หรือ สิ้นอวิชชาสวะ เป็นการรู้ยิ่ง อย่างแท้จริง เราจึงจะถอดถอนภพได้ ขอให้พวกเรา ได้หมั่นศึกษา สังวรระวัง และประพฤติ จริงๆ ถ้าปราบ ภวภพนี้ไม่ได้ ศาสนาไม่เดิน ติดขัด อยู่มาก ที่ภวตัณหา กามตัณหา เดี๋ยวนี้ เราก็ช่วยเหลือ เฟือฟายฆราวาส รู้เท่าทัน และเขามาเป็นลูกศิษย์มากแล้ว แต่เราก็ยังติดแป้น เราก็ยังไม่เลื่อนภูมิ เลื่อนภพ ถ้าเราไม่เลื่อนภูมิ เลื่อนภพ ฆราวาสนั่นแหละ เขาจะเลยหน้าเรา แล้วเขา จะขี่หัวเรา เพราะเขาทำงาน ฆราวาสเขาทำงาน แต่เรากลายเป็น เดียรถีย์ ฤาษี เรากลับไม่ทำงาน แล้วเราไม่ได้ล้าง ส่วนละเอียด ฆราวาสนั่นแหละ เขาจะเป็นอริยะ ที่สูงกว่าคุณ ในอนาคต ถ้าคุณไม่สังวร ไม่ระวัง และ ไม่เอาจริงเอาจัง เราก็จะเป็น ผู้ที่เวียนกลับ ไปสู่โลก แต่ฆราวาส เขาจะกลับมาเป็น ผู้ที่เป็นหัวหน้าคุณอีก ต่อไปในอนาคต ขอให้สังวร ขอให้สำนึก และเอาจริงให้ได้ ถ้าเราปราบจริงไม่ได้ เราก็ทำศาสนานี้ ถึงที่สูงสุด บริบูรณ์ ไม่ได้โดยแท้
สาธุ.
|