017 ธรรมปัจเวกขณ์
วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๖

เรายิ่งศึกษาศาสนา และก็ได้ปฏิบัติทดสอบ ไม่ใช่ว่าเราศึกษาศาสนาไป แต่เพียงภาษาปริยัติบัญญัติเท่านั้น เราได้ศึกษาและก็ได้ทดสอบน่ะ ได้พิสูจน์ให้เกิดมรรคเกิดผล เกิดพฤติกรรมจริง เกิดจิตใจที่ได้ลดละจางคลาย จนเกิดปัญญาจริง เราจึงได้มีปัญญา เห็นความสำคัญของศาสนา ต่อสัตว์เมือง หรือต่อสังคมมนุษย์ ว่าเป็นศาสนาแห่งสังคมมนุษย์จริงๆ

ศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น และเราก็จะเห็นทฤษฎี หลักการต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ทั้งหมด ร้อยเรียงน่ะ ชัดเจน ว่าเป็นหลักการเพื่อมนุษย์ ปวงชนทั้งมวล ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว เพราะหลักแกน สุดท้าย ศาสนาพุทธก็คือ การละตัวละตนเป็นที่สุด เพราะละโลภละโกรธละหลงลงไปได้ ตามฐานานุฐานะ แต่ละขั้นแต่ละตอน ก็จะเป็นผู้ที่เห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่นเรื่อยๆ แม้แต่ประโยชน์ตน ก็ซ้อนอยู่ในนี้ แน่นอน

จุดสำคัญที่สุดก็คือ ทำตนให้ได้รับประโยชน์ ประโยชน์ที่ว่านี้ ถ้ามองโดยโลก ก็คือประโยชน์เรา จะได้ลาภยศสรรเสริญเสพย์โลกียสุข นั่นเรียกว่าโลกียะ ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนาพุทธ หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อสังคมโดยตัวมันเอง แต่คนมองไม่ออก ผู้มีจักขุทิพย์ ผู้มีธรรมจักษุ จึงจะมองออกว่า โลกธรรมเป็นปฏิปักษ์ต่อความเป็นอยู่สุขของตัวมันเอง จึงได้หันทิศทางมาสู่โลกุตระ เลิกละ ลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะฉะนั้น ประโยชน์ที่ว่านี้ ผู้ได้รับประโยชน์ คนนั้นก็คือ ผู้ที่ละลาภยศสรรเสริญโลกียสุขได้

เมื่อผู้ใด ละลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ของตนได้ลงไป ตามขั้นตามฐานะแล้ว ผู้นั้นกลับจะมีประโยชน์ต่อสังคม สอดคล้องกันไปอีก ตามขั้นตามตอนตามฐานะ ยิ่งเป็นผู้ที่ละได้หมดเกลี้ยง เป็นพระอรหันต์แล้ว เป็นผู้ที่จะกระโดดโลดเต้น อยู่กับสังคมเลย จะเป็นผู้ที่ทำงานการให้แก่สังคม ดังที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสหลัก ยืนยันไว้อีกว่า เอกบุรุษนั้นคือ ผู้ที่มีพหุชนะหิตายะ ปฏิปันโน โหติ พหุชนะสุขายะ พหุสฺสะ ชนะตา อริเย ญาเย ปติฏฐาปิตา ที่เอามายืนยันสู่กันฟังเสมอๆ ว่าศาสนาพระพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อมวลมนุษยชาติ กอบกู้น่ะ ประดิษฐานอริยธรรมและญายธรรม ให้แก่มวลมนุษยชาติ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นเอกบุรุษ หรือหมายความว่าผู้เลิศ เอกะแปลว่าเลิศแล้ว บุรุษเลิศ เราหมายในที่นี้ก็คือ ผู้ที่เสร็จกิจสิ้นภาระ เป็นพระอรหันต์

พระอรหันต์ของพุทธ จึงแตกต่างกับลัทธิเดียรถีย์ ฤาษี ที่เขาค้นพบ ลัทธิของเขามาก่อนของศาสนาพระพุทธเจ้า จึงเป็นศาสนาที่เป็นประโยชน์ต่อมวลชน ด้วยหลักการ และพฤติกรรมตำนาน

พระพุทธเจ้าก็มาทำงานอยู่กับโลกตลอด แม้แต่อรหันต์ ๖๐ องค์แรก คำตรัสก็ยืนยันว่า เธอจงไปเป็นประโยชน์ต่อประชาชน พหุชนะหิตายะ พหุชนะสุขายะ โลกานุกัมปายะ มนุษย์ที่มีปัญญา พอที่จะสอนได้มีอยู่ ไปทำงาน พระอรหันต์ทั้งหลายก็เข้าสู่ชุมชนทั้งสิ้น เพื่อที่จะอยู่กับชุมชน ทำงานกับชุมชน ดังนี้ เป็นหลักฐานะ ที่แน่นอนชัดเจนน่ะ

การปฏิบัติธรรมนี้ ถ้าผู้ไม่รู้ลึกซึ้งขึ้นไปอีก ก็จะไม่เข้าใจ แม้แต่มหาประเทศ ที่จะต้องอนุโลม ที่จะต้องรู้จักความควรความไม่ควร ตามกาลเทศะ ยุคสมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยี ยุคสมัยก่อนไม่วุ่นวายขนาดนี้ ยุคสมัยก่อนไม่ต้องใช้ความรู้อะไรมากนัก ก็รู้ว่าบรรยากาศของสังคม บทบาทของสังคมนั้น ปรุงกันขนาดไหน ยุ่งกันขนาดไหน ที่เราจะต้องรู้ข้อมูล เพื่อเอามาช่วยเขา เท่าที่เราสามารถ จะอยู่ในขอบเขต เป็นไปได้

พระไม่ใช่คนดูดาย โดยเฉพาะพระอริยะ ไม่มีหน้าที่ ไม่มีกิจอะไรของตนแล้ว ตนสบายมาก ถึงยังไงก็สบาย ตายก็สบาย อยู่ก็สบาย กินอยู่หลับนอนสบายทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น จะเหลืออยู่ แต่ก็จะทำให้มันสุขเย็น ในหมู่มวลมนุษยชาติสังคม

การที่จะทำงานกับมนุษย์ ก็จะต้องสัมพันธ์กับมนุษย์ จะต้องมีความโยงถึงกันได้ มีเทคโนโลยี มีความรู้บรรยากาศของสังคม มีงานการอะไรต่ออะไรต่างๆนานา เพราะฉะนั้น คนที่ยังโบร่ำโบราณ ไม่มีปัญญาที่จะสืบรู้ไปได้ว่า พระอริยเจ้าท่านนั้น จะต้องปรับตัว ให้เป็นไปตามมหาประเทศ เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อ พหุสฺส ชนตา เป็นประโยชน์ต่อปวงมหาชนได้มากที่สุด เพื่อจะให้เกิดความไปด้วยดี เป็นอริยชาติ เป็นอริยชน หรือมีญายธรรมที่ลึกซึ้งขึ้นไป ก็ทำทั้งสองส่วน ผู้ใดกระโดดเข้ามาสู่สภาพของการปฏิบัติธรรมอันลึกซึ้ง เราก็ช่วยเหลือเขา ให้เกิดการปฏิบัติธรรมอันลึกซึ้ง เพื่อที่จะถอดตัวถอนตน แล้วก็มาทำหน้าที่ ที่จะช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ มนุษยชาติ ดังที่ได้แจ้งจุดหมายปลายทางของศาสนาไว้ให้แล้ว ยืนยันย้ำยัน มีหลักฐานอ้างอิง ที่ได้กล่าวไปแล้ว

ผู้ที่จะทำงานเพื่อขัดเกลา เพื่อที่จะผลิตบุคคล ไปสู่ประชาชนไปสู่สังคม ก็ผลิตไป ความเป็นไปของสังคม บทบาทของสังคม เราก็ดูแลเกื้อกูลช่วยเหลือ เป็นไปด้วยจริงเหมือนกัน แม้แต่พระพุทธเจ้า ยังออกไปห้ามกษัตริย์ต่อกษัตริย์ ห้ามทัพมนุษย์ต่อมนุษย์ ที่จะรบราฆ่าฟันกัน อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมองแล้วก็เห็นว่า นั่นเป็นเรื่องของการเมือง ที่จริงไม่ใช่การเมือง เป็นเรื่องของสัตว์เมือง ที่มันไม่ชอบมาพากล เมื่อท่านมีฤทธิ์มีแรง ท่านเห็นสมควร ท่านดูแล้วว่า ท่านเองท่านไม่เสียหาย ท่านทำแล้วมีผลด้วย มีฤทธิ์มีแรงพอ ท่านก็จะเข้าไปทำ ยื่นมือเข้าไป แต่เมื่อท่านทำเสร็จแล้ว เรื่องจะต่อไป ท่านจะร่วมด้วย ไม่ร่วมด้วย ท่านก็จะดูกาลเทศะ แล้วองค์ประกอบอีก ดังที่มีตำนาน มีพงศาวดารผ่านมา มีประวัติให้เราได้ศึกษา

สิ่งเหล่านี้เป็นความลึกซึ้ง คนที่ไม่เข้าใจรอบถ้วน ก็จะมองเพ่งไปในบทบาทของพระ ถ้าผู้ที่เอียงมาในข้างอนุรักษ์นิยม ก็จะมองไปในระบบเก่าๆ ซึ่งมันมาใช้กับสมัย ไม่มีศิลปะร่วมสมัย ไม่มีความรู้ ไม่มีบทบาทอะไรกับสมัย คนสมัยใหม่เขาไม่รู้เรื่อง เขารับไม่ติด เขาสืบโยงไม่ได้ ก็ไม่มีผลอะไรกับมนุษยชาติเท่าที่ควร เพราะฉะนั้น ผู้ฉลาดหรือผู้เป็นพระอริยะแท้ เป็นผู้ที่รู้แท้ ท่านจึงต้องพยายาม ที่จะทำงานให้มีศิลปะ ทำงานให้มีผล ทำงานให้สืบเนื่อง เป็นไปด้วยความควรความไม่ควร ใช้พิจารณาด้วยความจริง อย่างสัจจะลึกซึ้ง

ขอให้พวกเราได้เข้าใจในแนวนี้ หรือความหมายนี้ อย่ายึดมั่นถือมั่น จนกระทั่งกลายเป็นคนอนุรักษ์นิยมเกินไป จนไม่เกิดผลเกิดค่า หรือหวือหวา ล่วงล้ำเข้าไปสู่โลกธรรมมากไป จนเสียธรรม เราจะต้องรู้ทั้งสองส่วน เพราะฉะนั้น ในสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีญาณปัญญาสูง เรายอมรับในความคิดของผู้ที่มีความคิดที่เหนือกว่า เราก็ต้องพยายามสังเกตสังกา หารายละเอียด หาเหตุผลให้เพียงพอ อย่าติเรือทั้งโกลน เข้าใจอะไรไม่ได้ อย่าเที่ยวไปละลาบละล้วง จนเกินการ

เราจะต้องสอบทาน พยายามทำปัญญาให้แจ้ง ในเหตุในผลต่างๆนานา ผู้ที่มีปัญญาแล้ว ทำอะไรต้องมีเหตุมีผล ต้องมีความประมาณ มีความไตร่ตรอง ไม่ใช่ทำอะไรตามอำเภออารมณ์ใจ

พระอริยเจ้าชั้นสูง จะไม่ทำอะไรตามอำเภออารมณ์ใจ ป่วยการกล่าวไปไยถึงพระอริยเจ้า แม้แต่เราผู้ที่รู้มากแล้วพอสมควร มีภูมิสมควร รู้ดีว่า การทำอะไรตามอำเภออารมณ์ใจของตนนั้น ไม่ใช่เรื่องดี แต่เราจะต้องเอาข้อมูล เอาองค์ประกอบต่างๆ เข้ามาพิจารณา เข้ามาตัดสิน เข้ามากระทำให้มันได้ดีที่สุด เท่าที่จะมีผลดีได้

นี่เป็นเรื่องของศาสนา ที่มีประโยชน์ มีคุณต่อมนุษยชาติ เพราะฉะนั้น ศาสนาพุทธ จึงเป็นศาสนาที่มีคุณต่อมนุษยโลกเหลือเกิน คนเข้าใจผิดและเพี้ยนไป เป็นพวกฤาษีเดียรถีย์ ลัทธินอกรีต มากมายเท่านั้น ที่เขาตู่ จาบจ้วง จะเป็นฝ่ายใดก็จาบจ้วงไม่ได้ เพราะว่าแม้แต่ในเชิงของอนุรักษ์นิยม ศาสนาพุทธก็มีอยู่เพียงพอ เชิงที่จะร่วมสมัย ทันสมัย ศาสนาพุทธก็มีอยู่เพียงพอ ขอให้อ่านคุณภาพและปริมาณ เหล่านั้นๆ ให้ชัดแจ้ง แม่นตรงดีๆเถิด เราจะเข้าใจว่า ศาสนาพุทธนี้ประเสริฐ เป็นศาสนาเพื่อมนุษยชาติทั้งมวลโดยแท้

สาธุ.


สมณะโพธิรักษ์


(ถอดเท็ปโดย นายประสิทธิ์ ฝ่ายทอง)
๖ พฤษภาคม ๒๕๒๙