039 ธรรมปัจเวกขณ์
ประจำวันที่ -- สิงหาคม ๒๕๒๖

การปฏิบัติธรรมที่จะมีกำไร เรียกว่าสุขาปฏิปทานั้น ต้องรู้ต้นทางอย่างหนึ่ง คือเราทำให้สมตัว มีศีลหรือมีกรรมฐาน หรือมีเรื่องสำคัญ ตัวการสำคัญ สักกายะ จะมีกี่เรื่อง ไล่เลียงลงไป ไอ้นี่ต้น ไอ้นี่กลาง ไอ้นี่ปลาย ไอ้นี่ใหญ่ ตัวการใหญ่ที่หนึ่ง ตัวการใหญ่รอง ตัวการใหญ่รองลงอีกอะไร เราก็รู้ของเรา กำหนดสักกายะตัวใหญ่ ตัวการใหญ่ตัวไหนก็กำหนด เสร็จแล้วเราก็จัดการกับอันนั้น เป็นเรื่องเป็นราวไป

เราจะมีเรี่ยวมีแรง ไปเที่ยวได้กวาดเก็บอะไร ทีละอะไรก็เอาหมด กิเลสอะไรเอาทุกตัว มันทำไม่ได้ดอกนะ เพราะฉะนั้น ตัวไหนที่เราว่าเอาตัวนี้ทิ้งไว้ก่อน เพราะว่ามันยังไกลเรา เรายังไม่ถนัด หรือว่าเรายังทำไม่ไหว หรือบางทีวิบากส่วนเกี่ยวข้อง เรายังจำยอม ที่จะต้องให้เป็นอย่างนี้อยู่ เราก็วางไว้ก่อน เอาตัวที่สำคัญ เอาให้ดี จัดการให้เกลี้ยงเป็นจำนวน จำนวนพอแรง พอกับแรงของเรา

เมื่อเราแบ่งได้อย่างนี้ เราเรียกว่าจัดศีลสมตัว เป็นศีลที่เราจะประพฤติ หรือว่าเป็นกรรมฐานสมเหมาะสมตัวคน เมื่อผู้ใดทำแล้ว ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำในใจ คือเมื่อทำแล้ว มันต้องอดทนสู้ฝืนจริง นั่นเป็นทุกข์แท้อยู่แล้ว เราจะต้องขัดเกลา ต้องต่อสู้กับมัน เพื่อลดเพื่อละ ลดละมัน กิเลสมันก็สู้ มันก็ต้องฝืนต้องทน มันก็ต้องพยายามอุตสาหะวิริยะ หาวิธีการลดลงไปได้ ลดมันเรื่อยๆ กระทำมันจริงๆ

ใจเราจะต้องรู้ว่า อดทนหนักหนาอยู่ก็ตาม แต่ต้องอย่าขุ่นหมอง อย่าอึดอัดขัดเคือง อย่าเคร่งเครียด เรารู้ความจริงตามความเป็นจริงให้ได้ว่า เราจะสู้อันนี้ เราจะทำอันนี้ แล้วสู้อย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เบิกบาน ผู้ใดทำใจในอารมณ์ซ้อนอย่างนี้ เป็นผู้ที่ไม่ให้มันทุกข์ ทับถมทุกข์ที่เรากำลังสู้อยู่ เราทำในใจอย่างนี้ด้วย แล้วก็แบ่งเบาพอประมาณ สมตัว เรียกว่าสัมมาปฏิปทา หรือทำอย่างมัชฌิมาปฏิปทา หรือทำอย่างพอประมาณ ปานกลาง ให้สมฐานะของเรา

ผู้ใดทำด้วยการรู้จักสักกายะ ที่เรียกว่าตัวการ ตัวขนาด หรือว่าส่วนสัดตัวตนนี่ มันเป็นตัวเป็นตน มันเป็นเรา เป็นอะไรยึดอยู่อย่างนั้นแหละ มันยังปล่อยไม่ได้ทั้งนั้น ยังไม่หลุดยังไม่พ้นทั้งนั้น แล้วเราก็พยายามที่จะเก็บมาส่วนหนึ่ง หรือว่าทำกับมันส่วนหนึ่ง ตะกละตะกลาม ทำทีเดียว รวบรัดพรวดพราดหมดเกลี้ยง มันไม่ได้หรอกน่ะ ดังที่กล่าวแล้ว เพราะฉะนั้น การทำอย่างนี้ เราเรียกว่า เป็นองค์ประกอบ หรือเป็นวิธีการของมรรคองค์ ๘ ตามฐานานุฐานะ เพราะฉะนั้น จึงมีชั้นบุคคลโสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ ไปตามขั้นตอน เพราะฉะนั้น โสดาก็ทำแค่ประมาณนั้น ศีล ๕ เป็นต้น มีอบายมุข หรือมีส่วนสัดของโลก ที่หยาบต่ำก่อน อย่างนี้เป็นต้น

ที่ได้พยายามแบ่งสัดแบ่งส่วน อะไรมาอธิบาย แล้วพาทำมา ได้มรรคได้ผลกันมาอยู่นี่ ต้องรู้จริงๆ เพราะฉะนั้น ใครได้มากขึ้นแล้ว ไอ้สิ่งนั้นได้แล้ว อย่าไปซ้ำส่ำฉ่ำแฉะ เสียเวลา หรือติดแป้นอยู่ รู้ชัดรู้เจนว่า นี่เป็นกตญาณ ไอ้นี่เป็นสิ่งที่เสร็จแล้ว แล้วเป็นแล้ว หาใหม่เพิ่ม เจริญวุฑฒิๆๆ เพิ่มต่อไปอยู่เรื่อยเสมอๆ อย่าไปเที่ยวได้เสพ ได้ภพสบาย แล้วเสพภพสบาย อย่างนี้พระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญ

ขอให้มันตั้งมั่น แน่นอน ว่าทำได้สำเร็จ แน่ใจนะ แน่ใจว่ามีฝีมือ ตัดได้เด็ดขาด ตั้งมั่นแน่นอน รู้ให้ชัดเจน แล้วเราก็เพิ่มภูมิ สลัดคืน ทำใหม่อีก ต่อสู้ใหม่อีก เพิ่มกรรมฐาน เพิ่มศีล เพิ่มตัวการใหม่ของเรา ที่เราฝากไว้ก่อน หรือว่าเรายังไม่ได้เอามาทำ เอามันมาใหม่ ตอนนี้จัดการเก็บไปเรื่อยๆ เก็บไปเรื่อยๆ อย่างนี้นี่ เป็นกรรมวิธีของศาสนาพุทธ ทำไปอย่างนี้แล้ว ก็จะเบาบางขึ้นไปเรื่อย

ยิ่งละเอียด เราก็ยิ่งจะต้องรู้ให้ละเอียดลึกซึ้ง แล้วมันจะติดเนียน ยิ่งละเอียด ยิ่งว่าสงบลง ขึ้นต้นโสดาก็ได้สงบประมาณหนึ่ง สกิทาก็มีความสงบระงับได้อีกประมาณหนึ่ง แล้วเราจะไปหลงซ้อนภวภพ ภวตัณหา ติดความสงบ ติดเนียนลงไปอีก เนียนลึกซึ้งลงไปอีกเรื่อย ทิ้งยากขึ้นกว่าเก่า ยิ่งกว่าทองเท่าหัว บอกแล้วว่า นามธรรม มันยิ่งสนิทเนียน แล้วเราก็ติดความสงบ หลงความสงบลงไปอีก ไม่อยากหาทางที่จะมาต่อสู้ใหม่ ไม่อยากจะหากิเลสอันที่ยังมีอยู่ในตัวเราอีกใหม่มาทำ เพราะมันจะต้องต่อสู้อดทนอีก เราไปหลงความสงบ แม้แต่ฐานขนาดใดขนาดหนึ่ง อย่างนี้เป็นผู้ที่ไม่เจริญ ยิ่งๆอยู่ กลายเป็นผู้ขยุกขยัก ช้า

ถ้าผู้ใดทำถูกต้องตามหลักของพระพุทธเจ้าแล้ว แบ่งทำพอสมควร รู้จักวางใจ อย่าอึดอัดฟัดเหวี่ยง อย่าไปให้ใจเราเคร่งเครียดหม่นหมอง เรารู้ว่าสู้เป็นสู้ เรารู้ว่าทำเป็นทำ เบิกบานร่าเริงยินดี กระทำอย่างนี้ ท่านเรียกว่า สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา เราจะได้เร็ว เพราะทำถูกหลักการดังที่กล่าวนี้

ขอทำความเข้าใจในหลักการ สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ให้ดีๆ โดยหลักมรรคองค์ ๘ โดยฐานานุฐานะ โดยเบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลาย โดยโสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ โดยขั้นตอนของผู้ที่เป็นไป เป็นระดับๆๆๆ มีเบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลาย เข้าใจให้ละเอียดลออซับซ้อน แล้วเราก็ต้องรู้ความจริงของเรา ให้ชัดเจน

อันที่ได้แล้วก็ให้รู้แล้ว อันที่กำลังทำอยู่ให้รู้อยู่ มีสัจญาณ มีกิจญาณ มีกตญาณ อะไรที่เป็นความจริงตามนี้ มีปัญญารู้ว่านี่ความจริง อันนี้เรามีจริงๆ ไม่ใช่ว่าทำโดยมีศีลมีพรต แต่เราไม่มีไอ้นั่น มันโง่ตาย สักกายะก็ไม่จริง ตัวตนของเราก็ไม่มีอย่างนั้น เราไม่ได้ติดอย่างนี้ เราไม่ได้หลงอย่างนี้ เราไม่ได้ไปลำบากลำบนกับกิเลสอย่างนี้เลย แล้วก็ทำตามๆ เขาไปดุ่ยๆดื้อๆ

อย่างนั้น พวกศีลพตปรามาส ทำตามประเพณีจารีต คนอื่นพาทำ ทำตามเขาไปดุ่ยๆ โดยไม่รู้ตนเองจริง เพราะฉะนั้น สักกายะคือรู้ตนรู้ตัวจริงๆ ตนของตน อันเป็นเรายึดเราติด เราต้องรู้ให้ชัด พ้นมิจฉาทิฏฐิ เห็นจริงเห็นแจ้ง แล้วก็กระทำ ทำลายสักกายะตัวนั้นให้จางคลาย ให้เล็กลงเบาบางลง จนเหลือตัวน้อย เรียกว่าอัตตา ก็ตามตัวน้อยให้ติดๆ ตามตัวน้อยให้แม่นๆ เรียกว่าอัตตานุทิฏฐิ เห็นอัตตาตัวน้อย หรือตามอัตตาตัวที่จะยิ่งเล็กลงเล็กลง ให้ละเอียดเป็นรูปภพ อรูปภพให้ได้ แล้วจัดการจนหมดตัวตนหมดอัตตา เป็นอนัตตาได้อย่างแท้จริง เราก็จะถึงซึ่งต้นกลางปลาย อย่างถูกต้อง อย่างถูกจริงๆน่ะ

อันใดที่เราทำกันอยู่ เป็นกิจญาณ เรารู้ว่าเรากำลังทำอยู่ มันยังไม่หมดน่ะ จางคลายลงไปแล้ว เราจะเพิ่มตัวใหม่มาอีก จะเพิ่มกรรมฐานใหม่ จะเพิ่มเรื่องใหม่มาอีก พอได้ไหม มีแรงเหลือพอทำอีก ก็ทำเสริมหนุนขึ้นมา จะสอดร้อย มีสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนอยู่อย่างนี้เรื่อยไปๆน่ะ เราก็จะได้อย่างมีจังหวะที่ไม่ช้า ไม่เป็นปปัญจารามตา ไม่เป็นสภาพไปติดยึด แล้วก็ทำให้เราเนิ่นช้าน่ะ มันจะเป็นการไม่ติดสวรรค์ ไม่ติดการเนิ่นช้าอย่างแท้ๆ ระมัดระวังจริงๆว่า ไปติดสวรรค์ ไปหลงเป็นสัคคะ ติดแป้น ติดรูปฌาน อรูปฌาน ดังได้ขยายความสู่ฟังแล้ว

ถ้าเราไม่ผิด เรารู้ตัวจริง ไอ้อันนี้กำลังทำเป็นกิจญาณ อันนี้ทำได้แล้วเป็นกตญาณ เกิดญาณเกิดรู้ อันที่แล้วได้แล้ว แล้วได้แล้ว ก็เลิกเพิกใหม่ หากรรมฐานใหม่ หาเรื่องที่เหลือใหม่ เราก็จะยิ่งเบาว่างละเอียดสนิทเนียน เหลือน้อยเหลือเล็ก เราก็จะแช่ อย่างเก่งขึ้นเรื่อย ยิ่งเบายิ่งว่าง ยิ่งเนียนยิ่งสงบ ยิ่งติดง่าย ติดแล้วไม่อยากถอดถอนจริงๆ ถ้าใครประสพสภาวะเหล่านี้ คุณจงรู้ ซาบซึ้ง เราไม่เอา ไม่ติดแป้น เพิกถอนสลัดคืน ปฏินิสสัคคะได้เก่งให้ทุกทีไป เราจึงจะเป็นคนหมดตัวหมดตน อย่างสะอาดถึงที่สุดถึงขั้นปลาย เป็นอรหันต์ได้อย่าง สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ซึ่งเป็นปฏิปทาที่ดีที่สุด ในขบวนการของปฏิปทา ๔ ทั้งหลายแหล่น่ะ

ขอให้พวกเราเข้าใจดีๆ ทำความเข้าใจดีๆ แล้วดำเนินให้ถูก เป็นสุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ดังที่ว่านี้ ให้ได้ถ้วนทั่วทุกคนเทอญ

สาธุ.

*****