044 ธรรมปัจเวกขณ์
ประจำวันที่ -- สิงหาคม ๒๕๒๖

เอ้า! เกิดมาเป็นมนุษย์นี่มันสุดยาก ยิ่งใกล้กลียุคเข้าไปมากๆ ก็ยิ่งยากแสนสุดจริงๆ เพราะว่าอำนาจของทั้งนามธรรม และทั้งวัตถุธรรม มันมากมายมันเกลื่อน ทุกๆบทบาททุกๆการเสนอ ทุกคนก็พร้อมที่จะเสนอมาว่า ของตัวดีของตัววิเศษ เพื่อที่จะจูงดึงให้คนหลงใหลตามอำนาจการโฆษณา ประชาสัมพันธ์แรงขึ้นๆ แล้วก็พยายามที่จะแย่งชิงเอาบริวาร หรือเอาหมู่กลุ่มเข้าไปมาก สัจธรรมที่แท้จริง ถ้าเผื่อว่ามันเฝือ มันล้มล้างไปแล้ว ขาดตอนไปในช่วงใดช่วงหนึ่ง มันก็ยากที่จะกอบกู้

เราเกิดมาในยุคนี้ เรามองเห็นอันนั้น มองเห็นว่าศาสนามันได้ขาดตอน หลักธรรมที่มันเป็นไปทางจิตวิญญาณ ที่จะเป็นสภาพสัจธรรมที่เห็นจริงว่า เกิดมาเพื่อเสียสละ เกิดมาเพื่อเมตตา เกื้อกูล เอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือ เกิดมาเพื่อขยันหมั่นเพียร ไม่ใช่หนี หลีกเร้น เอาเปรียบเอารัดอยู่ ก็ไม่ใช่ หนีหลีกเร้นไป ปล่อยปละละเลยไป

เราจะมักน้อยสันโดษ เราจะอยู่ง่าย เลี้ยงชีวิตส่วนตัวเหมือนสัตวโลกตัวหนึ่ง สัตว์อะไรก็ได้ที่มันไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เลี้ยงตนให้อยู่กิน บันเทิงสุข เหมือนกับนกน้อยตัวหนึ่ง ...

ตื่นเช้าขึ้นมาก็ออกหาเหยื่อ และก็ร้องเพลง บินโฉบไปโฉบมา ถึงวันค่ำมืด พักผ่อนหลับนอน ตื่นเช้ามา ก็เป็นไปสืบพันธุ์ เวียนวนอยู่แค่นั้น เหมือนหมาตัวหนึ่ง เหมือนนกตัวหนึ่ง เหมือนสัตว์เดรัจฉานอีกมากหลาย ตัวหนึ่ง

เราจะหนีโลกไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตัวนั้นอย่างนั้น เราทำได้ แต่เราเห็นว่าคนมีความดีได้เท่านี้หรือ? คนไม่สามารถจะช่วยหมู่กลุ่ม ไม่สามารถที่จะมีคุณค่าได้สูงกว่านี้หรือ? ปราชญ์เอก พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้คิดพบแล้วว่า เราสามารถดีได้กว่าเดรัจฉาน เราสามารถที่จะอยู่เหนือสังคม อำนาจโลก อำนาจดึงดูดของโลกที่โปรปะกันด้า โฆษณาทับถม เพื่อจะดึงดูดให้เราโน้มน้อมไปตาม เราสามารถจะรู้เท่าทัน และสามารถจะยืนหยัด ไม่พ่ายแพ้ฤทธิ์แรงอำนาจดึงดูดเหล่านั้น ของสังคมได้

จึงเรียกว่าโลกุตรจิต หรือโลกุตรภูมิ หรือทฤษฎีแห่งโลกุตระ เป็นทฤษฎีเหนือโลกที่แท้จริง พระพุทธเจ้าได้พิสูจน์มาแล้ว และมันก็ได้ฟั่นเฝือ ลืมเลือน และมันก็ลดค่า ลดคุณ ลดสัจจะ ลงไปตั้งมาก ขาดตอนมานาน มีฤทธิ์น้อย โลกุตระมีฤทธิ์น้อยมานาน

เมื่อมาถึงยุคนี้ มีผู้รู้ ท่านพุทธทาสก็ดี พยายามที่จะโน้มเน้น เอาโลกุตระนี่ขึ้นมาให้เห็นเด่นชัด จนกระทั่งประชาชนชักจะรับรู้ แนวคิดของโลกุตระชัดขึ้น เราได้มาเสริมหนุน เราได้มาพิสูจน์โลกุตระนี้อย่างจริง โดยทฤษฎีที่แท้ เราแน่ใจว่าเราทำได้ใกล้เคียง หรือแท้ที่สุดกว่า มีผู้ใดที่จะศึกษา และก็เอาทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย ที่ดียิ่งกว่า เราจะตามดูเหมือนกัน ใครจะมีน้ำหนัก น้ำเนื้อ อันจริงอันนั้นออกมา เราก็จะดู เราจะประสานกัน เราจะพยายามที่จะส่งเสริมสนับสนุน ทำความจริงให้ปรากฏออกมา ทั้งด้านรูปธรรมและนามธรรม ให้สมพร้อมเป็นโลกุตระที่แท้ เป็นมนุษย์ที่ไม่ใช่เหมือนสัตว์เดรัจฉาน เหมือนนกตัวหนึ่งเหมือนหมาตัวหนึ่ง ที่เลี้ยงชีวิตไป แล้วก็ไม่ได้สร้างค่าสร้างคุณอะไรให้แก่ผู้อื่นคนอื่น มวลสัตว์จะชนิดเดียวกัน หรือหลายชนิดก็ตามอื่นๆ ได้มาก

เราจะเป็นผู้ที่กระทำประโยชน์ ให้แก่มวลสัตว์อื่นๆได้มาก โดยเฉพาะมนุษย์ มันทำได้ มันเป็นได้ เราได้พิสูจน์อยู่ เพราะเรารู้แกนแห่งชีวิต ว่ามันไม่มีอะไรมาก
การยังอยู่ในชีวิตนั้น เหมือนกะสัตว์ดังที่กล่าวแล้ว มันเลี้ยงตัวเองของมัน ในชีวิต วันหนึ่งคืนหนึ่ง เราทำได้แล้ว แต่เรายังมีพลังเหลือ ที่จะเป็นความขยันหมั่นเพียร ที่เราจะสร้างสรร กอบก่อไป

วันหนึ่งคืนหนึ่ง เมื่อยเราก็พัก ถึงเวลาควรพักเราก็พัก เราไม่ได้ทรมานตน แต่เราได้ความแข็งแรง สมรรถภาพที่มากยิ่ง ซ้ำเสียด้วย ทั้งในด้านความนึกคิดปัญญา ทั้งในด้านของฝีมือ สมรรถภาพ ทางรูปธรรม เราทำได้ขอให้มาพิสูจน์

อาตมากล้าที่จะให้มาพิสูจน์ มายืนยัน เราจะชำนาญ เราจะแข็งกล้า เราจะแข็งแรง ไม่ใช่จะหย่อนสมรรถภาพ แม้แต่แค่ทางความคิด และไม่หย่อนสมรรถภาพ แม้แต่ทางฝีมือ หรือความสามารถ ความชำนาญ เราจะมีฝีมือ มีศิลปะ มีความชำนาญอย่างแท้จริง และเราจะสร้างสรร โดยที่เราจะไม่เห็นแก่อำนาจแลกเปลี่ยนลาภยศ เราจะเสียสละได้ สร้างเพื่อให้ นี่เป็นหลักการของศาสนา ทุกศาสนา สอดคล้องกันอยู่

ถ้าเราเข้าใจแล้ว ไม่ว่าศาสนาใด จนกระทั่งถึงศาสนาพุทธ ซึ่งเราแน่ใจว่าเด่นชัดแน่แท้ จะเรียกว่ากว่า ก็พูดในวงการของเรา ถ้าไปพูดที่อื่น ก็ว่าข่มเขา เราเห็นว่าแน่ชัดแล้ว เราจะกระทำ

สิ่งนี้จะปรากฏได้ เมื่อเราพิสูจน์ความจริงนี้ ถึงที่ถึงจุด และเรากำลังได้พิสูจน์อยู่ ไม่ง่าย เพราะเราถูกมอมเมา เราถูกดึงเอาความคิดนั้น ไปเป็นความคิดอย่างเหลวไหลนั้น มานานแล้ว เราจะกลับความคิดที่เหลวไหลนั้น มาเป็นความคิดที่ถูกต้อง เป็นความคิดที่ดีจริง แล้วเราจะพิสูจน์ จะผลักดันความจริงนี้ ออกสู่สังคม ชั่วชีวิตนี้ เรารู้ว่า เราได้ทำความดี และเราได้สิ่งดี เราไม่ได้มีปมด้อย เราไม่ได้มีสิ่งที่น้อยหน้าอะไร แต่เรามีสิ่งที่ดีจริง เรามีการเสียสละ มักน้อยสันโดษ เราเป็นคนขยันเพียร เราเป็นคนปรับปรุงตนง่าย ไม่ดื้อด้าน เราเป็นคนเลี้ยงง่าย เราเป็นคนบำรุงง่าย เราเป็นคนที่กล้าที่จะขัดเกลาผู้อื่น ไม่อ่อน ไม่ยอมย่อท้อ และเรามีเชิง มีศิลปะ มีวิธีการ ที่เราจะพยายามทำได้ ไม่ให้เกิดทะเลาะวิวาทบาดหมาง แตกร้าว ดูเดือดร้อนในสังคม แต่เราก็จะต้องบุกเบิก บุกเบิกแล้วฝ่าฟัน มีน้ำหนักมีน้ำเนื้อ อย่างแท้จริง

เพราะงั้น ในลักษณะที่แม้แต่ เรากระทำงานอยู่นี้ มีคนต่อต้านตู่ท้วง แต่เราก็ไม่ทำให้เดือดร้อน ไม่ได้ทำให้แตกร้าว ไม่ได้ทำให้ดูรุนแรง จนเลือดตกยางออก หรือถลกถกเถียงกัน จนเกิดการ มองหน้ากันไม่ติด

เราแน่ใจว่าเรามองหน้ากันอยู่ ทุกกลุ่มในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่หวังดีต่อมนุษยชาติ อย่างไรก็ดี เราแน่ใจว่า เรามองหน้ากันติด และเข้าร่วมสังคมได้ทุกกลุ่ม เป็นแต่เพียงบางกลุ่ม เขายังไม่กล้าประจัญกับเราเท่านั้น ถ้าเขากล้าเมื่อไร เราแน่ใจว่าเราจะร่วมได้ทุกกลุ่ม

ในบรรยากาศที่เราเป็นอยู่ เป็นอย่างนี้ ขอให้อ่าน ขอให้พิสูจน์จริงๆ เราเชื่อมั่นว่า เราจะประสาน และเราจะทำงานกับสังคมนี้ไปได้ตลอด ขอให้พวกเรามาพิสูจน์ของจริง ด้วยตัวปัจเจก แต่ละบุคคลด้วย พร้อมกันนั้น เราก็มีสังคมที่ได้ทดลอง มีสังคมที่มันสอดร้อย ด้วยทฤษฎีอันเอกอุของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีทุกแง่เชิง ที่ได้ขยายความกันไว้มากหลาย สอดคล้องกันทั้งสิ้น ตามที่พระพุทธองค์ก็ยืนยัน และอาตมาก็เห็นด้วย ซึ่งเราจะเอาทฤษฎีเหล่านั้น ข้อหลักเกณฑ์เหล่านั้น เข้ามาขยายไปตามจังหวะ ไปตามโอกาส เราจะได้พิสูจน์ความจริงนี้กัน

ขอให้พวกเราได้ผนึกศึกษา และประพฤติอบรม พิสูจน์ให้ถึงแก่นถึงแท้ ไม่ใช่แต่เพียงความคิดอันเหินหาว หรือว่าเป็นความคิดที่หวานเฉยๆ เป็นวิมานในอากาศเท่านั้น ไม่ใช่ แต่จะเป็นความจริง แห่งความจริงของมนุษยชาติ ที่จะดีได้สูงที่สุด เท่าที่เราจะเป็นไปได้

สาธุ.

*****