060 ธรรมปัจเวกขณ์ วันที่ -- พฤศจิกายน ๒๕๒๖ |
เราอยู่ในภูมิประเทศ หรือประเทศที่เราอยู่ เสนาสนะที่เราอยู่ เราควรจะได้รู้สิ่งแวดล้อม หรือว่าเสนาสนะอย่างไร ที่มันให้การปฏิบัติ ควรจะได้ทำอย่างไรกับมัน เหมือนอย่างอยู่อรัญวาสี หรือ เชิงอรัญวาสี ที่เป็นที่ ที่มีป่ามาก มีความสงบสงัดอยู่ในตัวมันเอง มีคนจุ้นจ้านน้อย มีสิ่งกระทบตาหู จมูกลิ้นกายใจ ก็เบาบางกว่าอยู่แล้ว แสดงให้เห็นว่า มันมีทิศทางที่จะทำให้เราหยุดได้มาก และถ้าเผื่อว่า ถ้าเราเองก็มีตัวที่จะพาลหยุด พาลหรี่ พาลไม่ตื่น ใช้คำว่าไม่ตื่น ขอให้เข้าถึงคำว่า ไม่ตื่นให้ได้ เรากลายเป็นจุดที่จะหรี่ลงไป มันจะหลบลงไป หรือว่ามันเกินเขตหนึ่ง เกินไปว่า มันไม่เป็นคนตื่น เพราะสิ่งแวดล้อมมันช่วยด้วย ก็ขอให้พวกเราได้หากรรมฐาน หรือหาวิธีการอะไรต่ออะไรให้ดีๆ ที่มันจะช่วยให้เราไม่กลายเป็น คนที่ยิ่งหรี่ยิ่งหลับใหญ่ เพราะสิ่งแวดล้อมหรือเสนาสนะ ที่มันมีอยู่จริงนั้น มันจะเป็นเครื่องดึงดูด มันมีอำนาจมีฤทธิ์ มันมีประสิทธิภาพของมันทั้งนั้น ที่มันจะชวนให้เราเป็นไปอย่างนั้น เพราะฉะนั้น การงานก็ดี ยิ่งอยู่ในที่ห่างคน เป็นป่า เป็นเขาเป็นถ้ำ หรือว่าเป็นที่อรัญวาสี คนก็น้อย สิ่งกระทบสัมผัสก็น้อย ไม่ต้องมีกิจอะไรมาก ไม่ต้องยุ่งยากอะไร มันก็สอดคล้องกับที่ จะชวนให้เราอยู่ได้ หรือว่าหรี่ได้หลบได้พักได้มากใหญ่ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าเราไม่รู้เท่าทันแล้ว เราจะปฏิบัติเสนาสนะ ที่จะต้านแย้งกับกิเลส หรือว่าสิ่งที่จะปฏิเสวนะ ปฏิเสวนาคือเสพคุ้น ในสิ่งที่จะยิ่งดิ่งเลยเถิด ถ้าเราไม่รู้เท่าทันด้วยปัญญาอันยิ่ง เรายิ่งจะจมลงไปในจุดที่เลยเถิดนั้น อย่างสำคัญเช่นเดียวกัน ในสถานที่ที่มีความสัมผัส ที่มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส มีวัตถุ มีกิจการงานมาก ในคามวาสีเช่นนั้น เราก็จะต้องรู้เท่าทันด้วยว่า ต้องหาวิธีการที่จะหยุด หาอะไรต่ออะไรที่จะต่อต้าน ที่จะล้มล้างสิ่งที่มันจะสร้างสรร เป็นสังขารผสม ที่กลายไปเป็นกิเลสผสม มากมายยิ่งขึ้น เราก็จะต้องรู้เท่าทันในกรรมวิธี หรือในสิ่งที่มันจะทำให้ก่อเกิด ทำให้ยิ่งมีกิเลสมีตัณหา มีสภาวะที่เราเลยเถิด ไปอีกจุดหนึ่งเหมือนกัน เราก็จะต้องเข้าใจจุดความหมายพวกนี้ ชัดๆ แจ้งๆ ในขณะนี้ ที่เราอยู่ในอรัญวาสี ผู้คนน้อย รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสน้อย ลาภยศสรรเสริญอะไรน้อย เพราะฉะนั้น เมื่อมันเอนเอียงไปในข้างดียังงี้ ก็ต้องพยายามกระตุ้นเตือนตนเอง ไม่เช่นนั้น เราจมจริงๆ จมจริงๆ นี่ขอเตือนจริงๆ ไม่เช่นนั้นจม กลับกลายไปนั่งหลับนั่งหรี่ กลับกลายไปอยู่ที่ไหนก็ได้ มันห่างๆด้วย มันไกลๆกันด้วย ไม่มีใครจะเห็น ได้รู้อะไรกันง่ายนักด้วย ช่วยกันเตือนกัน ก็ไม่ค่อยได้ เพราะว่าไม่รู้ไม่เห็นซะ มันก็ช่วยกันเตือนกันไม่ค่อยได้ แต่ถ้ารู้เห็น ถ้าสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอยู่ ยังมีการตักการเตือนอย่างนี้อยู่ เราเองก็มีหิริโอตตัปปะได้ง่าย เพราะมีเพื่อนฝูงอยู่ เราจะทำอะไร ที่มันน่าละอาย ประเจิดประเจ้อเกินไปนัก มันก็ไม่ทำ มันก็ยังพอช่วยเหลือ เป็นสิ่งแวดล้อม ที่มีอำนาจพอสมควร ยิ่งมันให้โอกาสให้ช่วย ดังกล่าวแล้ว เราก็จะต้องยิ่งสำนึกในตัวเอง พากเพียรมาก บากบั่น เข้าใจหรือชาญฉลาด ในการที่จะกระทำให้ตนเป็นผู้รู้ ผู้ตื่นผู้เบิกบาน หรือมีผลทางปฏิบัติความเจริญ เป็นการละหน่ายคลายจาง อยู่ทุกขณะ เป็นไปด้วยดี จุดนี้ก็ขอเตือน ก็คิดว่ารู้ แต่ก็ขอให้ลึกซึ้ง และขอให้พากเพียร และขอให้อุตสาหะให้สมตัว ให้เกิดผลประโยชน์ จะกลายเป็นว่า ตัวเองได้เสีย ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าได้ไม่รู้ว่าเสีย ไม่รู้ว่ามันขาดทุนหรือกำไร ถ้าเผื่ออย่างนั้นแล้วละก็ เปล่าดาย หรือยิ่งกลายเป็นโมฆะ ไม่พอ ยังแถมสั่งสมกองกิเลส เพิ่มเติมขึ้นอีก ก็ยิ่งน่าเสียดายใหญ่ เพราะไหนๆ เราก็มาตั้งอกตั้งใจ จะมาเป็นผู้ไปปฏิบัติ จะมาเป็นผู้ที่ จะเดินทางไปในทิศทางนี้ และวันคืนผ่านไป นอกจากไม่ได้แล้ว ยิ่งก่อกองกิเลส สั่งสมกองกิเลส ทั้งๆที่พยายามศึกษา หาเสนาสนะหาสถานที่ มีมิตรดีเพื่อนดีสหายดี หาครูอาจารย์ และอะไรต่ออะไร พรั่งพร้อมอยู่แล้ว แต่เสร็จแล้ว เราก็กลับกลายเป็น ยังโง่อยู่เหมือนเดิม และไม่มีกำลังวังชา อ่อนแออยู่เหมือนเดิม เราก็ขาดทุน ที่อุตส่าห์แสวงหาเปล่าๆ นั้น ขอให้ได้พยายามระลึกสำนึก แลกกับการกระทำให้ตนเองได้รับคุณ ได้รับประโยชน์ให้ยิ่งๆขึ้น ดังที่กล่าวนี้ทุกคนเทอญ สาธุ ***** ตรวจทานใหม่ 3/07/2567 |