064 ธรรมปัจเวกขณ์ วันที่ -- พฤศจิกายน ๒๕๒๖ |
อ่านจิตให้แน่ชัด ในเรื่องของการอาลัยอาวรณ์ เรายังติดยึด ยังหวงแหนอยู่ โดยเฉพาะเรื่องภวตัณหา เรายังมีอารมณ์ ติดการนอน การหลับ ซึ่งเป็นกิเลสในภพ เรายังอาลัยอาวรณ์ในอาการ พออ่านอาการให้ออก เห็นได้ชัด หรือมีอุปาทาน เรามีอุปาทานว่า เราได้ไม่พอ เราอยากได้อีก อ่านอาการของตนเองให้ชัด เรานอนในเวลาที่เพียงพอ แต่เราก็รู้สึกว่าเรายังไม่พอ เป็นอุปาทานเสริมใส่จิต แล้วเราก็อาลัยอาวรณ์ โหยหา ความตะกละตะกลาม ความอยากได้ไม่พอ เป็นกิเลสทั้งสิ้น รู้เท่าทัน รู้ความรอบถ้วนว่าเราเอง เราจะต้องตัดพรากจบ ไม่เอาจริงๆ รู้เท่าทันอาการ รู้เท่าทันความจริงที่มี ทั้งอุปาทาน เป็นอุปาทานจริงๆ ซึ่งควรพอและเคยพอ แต่เราก็ไม่รู้จักพอ นั่นก็เป็นอุปาทาน ทำให้เราง่วง เราโหยหาได้ และอีกอันที่ชัดก็คือ เราไม่จับอาการกิเลส แล้วไม่ทำการลดให้เห็นว่า เรามีอาการนั้นจริง เป็นอาการโหยหาอาวรณ์ รักใคร่ชอบ ต้องการมากขึ้นไปๆ ไม่รู้จักจบ เราจะต้องฆ่าจริงๆ ดับจริงๆ ใจต้องกล้า ใจต้องแข็ง ต้องเห็นของจริง ความจริง แล้วเราจึงจะเป็นผู้ประหารกิเลสนั้น ได้ชัดเจน เป็นผู้เรียนรู้ความชั่ว หรือความผิดให้ถูกชัด แล้วก็เลิกละความชั่วความผิดให้ได้ รู้ดี ความดีให้ถูกชัด แล้วก็ทำให้จริงให้ได้ จิตก็จะยิ่งแข็งแรง ยิ่งสะอาด ฉลาด และขยันทำงาน เป็นพหุชนะหิตายะ หลักวิธีของพระพุทธองค์จึงมีว่า ต้องสังวรสำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยโค หรือ สติปัฏฐาน หรือ มรรคองค์ ๘ โดยมี สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ แล้วเราจะประสพผลอย่างชะงัด. สาธุ ***** ตรวจทานใหม่ 3/07/2567 |