ธรรมะจากพ่อท่าน

บอกกล่าว
สำหรับในส่วนนี้ จะเป็นธรรมะที่พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ ได้แสดงธรรม ให้แก่ผู้ที่เข้ามาศึกษา อยู่ประจำ ตามพุทธสถานต่างๆของชาวอโศก ในช่วงอบรมทำวัตรเช้า ในเวลาระหว่าง ๐๔.๐๐ - ๐๕.๓๐ น. หรือในภาคค่ำ ซึ่งเป็นการอบรมสำหรับคนใน ที่เน้นไปในเรื่องของสภาวะจิตขั้นปรมัตถ์

จะแตกต่างจากในช่วง แสดงธรรมก่อนฉันฯ ในวันเสาร์หรืออาทิตย์ สำหรับญาติธรรมใหม่ ภายนอก ซึ่งจะเน้นในเรื่อง ของการรักษาศีล และการลดละเลิกอบายมุข

ซึ่งได้มีญาติธรรม ช่วยนำเท็ปไปถอดเป็นตัวอักษร และได้รวมรวมไว้นับเป็นพันเรื่อง ก็ขออนุโมทนา สำหรับท่านที่ได้ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อในส่วนนี้ และเรายังไม่สามารถ จะนำมาพิมพ์ รวมเป็นเล่มหนังสือ ให้อ่านกันได้หมด ในระยะต้นนี้

ดังนั้น ทางคณะผู้จัดทำ จึงมีความคิดที่จะนำมาเสนอ เผยแพร่ผ่านทางสื่ออีเล็คโทรนิคนี้ ซึ่งจะทำให้ สามารถเผยแพร่ได้รวดเร็วให้แก่ญาติธรรม ที่ไม่เคยรับฟังเท็ปธรรมะรุ่นเก่าๆ ของพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ มาก่อน ได้อ่านกัน โดยจะทะยอยนำออกมา พิมพ์ให้แก่ท่านที่สนใจได้ อ่านกันในที่นี้ เท่าที่จะทำได้

สำหรับเนื้อหาที่ได้นำมาเสนอนี้ มีบางส่วนได้ตัดทอนออกไปบ้าง เพื่อความเหมาะสม ในการจัดทำเว็บไซต์

จากชาวอโศก
เพื่อมวลมนุษยชาติ

บุคคลหาได้ยาก ๓
๑. พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒. บุคคลผู้แสดงธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว
๓. กตัญญูกตเวทีบุคคล
จาก ทุลลภสูตร ๒๐/๕๕๔


เราจะเผยแพร่ธรรมะให้ทั่วโลก

โทษของการกล่าวโทษพระอริยะ ๑๐
๑. ไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรล
๒. เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
๓. สัทธรรมย่อมไม่ผ่องแผ้ว
๔. เป็นผู้เข้าใจว่าตนได้บรรลุในสัทธรรมทั้งหลาย
๕. ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
๖. ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง
๗. ย่อมถูกโรคอย่างหนัก
๘. ถึงความเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน
๙. เป็นผู้หลงใหลกระทำกาละ (ตายอย่างขาดสติ)
๑๐. เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาตนรก
(พระไตรปิฎก เล่ม ๒๔ ข้อ ๘๘)

ยมกสูตร
(ว่าด้วยพระขีณาสพ ตายแล้วสูญหรือไม่)
ยมกภิกษุ เกิดทิฏฐิอันชั่วช้าว่า พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว
ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก
ภายหลังพระสารีบุตรช่วยถอนทิฏฐิอันชั่วช้านั้นของยมกภิกษุ โดยแสดงธรรมให้เห็นถึงรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ดับไปถึงแล้วซึ่งการตั้งอยู่ไม่ได

(พระไตรปิฎก เล่ม ๑๗ ข้อ ๑๙๘-๒๐๔)

โลหิจจสูตร
(บรรลุธรรมแล้วบอกผู้อื่นได้หรือไม่)
โลหิจจพราหมณ์ มีทิฏฐิลามกว่า ถ้าบรรลุธรรมแล้วไม่พึงบอกแก่ผู้อื่น เพราะคนอื่นจะทำอะไรแก่อีกคนหนึ่งได้ การบอกแก่คนอื่นจัดว่าเป็นความโลภที่เป็นบาป เปรียบเหมือนคนตัดเครื่องพันธนาการเก่าออกแล้ว กลับทำเครื่องพันธนาการใหม่ พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ ย่อมมีคติ ๒ คือ นรกหรือกำเนิดเดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง
(พระไตรปิฎก เล่ม ๙ ข้อ ๓๕๘)