dokya ปัจฉิมลิขิต
ปัจฉิมลิขิต

จดหมายตอบ หนังสือดอกหญ้า ที่ทางสมาคมส่งหนังสือดอกหญ้ามาถึง ดิฉันได้รับ และได้อ่าน ทุกฉบับ ดิฉันขอขอบพระคุณ เป็นอย่างสูง ที่ทางสมาคม กรุณาส่งมาให้อ่าน ส่วนมาก จะอ่านทุกข้อความ ของหนังสือ จัดว่าได้สาระ ประโยชน์ อย่างมาก ในการปฏิบัติธรรม โดยส่วนตัว ก็ปฏิบัติธรรม ตามสมควร ที่จะกระทำได้ แต่ในหนังสือ ทำให้มีความรู้ มากขึ้นยิ่งไปอีก บางอย่างก็นำมา ปฏิบัติได้เลย หนังสืออ่านจบแล้ว บางเล่ม ก็ให้คนอื่น ไปอ่านต่อ เผื่อจะเป็นประโยชน์ แก่ผู้อื่นอีก

จีระพันธ์ รัตนพันธ์ / นครสวรรค

ดอกหญ้า"จะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อได้รับการอ่านจากผู้อ่าน และยิ่งจะมีค่ามากขึ้น ถ้าผู้อ่านได้ความรู้ จนสามารถ นำไปปฏิบัติได้ ขอบคุณมากที่ทำให้ "ดอกหญ้า" เล่มน้อยนี้มีคุณค่า


ชีวิตที่เป็นอยู่ ก็สุขบ้างทุกข์บ้าง ดีบ้างชั่วบ้าง แต่ที่สำคัญคือความมุ่งมั่น ยึดมั่น และศรัทธา ในความดี มีคุณธรรมประจำใจเสมอมา ทุกวันนี้ดิฉันก็ยังอ่านดอกหญ้าเป็นประจำ เพราะดอกหญ้า เป็นเสมือน บิดามารดา อีกชั้นหนึ่ง (คนหนึ่ง) ที่คอยเตือนสติ ให้กำลังใจ ให้มีความพยายาม ความอดทน อดกลั้น ต่อสิ่งที่เลวร้าย เพื่อพบเจอ กับสิ่งที่ดีงาม ดอกหญ้า จึงมีคุณค่า และมีความหมาย กับดินฉันมากมายค่ะ

ในวันนี้ ดิฉันจึงขอโอกาส กราบขอบพระคุณ ชาวคณะผู้จัดทำ ดอกหญ้าทุกๆท่าน ที่ยังกรุณา ส่งหนังสือ ให้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ดิฉัน จะไม่ค่อยได้ตอบรับ และช่วยเหลืออะไรเลยก็ตาม ขอขอบพระคุณมากๆค่ะ...

สำหรับความคิดเห็น ดิฉันไม่กล้าค่ะ เพราะดิฉันเรียนจบแค่ ป.๖ ความรู้น้อยด้วยประสบการณ์ จึงไม่ขอ ออกความคิดเห็นค่ะ

ดิฉันไม่มีอะไรมาก เพียงอยากจะตอบรับ มาให้ท่านได้รับรู้ว่า ดิฉันยังคงอ่านและปฏิบัติ และต้องการ ในสิ่งที่ดี และมีค่า เช่นดอกหญ้านี้เสมอ

มรกต คำแสงมาศ / เพชรบูรณ

*ความมุ่งมั่น ยึดมั่น และศรัทธาในความดีมีคุณธรรมประจำใจของคุณนี่แหละ คือการช่วยเหลือแล้ว ช่วยเป็นคนดี ของสังคม ช่วยให้สังคม ที่แห้งแล้งคุณธรรม ได้มีหยดแห่งคุณธรรม ปนแซมอยู่บ้าง สังคมจะได้สดใส ไม่แห้งแล้ง จนเกินไป

ส่วนความคิดเห็น ยินดีรับทุกความคิดเห็นเลยนะ ไม่เกี่ยงเพศ วัย หรือวุฒิ อย่าไปติดใจ กับการศึกษาเลย เพราะผู้ที่ มีศีลเท่านั้น พระพุทธเจ้า ถึงจะสรรเสริญ ว่าเป็นบัณฑิต


ในหนังสือดอกหญ้าอันดับที่ ๙๕ เรื่อง "คุณครูในดวงใจของข้าพเจ้า" ของผมได้ลงในคอลัมน์ "ด้วยความห่วงใย จากใจครู" ได้ข่าวมาว่า คุณครูที่โรงเรียนเก่าของผม (ร.ร.ร้อยเอ็ดวิทยาลัย) ที่ผมพาดพิงถึง ได้อ่านแล้ว ดีใจกัน ถ้วนหน้า ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดี มากเลยครับ ผมดีใจครับ ที่ได้รับรู้ว่า คุณครูของผม มีความสุข เพราะสมัยที่ ผมเรียนมัธยมอยู่ที่นั่น (ร.ว.) ผมมักจะทำให้ เหล่าคุณครู ผิดหวังอยู่เสมอ ฝากบอกผ่าน ดอกหญ้า ด้วยว่า ผมรักคุณครูทุกๆคน ที่ผ่านมา ผมขอโทษด้วย ถ้าผมทำอะไรผิดไป และต่อแต่นี้ไป ผมจะไม่ทำ ให้ใคร ต้องผิดหวัง อีกแล้วครับ ผมสัญญา

ไพรัตน์ วิเศษหมอ / กทม.


สมาชิกหมายเลข ๒๕๘๖๗๒ ก่อนอื่นลูกต้องขอบคุณ ที่แม่กรุณานำส่งหนังสือมาให้ แม่สบายดีไหมคะ ลูกเพิ่งหาย จากเป็นไข้หวัด เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคมที่ผ่านมา ลูกมีโอกาส ได้ไปอบรม และปฏิบัติธรรม การทำความดี เพื่อพ่อ ร่วมกับน้องๆ นักเรียนกว่า ๒๐๐ คน ในวันนั้น มีโรงบุญมังสวิรัติด้วยค่ะ เรียกว่าอิ่มบุญกัน ถ้วนหน้าเลย และ ยังมีการไถ่ชีวิตโค กระบือด้วยค่ะและวันเดียวกัน อยู่ที่ตลาด มีสามีภรรยาที่ตาบอด มาขอทานด้วยกัน โดยสามี จูงภรรยา ไปตามตลาด ในวันนั้นเอง ก็ได้มีชายเสียสติ (คนบ้า) นั่งป้อนข้าวสามี และภรรยาตาบอด อยู่ริมฟุตบาท ในความรู้สึก ของลูกขณะนั้น ประทับใจมาก เพราะคิดว่า ลูกบางคนยังไม่คิด ไม่เคยที่จะป้อนข้าว พ่อกับแม่ ของตัวเองเลย หรือบางคน คิดว่าแม่เป็นภาระ ก็เอาไปอยู่ ตามบ้านพักบางแค หรือที่อื่นๆ ซึ่งน่าสงสารมากค่ะ

และในครั้งนี้ ลูกได้ส่งแสตมป์มาให้ ๕๐ ดวง ซึ่งอาจะเป็นของเล็กๆน้อยๆ แต่ว่าลูก ก็ตั้งใจ ส่งมาให้ จากใจจริง ของลูกเลย

จรรยา อุตตะกะ / อุดรธานี

แปลกดีนะ คนเสียสติก็สอนธรรมะให้เราๆ ผู้มีสติดีทั้งหลาย ได้มีสติขึ้นมาก็ได้เนาะ

มีสติดีกันเถิดเ มีสติที่จะตื่นจากความหลงลืม หลงลืมพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ ผู้ที่เลี้ยงเรามา ด้วยความยากลำบาก กว่าจะเติบโต กี่นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน กี่เดือน กี่ปี เฮ้อ! แค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้ว แล้วเราจะละเลยท่าน ได้อย่างไร อย่าให้เหมือนกับ ที่เขาพูดๆ กันว่า พ่อแม่ ๒ คนสามารถเลี้ยงลูก ๑๐ คนได้ แต่ลูก ๑๐ คน กลับไม่สามารถ เลี้ยงพ่อแม่ แค่ ๒ คนได้ มันน่าเศร้าจริงๆ


ได้รับดอกหญ้าและสารอโศกแล้ว ต้องขอขอบคุณที่จัดส่งไปให้ทุกระยะ อ่านแล้วให้ความรู้ และข้อปฏิบัติ ดีมากทีเดียว ทุกวันนี้จะหาหนังสืออย่างนี้ ได้ยากเต็มที ส่วนมาก จะมีแต่หนังสือ ที่มุ่งเน้น แต่ส่งเสริมกิเลส ตัณหา ส่งเสริมให้คน เกิดความอยาก ความยึด ความยุ่ง ความแย่ จนแทบจะไม่เหลือ ค่าของความเป็นคน เหลืออยู่ แถมหนังสือ ประเภทนี้ ยังอาจก่อให้เกิดผู้ร้าย โจรไอ้บ้ากาม ฯลฯ ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องควักเงิน ที่หามาได้แสนยาก (แต่บางคน อาจได้มาแสนง่าย) เพื่อเพียงแค่แลก กับเศษกระดาษเปื้อนหมึก ที่หากพิจารณาดูแล้ว ไม่ได้ให้ สาระประโยชน์อะไร คุ้มค่ากับเงิน ที่ต้องจ่ายไปเลย แต่หนังสือประเภทนี้ กลับยืนหยัด โดดเด่นอยู่ได้ บนแผง หนังสือทั่วไป รอเพียงเหยื่อ ที่หลงมาติดเบ็ด คือหนังสือพวกนี้ เปรียบเสมือนเบ็ด เกี่ยวเอาปลา คือ คนซื้อไป คนแล้วคนเล่า บางรายทั้งๆรู้ กลับเต็มใจกระโดด ใส่เบ็ดเลยด้วยซ้ำ แต่ในทางกลับกัน หนังสือธรรมะ หรือหนังสือ ที่ให้สาระ ประโยชน์ กลับได้รับ ความสนใจน้อยมาก จนจะพูดได้ว่า แม้หางตาก็ไม่แล

รู้สึกยินดีที่ยังมีหนังสือ ที่ยกระดับจิตวิญญาณ อย่างดอกหญ้า และ สารอโศก อยู่ในโลกนี้ แถมยังได้รับ แบบให้เปล่า ถือว่า คุ้มเกินคุ้มจริงๆ

ขอเป็นกำลังใจให้แก่ผู้จัดทำหนังสือดอกหญ้า สารอโศก และหนังสือธรรมะอื่นๆ ของชาวอโศก ให้มีกำลังกาย กำลังใจ จัดทำสรรหา สิ่งที่มีค่า เยียวยาโลก ที่ทุกข์โศก เพราะเพลิงโลกีย์ ให้ผู้มีตาดีได้เห็น หูดีได้ยิน

อาตมาคิดว่า โลกขาดแคลนบุคคลอย่างพวกคุณ มากมายเหลือเกิน อาตมาว่า ผู้ทำดี ต้องทำชนิด ที่เรียกว่า คนตาบอดก็มองเห็น แม้คนหูหนวกก็ได้ยิน

พระโสภณ วิโรจน์รัตน์ / อุดรธาน

ชาวดอกหญ้าคงขี้เกียจไม่ลง เพราะกำลังใจของพระคุณเจ้า และสมาชิกแต่ละท่าน ขอบพระคุณ สำหรับ ความรู้สึกดี ๆ และ กำลังใจอันเต็มเปี่ยม


หนังสือสารอโศกและดอกหญ้า เปรียบเสมือนเพื่อน ที่คอยเป็นกำลังใจ ให้เวลาที่เจอกับปัญหา อุปสรรคต่างๆ เวลาที่ไม่สบายใจ หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ก็ให้ได้ข้อคิดต่างๆ ในการประพฤติปฏิบัติอีกด้วย

สำหรับการปฏิบัติธรรมของข้าพเจ้านั้น ก็ยังไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไหร่ รู้สึกชื่นชม กับผู้ที่เขาปฏิบัติได้ เพราะรู้ดีว่า การปฏิบัติธรมนั้น มันยากแค่ไหน ยิ่งอยู่ในสังคม โลกภายนอก ซึ่งเต็มไปด้วย สิ่งยั่วยุต่างๆ โอกาสที่จะตกต่ำ ยิ่งมีมาก รู้สึกศรัทธา และอนุโมทนา กับชาวอโศกอย่างมาก ที่ได้อุทิศตน มาทำงานศาสนา ทำให้รู้สึกว่า โลกนี้ยังมีคนดี มีสังคมดีเหลืออยู่ บางครั้ง ยังแอบอิจฉาญาติธรรม ที่อยู่ในวัดด้วย เพราะรู้สึก บุคคลใด ที่ได้มาอยู่วัดนั้น ถือว่าเป็นผู้มีบารมี พอสมควร ยังมีอีกหลายคน ที่อยากเข้าวัด แต่ก็เข้าไม่ได้ เพราะมีภาระ ผูกพัน ฉะนั้น จึงอยากจะขอฝาก ท่านญาติธรมทุกคน ที่อยู่ในวัดว่า ท่านเป็นบุคคล ที่มีบุญมาก มีโอกาส ได้ฟังธรรมทุกวัน ได้ปฏิบัติธรรม กับหมู่กลุ่ม ที่ช่วยนำไป สู่ความเจริญ ถือว่าโชคดีมาก โลกทุกวันนี้ มีแต่ความวุ่นวาย หาความสงบ ไม่ได้ ผู้คนก็แก่งแย่ง ชิงดีเอาเปรียบกัน ทุกวิถีทาง ไม่อบอุ่น เหมือนอย่างสังคม ของชาวอโศกเรา

ชาตินี้ถือว่าโชคดีแล้วที่ได้เกิดมาพบกับชาวอโศก ได้รู้จักพระพุทธศาสนา ที่เป็นพุทธแท้ๆ ก็จะขอยึด แนวทาง ของชาวอโศก ตลอดไป ถึงแม้ว่า มันจะล้มลุก คลุกคลาน สักปานใดก็ตาม

ขอขอบพระคุณสารอโศก และดอกหญ้า ที่ถือได้ว่า เป็นผู้คอยชี้แนวทาง และเป็นแรงบันดาลใจ ในการต่อสู้ กับอุปสรรคต่างๆ ก็ขอให้สารอโศก ดอกหญ้า รวมทั้งหนังสือต่างๆ ที่ชาวอโศก จัดทำขึ้น ซึ่งล้วนมี เนื้อหาสาระ ที่ดีนั้น อยู่คู่กับ มวลมนุษยชาติ ตลอดไป

จารุณี จำปาแก้ว / อุบลราชธาน

ถ้ายังไปอยู่กับหมู่กลุ่มในวัดไม่ได้ ก็ทำบ้านนั่นแหละให้เป็นวัด เอาศีลเอาธรรม ที่ได้จากวัด ไปปฏิบัติที่บ้าน ตามกำลัง ของเรา พระพุทธองค์ตรัสว่า ให้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เราอยู่ฐานไหน ก็ทำฐานนั้น นั่นแหละให้พอเหมาะ พอดีแก่ตน ปฏิบัติธรรม ของพระพุทธเจ้า จะต้องเบิกบาน ร่าเริงในธรรม แต่ก็ได้ขัดเกลาตนเอง อย่างพอเหมาะ


ดิฉันได้อ่านหนังสือดอกหญ้าทุกฉบับ และมีความชื่นชอบ ชื่นชมด้วยความศรัทธาเลื่อมใส มาตลอด ๘ ปี ไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าจะไม่ได้ตอบทุกฉบับ แต่ดิฉันก็ยังติดตาม ตลอดเวลา ทุกคอลัมน์ และดิฉัน ได้นำหลักคำสอน ของพระพุทธองค์ ไปใช้ในการดำรงชีวิต และสอนนักเรียน อยู่เสมอ แม้ว่าจะได้ผลบ้าง หรือ ท้อแท้บ้าง แต่ดิฉัน ก็ภูมิใจค่ะ ที่ได้ทำ และในการกระทำต่างๆ แม้อยู่ที่นี่ ดิฉันจะดูแปลก สำหรับอาจารย์หลายๆคน เมื่อดิฉันได้อ่านคอลัมน์ รู้จักปลอบใจตัวเองบ้าง ให้กำลังใจตัวเอง ดิฉันดีใจ ที่มีดอกหญ้า หรือ สมาคมผู้ปฏิบัติธรรม เป็นเพื่อน ตลอดเวลา อ่านแล้วทำให้ เราเข้มแข็งขึ้นมากๆ เลยค่ะ เหมือนโลกนี้เราไม่ได้เป็นคนที่ โชคร้ายตลอดปี หรือ โชคดีตลอดไป เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง แต่ความดีและบุญทำ กรรมที่เราสร้างนี่สิ อยู่กับเราตลอด และจิตรับรู้ เพื่อนำไปเกิดใหม่ ในชาติหน้า

ดิฉันเชื่อเรื่องกรรมอย่างหมอบกราบถวายตัว และชีวิตแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ก็ได้รู้ได้เห็น กับตัวเองแล้วค่ะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ก็ได้รู้แล้วว่า เป็นอย่างไร ดิฉันจะศึกษา ธรรมะไปเรื่อยๆ เมื่อมีโอกาส และวาสนา สักวัน ดิฉันอาจสละทุกอย่าง เพื่อเดินตามรอย พระศาสดา ไม่ทราบว่า ที่สันติอโศก จะยังคงต้อนรับ ดิฉันอยู่หรือไม่

แต่ถ้าถามดิฉันว่า ตอนนี้ทำไมยังไม่ไปที่นั่น ดิฉันเคยฝัน อยากไปอยู่ที่นั่น และอ่านความเป็นไป ของการปฏิบัติธรรม ที่นั่นตลอดเวลา รู้สึกเลื่อมใส และซาบซึ้ง อย่างหมดใจ ที่ได้รู้ และรับหนังสือธรรมะ ทุกสองเดือน อย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยขาด และยังคอยส่งเรื่องราว ข่าวสารต่างๆ มาให้สมาชิก ผู้ปฏิบัติธรรม ผู้โง่เขลาเบาปัญญา อย่างดิฉันรับรู้ และปฏิบัติตาม จนดิฉันไม่ทราบว่า จะหาคำขอบคุณใด ในโลกนี้ มาบอกผ่าน ไปยังคณะ ผู้ให้ธรรมะ โดยไม่คิด สิ่งใดตอบแทนอย่างไร จึงจะสมกับความดี ที่ท่านได้มอบมาให้ นอกจากคำว่า กราบขอบพระคุณยิ่งค่ะ ในมิตรธรรม ที่ท่านทั้งหลาย ได้เมตตา กรุณาดิฉันมาตลอด ชาตินี้ทั้งชาติ ศุณัญญา จะไม่ลืมพระคุณ จะมุ่งปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม จวบจนอวสานของชีวิต จุดมุ่งหวังสูงสุดคือ "หลุดพ้น"

ตอนนี้ดิฉันต้องรับภาระเลี้ยงดูบิดามารดา และหลานอีกสองคน ที่มารดาเสียชีวิตลง อย่างกะทันหัน เขายังเด็กนัก ที่จะรับรู้อะไร และต่อสู้กับโลกภายนอกที่น่ากลัว เช่นสังคมโลก ปัจจุบันนี้ และอีกอย่าง คุณพ่อ คุณแม่ ก็ชราภาพแล้ว ห่วงนี้คงอีกนาน กว่าจะหลุด ดิฉันพร้อม ที่จะสู้กับชีวิต และพิชิตปัญหา ด้วยธรรมค่ะ

ศุณัญญา หนวดคำ / กาฬสินธุ์

หลุดพ้นจากห่วงเมื่อใด รีบโบยบินไปอยู่ด้วยกันได้ทุกเมื่อเลยนะ ยินดีต้อนรับเสมอ และโปรดระวัง ! ระหว่างที่ปลด ห่วงเก่าอยู่ ก็อย่าไปสร้าง ห่วงใหม่อีก ก็แล้วกัน


ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณมาก สำหรับหนังสือดีๆ ที่ทางดอกหญ้าได้จัดส่งมาให้มิได้ขาด ได้รับทุกเล่มค่ะ เพียงแต่ ไม่ค่อยมีเวลา ในการตอบจดหมายเลย ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ตอนนี้เริ่มทำในหลายๆอย่าง ที่ตั้งใจที่จะทำแล้ว เช่น เริ่มที่จะเลิกกินเนื้อสัตว์ใหญ่แล้วค่ะ แต่ยังต้องการโปรตีนอยู่ จึงทานเนื้อปลา เพื่อไม่ให้ขาดโปรตีน เพราะการเตรียมโปรตีน จากพืชนั้น ยังไม่สะดวก และตอนนี้ เริ่มหันมาใช้ ผลิตภัณฑ์จาก สหกรณ์เพื่อนช่วยเพื่อน ผลิตภัณฑ์จาก ร้านพลังบุญ เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาสระผม ครีมนวดผม

ซึ่งสิ่งแรกที่รู้สึกได้คือ เงินในกระเป๋าที่จ่ายออกไปน้อยลง และจากเมื่อก่อน มือมักลอก เนื่องจาก แพ้ผงซักฟอก หรือ น้ำยาจ้างจาน ก็ไม่ปรากฎอาการ ให้รำคาญใจอีกเลย ส่วนเรื่องผมที่ครั้งก่อน เคยเขียนไปปรึกษานั้น ตอนนี้ ยังไม่เห็นชัดเจนนัก แต่เห็นผมขึ้นใหม่ จากเมื่อก่อน ที่ผมจะขึ้นเพราะ สารกระตุ้นทางเคมี แต่ตอนนี้คิดว่า คงกระตุ้นด้วยสารสกัด จากธรรมชาติแล้วค่ะ (ไม่รู้คิดเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่า) ทางครอบครัวของเรา เลยลองทำน้ำ EM ตามหนังสือดอกหญ้า ที่เคยให้สูตรการทำไปแล้ว ในเล่มก่อนๆ ตอนนี้ก็ใกล้ครบกำหนด ที่สามารถ นำไปใช้งานได้แล้ว อยากจะเรียนถาม เกี่ยวกับวิธีการทำ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่กล่าวมานั้น ทำอย่างไรบ้างค่ะ เพื่อจะได้ผลิตภัณฑ์ เอาไว้ใช้ ในครัวเรือนบ้าง และจะได้แนะนำต่อไป แก่ผู้ที่สนใจ สามารถนำไป ประกอบอาชีพได้

สิโรตนม์ - ทิพวรรณ์

โปรตีนน่ะ หาไม่ยากหรอก ลองดูสูตรนี้มั้ย ซื้อหม้อตุ๋นไฟฟ้าใบเล็กสักเครื่อง ก่อนนอนล้างถั่วใส่หม้อ (จะแช่ก่อนสัก ๒ ชม. หรือไม่แช่ก็ได้) ใส่น้ำให้พอเหมาะ ปิดฝาตุ๋นทิ้งไว้ทั้งคืน (หม้อตุ๋นจะกินไฟน้อย ไม่เปลือง) ตื่นมาก็ได้ถั่วตุ๋น นุ่มอร่อย ไว้กินแล้ว ตุ๋นได้สารพัดถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วแดงหลวง ถั่วลิสงฯลฯ หรือ ถ้าจะกินถั่วเขียว ยิ่งง่ายใหญ่ แช่ถั่วให้พอง และนำไปต้ม แป๊บเดียวก็สุกแล้ว หรือจะนำไปหุง รวมกับข้าวกล้องก็ได้ สุกพร้อมกันเลย

หรือง่ายที่สุดก็คือ ซื้อกินเลย เช่น ถั่วลิสงอบ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล บวดถั่วดำถั่วแดง ขนมถั่วแปบ ฯลฯ

อาหารที่มีถั่วผสม มีเยอะแยะมากมาย ลองขวนขวายเพิ่มขึ้น จะได้ทำบุญปล่อยสัตว์ ปล่อยปลา ออกไปจากชีวิต ของเรา ดีกว่าไหม อย่าเอาชีวิตเขา มาต่อชีวิตเราเลย

ส่วนวิธีการทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็จะมีทยอยมาเรื่อยๆ หรืออยากจะไปถาม ไปดูด้วยตนเอง ก็ขอเชิญ ที่พุทธสถาน ได้เลย ยินดีต้อนรับเสมอ


ขณะนี้ชีวิตของดิฉันกำลังทุกข์หนักที่สุดในชีวิต กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สาเหตุเพราะจับได้ว่า สามีนอกใจ มีผู้หญิงอื่น อีกคนหนึ่ง มานานเป็นปีแล้ว ตอนแรก ก็ได้แต่สงสัย และมีคนพูดให้ฟัง แต่ก็ไม่ค่อยเชื่อ พอได้เห็นกับหู ดูกับตา ดิฉันแทบล้มทั้งยืน หัวใจแทบจะหยุดเต้น น้ำตาแทบจะท่วมโลก ร้องหา พระคุณพ่อ พระคุณแม่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้มาช่วยลูกด้วย มันเจ็บปวด ร้าวราน เหมือนจะตายให้ได้ ดีที่เขาปลอบใจว่า เขาจะเลิกแล้ว ผู้หญิงคนนั้น ก็อยากเลิก เพราะอยู่ไป ก็ไม่มีอนาคต แต่เวลาผ่านไปแล้ว ๖-๗ เดือน ดิฉันยังพอจับพิรุธได้ว่า เขายังไม่เลิกกัน ยังแอบไปหากัน แต่ไม่บ่อย เพราะเมียรู้แล้ว จึงไม่ปล่อยให้ไปไหน มาไหนคนเดียว เขาก็อึดอัด ที่ดิฉันคอยติดตาม ดิฉันก็เหนื่อย และเบื่อหน่าย ที่จะต้องคอย ระมัดระวัง ไม่ให้เขามีช่องทาง ไปหาผู้หญิงคนนั้น

ดิฉันเหนื่อยใจมาก บางวันนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว บางวันก็ขับรถไปร้องไห้อยู่ในวัด แล้วก็ออกมา ดิฉันหาทาง ออกจาก ทุกข์กองนี้ งานตลาดอริยะ ดิฉันซื้อม้วนเท็ป มาฟัง ๑๘ ม้วน และไปซื้อที่ ร้านพลังบุญอีก หมดไป ๕๐๐ บาท เสาร์อาทิตย์ และ เวลาขับรถไป ก็ฟังอยู่คนเดียว ส่วนเขาไม่ได้แสดงอาการสนใจเลย

วันนี้เปิดดอกหญ้า ฉบับ ๙๘ อ่านพบข้อความว่า "เราจะไม่ก่อสงครามกับคนอื่น และเราก็จะไม่ก่อสงคราม กับตนเองอีกด้วย" ดิฉันเห็นทีจะถอยแล้ว จะอยู่เฉยๆ ไม่วิ่งตะครุบเขาอีกแล้ว พอกันที จะอยู่กับลูก เข้าวัด จัดบ้าน ให้น่าอยู่ ทำหน้าที่สอนนักเรียน ให้ดีที่สุด ก็น่าจะดีแล้ว ในสภาวะเช่นนี้

๒๑๔๐๖๕ / อุบลราชธานี

น่าเห็นใจจริงๆ แต่อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว หยุดวิ่งไล่คว้าตามเขา มาดูแลลูก ดูแลตัวเองดีกว่า ใจเราเอง เรายังแปรเปลี่ยน ได้ทุกเมื่อเลย เราเองยังบังคับใจตน ให้ได้ดั่งใจตนไม่ได้เลย แล้วเราจะไปคาดหวังอะไร กับใจผู้อื่นล่ะ ปลงให้ตกเถิดนะ

การเสียใจก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอก เขาเองก็จะกลับมาหรือไม่ก็ไม่รู้ ลูกๆก็จะเห็น แต่สิ่งที่ไม่สร้างสรร เราเอง ก็จิตเสีย ทุกข์ทรมานไปเปล่าๆ พยายามตั้งใจ มองอนิจจัง ของโลกนี้ให้ได้ พยายามเห็นทุกข์อริยสัจ ตามที่ พระพุทธองค์ ทรงสอนไว้ให้ได้ เห็นทุกข์ให้ได้จริง จะได้เกิดปัญญา ที่จะหาทาง ออกจากทุกข์ ออกจากวังวน แห่งวัฏสงสารนี้ พยายามเอาธรรมะ ที่เรียนรู้มา สอนตนอบรมตน ให้เห็นความจริง ตามความเป็นจริง นี้ให้ได้ จิตจะได้ปลงวาง หรือจะเข้าวัด ไปคุยกับสมณะ สิกขมาตุ หรือผู้รู้ จะได้ช่วยระบาย ความหนักอกหนักใจ ไปได้บ้าง

ขอเป็นกำลังใจให้คุณสู้เพื่อตนอย่างถูกธรรม


ตรุษจีน ตรุษเจ

เทศกาล กินผัก รักษาศีล
ของคนจีน จากรุ่นปู่ สู่รุ่นหลาน
ประพฤติธรรม ชำระใจ อภัยทาน
หยุดประหาร เข่นฆ่า น่าชื่นชม

สัตว์ทุกตัว กลัวตาย รักชีวิต
เขามีสิทธิ์ อยู่ตาม ความเหมาะสม
โลกเรานี้ จะน่าอยู่ ดูรื่นรมย์
ถ้าสังคม มุ่งทำดี มีเมตตา

แต่ตรุษจีน ที่เห็นมา น่าสลด
เลือดสดสด จากสัตว์ ที่ถูกฆ่า
เพื่อเซ่นไหว้ ผู้ล่วงลับ ดับชีวา
ใช้บูชา ผีและเจ้า น่าเศร้าใจ

เป็นความเชื่อ ที่แฝงไว้ ด้วยความชั่ว
สัตว์ทุกตัว เขาผิด ที่ตรงไหน
ไม่เกรงกลัว บาปกรรม ที่ทำไป
สร้างเงื่อนไข ที่ผิดพลาด ขาดศีลธรรม

เปลี่ยนตรุษจีน เป็นตรุษเจ กันดีกว่า
ถือศีลห้า รักษาใจ ให้เย็นฉ่ำ
มาร่วมมือ ปรับเปลี่ยน พิธีกรรม
มุ่งกระทำ แต่ความดี ปีใหม่จีน

/ ประยงค์ ฉัตรนันทภรณ์

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๐ มีนาคม - เมษายน ๒๕๔๕)